แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 867 เงินรับขวัญ

ตอนที่ 867 เงินรับขวัญ

ตอนที่​ 867 เงิน​รับขวัญ​

ทุกคน​ต่าง​ก็​ตื่นเต้น​

ไป๋​ลู่​พูด​ขึ้น​ว่า​ “ฉัน​ไป​เปิด​ประตู​ให้​เอง​ค่ะ​!” จากนั้น​ก็​รีบ​วิ่ง​ไป​เปิด​ประตู​ลานบ้าน​อย่าง​รวดเร็ว​

ไป๋​เหยีย​นรี​บยก​ชามซุป​ไก่​ไป​ที่​ห้องครัว​เพื่อ​ทำความสะอาด​

ส่วน​คนอื่น​ ๆ ลุกขึ้น​เพื่อ​รอ​ต้อน​รับแขก​คนสำคัญ​ของ​ไป๋​เซี่ย​

ไป๋​ลู่​เปิด​ประตู​ลานบ้าน​ด้วย​รอยยิ้ม​มีความสุข​ ก่อนที่​ทุกคน​จะเห็น​ไป๋​เซี่ย​และ​หญิง​งามยืน​เงียบสงบ​อยู่​นอก​ประตู​

นอกเหนือจาก​โต้​ว​โต้​ว​ เถียนเถียน​ และ​เสี่ยว​มู่ตง​ที่​รู้​เพียง​การ​กิน​และ​นอน​เท่านั้น​ คน​ที่​เหลือ​ใน​ห้อง​นี้​ล้วน​เข้าใจ​ใน​สถานการณ์​ที่​เห็น​ทันที​

ไป๋​เซี่ย​พา​แฟน​สาว​กลับมา​บ้าน​!

ทุกคน​ตื่นเต้น​ดีใจ​ ก่อนที่​ทั้ง​ครอบครัว​จะเชิญหญิงสาว​เข้ามา​ใน​บ้าน​ด้วย​ความ​กระตือรือร้น​

พ่อ​ไป๋​มอง​มือ​ของ​ไป๋​เซี่ย​ที่​หอบหิ้ว​ของ​มากมาย​แล้ว​ตี​แขน​ลูกชาย​อย่าง​แรง​ “พา​แขก​มาที่​บ้าน​ ทำไม​ถึงต้อง​ลำบาก​ซื้อ​ของขวัญ​อะไร​มามากมาย​ด้วย​? เจ้าเด็ก​โง่คน​นี้​นี่​!”

เมื่อ​เห็น​ไป๋​เซี่ย​ถูก​ทุบตี​ ดวงตา​หญิงสาว​พลัน​ฉายแวว​เศร้า​และ​พูด​ด้วย​ความ​เขินอาย​ว่า​ “นี่​เป็นครั้งแรก​ที่​หนู​มาบ้าน​คุณ​ลุง​ จึงอยาก​ซื้อ​ของขวัญ​ติดไม้ติดมือ​มาบ้าง​ คุณ​ลุง​อย่า​ตี​เซี่ยเซี่ย​เลย​ค่ะ​”

พ่อ​ไป๋​มีความสุข​มากยิ่งขึ้น​เมื่อ​เห็น​หญิงสาว​ออกตัว​ปกป้อง​ไป๋​เซี่ย​ และ​ยัง​เรียก​เขา​ด้วย​ชื่อเล่น​

ทุกคน​กลับ​เข้าไป​ใน​ห้องนั่งเล่น​ ไป๋​ลู่​รีบ​ไป​ตัก​ซุป​ไก่​มาสอง​ชามและ​ยก​มาให้​ทันที​

หล่อน​วาง​ซุป​ไก่​ที่​มีน่อง​ไก่​ 2 ข้าง​ไว้​ตรงหน้า​แฟน​สาว​ของ​ไป๋​เซี่ย​ และ​วาง​อีก​ชามให้​กับ​ไป๋​เซี่ย​

หญิงสาว​ปฏิเสธ​ด้วย​ความ​เขินอาย​ “ฉัน​ไม่ค่อย​หิว​ค่ะ​”

หล่อน​เหลือบมอง​ไป​ที่​โต้​ว​โต้​ว​และ​เถียนเถียน​พลาง​กล่าว​ “นำ​ซุป​ไก่​ชามนี้​ไป​ให้​เด็ก​สอง​คน​นั้น​ก็ได้​ค่ะ​”

โต้​ว​โต้​ว​และ​เถียนเถียน​กำลัง​นั่ง​อ่านหนังสือ​การ์ตูน​ด้วยกัน​

เมื่อ​ได้ยิน​เช่นนั้น​ โต้​ว​โต้​ว​เงยหน้า​ขึ้น​และ​พูดว่า​ “หนู​กิน​ซุป​ไก่​แล้ว​ค่ะ​คุณ​น้า​”

เถียนเถียน​ก็​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ไพเราะ​ว่า​ “หนู​ก็​กิน​แล้ว​เหมือนกัน​ค่ะ​คุณ​น้า​”

พ่อ​ไป๋​พูด​เสริม​ “เรา​ทุกคน​กินกัน​หมด​แล้ว​ หนู​รีบ​กิน​ขณะที่​ยัง​ร้อน​อยู่​เถอะ​”

แม้ว่า​จะเป็น​ปี​ 1985 แล้ว​ แต่​ก็​ยังมี​หลาย​ครอบครัว​ที่​ไม่อาจ​รับประทาน​อาหาร​ฟุ่มเฟือย​ได้​ แม้กระทั่ง​ครอบครัว​หลิน​ม่าย​และ​ครอบครัว​ของ​พ่อ​ไป๋​ก็​ยัง​ไม่ค่อย​ได้​กิน​เนื้อ​และ​ปลา​กัน​ทุกครั้ง​ใน​ช่วง​ปีใหม่​

ที่​หญิงสาว​บอ​กว่า​ไม่หิว​ มัน​เป็น​แค่​การ​ปฏิเสธ​พอเป็นพิธี​

มัน​ไม่ใช่เรื่อง​ผิด​อะไร​หาก​หล่อน​จะขอ​ซุป​ไก่​อีก​ชาม หล่อน​แค่​รู้สึก​เขินอาย​อยู่​บ้าง​

ไป๋​เซี่ย​มอง​หญิงสาว​อย่าง​อ่อนโยน​ “มาถึงบ้าน​ผม​ทั้งที​ ทำไม​ต้อง​เกรงใจ​ด้วย​?”

ทุกคน​ช่วยกัน​บอกกล่าว​กับ​หญิงสาว​ว่า​ไม่ต้อง​เกรงใจ​ ในที่สุด​หล่อน​จึงยก​ชามซุป​ไก่​ขึ้น​มากิน​ด้วย​ความอาย​

พ่อ​ไป๋​มองดู​หล่อน​ดื่ม​ซุป​ไก่​ด้วย​รอยยิ้ม​และ​ถามถึงสถานการณ์​ส่วนตัว​ของหล่อน​

หญิงสาว​มีชื่อว่า​เฝิงเย​ว่​จู๋ พ่อแม่​ของหล่อน​เป็น​คนงาน​ธรรมดา​ใน​โรงงาน​สิ่งทอ​ มีพี่ชาย​หนึ่ง​คน​และ​น้องชาย​อีก​หนึ่ง​คน​ ครอบครัว​ของหล่อน​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​ขนาด​สอง​ห้องนอน​

ท่ามกลาง​พี่น้อง​ทั้ง​สามคน​ มีเพียง​เฝิงเย​ว่​จู๋เท่านั้น​ที่​ได้​เรียน​ใน​วิทยาลัย​ พี่ชาย​ไม่มีอุปกรณ์​การเรียน​ เขา​จึงไม่ได้​ไป​โรงเรียน​หลังจาก​จบ​ชั้นประถม​

น้องชาย​อ่านหนังสือ​ไม่คล่อง​ แม้จะได้รับ​การสอน​จาก​เฝิงเย​ว่​จู๋ เขา​ก็​แทบ​ไม่สามารถ​ผ่าน​ชั้น​มัธยมต้น​ได้​เลย​

พ่อ​เฝิงและ​แม่เฝิงเกษียณ​ก่อนเวลา​เพื่อให้​ลูกชาย​สอง​คน​มีงาน​ทำ​ และ​มอบ​งาน​ของ​ตัวเอง​ให้​กับ​ลูก​ทั้งสอง​

หลังจาก​เข้าร่วม​หลักสูตร​ฝึกอบรม​วิชาชีพ​เป็นเวลา​ครึ่ง​ปี​ น้องชาย​ของ​เธอ​พบ​ว่า​มัน​ลำบาก​เกินไป​และ​รู้สึก​ว่าการ​เป็น​คนงาน​ไม่มีเกียรติ​พอ​ เขา​จึงตัดสินใจ​ลางาน​โดย​ไม่ได้รับ​ค่าจ้าง​และ​กลับ​ไป​โรงเรียน​เพื่อ​ศึกษา​ต่อ​ใน​ระดับ​มัธยมปลาย​

เขา​ไม่ได้​สอบ​เข้า​โรงเรียนมัธยม​แห่ง​นั้น​ด้วยตัวเอง​ แต่​จ้างคนอื่น​มาสอบ​แทน​

อย่างไรก็ตาม​เฝิงเย​ว่​จู๋จะไม่พูดถึง​ความยากลำบาก​ของ​ครอบครัว​ แต่​หล่อน​จะบรรยาย​ชีวิต​ของ​พวกเขา​อย่าง​สวยงาม​

หล่อน​เล่า​ว่า​น้องชาย​ของ​เธอ​ลา​หยุดงาน​โดย​ไม่ได้รับ​ค่าจ้าง​เพื่อ​ไป​ศึกษา​ต่อ​เพราะ​เขา​ไม่อยาก​ใช้ชีวิต​ปกติ​

หลังจากที่​เฝิงเย​ว่​จู๋อธิบาย​สถานการณ์​ของ​ครอบครัว​แล้ว​ หล่อน​ก็​แอบ​ชำเลือง​มอง​ทุก​คนใน​ตระกูล​ไป๋​ด้วย​ความวิตกกังวล​

เมื่อ​เปรียบเทียบ​กับ​สถานะ​ทาง​ครอบครัว​ไป๋​และ​ของหล่อน​ มัน​ช่างต่างกัน​ราว​ฟ้ากับ​เหว​

หล่อน​กลัว​มากว่า​ตระกูล​ไป๋​จะดูถูก​ครอบครัว​ของหล่อน​ จากนั้น​หล่อน​กับ​ไป๋​เซี่ย​อาจจะ​ต้อง​เลิกรา​กัน​

แต่​หล่อน​ไม่ต้องการ​เลิก​กับ​ไป๋​เซี่ย​เลย​ เพราะ​หล่อน​รัก​เขา​

ทั้ง​พ่อ​ไป๋​และ​พี่น้อง​ไป๋​เหยียน​ไม่ได้​แสดง​สีหน้า​ดูถูก​แต่อย่างใด​

พ่อ​ไป๋​ยังคง​พูด​กับ​เฝิงเย​ว่​จู๋ด้วย​รอยยิ้ม​ บอ​กว่า​เขา​อยาก​ร่วม​รับประทาน​อาหาร​กับ​พ่อแม่​ของ​เธอ​สักครั้ง​

แม้เฝิงเย​ว่​จู๋จะยัง​ไม่ได้​แต่งงาน​ แต่​หล่อน​ก็​มีอายุ​ 22 ปี​แล้ว​

ใน​ปี​ 1980 หญิงสาว​อายุ​ 20 ถือว่า​ค่อนข้าง​เป็นผู้ใหญ่​แล้ว​ นับประสาอะไร​กับ​เฝิงเย​ว่​จู๋ที่​มีอายุ​ 22 ปี​

หล่อน​เข้าใจ​เจตนา​ใน​คำพูด​ของ​พ่อ​ไป๋​ในทันที​

พ่อ​ไป๋​เห็นด้วย​กับ​ความสัมพันธ์​ของหล่อน​และ​ไป๋​เซี่ย​ เขา​ต้องการ​พูดคุย​เรื่อง​การ​แต่งงาน​ของ​พวกเขา​ ดังนั้น​จึงอยาก​เชิญพ่อแม่​ของหล่อน​ไป​รับประทาน​อาหาร​ร่วมกัน​

เฝิงเย​ว่​จู๋ดีใจ​มาก​ รีบ​พยักหน้า​รับ​และ​ย้ำ​ว่า​ หล่อน​จะถ่ายทอด​คำ​ของ​พ่อ​ไป๋​ให้​กับ​พ่อแม่​หล่อน​ฟัง

ด้วย​การสื่อสาร​ที่​ประสบความสำเร็จ​ เฝิงเย​ว่​จู๋เริ่ม​ยับยั้งชั่งใจ​น้อยลง​กว่า​เดิม​ และ​เริ่ม​สนทนา​กับ​พี่น้อง​ของ​ไป๋​เหยียน​อย่าง​อิสระ​

หล่อน​จ้องมอง​ไป​ที่​หลิน​ม่าย​จาก​ทางซ้าย​ไป​ทางขวา​ก่อน​พูด​ขึ้น​ว่า​ “คุณ​ดูเหมือน​ประธาน​หลิน​ม่าย​ของ​ร้าน​เสื้อผ้า​จิ่น​ซิ่ว​มาก​เลย​!”

เมื่อ​ทุกคน​ได้ยิน​คำพูด​ของ​เธอ​ พวกเขา​ก็​หัวเราะ​ออกมา​

ตอนที่​พ่อ​ไป๋​แนะนำ​พี่สาว​ทั้ง​สามให้​เฝิงเย​ว่​จู๋ เขา​ไม่ได้​เอ่ย​ชื่อ​ของ​พวก​เธอ​

แค่​บอ​กว่า​นี่​คือ​พี่สาว​คนโต​ นั่น​คือ​พี่สาว​คน​รอง​ และ​นี่​คือ​น้องสาว​คน​ที่สาม​

เขา​นึก​ว่า​เฝิงเย​ว่​จู๋คบหา​กับ​ลูกชาย​มาระยะ​หนึ่ง​แล้ว​ และ​คิด​ว่า​ลูกชาย​คง​บอก​หล่อน​เกี่ยวกับ​สถานการณ์​ครอบครัว​ทั้งหมด​ เขา​จึงคิด​ว่า​คง​ไม่จำเป็นต้อง​แนะนำ​ใน​เรื่อง​ของ​รายละเอียด​ขนาด​นั้น​

โดย​ไม่คาดคิด​ ไป๋​เซี่ย​กล่าวถึง​สถานการณ์​ที่​บ้าน​กับ​เฝิงเย​ว่​จู๋เพียง​สั้น​ ๆ เท่านั้น​

เฝิงเย​ว่​จู๋รู้​เพียง​ว่า​พ่อ​ไป๋​เป็น​ผู้จัดการสาขา​ธนาคาร​

พี่สาว​คน​หนึ่ง​และ​น้องสาว​คน​หนึ่ง​ของ​ไป๋​เซี่ย​แต่งงาน​แล้ว​ และ​ครอบครัว​ของ​พวกเขา​ก็​สุข​สบายดี​ นอกจากนี้​น้องสาว​คน​ที่สาม​ของ​เขา​เพิ่ง​เข้า​ศึกษา​ระดับ​บัณฑิตศึกษา​ใน​ปี​นี้​

นอกเหนือ​จากนั้น​หล่อน​ไม่รู้​อะไร​เลย​

ดังนั้น​เมื่อ​ทุกคน​หัวเราะ​ หล่อน​จึงตกตะลึง​

จากนั้น​ไป๋​เซี่ย​ก็​บอก​กับ​เฝิงเย​ว่​จู๋ด้วย​รอยยิ้ม​ว่า​ น้องสาว​คน​ที่สาม​ของ​เขา​คือ​ประธาน​หลิน​ของ​ร้าน​เสื้อผ้า​จิ่น​ซิ่ว​อย่าง​ที่​หล่อน​พูด​

น้องสาว​ไม่เพียง​เป็น​ประธาน​ของ​ร้าน​เสื้อผ้า​จิ่น​ซิ่ว​เท่านั้น​ แต่​ยัง​เป็น​ประธาน​ของ​ว่าน​ถงกรุ๊ป​ด้วย​

ร้าน​เสื้อผ้า​จิ่น​ซิ่ว​เป็น​เพียง​สาขา​หนึ่ง​ของ​ว่าน​ถงกรุ๊ป​เท่านั้น​

เฝิงเย​ว่​จู๋อ้าปากค้าง​จน​กราม​แทบ​ตก​ลงพื้น​

ตอนที่​หล่อน​รู้​จาก​ไป๋​เซี่ย​ว่า​พ่อ​ไป๋​เป็น​ผู้จัดการสาขา​ของ​ธนาคาร​ หล่อน​ก็​คิด​ว่า​ครอบครัว​ของ​เขา​ร่ำรวย​มาก​แล้ว​

โดย​ไม่คาดคิด​ น้องสาว​คน​ที่สาม​ของ​ไป๋​เซี่ย​จะเป็น​ถึงประธาน​ว่าน​ถงกรุ๊ป​ และ​ร้าน​เสื้อผ้า​จิ่น​ซิ่ว​เป็น​แค่​สาขา​หนึ่ง​ของ​ว่าน​ถงกรุ๊ป​

น้องสาว​คน​ที่สาม​ของ​เขา​ต้อง​รวย​แค่​ไหน​!

หัวใจ​ของ​เฝิงเย​ว่​จู๋เต้น​รัว​ด้วย​ความตื่นเต้น​ นี่​เธอ​กำลังจะ​แต่งงาน​เข้ามา​ใน​ครอบครัว​ที่​ร่ำรวย​งั้น​หรือ​?

จู่ ๆ ไป๋​เซี่ย​ก็​พา​แฟน​สาว​ของ​เขา​กลับมา​บ้าน​ แม้จะไม่ได้​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​ใคร​มาก่อน​ก็ตาม​

แต่​พ่อ​ไป๋​พอ​จะคาดเดา​ได้​อยู่แล้ว​ ดังนั้น​เขา​จึงเตรียม​เงิน​รับขวัญ​

นอกจาก​เขา​ที่​ต้อง​มอบ​ของขวัญ​ให้​เฝิงเย​ว่​จู๋อยู่แล้ว​ ลูกสาว​สอง​คน​ที่​แต่งงาน​แล้ว​ยัง​ต้อง​ให้​เช่นกัน​

พ่อ​ไป๋​คิด​ว่า​หลิน​ม่าย​และ​ไป๋​เหยียน​คงจะ​ไม่ได้​เตรียม​สิ่งใด​เพราะ​ไม่ได้​รู้​ล่วงหน้า​ เขา​จึงเตรียม​เงิน​รับขวัญ​ไว้​ 3 ซอง​

ซอง​หนึ่ง​ใส่ 500 หยวน​ อีก​สอง​ซอง​ใส่ซอง​ละ​ 300 หยวน​

เงิน​ 500 หยวน​มาจาก​พ่อ​ไป๋​ และ​ 300 หยวน​มาจาก​ลูกสาว​ที่​แต่งงาน​แล้ว​ทั้งสอง​

เขา​เป็น​ผู้สูงอายุ​และ​ควร​ให้​มากกว่า​พวก​เธอ​

พ่อ​ไป๋​เรียก​พี่น้อง​หลิน​ม่าย​และ​ไป๋​เหยียน​ไป​ที่​ห้องนอน​ มอบ​ซอง​ของขวัญ​ที่​เขา​เตรียม​ไว้​ให้​พวกเขา​

พี่น้อง​ทั้งสอง​มีธุรกิจ​ร่ำรวย​ “พวกเรา​มีเงินติดตัว​อยู่​ ดังนั้น​พ่อ​ไม่ต้อง​เตรียม​เผื่อ​พวกเรา​ก็ได้​ค่ะ​”

ไม่มีใคร​ขอ​เงิน​จาก​พ่อ​ไป๋​ พวกเขา​ขอ​เพียง​ซอง​กระดาษ​สีแดง​ ก่อน​ใส่เงิน​ของ​แต่ละคน​ลง​ไป​

ขณะที่​กำลัง​ห่อ​เงิน​ หลิน​ม่าย​ถามว่า​ “ของขวัญ​พวก​นี้​คง​ไม่น้อย​เกินไป​สำหรับ​เสี่ยว​เฝิงใช่ไหม​”

ดวงตา​ไป๋​เหยียน​เบิก​กว้าง​ “นี่​น้อย​ไป​เหรอ​? โดยปกติ​คนอื่น​คง​ใส่แค่​ 50 ถึง 80 หยวน​ มัน​หา​ยาก​มาก​เลย​ที่จะ​มีคน​ใส่มาก​เกิน​ 100 หยวน​ ไม่ต้อง​พูดถึง​เรา​ที่​ให้​ตั้ง​หลาย​ร้อย​”

พ่อ​ไป๋​พูด​เสริม​ “พี่สาว​ของ​ลูก​พูด​ถูก​ ของขวัญ​พวก​นี้​มีค่า​มากเกินไป​ด้วยซ้ำ​”

หลิน​ม่าย​คิดในใจ​ แม้พวกเขา​จะคิด​ว่า​มัน​มากเกินไป​ แต่​คนอื่น​อาจจะ​ไม่คิด​แบบ​นั้น​

พ่อ​และ​ลูกสาว​ทั้งสอง​กลับ​มายัง​ห้องนั่งเล่น​ ไป๋​เซี่ย​และ​เฝิงเย​ว่​จู๋ดื่ม​ซุป​ไก่​เสร็จ​แล้ว​ ไป๋​ลู่​จึงเก็บ​ชามและ​นำ​ไป​ล้าง​ใน​ห้องครัว​

พ่อ​ไป๋​มอบ​ซอง​แดง​ที่​ใส่เงิน​ 500 หยวน​แก่​เฝิงเย​ว่​จู๋ “เซี่ยเซี่ย​ของ​เรา​ไม่ได้เรื่อง​เลย​ ที่​พา​หนู​มาที่นี่​โดย​ไม่บอก​ล่วงหน้า​ ฉัน​ก็​ไม่ได้​มีการ​เตรียมการ​อะไร​มาก​ คิด​เสีย​ว่า​นี่​คือ​ของขวัญ​เล็กน้อย​จาก​เรา​”

ธนบัตร​จำนวน​ 500 หยวน​ทับซ้อน​กัน​ภายใน​จน​ทำให้​ซอง​แดง​นูน​ขึ้น​มา

เฝิงเย​ว่​จู๋ปฏิเสธ​ชั่วขณะ​ ก่อน​จะรับ​มัน​ด้วย​ความ​เขินอาย​ ขณะที่​ใน​ใจมีความสุข​มาก​

จากนั้น​ไป๋​เหยียน​ก็​มอบ​ของขวัญ​ซอง​แดง​ให้​กับ​เฝิงเย​ว่​จู๋ด้วย​เช่นกัน​

เฝิงเย​ว่​จู๋ไม่รู้​ว่า​ครอบครัว​ของ​ไป๋​เหยียน​เปิดร้าน​เซาปิ่ง​สอง​แห่ง​ และ​กิจการ​เป็นไปได้​ด้วยดี​

ดังนั้น​เธอ​จึงไม่รู้​ว่า​ครอบครัว​ของ​อีก​ฝ่าย​ร่ำรวย​ และ​คิด​เพียง​ว่า​ไป๋​เหยียน​มาจาก​ครอบครัว​ฐานะ​ดี​เท่านั้น​

เมื่อ​เห็น​ว่า​ซอง​แดง​ที่​ไป๋​เหยียน​มอบให้​ไม่หนา​เท่า​ของ​พ่อ​ไป๋​ แต่​ก็​ยัง​หนา​อยู่​เล็กน้อย​ เฝิงเย​ว่​จู๋ก็​ค่อนข้าง​พึงพอใจ​

หลิน​ม่าย​ยิ้ม​และ​ส่งซอง​แดง​ของขวัญ​ที่​เตรียม​ไว้​ให้​แก่​เฝิงเย​ว่​จู๋

เฝิงเย​ว่​จู๋ทำท่า​ปฏิเสธ​อยู่​ครู่​ ก่อน​จะรับ​มัน​มา

หล่อน​จงใจบีบ​ซอง​แดง​ที่​ได้รับ​ แต่​ก็​ต้อง​ผิดหวัง​เมื่อ​เห็น​ว่า​ซอง​แดง​นี้​ไม่หนา​เท่า​ของ​พ่อ​ไป๋​

หล่อน​คิดในใจ​ หลิน​ม่าย​รวย​มาก​และ​มีทรัพย์สิน​อย่าง​น้อย​หลาย​ล้าน​หยวน​ แต่กลับ​ใส่เงิน​ใน​ซอง​แดง​เพียง​เล็กน้อย​เท่านั้น​

หาก​เฝิงเย​ว่​จู๋รู้​ว่า​ทรัพย์สิน​ของ​หลิน​ม่าย​ไม่ใช่แค่​หลัก​ล้าน​ แต่​เป็น​สิบ​ล้าน​ เกรง​ว่า​หล่อน​คงจะ​ดูถูก​หลิน​ม่าย​มากยิ่งขึ้น​อย่าง​แน่นอน​

เฝิงเย​ว่​จู๋อยากรู้​ว่า​พ่อ​ไป๋​และ​พี่น้อง​ทั้งสอง​ใส่เงิน​ใน​ซอง​แดง​เท่าใด​

แต่​หล่อน​อาย​เกิน​กว่า​จะเปิด​มัน​ต่อหน้า​ตระกูล​ไป๋​ ดังนั้น​จึงใช้ข้ออ้าง​ใน​การ​ไป​ห้องน้ำ​ ซ่อนตัว​อยู่​ใน​นั้น​และ​เปิด​ซองจดหมาย​สีแดง​ทั้ง​สามที่​ได้รับ​เพื่อ​ตรวจสอบ​

ซอง​หนึ่ง​มี 500 หยวน​ และ​อีก​สอง​ซอง​มีซอง​ละ​ 300 หยวน​

…………………………………………………………………………………………………………………………

สาร​จาก​ผู้แปล​

แฟน​ไป๋​เซี่ยคน​นี้​ต้อง​รอ​ดู​นานๆ​ ไหม​เนี่ย​ ได้เงิน​เยอะ​ขนาด​นั้น​แล้​วจะ​ดีแตก​ไหม​

ไหหม่า​(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

Status: Ongoing

หลินม่ายได้กลับมาเกิดใหม่ในวันแต่งงานของตัวเอง​ และพบว่าทุกคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเองหรือครอบครัวสามีต่างก็ยังเป็นเศษสวะกันเหมือนเดิม​ แต่ขอโทษเถอะ…หลินม่ายคนนี้ไม่ใช่หลินม่ายคนเดิมแล้ว​ ใครหน้าไหนมารังแกฉัน​ คราวนี้แม่จะซัดให้หงาย​​ จะงัดมารยาสาไถทุกกระบวนมาใช้แก้เผ็ดมันให้หมด! จากนั้นก็จะหย่ากับสามีกะหลั่วแยกตัวออกมาสร้างฐานะแบบสวยๆ​ ไม่ต้องสนใจใครอีกแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท