บทที่ 4
เมื่อผมกลับมาจากวิทยาลัยผมก็ได้หายใจเข้าลึกๆแล้วก็เปิดประตูหน้าบ้านเข้าไป
ตรงทางเข้าเต็มไปด้วยรองเท้า ดูเหมือนว่ายัยพวกเพื่อนแยงกี้ของน้องสาวผมจะมาที่บ้านผมอีกแล้ว
วันนี้เองก็เช่นเคยผมจัดรองเท้าของพวกเธอให้เรียบร้อยก่อนที่ตัวเองจะขึ้นไปชั้นบน
เพื่อนของน้องสาวมาเล่นที่บ้านมันก็ไม่ผิดหรอกนะ ผมมีดีใจซะมากกว่าที่เธอมีเพื่อนผมถึงได้ไม่อยากที่จะไล่พวกเธอออกจากบ้านเพียงเพราะแค่ทิ้งรองเท้าไว้เกลื่อนกลาดหรือแค่เพราะส่งเสียงดัง
เอาจริงๆผมก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นะ แต่ว่า…….
ผมพอผมล้างมือในห้องน้ำเสร็จและยืนอยู่ด้านหน้าประตูห้องของผม
อีกแล้วสินะ
ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด
หลังจากที่เช็คจนแน่ใจแล้วว่าออกซิเจนบริสุทธิ์ไหลเวียนไปยังทุกอนูเซลล์ในร่างกายแล้ว ผมก็เปิดประตูเข้าไปอย่างแน่วแน่
(เสียงเปิดประตู)
“อ๊ะ! พี่ชายยินดีต้อนรับกลับ
พอผมเปิดประตูเข้าไปมานะก็เป็นคนพูดพร้อมกับยกมือขึ้นมาเบาๆ
จากนั้นทั้งรูนะจังและอาริสะจังก็พูดว่า
“ยินดีต้อนรับกลับค่า”
…เอริกะจังที่กำลังอ่านมังงะอยู่นั้นหยุดอ่านแล้วเหลือบมองมาที่ผมแปปนึงแล้วก็กลับไปอ่านมังงะของเธอต่อโดยที่ไม่พูดอะไร
“ฉันกลับมาแล้ว………
เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมได้ยินใครพูดว่า“ยินดีต้อนรับกลับ”ผมก็ต้องตอบกลับด้วย“กลับมาแล้ว”มันถือเป็นมารยาทสําหรับคนที่ต้อนรับเราและคำนี้มันก็ออกมาจากปากของผมก่อนที่หัวผมจะทันได้คิดซะด้วย …มันทําให้ผมกลืนคำพูดที่ผมจะพูดออกมาจริงๆเมื่อตอนที่ผมเปิดประตูเข้ามา
“แล้วก็นะ”
แล้วมานะกับคนอื่นๆก็พากันสนทนากันต่อโดยไม่สนใจโลกภายนอก
มันคือการไหลไปอย่างธรรมชาติและบรรยากาศก็กำลังจะกลับไปเป็นเหมือนตอนก่อนที่ผมจะเปิดประตูเข้ามา
แต่แล้วผมก็ดึงสติกลับมาได้
“ไม่สิ แล้วทำไมพวกเธอถึงได้มานั่งชิลกันอยู่ในห้องของฉันได้อย่างหน้าตาเฉยเลยล่ะเนี่ย?”
อันที่จริงผมตั้งใจจะพูดอย่างนี้ทันทีที่ผมเปิดประตูเข้ามาแล้วแต่พอพวกเธอพูดว่า “ยินดีต้อนรับกลับ” ก็ทำผมเสียสมาธิไปชั่วขณะ
จากนั้นมานะก็เดาะลิ้นของเธอ
“ชิ หนูคิดว่าพูดว่า “ยินดีต้อนรับกลับนะ”แล้วจะยอมแต่โดยดีซะอีกแต่มันถ่วงเวลาไว้ได้ไม่กี่วินาทีเองสินะ”
สรุปนี่คืออาชญากรรมที่วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วนี่เอง
เป็นไปตามคาดกับน้องสาวของผมเธอรู้จักผมดีเลยที… เดี๋ยวสินี่ไม่ใช่สถานการณ์ที่จะมาประทับใจสักหน่อย!
ผมกำลังจะพูดบ่นกับมานะ
“ก็ต้องเป็นงั้นอยู่แล้วสิ! ทำชั้นสติหลุดไปแวบนึงเลย แต่นี่มันห้องของฉันนะ! ฉันก็ควรจะเป็นคนๆเดียวที่อยู่ที่นี่สิ!”
ยัยพวกแยงกี้ที่ผมพยายามจะไล่ไปเมื่อวานนี้ได้กลับมาอย่างง่ายดาย
ไม่มีทางที่ผมจะหลับหูหลับตาแล้วปล่อยเรื่องนี้ผ่านไป
ในขณะที่ผมกำลังเคืองอยู่ๆมานะก็ยักไหล่ของเธอ
“มันก็เป็นประสบการณ์ที่หายากไปเลยไม่ใช่เหรอ ที่มี Jk ตั้ง 4 คนมาพูดว่า “ยินดีต้อนรับกลับนะ” กับพี่น่ะ ทำไมพี่ถึงไม่รู้สึกซาบซึ้งให้มันมากกว่านี้ล่ะ ตั้ง 4 คนเลยนะ 4 คนเลย! ไม่ใช่ 1 หรือ 2 แต่มี JK 4 คนทีรายล้อมแล้วพูดว่า ‘ยินดีต้อนรับกลับ’ กับพี่ แบบนี้น่ะเป็นเซอร์วิสที่พี่ไม่มีทางจะได้รับ เลยนอกจากจะไปใช้บริการคาเฟ่ JK ปลอมๆแถวๆย่านเครื่องใช้ไฟฟ้าย่านนึง”
(TL NOTE : ย่านเครื่องใช้ไฟฟ้าย่านนึงที่ว่าอ้างอิงถึงย่านอากิฮาบาระ)
“อย่ามายัดเยียดเซอร์วิสอะไรนั่นให้กันตามใจชอบสิ! แล้วถ้าจะพูดถึงรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอีกล่ะก็ชั้นไม่ได้ถูกรายล้อมสักหน่อยแถมเอริกะจังก็ ไม่ได้พูดต้อนรับกลับด้วยเพราะงั้นก็เลยมีแค่พวกเธิ 3 คนเท่านั้นแหละ”
“หา? เอริกะ? นี่พี่ชายอารมณ์เสียที่ไม่ได้ฟัง “ยินดีต้อนรับกลับ”จากเอริกะอย่างงั้นเหรอ?”
แล้วมานะก็สะกิดเอริกะ
เอริกะจังเงยหน้าขึ้นมาจากมังงะของเธอแล้วมองมาที่ผมและเอียงหัวด้วยความสงสัย
“คุณพี่ชายอยากจะให้หนูพูดว่า “ยินดีต้อนรับกลับ”ขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ปะ-เปล่า ก็ไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย”
“งั้นก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ไม่ว่าหนูจะพูด “ยินดีต้อนรับกลับนะ” หรือไม่พูดมันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรเลยสักหน่อย?”
พูดง่ายจังนะ
มันก็อาจจะจริงอย่างที่เธอว่าแต่… วิธีการพูดของเธอมันทำให้รู้สึกอึดอัดใจนิดหน่อย
ราวกับว่าเอะใจได้ถึงอารมณ์มาคุแปลกๆที่เกิดขึ้นระหว่างเรามานะก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงร่าเริงอย่างจงใจ
“เอาน่าๆ สําหรับตอนนี้พี่ชายก็มีอิสระที่จะทําเรื่องของตัวเองได้ล่ะนะแล้วก็ไม่ต้องมาห่วงพวกเราหรอก!”
เจ้าความเห็นที่ไม่น่าให้อภัยนั่นมันอะไร?
“นี่มันห้องฉันแท้ๆแล้วทําไมมานะถึงต้องมาบอกว่าฉันมีอิสระจะทําอะไรก็ได้ล่ะ?”
ตามปกติแล้วมันควรจะเป็นทางฝั่งฉันสิที่จะพูดอย่างนั้น แต่ฉันไม่พูดมันหรอก
“แล้วนี่คิดจะไล่พวกเราอีกแล้วเหรอ? สึคาจิจะใจแคบเกินไปแล้วนะ! เพราะงี้แหละถึงหาแฟนไม่ได้สักทีน่ะ”
รูนะจังถอนหายใจออกมา
“ก็บอกแล้วนะ! ทำไมถึงไม่ไปเล่นกันที่ห้องของมานะแทนเล่า?”
“นี่สึคาจิน่ะยังไม่เคยเห็นสภาพห้องของมานะใช่มั้ย? เราอยู่ในสถานที่พรรค์นั้นไม่ได้หรอกนะ”
เพื่อนๆของเธอให้คําจํากัดความห้องของเธอว่า “สถานที่พรรค์นั้น” นี่ห้องของมานะมันรกขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?
เธอเคยเป็นคนละเอียดรอบคอบแต่ตอนนี้กลายเป็นคนที่มีห้องรกซะ… นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งผลกระทบจากการเปลี่ยนคลาสไปเป็นแยงกี้รึเปล่านะ?
ขณะที่ผมจ้องมานะอย่างกังวลใจ อาริสะจังก็ชี้ไปทางห้องของมานะแล้วก็พูดว่า
“ก็มันมีแต่ตุ๊กตาสัตว์น่ารักๆเต็มไปหมดจนไม่มีแม้แต่ที่จะวางเท้าเลยและถ้าหนูเผลอทํานํ้าผลไม้หรือขนมหกใส่เธอก็จะโกรธมากที่ตุ๊กตาสัตว์พวกนั้นสกปรกน่ะ มันก็นุ่มนิ่มน่ารักดีอยู่หรอกนะแต่ก็ ทําตัวผ่อนคลายไม่ได้เลยน่ะสิ”
“อะไรล่ะนั่น แล้วทําไมถึงไม่เก็บพวกตุ๊กตาวางจัดที่จัดทางให้มันเรียบร้อยซะล่ะ?”
แค่ห้องไม่รกก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่รึไง
ผมคิดอย่างงั้น แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทุกคนได้มองมาที่ผม
เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าในห้องมันเต็มไปด้วยตุ๊กตาสัตว์มากมายจนไม่มีแม้แต่ที่ว่างเหลือแล้วน่ะ
“ยังไงก็เถอะ! พวกเราอยากจะมาเอะอะโวยวายกันในห้องนี้ยังไงล่ะ! แล้วเราก็ทํามาโดยตลอดด้วย! พี่จะมาขอให้เราไปตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ!”
มานะพูดออกมาด้วยท่าทีที่สิ้นหวัง
“ตอนที่เธอพากันมาเล่นกันที่นี่ชั้นก็เคยไม่อยู่มาก่อนล่ะนะแต่ตอนนี้อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปแล้วตอนนี้ชั้นได้กลับบ้านไวแล้วเพราะงั้นเธอก็ต้องแก้ปัญหากันเอาเอง”
“ให้ตายเถอะ…พี่มันไอ้คนขี้งก!”
“ไม่ได้งกสักหน่อย! มานะที่ไม่ยอมเก็บกวาดห้องของตัวเองนั่นแหละที่ขี้งกน่ะ!”
และแล้ว 2 พี่น้องก็ทะเลาะกัน
ในตอนที่ผมกับมานะเถียงกันไปมาได้สักพักเอริกะจังก็เข้ามาเพื่อให้เราสงบลง
“เอาล่ะๆ ใจเย็นก่อนนี้ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ด้วยการมาเถียงกันหรอกนะ?”
“ไม่ล่ะ มาคุยกันให้รู้เรื่องให้มันจบๆไปเลยดีกว่า……..”
เธอได้ล้มเลิกความคิดที่ว่าตัวเองทําอะไรไม่ได้ไปแล้ว… เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาผ่านการ พูดคุยกันเลยสักนิด
“แล้วมีความคิดที่ดีกว่านี้มั้ยล่ะ?”
มานะถามเอริกะจังแล้วเอริกะจังก็ตอบกลับมา
“…เอาเป็นผู้ที่ชนะเกมจะได้อยู่ในห้องนี้เป็นไง?”
“ไม่ดิ ทำไม่เป็นงั้นอ่ะ? แล้วทำไมเจ้าของห้องถึงจะต้องมาถูกไล่ออกจากห้องโดยขึ้นกับผลแพ้ชนะล่ะ? อย่างน้อยเอาเป็นให้แชร์ห้องด้วยถ้าเธอชนะก็แล้วกัน”
“ก็ดีนะงั้นก็มาเริ่มกันเลยคุณพี่ชาย”
เอริกะจังยิ้มกว้างมาที่ผม ผมรู้สึกเหมือนตัวเองโดนจับมัดมือชกเลย
“อ่า ก็ได้เข้าใจแล้ว…..ว่าแต่เราจะเล่นเกมอะไรดีล่ะ? เล่นเกมแก้โจทย์คณิตศาสตร์ ม.ต้นมั้ยล่ะ?”
“หา??? จะโหดร้ายกันเกินไปแล้วนะ”
ไอเดียเกมของผมถูกปัดตกทันทีโดยมานะ
‘ฟุฟุฟุ” อยู่ๆเอริกะจังก็เริ่มหัวเราะออกมา
“งั้นหนูจะแนะนำเกมที่เจ๋งที่สุดให้ก็แล้วกันค่ะมันมีชื่อเกมว่า “เกมทายขนาดหน้าอก!””
“ครับ?……”
ชักสังหรณ์ใจไม่ดีซะแล้วและใบหน้าของผมก็แข็งทื่อ
“หนูจะขอให้คุณพี่ชายเดาขนาดหน้าอกของพวกเราทั้ง 4 คนโดยบอกเป็นตัวอักษรมาค่ะถ้าเกิดว่าคุณพี่ชายเดาขนาดของพวกเราทุกคนได้ห้องๆนี้ก็จะเป็นของคุณพี่ชายอย่างเป็นทางการ”
“ไม่เอา นี่ก็โหดร้ายเกินไปนะ”
นี่ที่เธอกำลังขอให้คนที่ไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องผู้หญิงเลยสักนิดทำอะไรน่ะ?
มันก็ไม่มีทางที่ผมจะมานั่งเดาขนาดหน้าอกของพวกเธอในขณะที่พวกเธอยังสวมเครื่องแบบอยู่อย่างงั้นได้หรอก ไม่สิ…ต่อให้พวกเธอจะยอมให้ผมได้เห็นเรือนร่างจริงๆของพวกเธอน่ะผมก็ไม่อาจที่จะเข้าใจได้อยู่ดี
“ก็ดีนะ! แต่มันจะไม่ยากเกินไปเหรอถ้าไม่มีคำใบให้เลยน่ะ? ก็พี่ชายน่ะเป็นเจ้าเวอร์จิ้นอยู่นี่นะ”
ยัยมานะได้ทีเอาใหญ่เลยนะ
“ก็ได้งั้นคำใบ้ก็คือหนูจะยอมให้คุณพี่ชายจับพวกมันก็ได้ค่ะ! จะจับหนูมากเท่าไหร่ก็ได้ตามที่คุณพี่ชายต้องการเลยและจะวัดหน้าอกของหนูก็ได้นะ!”
เอริกะจังอนุญาตผมด้วยสีหน้าที่พอใจ
เธอดูเหมือนว่าเธอพร้อมที่จะฆ่าผมให้ตายในทางสังคมเลยแฮะ
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วเกาหัว
“มันก็ต้องไม่มีทางที่ชั้นจะไปแตะเนื้อต้องตัวเธออยู่แล้วสิ…จะเอา เกมนี้จริงดิ? รูนะจัง อาริสะจัง พวกเธอ โอเคที่จะให้ชั้นเดาจริงๆเหรอ?”
เมื่อผมถามเพื่อขอคำยืนยันรูนะจังยิ้มอย่างอาจหาญและพูดว่า“ถ้าคิดว่าเดาถูกก็เดามาเลยจ้า” และอาริสะจังก็พูดอย่างยิ้มแย้มว่า“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ถ้าพี่ชายเดาถูกหนูก็จะบอกตามตรงว่าถูกค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าวิธีเดียวที่จะไล่ยัยพวกแยงกี้พวกนี้คือการชนะเกมนี้ซะ
ผมได้ยินมาอยู่ว่าขนาดหน้าอกของผู้หญิงญี่ปุ่นส่วนมากจะเป็นคัพ B,C แล้ว ก็ D และก็อย่าลืมที่โฮชิโนะบอกกับผมว่าขนาดของหน้าอกคือความแตกต่างระหว่างช่วงบนและช่วงล่างหรือก็คือถ้า ช่วงล่างนั้นมันมีน้ำมีนวลน้อยกว่าตัวหน้าอกก็จะดูเล็กกว่าที่พวกผู้ชายจินตการไว้แถมพวกเธอทั้ง 4 คนก็หุ่นบางร่างเล็กกันเพราะงั้นขนาดหน้าอก ที่แท้จริงของพวกเธอจะต้องใหญ่กว่าทีผมกะด้วยสายตาเป็นแน่แท้
เนื่องจากผมไม่สามารถไปสัมผัสพวกมันตรงๆได้ ผมจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องอนุมานเอาเอง
แต่ยังไงซะก็ไม่จําเป็นที่จะต้องเดาหมดทุกคนอยู่แล้ว
“มานะคัพ C”
“หา!? แล้วทำไมพี่ถึงได้รู้ได้ล่ะเนี่ย พี่ชายบ้าที่สุดเลย!!”
พอผมพูดอย่างนั้นหน้าของมานะก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำดูเหมือนว่าผมจะถูก
“อย่าบอกนะ…พี่เช็คเสื้อผ้าของหนูน่ะ…
“ไม่ได้เช็คสักหน่อยก็เมื่อวันก่อนที่แม่ไปซื้อชุดชั้นในใหม่แล้วพอพวกเรากลับถึงบ้านเธอกับแม่ก็คุยกันเรื่องขนาดแล้วเธอก็เป็นคนพูดเองว่ามันใหญ่กว่าเดิมแล้วน่ะ”
“ก็อย่าฟังสิยะ!! อย่างน้อยๆก็ช่วยทําเป็นไม่ได้ยินทีเถอะ!!!”
“ก็นั่นถึงเป็นเหตุที่ชั้นทําเป็นไม่ได้ยินมาจนถึงตอนนี้ไงล่ะ!”
อย่าลืมว่าคนที่ทําให้ฉันต้องพูดออกมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเธอเองนั่นแหละ
“มานะคัพ C …บ้าจริง! ทั้งทีคิดว่าเราน่าจะเป็นพวกเดียวกันแท้ๆ…
รูนะจังก้มหน้าลงด้วยความหงุดหงิดดูจากอาการแล้วผมว่า…
“ถ้าอย่างนั้นรูนะจังก็คัพ B”
“ไม่นะ!! หนูไม่อยากที่จะเล็กที่สุดในหมู่เพื่อน!!!”
รูนะจังทรุดตัวลงกับพื้นทั้งน้ำตา
ก็ถ้าเธอรู้สึกเป็นปมด้อยขนาดนั้นทำไมถึงได้อนุญาตให้เราเล่นเกมนี้กันล่ะครับ?
อันนี้ถามจริงจังเลยนะ
“ถ้างั้นแล้วหนูล่ะ?”
อาริสะจังเข้ามายืนต่อหน้าผมด้วยท่าทางใจเย็น
หน้าอกของเธอดูใหญ่กว่ามานะแต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันใหญ่กว่าแค่ไหน
มันอาจจะเท่าๆกับมานะก็ได้เพราะงั้นอาจจะ C หรือไม่ก็ใหญ่กว่า…
ไม่สิ เธอต้องมั่นใจในขนาดของตัวเองพอสมควรเลยตัดสินจากท่าทางใจเย็นของเธอ
พูดอีกนัยก็คือเธอจะต้อง D หรือไม่ก็ใหญ่กว่ามานะ
“อยากจะลองจับดูไหมล่ะคะ?”
อาริสะจ้งจับหน้าอกตัวเองยกขึ้นมาและจากการเคลื่อนไหวนั้น
ผมก็ได้เห็นว่ามันมีขนาดที่กำลังพอดี
เคยได้ยินมาว่าปกติแล้วไซส์เบิ้มๆจะถือว่าเริ่มด้วยคัพ E งั้นก็หมายความ
ตัดสินใจแล้วล่ะ
“คัพ E?”
“ว้าว ถูกต้อง! เก่งจังเลยนะคะ!”
ก็ดีใจที่ชนะอยู่หรอกนะแต่ก็ยังงงๆอยู่มันคุ้มค่ารึเปล่านะ?
“เหลือหนูคนสุดท้ายแล้ว”
และลาสบอสเอริกะจังก็มายืนอยู่ตรงหน้าผม
รู้สึกได้เลยว่าเอริกะจังใหญ่แน่นอนแต่ขนาดก็ยังเป็นปริศนาในขณะที่ผมครุ่นคิดจ้องไปที่เอริกะจัง เธอก็ยิ้มให้ผม
“ก็ถ้าคุณพี่ชายไม่กล้าจะจับพวกมันดูล่ะก็ ทำไมไม่ให้หนูถอดออกแล้วโชว์ให้ดูแทนล่ะคะ?”
“ไม่เป็นไรขอบคุณ”
ผมรีบตอบทันทีเพื่อห้ามเธอ
ถึงแม้ว่าจะมีคําใบ้เพิ่มเติมแต่ก็ไม่มีการการันตีใดๆว่าผมเดาถูกเพราะงั้นแผนที่ดีที่สุดคือตอบโดยให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด
“F?”
ตอนที่ผมพูดแบบนั้นสีหน้าของมานะ รูนะจังและอาริสะจังก็เปลี่ยนไปแล้วอาริสะก็เข้าไปคว้าแขนเอริกะจัง
“เอ๊ะ? เดี๋ยวนะเอริกะน่ะคัพ E ใช่มั้ยล่ะ?”
“เอ่อ…ฉันเหรอ? ฉันว่าฉัน F นะ?”
“ไม่ๆๆ ไม่ว่าเธอจะว่ายังไงมันก็จะโตเร็วเกินไปแล้วนะนั่น! เธอน่ะคัพ E แน่ๆ! พวกเราน่ะเท่าๆกันใช่มั้ยล่ะ!?”
“เอ๋…? ตอนที่ชั้นไปซื้อชุดชั้นในมาใหม่ชั้นว่าชั้นก็ซื้อของไซส์ของคัพ F มานะ…?”
“ตั้งใจสินะ! เธอตั้งใจซื้อมาสินะ!”
หลังจากพูดอย่างนั้นอาริสะจังก็เริ่มถอดเครื่องแบบของเอริกะจัง
“ดะ เดี๋ยว! ทำอะไรเนี่ย!”
ผมเริ่มเลิกลักและอาริสะจังก็ตอบกลับ
“ก็ยืนยันขนาดของเธอไงคะ! หนูจะถอดเสื้อในของเธอออกแล้วเช็คขนาดที่มันเขียนไว้ตรงป้ายดู!”
“ไม่ได้นะเฟ้ย! อย่ามาทำอะไรแบบนั้นต่อหน้าฉันสิ!!!”
ผมตื่นตระหนกเลยรีบหนีออกมาจากห้อง
ขณะที่ผมถอนหายใจออกมาตรงโถงทางเดินผมก็ได้ยินเสียงคร่าครวญของยัยพวก Jk ที่อยู่ข้างในห้อง
“F จริงๆด้วย…ตอบถูกหมดเลย…’
ชัดเจนว่าผมชนะเจ้าเกมทายขนาดหน้าอกนี่แล้ว
แต่ผมก็เป็นคนที่เดินออกมาจากห้องซะเอง
ผมยอมแพ้และมุ่งหน้าไปยังห้องนั่งเล่นอย่างเงียบๆเพื่อไม่ให้ตัวเองได้ยินพวกเธอพูดถึงหน้าอกในห้องของผมอีก
ผมไม่คิดว่าวันนี้ตัวเองจะกลับไปที่ห้องได้จนกว่ายัยพวกแยงกี้จะพากันกลับบ้านกันไปก่อน…
นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
เพจผู้แปล Lemon FT