ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค – ตอนที่ 7 ความจริงที่เหมือนฝันร้าย

ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค

บทที่ 1 ตอนที่ 7: ความจริงที่เหมือนฝันร้าย

 

ตราบใดที่ฉันยังไม่สามารถเคลียร์ “เกม” ฉันก็ไม่สามารถออกจากพื้นที่นี้ได้ ฉันจึงเริ่มทำการสำรวจรอบๆ วิหารดู โชคดีที่ฉันเหมือนจะพบสถานที่ที่ฉันกำลังมองหาทันที

 

“นี่คือดันเจี้ยนสินะ?”

 

มีประตูบานใหญ่อยู่ด้านหลังของวิหาร และไกลออกไปนั้นเป็นทางเดินที่เต็มไปด้วยหินสีฟ้าที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มองยังไงนี่ก็เป็นดันเจี้ยน สรุป ฉันต้องเคลียร์เจ้านี่สินะ

 

ไม่มีประโยชน์ที่จะมัวแต่รออยู่เฉยๆ เนื่องจากไม่มีทางออกและและกฎระบุว่า ฉันต้องเคลียร์ดันเจี้ยนนี้ให้ได้ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้าวไปข้างหน้า

 

ฉันสวม [รองเท้าหลบหนี] แล้วดึงมีดที่เอวออกจากฝักแล้วถือไว้ในมือซ้าย ฉันไม่มีพละกำลังเท่าไหร่ ฉันจึงคิดว่าน่าจะมีโอกาสชนะด้วยมีดมากกว่าการใช้แท่งไม้นั่น

 

พื้นหินเย็นทำให้ความเย็นไหลลงกระดูกสันหลังของฉัน นี่เป็นการผจญภัยที่อันตรายถึงชีวิตที่ฉันใฝ่ฝันมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก การผจญภัยที่ฉันต้องยอมแพ้หลังจากที่ฉันรู้ว่าพรของฉันคืออะไร

 

ก่อนที่พรของฉันจะถูกเปิดเผยนั้น ฉันถูกบังคับให้สืบทอดวิชาดาบสไตล์ไฮเนแมน แต่ตั้งแต่ฉันยังเด็ก แต่สิ่งที่ฉันใฝ่ฝันคือการเป็นฮันเตอร์เหมือนแม่ของฉัน ไม่ใช่ผู้สอนที่สำนักฝึกดาบ

 

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม ในระหว่างพิธีนั้น ฉันแอบหวังว่าพรของฉันจะไม่เกี่ยวข้องกับวิชาดาบ

ฉันคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้น ปู่ของฉันจะยอมให้ฉันเป็นฮันเตอร์ แต่สุดท้ายฉันก็ถูกตราหน้าว่า ‘ไร้ความสามารถ’ จนลืมไปเลยว่าฝัยอยากจะเป็นฮันเตอร์ ฉันสูญเสียแม้กระทั่งวิถีแห่งดาบที่ฉันฝึกฝนมาอย่างหนักจนถึงตอนนี้ เพราะฉันอ่อนแอเกินไป นับประสาอะไรกับการจะเป็นฮันเตอร์

 

มันเป็นเหตุผลที่ฉันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่รู้จักจบสิ้นในตอนนี้

 

ถึงฉันจะหมกมุ่นอยู่กับการดูกำแพงทางเดินมานานกว่าสิบนาที แต่ฉันก็ไม่ลดการป้องกันลง ฉันระแวดระวังเป็นพิเศษเมื่อเดินไปตามทางและระวังข้างหลังฉัน เพื่อให้ฉันสามารถถอยได้ทันท่วงที นั่นคือพื้นฐานของการสำรวจดันเจี้ยน มันเป็นแค่ความรู้จากตำราสำหรับฮันเตอร์ที่ฉันเคยอ่านในห้องแม่เมื่อนานมาแล้ว

 

หลังจากเดินผ่านทางเดินหินสีน้ำเงินไปได้เล็กน้อย ฉันก็พบเข้ากับทางแยก ฉันควรจะไปที่ไหนดี วิธีที่ง่ายที่สุดคือตรงไปข้างหน้า

 

“เอ๊ะ?”

 

เมื่อฉันก้าวไปข้างหน้า ฉันเห็นสิ่งมีชีวิตทางด้านขวาของฉันหมอบอยู่บนพื้นขณะที่กำลังกินอะไรบางอย่างอยู่ ความคิดของฉันก็หยุดนิ่งไปชั่วขณะ

 

ในพริบตาเดียว ความเจ็บปวดที่เหมือนถูกตอกเสาเข็มเข้าที่กระดูกสันหลังแล่นไปทั่วร่างกาย ครู่ต่อมา ฉันก็รู้ว่าสิ่งมีชีวิตตัวนั้นกำลังกินอะไรอยู่ ของเหลวสีแดงสดที่พุ่งออกมาจากไหล่ขวาของฉันราวกับน้ำพุก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันได้

 

ใช่ สิ่งที่สัตว์ประหลาดตัวนี้ที่มีหัวเหมือนตั๊กแตนกำลังกินอยู่มันคือ… แขนขวาของฉัน

 

“อ๊ากกกกกกกกกกก!!!”

 

ฉันวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ไปที่ทางเข้าพร้อมกับกรีดร้องเหมือนไก่ที่ถูกรัดคอจนตาย

 

มันคืออะไรกันแน่? มันโจมตีฉันตั้งแต่เมื่อไหร่? ทำไมฉันไม่เห็นตอนที่มันโจมตีฉันเลย? ทำไมตอนนี้ฉันถึงอยู่ในสภาพแบบนี้?

 

 ไม่รู้ ไม่เข้าใจเลยซักนิด แต่สถานการณ์นี้ทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก!!

 

เจ็บ มันเจ็บมาก

 

ความเจ็บปวดอันน่าสะพรึงกลัวที่เคยรู้สึกจนถึง

ตอนนี้ดูเหมือนจะหายไปอย่างผิดธรรมชาติ มีเพียงความร้อนที่แล่นผ่านร่างกายของฉันและความกลัวอย่างรุนแรงที่ทำให้หัวของฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะเดือด ความกลัวท่วมท้น สมองสั่งให้ขาฉันวิ่งให้แรงที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

ฉันจำไม่ได้มากเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น

 

ฉันตรงไปยังที่รกร้างว่างเปล่าหน้าวิหาร

 

ในจิตสำนึกที่พร่ามัวของฉัน ฉันโยนตัวเองลงไปในน้ำพุสีน้ำเงินและสติของฉันก็ดับวูบลงทันที

 

เมื่อฉันลืมตาขึ้นมา พระอาทิตย์ก็ส่องประกายเจิดจ้า ฉันหลี่ตาลงเนื่องจากแสงแดดและมองไปรอบ ๆ

 

เห็นได้ชัดว่าฉันกำลังลอยอยู่บนผิวน้ำสีน้ำเงินเข้ม ฉันพบว่าร่างกายของฉันไม่ได้จมลงไปในน้ำพุ ดังนั้นฉันจึงบังคับตัวเองที่อิดโรยให้ย้ายไปที่ริมฝั่งในขณะที่นึกถึงความรู้สึกที่ไม่พึงประสงค์ที่ฉันมีก่อนที่ฉันจะสลบไป

 

ฉันรู้สึกมึนหัวอย่างมาก ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน? 

 

ฉันถูกเรียกโดยแม่ของฉันและมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง และเราพักตั้งแคมป์กันเป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ ฉันคุยกับโรส และเมื่อฉันออกจากเต็นท์เพื่อไปห้องน้ำ ฉันก็พบกับผู้ชายผมยาว….สีแดง

 

“–!!?”

 

ภาพเหตุการณ์ย้อนอดีตอันน่าหวาดเสียวก็จู่โจมฉันทันที ยิ่งฉันนึกถึงสถานการณ์มากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าเลือดไหลออกจากร่างกายมากขึ้นเท่านั้น

 

ใช่ ๆ! ฉันถูกสัตว์ร้ายตัวนั้นโจมตีและมาลงเอยที่นี่ หลังจากที่ก้าวเข้าไปในดันเจี้ยนของวิหารนั้น และวิ่งหนีไปหลังจากที่แขนขวาของฉันถูกสัตว์ประหลาดตั๊กแตนกินไป—! แล้วแขนขวาของฉันล่ะ!?

 

“แขนขวาของฉันยังอยู่ดี…”

 

ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ฉันรู้สึกอยากจะร้องไห้ แล้วก็นั่งลงกับพื้น

 

พสกมันต้องเป็นความฝันแน่ๆ ถ้าเป็นเรื่องจริง ไม่มีทางที่แขนขวาของฉันจะยังอยู่ดี ใช่ มันต้องเป็นความฝัน ในที่สุดความคิดของฉันก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

 

“เอ๊ะ แขนเสื้อข้างขวา…”

 

ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนบนผิวหนังอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เสื้อผ้าที่แขนขวาของฉันขาดหายไป และคราบสกปรกบริเวณเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น พอมองไปใกล้แล้วมันดูเหมือนคราบเลือด…

 

“อีลิกเซอร์”

 

ฉันพึมพำคำที่ผุดขึ้นมาในหัวโดยไม่รู้ตัว

 

หากเป็นเพราะมัน ตอนนี้ทุกอย่างก็สมเหตุสมผลแล้วล่ะ

 

ฉันถูกสัตว์ประหลาดตั๊กแตนฉีกแขนขวาไป แทบเอาชีวิตไม่รอด ตกลงไปในบ่อน้ำพุอีลิกเซอร์และหมดสติไป หรืออีกนัยหนึ่ง เหตุผลที่ฉันไม่มีรอยขีดข่วนที่แขนขวาแม้แต่นิดเดียว ก็เพราะว่ามันถูกรักษาโดยอีลิกเซอร์ไปแล้ว…

 

ถ้าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในดันเจี้ยนของวิหารนั้นไม่ใช่ความฝัน ฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปที่นรกนั่นอีกครั้งเพื่อที่จะได้ออกจากที่นี้

 

“บัดซบ!”

 

ฉันมองการเคลื่อนไหวของไอเจ้าตั๊กแตนนั่นไม่ได้เลยซักนิด ถ้าสิ่งที่มันตัดออกไปเป็นคอของฉันแทนที่จะเป็นแขน ฉันคงตายไปแล้ว ครั้งนี้แค่โชคดีที่รอดกลับมาได้ ฉันไม่อยากจะกลับไปที่แบบนั้นอีกแล้ว

 

“ไม่สิ จะอยากไม่อยากยังไงฉันก็ต้องเข้าไปที่นั้นอยู่ดี แขนขวาของฉันหายดีแล้วด้วย…”

 

หลังจากที่ฉันให้กำลังใจตัวเองแล้วฉันก็มุ่งหน้าไปยังวิหารอีกครั้ง บนพื้นนั้น ฉันเห็นรอยเลือดกระจัดกระจายไปทั่ว มันเป็นเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลของฉันอย่างแน่นอน

 

“ฮ่าๆๆ……”

 

ก็เหมือนเดิมทุกครั้ง สิ่งที่ฉันต้องการมากที่สุดมักถูกพรากไปจากฉันด้วยวิธีที่เลวร้ายที่สุดเสมอ

 

ฉันหัวเราะแห้งๆ โดยไม่รู้ตัวเมื่อตระหนักถึงกำแพงสีเทาที่สูงและหนาเป็นพิเศษที่แยกฉันออกจากอนาคต ไม่นานเสียงหัวเราะก็กลายเป็นเสียงร้องไห้อย่างขมขื่น

 

เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ฉันร้องไห้ออกมาดังๆ กับชะตากรรมที่โหดร้ายนี้

 

หลังจากร้องไห้จนสุด ในที่สุดฉันก็สงบลงและเริ่มคิดอย่างมีสติได้

 

ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด ฉันก็ไม่สามารถเอาชนะมอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนตั๊กแตนได้ ถ้าฉันฝืนเข้าไปในดันเจี้ยนตอนนี้ ฉันก็ไปเป็นอาหารของมันเท่านั้นแหละ แต่วิธีเดียวที่จะออกจากที่นี่คือต้องเคลียร์ดันเจี้ยนนั้นให้ได้

 

ถ้ารอจนถึงเช้า โรสแมรี่อาจจะส่งกลุ่มมาค้นหา ไม่สิ คนรับใช้ของโรสแมรีเหล่านั้นไม่ยอมทำตามคำสั่งอย่างการค้นหาฉันหรอก แม้ว่าคุณอัลจะออกคำสั่งอย่างเข้มงวด เขาก็จะปฏิเสธอย่างแน่นอน นอกจากนี้ เวลาทั้งในและข้างนอกที่นี่ได้หยุดลงแล้ว การมาถึงของพรุ่งนี้เช้าจะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่

 

ฉันหันหลังพิงกำแพง ยังไงก็ไม่ยอมตายในที่แบบนี้แน่ บางทีสถานการณ์อาจเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นตราบใดที่ฉันยังคงอดทน อาจมีคนอื่นเข้ามาท้าทายดันเจี้ยนนี้ในขณะที่ฉันรออยู่ที่นี่ก็ได้

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น สิ่งแรกที่ฉันต้องทำคือหาอาหารและน้ำ สำหรับน้ำ ฉันมีน้ำพุซึ่งปล่อยอีลิกเซอร์ออกมาอย่างไม่รู้จบอยู่ ดังนั้นปัญหาหลักคืออาหาร

 

“อย่างที่คาดไว้ ไม่มีอาหารเลย…”

 

ฉันสำรวจไปรอบ ๆ ไม่ต้องพูดถึงถั่ว ฉันไม่พบแม้แต่สัตว์เล็ก ๆ หรือหญ้าในที่แห่งนี้เลย ฉันเห็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายหนอนอยู่ใต้เงาหินหรือก้อนหิน แต่มันกินไม่ได้เพราะมันมีพิษร้ายแรง อีกอย่างฉันก็ไม่อยากกินหนอนพวกนั้นด้วย

 

ยังเร็วเกินไปที่จะยอมแพ้ เนื่องจากเวลาและอายุของฉันถูกหยุดลง มีโอกาสที่ฉันจะไม่หิวก็ได้ หรือไม่ฉันก็บรรเทาความหิวของฉันด้วยอีลิกเซอร์ไปก่อน ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดิมพันกับความเป็นไปได้เหล่านั้น

 

ตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไรที่จะทำให้เรี่ยวแรงของฉันหมดไปดีกว่า

 

ฉันนอนราบกับพื้นและหลับตาลง

ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค

ฝึกโดดเดี่ยวในดันเจี้ยนไป 100,000ปีออกมาอีกทีกลายเป็นตัวบัค

Status: Ongoing
หลังจากที่ไค ไฮเนแมนได้รับพร [ผู้ไร้ความสามารถที่สุดในโลก] ชีวิตของเขาก็พลิกผันไป จนต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอนมา แล้ววันหนึ่งหลังจากหนีจากการไล่ล่าเขาได้หนีเข้าไปหลบในถ้ำที่จะทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท