ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค – ตอนที่ 0 อารัมภบท

ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค

บทที่ 1 : การฝึกในเขาวงกต

 

อารัมภบท

 

ณ วิหารของเมืองป้อมปราการลามูร์

 

สำหรับเด็กที่อายุครบ 13 ปีในปีนี้ เหตุการณ์ในวันนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของพวกเขา เป็นวันที่พวก เขาจะได้รู้ว่าพรของพวกเขาคืออะไร

 

“นายเองก็ประหม่าเหมือนกันใช่มั้ย ไคคุง?”

 

เด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักที่มีผมสีฟ้ายาวประบ่าเงย หน้าขึ้นมองฉันด้วยท่าทางอ่อนโยนตามปกติของเธอราวกับว่าเธอกำลังจะหาแนวร่วมกับฉัน

 

ตรงกันข้ามกับคำพูดของเธอ ผู้หญิงคนนี้ดูไม่ ประหม่าเลยแม้แต่น้อย เธอคือเรน่า โกรทเธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉัน

 

“ก็นะ”

 

วันนี้เป็นวันที่พวกเราจะได้รับพรจากพระเจ้า มันทำให้เมื่อคืนฉันเครียดมากจนนอนไม่หลับทั้งคืนเลยล่ะ

 

“เรน่าสงสัยจังเลยน้าว่าเรน่าจะได้รับพรอะไร~ ได้รับพร “เจ้าหญิง”ก็น่าจะดีน้า แต่ได้โปรดอย่าให้ได้พร“กระต่าย”เลยน้า~ ”

 

เธอพูดกับฉันขณะที่เธอหมุนตัวไปมา

 

ฉันรู้ว่าเธอล้อเล่นเรื่อยเปื่อย เธอแค่อยากจะดูน่ารัก แต่เธอก็ดูน่ารักจริงๆ นั่นแหละนะ ฉันหมายถึง ลักษณะท่าทางของเธอมันดูเหมือนกับของแม่ฉันเลยล่ะ

 

“ฉันว่าการได้รับพร “เจ้าหญิง” นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยซักนิด แล้วอีกอย่างนะเจ้า “กระต่าย” เนี่ยมันเป็นพรแบบไหนกันล่ะนั่น ”

 

ที่ฉันหมายถึงก็คือ มันเป็นแค่ชื่อตำแหน่งในราชวงศ์ เรน่านั้นไม่ได้ตั้งใจจะดูหมิ่นราชวงศ์หรอกนะ แต่เพราะฉันรู้จักเธอตั้งแต่จำความได้ ฉันรู้อย่างชัดเจนว่าเธอนั้นได้รับการเอาอกเอาใจจากคนรอบข้างจนเหมือนกับเป็นเจ้าหญิงตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นฉันจึงไม่รู้สึกว่ามันแปลกที่เธอจะอยากกลายเป็นเจ้าหญิง ฉันได้ยินเสียงกลั้นหัวเราะจากเด็กที่ต่อแถวอยู่ข้างหลังเรน่าที่บังเอิญได้ยินคำพูดของเธอด้วย

 

“ งั้นเหรอ? แย่จังน้า…”

 

เมื่อฉันตบหัวของเรน่าที่ซบไหล่ด้วยความผิดหวังอย่างอ่อนโยน เธอหลับตาราวกับว่าเธอกำลังสนุกกับมัน

 

“แล้วนายล่ะ ไคคุง ”

 

“อืม อาจจะพรบางอย่างที่เกี่ยวกับวิชาดาบล่ะมั้ง”

 

มันเป็นเรื่องโกหก ฉันไม่ต้องการวิชาดาบ หรือพรใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับดาบ คุณปู่ของฉัน ภาวนาให้ฉันได้รับพรเกี่ยวกับวิชาดาบ เพื่อที่ฉันจะได้เป็นผู้สืบทอดสำนักของตระกูลไฮเนแมน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฉันต้องการเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป ฉันต้องการพรที่ช่วยให้ฉันกลายเป็นฮันเตอร์ที่โดดเด่นเหมือนกับแม่ของฉัน

 

ฮันเตอร์ พวกเขาคือผู้บุกเบิกที่สำรวจภูมิภาคที่ยังไม่ได้สำรวจพื้นที่อันตราย หรือปราบสัตว์ ประหลาดอันตรายในโลกนี้ มันเป็นอาชีพที่ค่อนข้างใกล้ชิดกับความตาย ดังนั้นฮันเตอร์จึงต้องการพรที่จำเป็นเพื่อช่วยในการทำงาน

 

พูดตามตรง ฉันไม่มีความสามารถแม้แต่น้อยในเรื่องดาบ ความสามารถในการจำอะไรต่างๆ ของฉันยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเด็กทั่วไปในวัยเดียวกันอีก เช่นเดียวกับความแข็งแกร่งของฉัน อันที่จริง ฉันอ่อนแอที่สุด ในบรรดาเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน

 

ยิ่งกว่านั้น ยังมีโรมันผู้มากความสามารถในหมู่ลูกพี่ลูกน้องของฉันอยู่ด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันคิดว่าไม่เป็นไรที่จะแต่งตั้งเขาเป็นผู้สืบทอดของสำนักแทน

 

ทันใดนั้นฉันก็ได้ยินเสียงโห่ร้องดังมาจากภายใน วิหาร ดูเหมือนว่าจะมีคนได้รับพรที่หายากในปีนี้

 

“อยากรู้งั้นเหรอ?”

 

“อืม”

 

ฉันตอบคำถามของเรน่าอย่างไม่ใส่ใจในขณะที่จับจ้องไปที่วิหาร

 

ไม่นานหลังจากนั้น——

 

“ไค! เรน่า!”

 

สาวสวยผมบลอนด์ยาวเป็นลอนวิ่งเข้ามาหาพวกเรา

 

“อ๊ะ! ไลล่าจัง!”

 

เรน่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันโบกมือทั้งสองข้างด้วยใบหน้าที่มีความสุข

 

สาวผมบลอนด์คนนี้เป็นเพื่อนสมัยเด็กของฉันด้วยเหมือนกัน ไลล่า เฮลล์เนอร์ เธอเป็นเพียงคนเดียวในหมู่สาวๆ ที่ติดอันดับผู้มีศักยภาพสูงในการสืบทอดทักษะของสำนักไฮเนแมนในลามูร์ อีกทั้งเธอยังเป็นคู่หมั้นของฉันอีกด้วย

 

“ผลเป็นยังไงบ้าง”

 

“เป็นไปตามคาด! ไม่ไกลจากที่คาดการไว้ซักเท่าไหร่”

 

ไลล่ายักไหล่ด้วยความผิดหวัง เธอเป็นเหมือนฉัน เส้นทางในอนาคตของเธอถูกกำหนดไว้แล้ว และพรที่เธอได้รับคือข้อพิสูจน์ถึงสิ่งนั้น นั่นเป็นเหตุผลที่เธอรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

 

ขณะที่ฉันไตร่ตรองว่าจะพูดอะไรกับไลล่า ชาย สองคนก็ออกมาจากวิหาร

 

หนึ่งในนั้นคือเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่มีลักษณะหล่อและสง่างาม อีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มร่างสูงผมยาวสีน้ำเงินมัดรวบไว้ข้างหลัง

 

เมื่อฉันเห็นแถวของผู้ใหญ่สวมชุดเกราะสีขาว บริสุทธิ์ตามพวกเขาสองคน ฉันเข้าไปหาพวกเขา พร้อมกับเอียงศีรษะด้วยความงงงวย

 

“โรมัน, คีธ พวกนายสองคนก็…”

 

“คุณไลล่า พรของฉันคือ(ราชาหอก)ล่ะ”

 

ก่อนที่ฉันจะถามคำถามเสร็จ โรมันก็ผลักฉันออกไปและพูดกับไลล่า

 

“ฉันรู้ ฉันดูอยู่”

 

“อย่างงั้นเหรอ”

 

หลังจากส่งสายตาแห่งชัยชนะมาที่ฉันแล้ว โรมันก็มองไปที่ผู้ใหญ่ในชุดเกราะสีขาวที่เรียงรายอยู่ ข้างหลังเขา

 

ผู้ใหญ่คนหนึ่งก้าวออกจากขบวนของพวกเขา

 

“คุณไลล่า เฮลล์เนอร์สินะ ฉันมาจากภาคีอัศวินเวทมนตร์ของราชาศักดิ์สิทธิ์ ฉันอนากจะคุยเกี่ยวกับพรของคุณซักหน่อย ขอโทษนะ แต่ฉันขอ เวลาคุณซักหน่อยได้มั้ย?”

 

เขาเรียกไลล่า

 

“แต่ฉันไม่เหมือนโรมันนะ พรของฉันไม่ใช่อะไรที่หายากเลยซักนิด”

 

“ฉันทราบดี แต่คุณเป็นลูกสาวของตระกูลเฮลล์เนอร์ คุณคงเป็นคนที่ได้รับการฝึกฝนการต่อสู้อย่างถูกต้องทุกวัน เมื่อบุคคลดังกล่าวได้รับพร[นักดาบขั้นสูง]มันจะดีมากเลยล่ะ ฉันจะไม่บังคับคุณหรอกนะหากคุณไม่ต้องการน่ะ มันก็เหมือนกับข้อเสนองานสำหรับคุณเฉยๆ”

 

อัศวินชราในชุดเกราะสีขาวคำนับให้ไลล่า

 

ภาคีอัศวินเวทมนตร์ของราชาศักดิ์สิทธิ์ เป็นกองกำลังอัศวินที่เก่งที่สุดในอาณาจักรอเมเลีย ด้วยอำนาจของพวกเขา พวกเขาสามารถบังคับให้ ไลล่าเข้าร่วมกลุ่มได้ด้วยซ้ำ

 

แม้จะไม่ได้บังคับก็จริง แต่พออัศวินคนนั้นก้มศีรษะของเขาเช่นนั้น ไลลาก็ยิ่งปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขายากขึ้นไปอีก

 

“ฉันเข้าใจแล้ว”

 

ไลล่ากัดริมฝีปากของเธอครู่หนึ่งหลังจากที่เธอมองมาที่ทั้งเรน่าและฉัน ในที่สุดเธอก็ยอมทำตามคำขอของชายชรา

 

“นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะพูดถึงในสถานที่แบบนี้ โอ้ใช่! ภาคีอัศวินของเรามีสำนักงานอยู่ในลามูร์นี้ด้วย ไปคุยกันที่นั่นกันเถอะ!”

 

หลังจากพูดอย่างรวดเร็ว ชายชราในชุดเกราะสีขาวก็เดินออกจากสถานที่นี้

 

“คุณไลล่า ไปกันเถอะ”

 

“อ่า”

 

แม้ว่าไลล่าจะมองมาที่เราด้วยสีหน้าไม่เต็มใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ในที่สุดเธอก็ออกจากสถานที่นี้ตามคำกระตุ้นของโรมัน

 

(โทษทีนะไค! พอดีโรมันเค้ารู้สึกตื่นเต้นมากเกินไปหน่อยตั้งแต่ได้รู้เรื่องพรของเขาแล้วน่ะ)

 

คีธขอโทษสำหรับการกระทำของโรมันด้วยเสียงกระซิบพร้อมกับยกมือไหว้นิดหน่อย

 

(ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอก! ดูสิ เดี๋ยวนายก็ตามพวกเขาไม่ทันหรอก)

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น คีธ สไตน์เบิร์กรีบมองไปที่พวกเขาสองคนนั้น เขาพยักหน้าให้ฉันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วไล่ตามกลุ่มไป

 

“ไคคุง เราไปกันเถอะ!”

 

ฉันกำลังมองไปทางที่ที่ไลล่าหายไปท่ามกลางฝูงชนอยู่นั้น เสียงของเรน่าก็ทำให้ฉันหลุดจากความคิด

 

เมื่อถึงตาของเรา คริสตัลได้ปล่อยแสงเจิดจ้าทันทีที่เรน่าแตะเพื่อรับพรจากพระเจ้า แล้ว―

 

“น่ะ-นักบุญ… ดาบ”

 

ทันทีที่หนึ่งในนักบวชพึมพำคำเหล่านี้ ทั้งวิหารก็เต็มไปด้วยความโกลาหล

 

“ไม่มีทาง! ถัดจากราชาหอก แล้วก็ อาร์คเมจ เรายังมีนักบุญดาบอีกด้วยงั้นเหรอ! เกิดอะไรขึ้นกับเด็กๆ ในปีนี้กันเนี่ย!”

 

อัศวินจากภาคีอัศวินเวทมนตร์ของราชาศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ข้างๆ นักบวชก็ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นของเขาได้เช่นกัน

 

มันเป็นเรื่องปกติ นักบุญดาบนั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความภาคภูมิใจของนักดาบทุกคน เช่นเดียวกับ นักปราชญ์ และ ผู้กล้า เมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจผงาดขึ้นมามีอำนาจ นักบุญดาบที่เป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ได้รับเลือกจากสวรรค์ซึ่งต้องต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจพร้อมกับนักปราชญ์และผู้กล้า ซึ่งก็คือเรน่า

 

“นี่ก็หมายความว่าการถือกลับมาของเผ่าปีศาจใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว”

 

อัศวินจากภาคีอัศวินเวทมนตร์ของราชาศักดิ์สิทธิ์ พึมพำด้วยสีหน้ากังวลอย่างมาก

 

“ที่นี่คือวิหาร โปรดอย่าพูดอะไรที่อาจสร้างความตื่นตระหนกในที่สาธารณะด้วย!”

 

บาทหลวงเตือนอัศวินให้หยุดพูดเดี๋ยวนี้

 

“ขะ-ขอโทษที!”

 

อัศวินรีบปิดปาก แล้วโค้งคำนับขอโทษนักบวช

 

“เชิญคนต่อไป”

 

หัวใจของฉันเต้นเร็วขึ้นเมื่อมาถึงหน้าบาทหลวง นักบวชท่องคาถาและวางเครื่องรางบนหน้าผากของฉัน จากนั้นร่างกายของฉันก็ส่องแสงเป็นประกาย

 

จู่ๆ ฉันก็รู้สึกได้ถึงแรงกดอันมหาศาลบนร่างกายของฉัน ราวกับว่ามีชุดเกราะเต็มตัวสวมอยู่ตัวของฉันเลย

 

นี่เป็นข้อจำกัดประเภทหนึ่งก่อนที่ฉันจะได้รับพรงั้นเหรอ? แปลก! ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับข้อจำกัดแบบนี้มาก่อน

 

แม้จะมีความสงสัยเล็กน้อย แต่ฉันก็เดินขึ้นบันไดไปเรื่อย ๆ ขณะที่กำลังคิดเรื่องดังกล่าว เมื่อฉันไปถึงแท่นบูชา ฉันวางมือลงบนคริสตัล

 

“เอ๊ะ?”

 

แม้ว่าปกติแล้วคริสตัลจะส่องแสงเมื่อมีคนวางมือไว้บนคริสตัล แต่คราวนี้กลับไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ

 

หลังจากขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง นักบวชก็มองเข้าไปในคริสตัล จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยสีหน้าราวกับว่าเขากำลังมองขยะ

 

“คนที่ไร้ความสามารถที่สุดในโลก”

 

เขาพูดออกมาแบบนั้น

ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค

ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค

Status: Ongoing
หลังจากที่ไค ไฮเนแมนได้รับพร [ผู้ไร้ความสามารถที่สุดในโลก] ชีวิตของเขาก็พลิกผันไป จนต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอนมา แล้ววันหนึ่งหลังจากหนีจากการไล่ล่าเขาได้หนีเข้าไปหลบในถ้ำที่จะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท