ชีวิตที่แสนจะ(ไม่)ธรรมดาของน้องก้อย – ตอนที่ 1

ชีวิตที่แสนจะ(ไม่)ธรรมดาของน้องก้อย

ตอนที่ 1 แค่จะมาชวนเย็Xกันน่ะ

 

                บ่ายของวันพฤหัสบดีผ่านช่วงเปิดเทอมมาได้ประมาณหนึ่ง แม้จะเข้าหน้าฝนแล้วแต่อากาศยังคงร้อนอบอ้าว กรมอุตุฯ พยากรณ์แล้วพยากรณ์อีกว่าจะมีฝนตกถึง 90% ในช่วงสัปดาห์นี้

                แต่สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายราวห้าร้อยคนที่กำลังนั่งอุดอู้กันอยู่บริเวณหอประชุมเลิกหวังไปแล้วว่าสายฝนจะเมตตาตกในช่วงบ่ายนี้ พร้อมกับก่นด่าอยู่ในใจโดยยอมรับว่าพวกเขาคืออีก 10% ของพื้นที่ ๆ ฝนไม่ตกอย่างไม่เต็มใจนัก

                เด็กสาวคนหนึ่งใช้มือต่างพัดโบกสะบัดมือเร็ว ๆ ผ่านช่องระหว่างกระดุมของชุดนักเรียนสีขาวที่เธอแหวกออกใต้หน้าอกขนาดใหญ่ของเธอ ซึ่งตอนนี้มันเปียกชุ่มจากเหงื่อไม่ต่างจากคนอื่น ๆ 

                “ยัยก้อย” แจน เพื่อนสนิทของเธอเอ็ดเอาเบา ๆ “จะมาแหวกเสื้ออะไรตรงนี้เดี๋ยวใครก็เห็นเข้าหรอก”

                “ไม่มีใครเห็นหรอกน่า” ก้อยบอกน้ำเสียงเอื่อย ๆ แต่ก็เลิกทำ ท่ามกลางนักเรียนแต่ละคนที่นั่งร้อนอยู่ เธอพยักพเยิด แจนให้หันไปมองตามเธอข้างเวที “ดูตรีสิ”

                แจนหันไปมองเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อว่า ราตรี ซึ่งกำลังพูดคุยกับวิทยากรที่กำลังนั่งเตรียมตัวเพื่อขึ้นบรรยาย — ราตรีเป็นนักเรียนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ในปีการศึกษานี้ แต่เธอก็สมัครช่วยงานคณะกรรมการนักเรียนทันที เธอเป็นเด็กสาวที่ฉายแววความเป็นผู้นำ ดูเป็นผู้หญิงเก่ง รูปร่างดี หน้าตาสะสวย แถมไม่ใช่คนหัวอ่อน จัดเป็นที่นิยมในหมู่หนุ่ม ๆ ไม่น้อย และตอนนี้เธอเองก็กลายเป็นคนดังประจำมัธยมศึกษาปีที่สี่และทั้งโรงเรียนไปเรียบร้อยแล้ว

                “ไม่ร้อนมั่งเหรอน่ะ ดูไม่มีเหงื่อสักเม็ด” แจนเอ่ยเมื่อสังเกตดูเพื่อนร่วมชั้นที่ดูดีกว่านักเรียนสภาพร้อนเหงื่อท่วมหลายร้อยคน

                “มีเหงื่อตรงไรผมนั่นไง…. ว่าแต่เมื่อไหร่จะเริ่มสักที” ก้อยบ่นกระปอดกระแปด เป็นเวลาเดียวกับวิทยากรหญิงที่เธอมองไม่เห็นแต่ทีแรกพยักหน้าพร้อมที่จะขึ้นบนเวที ก้อยเพิ่งสังเกตได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยและดูดีมากในชุดสูทสีขาวครีม เธอกำลังช่วยเอากระดาษชำระซับเหงื่อตรงไรผมของราตรีเบา ๆ ทำเอาราตรีที่เตี้ยกว่าเธอเล็กน้อยมีอาการเขินนิด ๆ แต่ก็ยืนหลับตาให้วิทยากรสาวซับเหงื่อแต่โดยดี

                แต่ทว่าบรรดานักเรียนที่เห็นเหตุการณ์กลับเขินจนมือบิดและชี้ชวนให้กันดูภาพน่ารักชวนเขินของวิทยากรสาวคนสวยซึ่งกำลังซับเหงื่อให้กับนักเรียนสาวคนดัง ภาพดอกไม้บานสะพรั่งรอบ ๆ สาวทั้งสองเกิดขึ้นอย่างไร้ที่มา

                “ฉันจิ้นพวกเขา!!” ก้อยเอ่ยอย่างกระดี๊กระด๊าหมดสิ้นความรู้สึกรู้สมถึงอากาศร้อนเมื่อสักครู่

“ยัยบ้า เบาได้เบา!!” แจนเอ่ยปรามแม้ว่าเธอจะยิ้มมุมปากแทบจะฉีกถึงหู

“อะแฮ่ม ๆ ” เสียงดังมาจากเครื่องขยายเสียง เมื่อครูกฤษณาเอ่ยใส่ไมโครโฟน เพื่อระงับเสียงกระหึ่มที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ในหอประชุมโดยหญิงสาวสองคนที่ไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้หลายๆคนกำลังจินตนาการไปไหนต่อไหน

“และในตอนนี้ขอให้นักเรียนทุกคนปรบมือเพื่อต้อนรับวิทยากรของเรา คุณ วาดเดือน อุ่นโกศล หรือพี่เดือนของเราด้วยค่า–!!” ครูกฤษณาเอ่ยต้อนรับวิทยากรสาวซึ่งแจกยิ้มและเดินขึ้นบนเวทีไปนั่งรวมกับบรรดาคนที่อยู่บนเวที ซึ่งมีครูสาวผู้ทำหน้าที่พิธีกร และมีครูนักศึกษาฝึกสอนหนุ่มหน้าตาหมดจด หล่อเหลาและเป็นที่หมายปองของนักเรียนสาวแทบทุกคนและครูสาวบางคน — เรียกได้ว่ามีแต่คนหน้าตาดีบนเวทีนั่น

“กรี๊ดดดด ครูไข่ขรา –!!” แจนที่คอยห้ามปรามก้อยให้ทำตัวเป็นกุลสตรีส่งเสียงกรี๊ดเสียเองที่เห็นครูนักศึกษาหนุ่มขวัญใจของเธอและหลายๆคน ที่นั่งอยู่ตรงกลางห้อมล้อมไปด้วยสาว ๆ บนเวที “ดูคิ้วครูไข่สิ เข้มอย่างกับสาหร่าย… ตรงอื่นจะเข้มเหมือนกันไหมนะ?”

ก้อยลืมอากาศร้อนไปชั่วคราวเมื่อพิธีกรหนุ่มสุดหล่อลุกขึ้นไปเลื่อนเก้าอี้ให้วิทยากรสาวอย่างกับเป็นเทพบุตรสุภาพบุรุษ นักเรียนหลาย ๆ คนรู้สึกกระชุ่มกระชวยลืมอากาศร้อนและลืมครูแก่ ๆ ในโรงเรียนไปชั่วคราว หลาย ๆ คนรู้สึกว่ากิจกรรมที่หอประชุมวันนี้น่าสนใจเป็นพิเศษ เธอส่งยิ้มให้เพื่อนสนิท และหันไปฟังการอบรมเรื่องของปัญหาวัยรุ่น

“ครับ คุณวาดเดือน — ” ครูหนุ่มกำลังจะเริ่มบทสนทนา แต่ก็โดนวิทยากรพูดตัดบทเสียก่อน

“เรียกพี่เดือนก็ได้ครับ สุดหล่อ” เธอบอก

วินาทีนี้หอประชุมมีแต่เสียงกรี๊ดแทบถล่มเมื่อวิทยากรเย้าแหย่ครูนักศึกษาหนุ่มขาวตี๋ที่อายม้วนต้วนเมื่อโดนสาวสวยแซวระยะประชิดออกสื่อขนาดนี้

“สวัสดีค่ะ น้อง ๆ ” วิทยากรสาวหันมาทักทายบรรดานักเรียนที่ส่งเสียงกรี๊ดกันไปแปดตลบจนคอแหบคอแห้งแล้ว “วันนี้ทราบหรือยังคะว่าเรากำลังจะมานั่งฟังบรรยายเรื่องอะไร?”

เธอพูดพลางชี้ไปยังแผ่นป้ายไวนิลด้านหลังที่พวกคณะกรรมการนักเรียนช่วยกันติดตั้งแต่เช้าตรู่ และอ่านนำเป็นคำ ๆ วินาทีต่อมานักเรียนก็ออกเสียงอ่านตามเธอจนเสียงดังระงมไปทั่วหอประชุม

“วัยว้าวุ่น การปรับตัว เพศสัมพันธ์ การใช้ชีวิตยุคใหม่ อย่างปลอดภัยและมั่นคง — ใช่แล้วล่ะค่ะ” วิทยากรสาวอ่านตามจนจบแล้วพูดต่อทันที เมื่อนักเรียนแต่ละคนดูเหมือนพร้อมที่จะฟังการบรรยายแล้ว “ก่อนอื่นพี่เดือนขอบอกเลยว่า ก่อนหน้าจะมาทำหน้าที่เป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องการป้องกันและการปฏิบัติตัวเรื่องเพศอย่างเหมาะสม พี่เคยเป็น Sex Worker มาก่อนค่ะ”

“อะไรเซ็กซ์ ๆ นะ?” แจนหันมาถามก้อย ซึ่งก็ได้พบใบหน้างุนงงเป็นคำตอบ เธอไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษ แต่เมื่อมองไปยังราตรีที่อยู่ด้านหน้าเวทีซึ่งกำลังขมวดคิ้วอยู่ ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจ

“ไหนมีใครทราบว่า Sex Worker คืออะไร… ไม่ต้องยกมือค่ะ” เธอเสริมพลางหัวเราะ เมื่อเห็นสีหน้าหลายๆคน ก่อนจะพูดต่อไปว่า “Sex Worker ถ้าจะพูดให้ดูดีก็คือ ผู้ให้บริการทางเพศค่ะ แต่ส่วนใหญ่แล้ว คนมักเรียก กลุ่มคนพวกนี้ว่า กะหรี่ อีตัว หรือ ถ้าให้สุภาพหน่อยก็คือ โสเภณี ผู้หญิงหากิน หรือผู้หญิงขายตัว ค่ะ”

ตอนนี้ก้อยเข้าใจแล้วว่าทำไมราตรีถึงขมวดคิ้ว สำหรับเธอ ก้อยรู้สึกตกใจมากกว่า ที่หญิงสาวคนที่สวยมากคนหนึ่งยอมรับกับที่สาธารณะว่า ตัวเธอเคยทำงานขายบริการทางเพศ และรู้สึกตกใจมากกว่าที่ทางโรงเรียนยอมให้ผู้หญิงคนนั้นมาบรรยายให้เด็กนักเรียนวัยรุ่นฟัง

“ก่อนที่จะมีคนตกใจและรู้สึกต่อต้านไปมากกว่านี้ พี่เดือนขอย้อนถามหน่อยนะคะว่า ถ้าจะหาใครที่บอกเราถึงวิธีการหลีกเลี่ยง หรือป้องกันตัวจากเหตุการณ์ทางเพศที่ไม่เหมาะสม จะหาใครบอกได้ดีไปกว่าผู้มีประสบการณ์ล่ะคะ จริงไหม?”

แล้วเธอก็การบรรยายตามหัวข้อ หลังจากนั้นนักเรียนทุกคนก็ถูกเธอโน้มน้าวด้วยเหตุผล และบอกถึงวิธีการปฏิบัติตัว รวมไปจนการหลีกเลี่ยงภัยทางเพศได้อย่างฉะฉาน บวกกับอารมณ์ขันของเธอ ทั้งยังพูดถึงการแก้ปัญหาด้วยมุมมองที่เป็นบวกของเธอต่อสถานการณ์ล่อแหลมต่าง ๆ ทำให้นักเรียนได้ความรู้และแนวคิดในการปฏิบัติตัวในช่วงวัยรุ่น

“สิ่งที่พี่เดือนพูดแทบจะไม่ต่างจากในหนังสือสุขศึกษาของน้อง ๆ เลยค่ะ” วิทยากรสาวยอมรับ “แต่ก็ต้องบอกนะคะว่า เรื่องบางเรื่องถึงจะเป็นเรื่องเดียวกันแต่พอเปลี่ยนคนพูดหรือสถานการณ์ในการพูด มันจะทำให้การเรียนรู้หรือความเข้าใจในเรื่องราวนั้น ๆ มากขึ้นลดลงแตกต่างกันไป…. หลายคนอาจจะมองว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ทำงานต่ำ ๆ อย่างการเป็นอีตัว ไม่ควรค่าแก่การฟัง แต่ทุกคนเคยคิดบ้างไหมคะว่า — ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบหรอก เวลาที่อ้าขาให้กับผู้ชายแปลกหน้าที่ไม่ได้ชอบหรือรู้สึกดีเพื่อมีเซ็กซ์ด้วย และถ้าเลือกได้คงมีน้อยมาก ๆ ที่จะมาเลือกทำงานให้คนประณามหยามเกียรติแบบนี้ — โดยพี่เดือนหวังเหลือเกินค่ะ ว่าวันนี้พี่เดือนจะสามารถทำให้น้องๆหลายคนมีชีวิตที่ดีขึ้นและใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง ไม่ต้องกลายเป็นเหมือนที่พี่เดือนเคยเป็น”

นักเรียนทุกคนปรบมือให้กับวิทยากรสาวอย่างเต็มใจ เพราะเธอตั้งใจให้ความรู้กับเด็ก ๆ มาก เธอไม่เคยรังเกียจที่จะบอกว่า เธอเคยทำงานเป็นผู้ให้บริการทางเพศ และเธอเต็มใจและตั้งใจที่จะไม่ให้ใครกลายเป็นคนโชคร้ายแบบเธอ

“และต่อไปก็เข้าสู่ช่วงตอบคำถามค่ะ” ครูกฤษณาเอ่ยหลักจากการบรรยายใกล้สิ้นสุดแล้ว “นักเรียนคนไหนมีคำถามเกี่ยวกับหัวข้อบรรยายในวันนี้เชิญยกมือและลุกขึ้นมาถามได้เลยค่ะ เดี๋ยวไมค์จะเดินทางไปหา — สักสองสามคำถามก็พอนะคะ เพราะเกินเวลามาพอสมควรแล้ว” เธอย้ำ

เกิดเสียงฮือฮา และเสียงเหย้าแหย่ประมาณว่า แกถามสิ ๆ ก้อยแน่ใจว่านักเรียนทุกคนต่างมีคำถาม แต่ไม่กล้าที่จะถามเรื่องเพศกัน แม้ว่าวิทยากรจะย้ำว่าเรื่องเพศไม่ใช่เรื่องน่าอาย ถ้าพูดออกมาอย่างถูกต้องและเหมาะสม

“หรือถ้านักเรียนคนไหนไม่กล้าถามตรง ๆ ก็สามารถเขียนคำถามลงในกระดาษและส่งมาหน้าเวทีได้นะครับ เดี๋ยวครูจะช่วยกันถามให้” ครูนักศึกษาหนุ่มเอ่ยออกไมโครโฟน นักเรียนหลายคนรีบควักกระดาษและจกปากกาออกมาก่อนจะรีบเร่งเขียนคำถามกันทันที

“แก ลี่มันยกมืออะ!!” ก้อยที่ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่เขียน หันไปมาเพื่อมองว่ามีใครเขียนบ้างก็เห็นเพื่อนร่วมชั้นอีกคนที่ชื่อแก้วเย็นซึ่งเป็นคนตัวผอมและค่อนข้างท่าทางตุ้งติ้ง แต่ชอบให้ใครๆเรียกว่า เยลลี่หรือลี่ เขาเป็นสาวประเภทสองตามที่ใคร ๆ เห็นก็บอกได้จากท่าทีกระมิดกระเมี้ยนของเขา 

แจนเงยหน้ามองตามที่ก้อยกระตุกแขนเสื้อเธอถี่ ๆ และทันเห็นแก้วเย็นหรือเยลลี่ เดินไปหน้าเวทีและรับไมโครโฟนมาจากครูนักศึกษาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนแอ้นของเขาว่า

“จากที่พี่เดือนได้พูดไปว่า การมีเพศสัมพันธ์ ในบางสถานการณ์ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นควรคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองเป็นหลัก นี่คือยังไงคะ?”

“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ ตอบแบบนางสาวไทย ฮิ ฮิ” วิทยากรสาวเอ่ยด้วยอารมณ์ขันและผ่อนคลายพลางส่งยิ้มให้กับเยลลี่ “ในบางสถานการณ์ที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้จริง ๆ ก็เช่นตอนที่ใกล้จะถูกกระทำชำเราแล้วแน่ ๆ ค่ะ — ในตอนนั้นหากเราพูดอะไรเขาก็ไม่ฟังแล้วและมีแนวโน้มจะใช้ความรุนแรง สิ่งที่เราทำได้คือ โน้มน้าวให้เขาสวมถุงยางอนามัยค่ะ บอกเขาไปเลยว่าเราจะยอมมีอะไรกับเขา โดยมีข้อแม้คือต้องสวมถุง — มันอาจจะจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก แต่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว… หรือแม้แต่กับแฟนหรือคนที่เราชอบก็ต้องให้ใส่ถุงค่ะ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศหรือแม้แต่การตั้งครรภ์แบบไม่พร้อม… เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวค่ะ ยืดอกพกถุงไปเลย มีแล้วไม่ได้ใช้ดีกว่าต้องใช้แล้วไม่มี”

แล้วเยลลี่ที่พยักหน้าเห็นด้วยทุกคำพูดก็ยื่นไมโครโฟนคืนให้เธอ แต่เมื่อเขาเห็นหน้าครูหนุ่มที่ยื่นมือมา ก็ชักไมโครโฟนกลับแล้วถามต่อ โดยมองหน้าครูหนุ่ม

“ครูไข่พกถุงไหมคะ?”

เสียงโห่ฮาและกรีดร้องดังขึ้นราวกับนัดกันไว้ เยลลี่ยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมและยื่นไมโครโฟนคืนครูหนุ่มที่เขินจนหน้าแดงได้แต่หัวเราะแหย ๆ ไม่ยอมสบตาใคร

“นังลี่มันร้าย!!” แจนเอ่ยหลังจากหัวเราะจนปอดโยก

“แล้วแกว่าครูไข่พกไหมอะ?” ก้อยถามโดยที่ยังไม่ละสายตาจากครูหนุ่ม(ที่เธอแอบชอบ) ตั้งแต่วินาทีที่เขารับไมโครโฟนคืนจนหันไปดื่มน้ำแก้เขิน แต่วิทยากรพูดอะไรบางอย่างกับเขายิ้มๆ (ก้อยไม่ได้ยินเพราะเธอไม่ได้พูดใส่ไมโครโฟน) ทำให้ครูหนุ่มสำลักน้ำเขาไอโขลกๆ โดยมีครูกฤษณายิ้มแห้ง ๆ และส่งกระดาษชำระให้ซับน้ำ “คนบ้าอะไรสำลักน้ำยังน่ารักเลย”

“มาดูจดหมายคำถามกันบ้างนะคะ” ครูกฤษณาพูดขณะที่คัดเลือกจดหมายแบบสุ่มๆ ก่อนจะอ่านออกไมโครโฟนว่า “จากน้อง ก. ชั้น ม.สี่ ค่ะ ถามว่า — การมีเซ็กซ์แตกต่างกันไหมคะ อย่างตอนที่ให้บริการทางเพศกับคนแปลกหน้า กับแฟน?”

“น้อง ก. ชั้น ม.สี่?” แจนหันหน้ามาหาก้อยอย่างสงสัย

“แกก็เห็นว่าฉันไม่ได้เขียนซักหน่อย” ก้อยรีบออกตัว

“แน่นอนค่ะ ว่าการให้บริการทางเพศกับคนแปลกหน้าและกับแฟนนั้นให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน และมันก็แตกต่างจากให้มีอะไรกันกับคนที่เราชอบด้วยนะคะ” วิทยาการกล่าว และดูเหมือนเธอจะดึงความสนใจของทุกคนได้หมดจากคำพูดกำกวมนี้

“คือยังไงเหรอครับ?” ครูนักศึกษา เผลอถามออกไมโครโฟนไปอย่างไม่ตั้งใจ เพราะในหัวของเขาก็มีคำถามเดียวกันกับทุกคนนั่นเอง

“ครั้งแรกของพี่เดือนคือมีอะไรกับคนที่ชอบค่ะ — ไม่ใช่แฟนกันหรอกนะคะ ความรู้สึกของมันเป็นอะไรที่ตราตรึงใจมาก ๆ เหมือนกับการอ่านนิยายรักที่สมหวังและเรามีความสุขที่ได้ทำมันมาก ๆ ค่ะ…. กับแฟนก็รู้สึกคล้าย ๆ กัน แต่เทียบกับตอนมีอะไรครั้งแรกกับคนที่ชอบไม่ได้เลย” วิทยากรสาวเอ่ยพลางเหม่อมองไปยังที่ใดสักแห่งที่ใคร ๆ ก็มองไม่เห็น สายตาของเธอในตอนนี้ทำเอาก้อยรู้สึกประทับใจมาก ๆ “อ้อ ส่วนตอนที่ให้บริการกับคนแปลกหน้า ไม่เลยค่ะ รู้สึกแย่มาก ๆ ด้วยซ้ำนะคะบางที — ” เธอเสริมราวกับเพิ่งนึกขึ้นมาได้

“ไม่ใช่แฟนแต่เป็นคนที่ชอบนี่คือยังไงคะ?” เยลลี่ผู้ซึ่งมีไมโครโฟนอยู่ในมือเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ถามอย่างตื่นเต้น

“เรื่องนั้น” วิทยากรยิ้มแล้วพูดว่า “ความลับค่ะ”

ในห้องประชุมพากันโห่เสียงเบา โธ่เอ๊ย อย่างพร้อมเพรียงกันประมาณว่าถูกเธอหลอกให้อยากแล้วจากไป

“แต่ถ้าใครอยากรู้จริง ๆ ก็สามารถซื้อพ็อกเก็ตบุ๊ค ‘ระบำผีเสื้อ’ บท ‘เดือน’ มาอ่านได้ค่ะ พี่ให้นักเขียน นามปากกา คชปถ.หรือ Duckerous : คุณชายเป็ดเถื่อน สัมภาษณ์และก็เล่าเรื่องให้เขาฟังตั้งแต่ว่าพี่เจออะไรมาบ้าง สาเหตุอะไรที่ทำให้ตัดสินใจเลือกทำงานเป็น Sex Worker…  — อ้อ เป็น NC นะคะ เพราะฉะนั้นอายุไม่ถึง 18 ห้ามซื้อค่ะ แผงหนังสือตั้งขายหน้าโรงเรียนเรียบร้อยแล้วค่ะ ไปอุดหนุนกันด้วยน้า อ้อ — มีแบบ Ebook ด้วยนะค่ะ”

“โอเคค่ะ คำถามสุดท้ายก่อนจากลา” ครูกฤษณายิ้มแหยๆหลังจากที่เจอวิทยากรขายตรงหนังสือของตัวเอง “คิดว่าคำถามนี้…. ให้ครูไข่เป็นคนถามดีกว่า” แล้วครูกฤษณาก็ส่งคำถามให้พร้อมกับรอยยิ้มมีเลศนัย

“เอ่อ… คำถามคือ” ครูนักศึกษารับจดหมายจากครูพี่เลี้ยงสาวมาอ่านแต่โดยดี “จากน้อง ด. ชั้น ม.หก ครับ ถามว่า — พี่เดือนมีสเปคผู้ชายที่ชอบแบบไหนครับ?”

“ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ” วิทยากรสาวจ้องครูหนุ่มตาเป็นมันพร้อมกับกัดริมฝีปากและส่ายเอวเล็กน้อยคล้ายเหมือนแมวที่พร้อมจะกระโจนไปขย้ำเหยื่อ เรียกเสียงฮือฮาและเสียงเป่าปากจากบรรดานักเรียนได้ไม่น้อย “สเปคผู้ชายที่ชอบคือ คนที่หล่อค่ะ ขาว ๆ สูงๆ ปกป้องเราได้ — ดีกับเราเสมอไม่เคยเปลี่ยนแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น….” วิทยากรเอ่ยยิ้มๆและหันไปส่งยิ้มให้กับทุกคนในหอประชุม “ — และอีกสเปคนึงที่ชอบคือ เป็นนักเขียนที่หล่อ ตัวขาว ๆ ลงพุงหน่อย ๆ แบบคุณชายเป็ดเถื่อนค่ะ (ที่พูดแบบนี้ไม่ได้อยากจะเร่งนิยายให้จบนะคะ)”

เธอปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะของบรรดานักเรียนด้วยอารมณ์ขันตามสไตล์ของเธอ และโบกมือพร้อมส่งยิ้มสวยให้กับนักเรียนทุกคนที่ปรบมือให้

ก้อยบันทึกภาพจำของพี่เดือนหญิงสาวที่ทั้งสวย ทั้งแกร่ง และงดงาม เธอเปล่งประกายบนเวทีราวกับชีวิตของเธอนั้นได้พบกับ Happy Ending แล้ว 

และก้อยเองก็เกิดแรงบันดาลใจผุดขึ้นมาหลังจากที่เธอได้ฟังและอ่านเรื่องราวของพี่เดือน

***

เย็นวันนั้น หลังจากถึงบ้าน ก้อยเดินมุ่งไปยังบ้านติดๆกัน เป็นบ้านของเพื่อนสนิทสมัยเด็ก แต่ตอนนี้อยู่กันคนละโรงเรียน

“ไอ้โบ้ ๆ ๆ ” เธอร้องเรียกเพื่อนข้างของเธอทันที “โบ้ดนัย อยู่ไหม?”

เด็กหนุ่มคนหนึ่งโผล่หน้ามาจากช่องประตู เขามองเธออย่างงง ๆ “อะไรของแก ยัยก้อย?”

ไม่รอช้า ก้อยเดินผ่านเด็กหนุ่มร่างสูง เขาเป็นคนผิวเข้ม ใบหน้าคมสัน แม้ไม่ได้หล่ออะไรมากแต่ท่าทางเอาเรื่องเหมือนเด็กเกเร แต่ก้อยทราบดีว่าจริง ๆ แล้วเขาเป็นเงียบ ๆ เรียบร้อยสบาย ๆ และยังเป็นคนที่เอาใจใส่คนอื่นอยู่ไม่น้อย

“แก้วไม่มาเหรอวันนี้” ก้อยเอ่ยถามและถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก พลางเอ่ยถามมาแฟนสาวของเพื่อนหนุ่มข้างบ้าน

“ไม่มาอะ แยกกันกลับหลังช่วยกันทำการบ้านที่โรงเรียนเสร็จแล้วอะนะ” เด็กหนุ่มยังคงทำคิ้วชนกัน “ว่าแต่แกมีธุระอะไรรึเปล่าวะไอ้ก้อย?”

“อ๋อ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก” ก้อยพูดพลางถอดชายเสื้อชุดนักเรียนของเธอออกจากกระโปรง “แค่จะมาชวนเย็Xกันน่ะ”

ชีวิตที่แสนจะ(ไม่)ธรรมดาของน้องก้อย

ชีวิตที่แสนจะ(ไม่)ธรรมดาของน้องก้อย

Status: Ongoing
*ตัวละครทุกตัวในนิยายเรื่องนี้อายุเกิน 18 ปีกันถ้วนหน้า (ผ่านการไปต่างโลกอายุ 100 – 1,000 ปีกันแล้วทั้งนั้น แต่กลับมาโดยการใช้สกิลให้ลืมไปว่าตัวเองผ่านการไปต่างโลกมาแล้ว… อ้าว ซะสปอยล์ซะละ :P) นี่เป็นนิยายที่แต่งขึ้นมาจากจินตนาการไม่มีส่วนใดที่เป็นเรื่องจริง เหตุการณ์จริง หรือสถานที่จริง หากดั๊นไปตรงก็ขออภัย แต่ขอแก้ตัว เอ้ย ชี้แจงมา ณ. ที่นี้ว่า *เป็นเรื่องแต่ง 100%* สรุปแล้วนี่เป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่หมายจะมัดใจหนุ่มครูหนุ่มนักศึกษาผู้สูงหล่อขาวตี๋คิ้วดกดำมีกล้ามเป็นมัด ๆ นั่นเอง และเธอจะทำอย่างไรก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า เธอจะมัดใจเขาได้ไหม หรือโดนตัวอะไรคาบไปกินซะก่อน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท