เพื่อนน้องแยงกี้ไร้เดียงสา – ตอนที่ 3

เพื่อนน้องแยงกี้ไร้เดียงสา

บทที่ 3

 

ต้นเดือนพฤษภาคมหลังจากวันหยุดยาว

 

ผมก็กําลังกลับบ้านตอนเวลา 1 ทุ่มเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้ทำมานาน

 

“มีความสุขสุดๆ… เป็นครั้งแรกเลยที่ได้กลับบ้านเวลานี้”

 

ปกติเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่ผมกำลังทํางานพาร์ทไทม์ที่อิซากายะอยู่แต่ว่า ตอนนี้ผมลาออกจากงานที่นั่นแล้วในตอนปลายเดือนเมษายน

 

มันก็ผ่านมาสักพักแล้วตั้งแต่ที่ผมได้แวะร้านหนังสือระหว่างทางกลับบ้านและหลังจากที่ซื้อข้าวของอะไรเสร็จก็พึ่งแค่ 1 ทุ่มเองแล้วความคิดที่ว่าจะสามารถใช้เวลาที่เหลือในค่ำคืนนี้ตามใจชอบก็เพียงพอแล้วที่จะทําให้ตัวผมนั้นรู้สึกตื่นเต้น

 

ผมสามารถที่จะพักผ่อนเรียนหรืออ่านหนังสือ

 

ผมสามารถที่จะดูรายการทีวีที่อยากจะดูได้ในแบบเรียลไทม์แบบที่ไม่ต้องอัดไว้ได้แล้ว

 

ปกติผมมักจะกลับบ้านตอน 5 ทุ่มอยู่ตลอดเลย

 

แล้วพอนึกความสง่างามของค่ำคืนนี้ผมก็ได้ยิ้มออกมา

 

“กลับมาแล้ว~”

 

ทันทีที่ผมเปิดประตูหน้าบ้านผมก็พบเข้ากับรองเท้าที่วางอยู่กระจัดกระจาย

 

มันคือรองเท้าของยัยพวกแยงกี้สาวทั้งหลาย ดูเหมือนว่าจะมาเที่ยวเล่นกันอีกแล้วสินะ

 

บ้านหลังนี้เป็นสถานที่ๆมานะและเพื่อนๆของเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ด้วยกัน

 

พ่อแม่ของผมไม่ได้มีอคติอะไรกับพวกแยงกี้ ดังนั้นพวกเธอก็เลยทําตัวตามสบายกันได้ที่นี่แต่พ่อแม่ของผมจะเดือดสุดๆถ้าหากว่าพวกเธอพยายามที่จะสูบบุหรี่หรือดื่มเหล้า

 

แต่พวกเขาไม่โกรธหรอกถ้าแค่เล่นกันส่งเสียงดังทั้งคืนตราบใดที่พวกเธอไม่ได้ทําอะไรผิดกฏหมายล่ะก็นะ

 

เหตุผลก็คือพ่อแม่ของผมรู้สึกขอบคุณมากที่มานะมีเพื่อนที่เธอสามารถไว้ใจได้อย่างแท้จริง

 

พอคิดถึงอนาคตมานะเองก็อาจจะไม่ได้เป็นแยงกี้ไปตลอดหรอก

 

เธอเองก็ตั้งใจเรียนอย่างหนักและได้คะแนนสูงสุดในโรงเรียนม.ปลายมาพ่อแม่ของผมก็หัวเราะแล้วก็พูดออกมาว่า

 

“เธอเป็นเด็กเงียบๆและเอาจริงเอาจังอยู่เสมอเพราะงั้นถ้าเธอคิดจะเปลี่ยนตัวเองอีกรอบก็คงทําได้แหละถ้าหากว่าเธอต้องการ”

 

แม้ว่าพวกเขาจะเป็นพ่อแม่ของผมก็เถอะนะ ผมก็ยังประหลาดใจกับความผ่อนปรนของพวกเขาจริงๆ

 

เอาเถอะผมเองก็โล่งใจมากกว่าที่พวกเธออยู่ที่บ้านกันแทนที่จะไปเที่ยวเล่นที่อื่นและไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องเลย

 

ผมจัดเรียงรองเท้าให้เข้าที่และเข้าไปในบ้าน

 

เสียงหัวเราะของมานะและคนอื่นๆดังก้องไปทั่วโถงทางเดิน ผมหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของผม

 

แปลกแฮะ

 

เพราะอะไรก็ไม่รู้ผมก็รู้สึกเหมือนกับว่าได้ยินเสียงของยัยพวกแยงกี้ดังออกมาจากในห้องของผม

 

ไม่ๆ ไม่ใช่หรอกน่า…….

 

ห้องของน้องสาวของผมมันอยู่ห้องข้างๆนี่เองผมมั่นใจว่าเสียงของพวกเธอคงดังมากจนได้ยินมาถึงตรงนี้

 

ไม่มีทางที่มานะและยัยพวกนั้นจะมาเอะอะโวยวายในห้องของผมได้หรอก…….

 

เมื่อวานเอริกะจังก็เข้ามาอยู่ในห้องของผมทีนึงละแต่นั่นคือเอริกะจังเพราะงั้นก็เลยไม่นับ

 

เอริกะจังเธอมาที่บ้านของผมตั้งแต่สมัยม.ต้น และเคยเข้าไปในห้องของผมหลายต่อหลายครั้งถึงผมจะบอกเธอว่าห้ามเข้าไปโดยที่ไม่ได้รับอนุญาติก็เถอะ แต่เธอก็ยังเข้าไปอยู่ดีเพราะงั้นก็ช่วยไม่ได้

 

แต่มันเป็นไปได้มั้ยนะที่ห้องของผมจะกลายเป็นที่สังสรรค์ของยัยพวกแยงกี้ในตอนที่ผมไม่อยู่น่ะ?

 

แต่ผลลัพธ์มันก็คงจะออกมาเหมือนเดิมถึงแม้ว่าผมจะอยู่ก็ตาม

 

เปิดดูเลยละกันจะได้จบๆ!

 

ถ้าหากว่ากําลังเล่นอะไรพิเรนทร์ๆกันอยู่ล่ะก็จะได้จับได้คาหนังคาเขาทันที! ผมเปิดประตูไปอย่างห้าวหาญ

 

จากนั้น…..

 

“ห๊ะ!? ทำไมพี่ถึงได้กลับบ้านเร็วนักล่ะ แล้วงานพาร์ทไทม์ล่ะ?”

 

คนแรกที่ตอบสนองเมื่อเห็นผมก็คือมานะน้องสาวของผมเอง

 

“หา?! สึคาจิโดนไล่ออกแล้วงั้นเหรอ?”

 

อาริสะจังก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นผม

 

“ต้องเป็นอย่างนั้นแน่เลย! ไปยุ่งกับผู้หญิงของผู้จัดการเข้าล่ะสิ!”

 

รูนะจังมองหน้าผมและชี้นิ้วมาอย่างจริงจัง

 

“ไม่มีทางที่คุณพี่ชายจะกล้าทำอะไรแบบนั้นหรอก ใช่มั้ยล่ะคะ?”

 

เอริกะจังพูดออกมาขณะที่กำลังอ่านมังงะและดูดน้ำผลไม้จากกล่องไปด้วย

 

ที่โต๊ะเรียงรายไปด้วยกล่องน้ำผลไม้และถุงขนมขบเคี้ยว

 

ยัยพวกนี้สบายใจเฉิบในห้องผมอย่างเต็มที่เลย

 

“นี่มันอะไรเนี่ย?! พวกเธอมาทําอะไรตอนที่ชั้นไม่อยู่กันล่ะเนี่ย? นี่อย่าบอกนะว่าพวกเธอเข้าเล่นในห้องของชั้นมาโดยตลอดเลยน่ะ?”

 

ผมทํางานพาร์ทไทม์ที่อิซากายะในช่วงกลางคืนของวันธรรมดาเพราะงั้นจึงได้กลับบ้านราวๆ 5 ทุ่มแทบทุกวันเลย ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาที่เพื่อนๆของมานะ เริ่มแยกย้ายกันกลับบ้านของตัวเองพอดี

 

ผมก็เลยไม่รู้ว่าพวกเธอพากันไปเล่นตรงส่วนไหนหรือทำอะไรกันในบ้าน

 

ได้โปรดบอกทีว่าผมคิดผิดน่ะ

 

ขณะที่คิดแบบนั้น ผมมองไปที่เอริกะจังแล้วเธอก็หัวเราะคิกคักออกมา

 

“พึ่งจะรู้ตัวเหรอคะ? คุณพี่ชายเนี่ยเป็นคนหัวทึบกว่าที่คิดอีกนะคะที่ไม่ทันสังเกตุกลิ่นของ JK ที่อบอวลอยู่ในห้องของตัวเองเลยน่ะค่ะ อย่างนี้ในอนาคตตอนที่คุณพี่ชายมีแฟนระวังจะโดนแฟนทิ้งเพราะไม่สังเกตุเห็นว่าเธอตัดผมหน้าม้ามาได้นะ รู้มั้ยคะ”

 

“ห๊ะ!?”

 

ไอ้ปาร์ตี้แยงกี้นี่มันจัดขึ้นในห้องของผมทุกวันเลยอย่างนั้นเหรอ

 

ผมถึงกับยืนเซและเอามือมาจับหน้าผากของตัวเองเลย

 

“ไม่มีทางน่า……”

 

ผมมันโง่เอง ผมมันโง่ที่ตลอดมาไม่ทันได้เอะใจเลย

 

ไม่สิ พอพูดถึงมันแล้วผมก็หวนจําได้ถึงความรู้สึกที่อึดอัดแปลกๆเมื่อตอนนั้น

 

“ชั้นนึกออกแล้ว! เจ้ากลิ่นหอมหวานแปลกๆบนเตียงของชั้นเป็นฝีมือพวกเธอเองสินะ?!”

 

พอผมพูดแบบนี้ออกไปยัยพวกแยงกี้ก็พากันมองหน้ากันและเอียงศีรษะอย่างสับสน

 

จากนั้นก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผมเองก็ได้ยินไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่…..แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอจะคุยกันถึงเรื่องที่ว่าพวกเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามัน คืออะไร

 

และแล้วในที่สุดอาริสะจังก็ยกมือขึ้นอย่างรวดเร็วและพูดออกมาอย่างใจเย็น

 

“บางทีอาจจะเป็นกลิ่นแฮนด์ครีมที่หนูเผลอทําหกใส่เตียงของพี่ก็ได้ค่ะ”

 

“เป็นงั้นเองสินะ”

 

ดูจากลักษณะแล้วน่าจะพอเป็นคำใบ้ได้ว่ายัยพวกแยงกี้พวกนี้เคยเข้าๆออกๆ บ้านมาก่อนแล้วก็คอยซ่อนนู่นนี่นั่นในห้อง

 

แล้วนี่ปกติแล้วผมพอจะสังเกตุเห็นพวกมันบ้างไหมนะ?

 

หรือที่ผมไม่ทันสังเกตุก็เพราะตัวเองสมองทึบเกินไปกัน?

 

ไม่ล่ะ ผมอยากจะคิดว่าตัวเองเหนื่อยจากงานพาร์ทไทม์เกินกว่าจะคิดเรื่องนี้

 

“แล้ว…..ทำไมพี่ถึงได้กลับมาบ้านเร็วจังล่ะ?”

 

มานะถามพลางดูดน้ำผลไม้

 

“พี่เปลี่ยนงานแล้ว พอดีเพื่อนคนนึงของพี่ที่มหาลัยเขาแนะนำงานกวดวิชาให้น่ะ งานส่วนใหญ่จะเป็นช่วงตอนกลางวันและวัดหยุดสุดสัปดาห์เพราะงั้นตั้งแต่วันนี้พี่ก็เลยว่างในช่วงตอนเย็นของวันธรรมดาน่ะ”

 

พอผมอธิบายอย่างจริงจังรูนะจังก็เริ่มหยอกล้อผม

 

“เห~ สอนตัวต่อตัวกับเด็ก ม.ปลายน่ารักๆงั้นเหรอคะ? แล้ว คุณพี่ชายจะสอนเรื่องอื่นนอกตำราเรียนด้วยมั้ยคะ?”

 

“จะบ้ารึไง! แล้วอีกอย่างนะนักเรียนทุกคนก็มาจากโรงเรียนชายล้วนกันทั้งนั้นด้วย!!”

 

“โอ้ว ถ้างั้นก็…BL สินะคะ”

 

“ฉันสอนเฉพาะเรื่องเรียนเฟ้ย!”

 

ทําไมเธอถึงได้ชอบโยงไปเรื่องรักๆใคร่ๆด้วยล่ะเนี่ย?

 

แล้วไอ้เจ้า BL นั่นมันอะไรกัน?

 

ผมว่าผมต้องทําให้โลกได้ตระหนักถึงความจริงที่ว่างานติวเตอร์พาร์ทไทม์จะเป็นอันจบเห่แน่นอน เมื่อเริ่มลงมือกับนักเรียน

 

“อ่าๆ เดี๋ยวชั้นจะเรียนแล้วนะ!”

 

เมื่อผมพูดอย่างนั้นแล้วมานะก็ขานตอบเบาๆ

 

“อา ได้สิ”

 

“อืม…..งั้นก็”

 

ผมเดินไปที่โต๊ะเรียนมันยังไม่ถึง 2 ทุ่ม แล้วตอนนี้ผมควรจะทําอะไรดี

 

“ฮะ…ฮ่าๆๆๆ รูนะตลกจัง!”

 

“นี่เธอจะไม่ขำเกินไปหน่อยรึไง?”

 

“จริงๆนะ! ก็มันขำจริงๆนี่นา”

 

ด้วยเหตุผลบางอย่างยัยพวกแยงกี้ที่เอาแต่ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวอยู่ทางด้านหลังของผมไม่มีทีท่าว่าจะออกไปเลย

 

ผมบอกไปแล้วแท้ๆว่าผมจะเรียนแถมมานะก็ตอบว่า ‘ได้สิ’ แล้วด้วย

 

ถึงอย่างงั้นแล้ว…ทําไมถึง…

 

“หนวกหูโว้ยยยยยย!”

 

ผมตะคอกใส่ยัยพวกแยงกี้แล้วมานะก็ตะคอกกลับมาทันที

 

“ไอ้ที่หนวกหูน่ะมันพี่นั่นแหละ! ไอ้เวอร์จิ้นน่ารำคาญ!”

 

“ว่าไงนะ……”

 

มันก็น่าตกใจอยู่ที่โดนน้องสาวตะคอกใส่แต่ก็ค่อนข้างช็อคอยู่เหมือนกันที่โดนน้องสาวตัวเองเรียกว่าไอ้เวอร์จิ้น

 

หน้าของผมร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีทั้งตกใจทั้งสับสนจนพูดไม่ออก

 

พอเห็นผมเป็นแบบนั้นรูนะจังก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า

 

“ฮ่าๆๆ สึคาจิหน้าแดงใหญ่เลย~”

 

และอาริสะก็พูดต่อ

 

“อยากให้พวกเราช่วยมั้ยคะ”

 

“ไม่ใช่เรื่องของพวกเธอเฟ้ย!”

 

ผมตะคอกออกไปเสียงดังจนเจ็บคอ

 

ผมไม่อยากให้เพื่อนของน้องสาวต้องมาคอยพะวงเรื่องนั้นหรอกนะ

 

“พวกเธอน่ะควรไปเล่นกันที่ห้องของมานะนู่น! ทำไมถึงได้มาเอะอะโวยวายในห้องของฉันกันแบบนี้ล่ะ?”

 

แล้วมานะก็ตอบกลับมาง่ายๆว่า

 

“ก็ห้องของพี่มันใหญ่กว่าแถมสะอาดกว่าอ่ะ”

 

“งั้นก็รักษาความสะอาดสิฟะ!”

 

ห้องของผมมันไม่ได้ใหญ่และสะอาดเพื่อที่จะให้ยัยพวกแยงกี้ JK มาสังสรรค์กันนะ

 

แล้วมานะก็หัวเราะออกมา

 

“ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่นาเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนที่ให้ยืมห้องพวกหนูจะมอบสิ่งที่มีค่าอย่างเหลือเชื่อให้กับพี่ก็แล้วกัน”

 

“หา? สิ่งมีค่าอะไรของเธอ”

 

“กลิ่นหอมของ Jk ยังไงล่ะ”

 

“อย่ามาตลกนะ! ชั้นไม่ได้อยากได้เจ้ากลิ่นที่ว่านั่นเลยสักนิด!”

 

“แล้วไม่ใช่ว่าเมื่อวานพี่ก็สนุกสนานกับการดมกลิ่นของเอริกะหรอกเหรอ?”

 

“เมื่อวานชั้นก็ปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่รึไง?”

 

นี่น้องสาวผมกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่รับมือได้ยากไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

 

ตั้งแต่หล่อนเปลี่ยนคลาสตัวเองเป็นแยงกี้ผมก็คิดว่ามานะนั้นกลายเป็นคนที่รับมือไม่ได้ง่ายๆเลยจริงๆ

 

ในฐานะของพี่ชายผมก็ดีใจที่น้องสาวของตัวเองเข้มแข็งขึ้น แต่เอาตรงๆถ้าเป็นถึงขั้นนี้จะให้มีความสุขก็คงจะไม่ไหว

 

ให้ตายเถอะ ถ้าไม่รีบไล่ยัยพวกแยงกี้ตัวแสบพวกนี้ออกไป ผมก็คงไม่สามารถใช้เวลายามเย็นอันแสนงดงามนี้ได้

 

ในขณะที่ผมคิดอย่างถี่ถ้วนว่าจะหาวิธีไล่ยัยพวกนี้ออกไปได้ยังไงดี?

 

รูนะจังและอาริสะจังก็ลุกขึ้นยืน

 

“อะไรกัน? อย่าบอกนะว่าคุณพี่ชายกำลังวางแผนที่จะไล่พวกเราออกไปงั้นเหรอคะ?”

 

รูนะจังมองมาทางผมอย่างเคืองๆ

 

“นี่คิดว่าพวกเราจะยอมง่ายๆงั้นเหรอ?”

 

อาริสะจังก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงกลัว

 

นี่อย่าบอกนะว่าพวกเธอวางแผนตะลุมบอนผมอยู่น่ะ

 

หัวใจของผมเริ่มเต้นรัวขึ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่ปกตินี้

 

ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นแค่เด็กม.ปลายแต่พวกเธอก็เป็นแยงกี้ ผมอยากรู้ว่าตัวเองจะต้องทํายังไงดีถ้าเกิดว่าพวกเธอเข้าหาผมด้วยกำปั้น แล้วจากนั้น…

 

“นี่แหนะ นี่น่ะเซอร์วิสไงคะ เท่านี้พอจะอนุญาติให้พวกเราอยู่ที่นี่ต่อได้มั้ยค้า~?”

 

ขณะที่พูดอย่างนั้นรูนะจังก็เริ่มถลกกระโปรงชุดเครื่องแบบของตัวเองขึ้นและแน่นอนอาริสะจังก็ทำแบบเดียวกัน

 

ทั้งคู่เลิกกระโปรงขึ้นมาอย่างนุ่มนวลและกระพือขึ้นลงอย่างแรงส่งลมมาหาทางผม

 

ลมที่เกิดจากการกระพือกระโปรงของ Jk

 

ไม่สิ ยิ่งไปกว่านั้นพอพวกเธอเลิกกระโปรงขึ้นผมก็เห็นขาของพวกเธอจนไปถึงข้างบนสุด…..

 

“เป็นสาวเป็นนางอย่าทำอย่างงั้นสิ! ไม่อายกันบ้างรึไง!”

 

สิ่งที่ออกจากปากของผมคือคำพูดที่คล้ายกับคําพูดของคนเป็นแม่โดยที่ไม่ทันรู้ตัว

 

“คิกๆ สึคาจิเป็นคุณแม่หรือไงนั่น”

 

รูนะจังหัวเราะคิกคัก

 

“ต่อให้หวังไปก็เปล่าประโยชน์น่า หนูใส่ซับในไว้อยู่เพราะงั้นถึงถูกเห็นไปก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

 

พอพูดอย่างนั้นอาริสะก็ม้วนกระโปรงของเธอขึ้น

 

ขาเรียวยาวกับกางเกงขาสั้นสีดำที่เหลือบเห็นท้องของเธอหน่อยๆ

 

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นสักหน่อย! ถึงจะบอก ว่าให้ดูได้ไม่เห็นจะเป็นไรก็เถอะ! มันก็เรื่องของเธอ! แต่ในสังคมนี้น่ะนะมันก็มีผู้ชายที่อันตรายประเภทที่แค่ได้เห็นใต้กระโปรงก็ตื่นเต้นแล้วอยู่นะ! มันไม่ดีเลยนะที่จะไปทําแบบนี้ที่ไหนก็ได้ตามใจชอบน่ะ!”

 

จิตวิญญาณความเป็นแม่ของผมร่ำร้องด้วยความเป็นห่วงเป็นใยออกมากับการที่รู้ว่ามี Jk จะที่ทำเรื่องอันตรายแบบนั้นกําลังเดินเตร่ข้างนอกไปทั่วโดยไม่สนโลกเลย

 

ไม่สิที่สำคัญไปกว่านั้นไหงผมถึงต้องมาสั่งสอนยัยพวกแยงกี้ Jk แบบนี้ด้วยล่ะเนี่ย?

 

ผมไม่อยากจะกระตุ้นสัญชาติญาติความเป็นแม่ที่อยู่ในตัวมากไปกว่านี้แล้ว

 

“ถ้างั้นพี่ก็เป็นหนึ่งในคนที่อันตรายพวกนั้นด้วยงั้นเหรอ?”

 

มานะพูดด้วยสีหน้าสงสัย

 

“ชั้นแค่เตือนไว้ก่อนเฉยๆ!! ไม่ได้เกี่ยวกับตัวชั้นเองสักหน่อย!”

 

ปวดหัวชะมัด

 

ไอ้ช่วงเวลายามเย็นอันแสนงดงามของผมมันหายไปไหนแล้วนะ?

 

ขณะที่ผมหมดแรงจะเถียงต่อเอริกะจังที่อ่านมังงะอย่างเงียบๆไม่ได้เข้าร่วมการสนทนาเลยมาสักพักนึงแล้วก็ลุกยืนขึ้น

 

“ยังอ่อนหัดนะ……รูนะ อาริสะ พวกเธอเองก็น่าจะรู้นี่ว่าแบบนั้นน่ะคุณพี่ชายไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก”

 

เอริกะจังพูดพลางเอามือเท้าเอว

 

ผมก็แอบหวังเล็กๆว่าบางทีเธออาจจะยื่นมือเข้ามาช่วยผมหรือไม่เธอก็พร้อมจะย้ายไปที่ห้องของมานะแล้ว

 

แต่แล้วเอริกะจังก็ทรยศความคาดหวังของผมไปอย่างง่ายดาย

 

“คุณพี่ขายคงไม่ยอมรับของแค่นั้นหรอก ถ้าจะให้ดูล่ะก็…..ต้องอย่างเช่นกางเกงใน…..”

 

“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย! ยัยพวก แยงกี้!! ถ้าพูดภาษาญี่ปุ่นไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องเข้ามาในห้องของชั้นอีกเลยนะ!!”

 

เมื่อผมระเบิดลงเต็มที่ยัยพวกแยงกี้ก็หัวเราะคิกคักแล้ววิ่งออกไปยังห้องข้างๆ

 

แล้วก็แน่นอนว่าพวกขนมและกล่องนํ้าผลไม้ก็ยังอยู่ครบ

 

“ถ้าคิดจะมาเล่นกันที่นี่ก็หัดเก็บกวาดหลังเล่นเสร็จซะด้วยเซ่!!”

 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมพูดออกไปเหมือนกับแม่ไม่มีผิด

 

ผมได้กลายเป็นคุณแม่ที่มีลูกสาว 4 คนที่เป็นแยงกี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

 

เสียงร้องด้วยความปวดร้าวของผมดังก้องอย่างเสียเปล่าภายในห้องของตัวผมเอง

เพื่อนน้องแยงกี้ไร้เดียงสา

เพื่อนน้องแยงกี้ไร้เดียงสา

Status: Ongoing
วันหนึ่ง คามิโจ สึคาสะ นักศึกษาผู้ขยันขันแข็งที่ได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะยังไม่มีแฟนไปจนกว่าจะถึงวัยทำงาน ได้ถูก ฮาตะ เอริกะ เพื่อนแยงกี้ม.ปลายของน้องสาวของเขาขอแต่งงานแบบงงๆ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท