ตอนที่ 2 แกจะบ้าเหรอวะ?
แดดของเวลาห้าโมงเย็นของวันที่กรมอุตุฯ พยากรณ์ว่าฝนจะตกถึง 90% ยังคงสาดแสงร้อนแรง เด็กหนุ่มยืนเหงื่อไหลอยู่บริเวณห้องรับแขกของตัวเอง ลำพังวันนี้เขาก็มีเรื่องหงุดหงิดมากพออยู่แล้ว แต่ยัยก้อยเพื่อนบ้านและเพื่อนตั้งแต่สมัยที่พวกเขาเข้าโรงเรียนอนุบาลด้วยกันกำลังนั่งหน้าเป็นบนโซฟาตัวโปรดของเขาตามใจชอบ และพูดอะไรบางอย่างที่ยิ่งทำให้เขาสับสนมากไปกว่าเดิม
“ขอโทษที ตะกี้พูดอะไรนะ ฟังไม่ชัด”
“มาชวนเย็Xกันอะ”
นั่นประไร หูไม่ฝาดจริงๆเสียด้วย เด็กหนุ่มส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด “นึกพิเรนทร์อะไรขึ้นมาอีกวะแกนี่?”
“ไม่ได้นึกพิเรนทร์ แต่มาชวน เย็Xกันต่างหาก”
“เออ ๆ ได้ยินแล้ว อย่าพูดคำว่า เย็Xบ่อย ๆ ได้ไหมเล่า”
“ทำไมถึงพูดคำว่า เย็X ไม่ได้อะ?”
“ไบสันอยู่บ้านเว้ย” ดนัยหมายถึงน้องชายของตัวเองที่กำลังเก็บของในห้องนอน
“โอเค งั้นก็ป้ะ ไปห้องแกกัน” ก้อยเอ่ยชวน
“ไปทำอะไร๊!?”
“ก็ไปเย็Xกันไง”
เด็กหนุ่มถึงกับกุมขมับเรียกสติ หายใจเข้าลึกๆ นับเลขในใจ ก่อนจะเอ่ยพร้อมกับนั่งลงเก้าอี้ตรงกันข้ามกับโซฟาที่เด็กสาวกำลังนั่งอยู่
“โอเค อธิบายมาซิว่า มันเกิดอะไรขึ้น” เด็กหนุ่มนั่งเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยศอกวางบนเท้าแขนประสานมือไว้ระหว่างจมูกทำท่าราวกับนักสืบกำลังไขคดี
ก้อยอธิบายให้โบ้ฟังคร่าว ๆ ว่าวันนี้มีคนที่เคยทำงานเป็นหญิงขายบริการมาโรงเรียนและเธออธิบายว่าการได้มีอะไรกับคนที่เธอรักรู้สึกดีมากเพียงใด
“นี่เลยในหนังสือของพี่เดือนบรรยายไว้ละเอียดยิบ ฉาก NC งี้… อื้อหือ ดุเด็ดเผ็ดมันขัดฟันเปรี้ยวปากได้ใจ” ก้อยหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมา บนหน้าปกมีภาพผู้หญิงแต่งตัวล่อแหลมและมีตัวหนังสือเขียนว่า ‘ระบำผีเสื้อ’ บท ‘เดือน’
“ประเดี๋ยวเด้ ไหนว่ามีฉาก NC อายุไม่ถึงสิบแปด ห้ามซื้อไม่ใช่เหรอ?” โบ้ขัดขึ้น
“ก็บอกพี่เขาไปว่า พี่ ด. ที่อยู่ ม.หกอายุสิบแปดแล้ว ฝากมาซื้อเพราะไม่กล้าอะนะ…. ดูสิ ได้ลายเซ็นพี่เขาด้วยนะ” ก้อยเอาลายเซ็นที่ตวัดและลากเป็นอวัยวะสืบพันธุ์ชายยาวเต็มหน้ากระดาษให้เขาดู “นี่เห็นตรงนี้ไหม ดูสิ พี่เดือนเขาเขียนว่า ให้น้องก้อยค่ะ ด้วยล่ะ”
“เอาล่ะ สรุปก็คือ…. ” โบ้-ดนัยพยายามรวบรวม สติ สมาธิ มา คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ขณะกำลังพินิจลายเซ็นรูปไอ้จ้อนขนาดเต็มหน้ากระดาษที่ก้อยยื่นมาให้ดูใกล้จนเกือบถูหน้า “แกเกิดอารมณ์ทางเพศเพราะนิยาย18+เลยอยากทำตามงั้นสินะ?”
“ไม่ใช่หรอก ฉันตั้งเป้าจะเย็Xกับครูไข่ให้ได้ก่อนจบปีการศึกษานี้ต่างหาก เลยตั้งใจจะเรียนรู้ให้ดีก่อนไปมีอะไรกับเขา ครูไข่เขาจะได้ประทับใจและกลายเป็นแฟนฉันไง” ก้อยเอ่ยพลางทำท่าเขินอายเมื่อนึกถึงครูหนุ่มสุดหล่อขาวตี๋คิ้วดกดำ
“แล้วครูไข่ที่ว่านี่เป็นผู้ใด?” ดนัยตัดสินใจลืมเรื่องนักเรียนสาวจ้องจะงาบครูไปก่อน
“เป็นครูนักศึกษามาฝึกสอนที่นี่ปีนึงน่ะ เห็นว่าเป็นหลานรหัสครูก้อย เลยมาสมัครที่โรงเรียนฉันเพราะจะได้มีครูพี่เลี้ยงที่เป็นสายรหัสเดียวกัน” ก้อยอธิบาย
“ก้อย…?” เด็กหนุ่มมองที่เธออย่างสงสัย
“ครูกฤษณาน่ะ ครูเค้าชื่อเล่นชื่อก้อยเหมือนฉันเลย” เด็กสาวอธิบายอย่างภาคภูมิใจ
“เอาล่ะ ฉันมีคำถาม” โบ้เอ่ยขึ้นหลังจากนึกช่างแม่งกับอะไรหลาย ๆ อย่างในใจโดยที่เขาไม่เอ่ยออกไป “ทำไมแกไม่ไปชวนครูไข่อะไรนั่นซะเลยล่ะ?”
“ก็ฉันบอกแกแล้วไงว่า ฉันอยากฝึกซ้อมให้ครูไข่ประทับใจก่อน อีกอย่างขืนไปทำอะไรตอนนี้เกิดเรื่องแดงขึ้นมาเขาก็ฝึกสอนไม่จบพอดีน่ะสิ – เพราะงั้นวันดีเดย์คือวันที่ครูเขาฝึกสอนเสร็จสิ้น…. วันนั้นแหละที่ฉันจะมอบความบริสุทธิ์ให้กับเขา” ก้อยพูดและทำหน้าเคลิ้ม
“ความบริสุทธิ์…?” โบ้ทำหน้าอีหลักอีเหลื่อ
“อ๋อ ที่ฉันบอกจะฝึกซ้อมไม่ใช่หมายถึงการมีอะไรกันจริงๆนะ เราสามารถฝึกฝนกันโดยไม่ต้องสอดใส่อวัยวะเพศกันหรอก ถูๆไถๆเอา” ก้อยอธิบายอย่างจริงจัง
เด็กหนุ่มเห็นท่าทีจริงจังของก้อยก็รู้เต็มอกแล้วว่า ยัยเพื่อนสมัยเด็กคนนี้กู่ไม่กลับเสียแล้วอย่างแน่แท้ทีเดียว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดเขารู้สึกไม่อยากมีเอี่ยวด้วยอย่างจริงจัง
“แกจะบ้าเหรอวะ?” เด็กหนุ่มไม่ทันยั้งปาก อย่างอดไม่ได้ “ฉันมีแฟนอยู่แล้วนะเว้ย”
“ก็เราไม่ได้มีอะไรกันเสียหน่อย… แกก็ช่วยฉันฝึก — เหมือนช่วยกันทำการบ้านนั่นแหละน่ะ”
โบ้สัมผัสได้ว่าตรรกะของเพื่อนสาววิบัติไปหมดแล้ว เขาจึงถามอย่างอ่อนใจและอ่อนแรงต่อไปว่า
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน? ไม่ขอคนอื่นล่ะ?”
“โอเค ตามนี้เลย” ก้อยมีท่าทีกระตือรือร้นเมื่อเห็นว่าโบ้ลดท่าทีขัดขืนลง เธอเดินไปหยิบปากกาเขียนกระดานและลงมือเขียนลงบนกระดานไวท์บอร์ดเป็นข้อ ๆ “ข้อที่หนึ่ง เพราะโบ้น้อยของแกใหญ่มาก”
“รู้ได้ไงวะ?” เด็กหนุ่มขมวดคิ้ว
“ก็ชั่วโมงว่ายน้ำตอนที่เราเรียนด้วยกันตอน ป.หกไง ใครๆก็เห็นว่ากางเกงว่ายน้ำของแกรัดซะเป็นบ้องข้าวหลาม ขนาดครูสอนว่ายน้ำยังอายและให้แกไปนั่งพักแทน…. ตอน ป.หกใหญ่ขนาดนั้นแล้ว ตอนม.ปลายจะใหญ่ขนาดไหน” ก้อยเบ้ปากอย่างรู้ดีให้กับโบ้ที่ยังคงนั่งนิ่ง
“ต่อไปข้อหนึ่งจุดหนึ่ง” ก้อยเขียนต่อบนกระดานไวท์บอร์ด
“ทำไมไม่ใช่ข้อสองวะครับ” โบ้เอ่ยถามอย่างขัดใจ
“ไม่ ๆ เหตุผลมีสองข้อพอจะได้จำน้อย ๆ ” ก้อยพูดเรื่อย ๆ หรือไปเรื่อยก็ไม่ทราบได้ “ข้อหนึ่งจุดหนึ่ง ฉันเป็นคนที่นมใหญ่ที่สุดในบรรดานักเรียน ม.สี่ทั้งหมดในโรงเรียน และฉันก็เห็นแกแอบมองบ่อย ๆ เหมือนกัน เพราะฉะนั้นถ้าแกตกลงจะช่วยฉันแกจะเป็นผู้ชายคนแรกที่มีโอกาสได้สัมผัสมัน”
“เออ อยากรู้นานละ ใหญ่แค่ไหนวะ?” โบ้ผู้ทอดทิ้งเหตุผลทั้งปวงยกมือขึ้นถาม
“คัพ เอฟ” ก้อยบอกและมองดูโบ้ยกนิ้วขึ้นมาท่อง เอ บี ซี ในใจ ก่อนเธอจะเอ่ยต่อไป
“ข้อที่สองฉันขอถามกลับนะว่า ถ้าไม่ใช่แกแล้วจะเป็นใคร” ก้อยหันมากอด-อกมองเด็กหนุ่มและขมวดคิ้ว “แกลองนึกภาพฉันไปขอใครสักคนช่วยฉันซ้อมมีเซ็กซ์สิ ใคร ๆ ได้หาว่าฉันบ้ากันพอดี”
“ตกลงแกไม่ได้บ้าหรอกเหรอ?”
“ฉันมีสติดีและฉันมีเป้าหมาย แล้วฉันกำลังขอความร่วมมือจากแก คนที่ฉันเชื่อถือได้”
โบ้กุมขมับเรียกสติไปอีกรอบ จากที่ปวดหัวตงิด ๆ เป็นมึนตึ้บ
“เอาล่ะ” เขาเอ่ยหลังจากพยายามตั้งสมาธิอีกรอบ “สมมุตินะว่าถ้าฉันไม่ตกลงช่วยแก — ”
“ฉันจะตามตื๊อแกจนกว่าแกจะยอมช่วย เพราะถ้าไม่ใช่แกฉันก็ไม่รู้จะขอใครแล้วจริงๆ ต่อให้ต้องหลอกล่อไบสันมาเป็นตัวประกันฉันก็จะทำ” ก้อยขู่จะกระทำชำเราน้องชายของโบ้ด้วยสีหน้ายิ้ม ๆ
“โอเค คำถามสุดท้าย” โบ้เอ่ยอย่างหมดหนทางและได้แต่หวังว่าคำถามนี้จะช่วยให้เขารอดพ้นไปจากเรื่องราวบ้าบอของยัยเพี้ยนคนนี้ได้
“แกจะบ้าหรือเปล่า? เกิดมีเด็กมาอ่าน มิโดนหาว่าสนับสนุนให้วัยรุ่นมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรหรือไง? แล้วถ้ามีคนมาอ่านแล้วคิดทำตามเพราะเกิดอารมณ์ทางเพศล่ะ?”
“ไม่บ้าหรอก เรื่องนี้จัดอยู่ที่เรท18+ เพราะงั้นคนอ่านเขามีวิจารณญาณแล้วในระดับหนึ่ง” ก้อยตอบอย่างรู้ดี
เด็กหนุ่มรู้สึกพ่ายแพ้อย่างจริงจัง เขารู้สึกหมดแรงอย่างประหลาดเพราะแรงมันไปรวมตัวอยู่ตรงบริเวณหนึ่งของร่างกาย
“คืองี้” โบ้รู้ดีว่าเขาคงไม่สามารถปฏิเสธก้อยได้แล้วแน่ ๆ “วันนี้ฉันยังไม่พร้อม — ”
“โอเค งั้นวันเสาร์ที่จะถึงนี้ช่วงบ่ายเจอกันนะ” ก้อยยิ้มอย่างพอใจกับผลลัพธ์ ราวกับเพิ่งจะเจรจาธุรกิจสำเร็จเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี และเธอก็ลบกระดานไวท์บอร์ดหยิบกระเป๋าและโบกมือลาเด็กหนุ่มอย่างแข็งขันแล้วเดินกลับบ้านของเธอไป
ปล่อยให้เด็กหนุ่มนั่งมึนหัวพลางถอนหายใจอย่างหมดแรงที่เก้าอี้ห้องนั่งเล่นของเขา