เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา – ตอนที่ 39

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 39

 

เมื่อฉันได้ยินคำอธิบายจากเคเยอร์ ฉันก็ตกตะลึงและระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

 

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือประเพณีที่ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นในคลาส A

 

พวกเขาเรียกสิ่งนี้ว่า ‘การละลายพฤติกรรม’ ดูเหมือนว่าเรื่องไร้สาระนี้เกิดขึ้นเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาเท่าเทียมกัน

 

เป็นผลให้นักเรียนชั้นปีที่ 2 จะมาและสั่งนักเรียนชั้นปีที่ 1 หมอบและขณะเดียวกันก็จะย้ำเตือนให้พวกเราเอาชนะคลาส B ให้ได้และจะฆ่าพวกเราหากแพ้ พวกเขาลงมือทำในวันนี้ สุดสัปดาห์แรกหลังจากเปิดปีการศึกษา

 

นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาหมอบลงโดยไม่คำนึงถึงสถานะของพวกเขา โดยพวกเขาบอกว่ามีเพียงรุ่นพี่เท่านั้นที่เหนือกว่าไม่ว่าใครจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม มันค่อนข้างไร้สาระที่ฉันจะทำตัวแบบนั้นกับเธอ

 

ฉันไม่รู้ว่าเรื่องที่ไร้สาระแบบนี้เป็นประเพณีในคลาส A สาเหตุหลักมาจากการที่ฉันมุ่งเน้นเนื้อเรื่องไปที่คลาส B การไม่ยอมแพ้ต่อคลาส B ของคลาส A นั้นเป็นถูกบังคับโดยพวกรุ่นพี่ น่าจะประมาณนั้น?

 

นักเรียนคลาส B คงจะสนุกสนาน ได้ทานอาหารดีๆ กับรุ่นพี่ที่น่ารัก…

 

นักเรียนจากคลาส A แน่นอนว่ามีบุคลิกที่หลากหลายไม่ว่าจะอยู่ระดับใดก็ตาม?

 

ฉันแน่ใจว่าเป็นคนที่มีบุคลิกโดดเด่นที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งหมด…

 

“แล้วรุ่นพี่สามัญชนจะมาสอนน้องคลาส A แบบนี้ทุกปีเหรอ”

 

“นั่นคือสิ่งที่ฉันได้ยิน….”

 

“แล้วเมื่อกี้ใครน่ะ”

 

“เธอเป็นนักเรียนปีที่สองและชื่อของเธอคือ… เธอชื่อ…อะไรนะ”

 

“เรดิน่า เธอยังไม่ได้บอกความสามารถของเธอให้เรารู้”

 

โคโน ลินต์ซึ่งอยู่ข้างๆ เขาบอกฉันแทน เดิมที นี่เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สามัญชนจะมาบดขยี้อำนาจของราชวงศ์และขุนนาง ปีนี้เจ้าเปี๊ยกตัวน้อยเป็นผู้รับผิดชอบ

 

อย่างไรก็ตาม พวกเขาอาจรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระที่ทุกคนจะถูกปฏิบัติเช่นนั้น แต่เนื่องจากเป็นประเพณีที่ส่งต่อกันมา แม้ว่ามันจะทำร้ายความภาคภูมิใจของพวกเขาเล็กน้อย แต่มันคงเจ็บกว่าการต้องออกจากรอยัลคลาส

 

พวกเขาต้องคิดว่าขุนนางและราชวงศ์อื่น ๆ ของราชวงศ์ได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น

 

อย่างไรก็ตามตอนนี้ ไม่ว่าจะราชวงศ์หรือเหล่าขุนนางก็กลับกลืนกินความภาคภูมิใจของพวกเขาเก็บไว้ และกำลังดำเนินการอย่างเงียบ ๆ เพื่อสืบค้นเรื่องของขอทาน

 

“……”

 

ทุกคนมุ่งความสนใจมาที่ฉันด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกคนเอาแต่อยู่ในโรงยิมโดยสงสัยว่าปล่อยไว้แบบนี้จะดีเหรอ

 

“นี่นาย”

 

เลขที่ 4, แฮเรียต เดอ แซงต์-โอวัน เรียกฉันด้วยความกังวล แฮเรียตคือคนที่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์คนนั้นน่ะ

 

“มีอะไร?”

 

“ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา นายจะรับผิดชอบให้พวกเรารึเปล่า”

 

ราวกับว่าเธอกำลังถามฉันว่าทำไมฉันถึงไม่ละทิ้งความภาคภูมิใจที่บิดเบี้ยวแล้วยอมๆไป เธอมีใบหน้าที่สวยแต่ดูดุร้ายและดูค่อนข้างงี่เง่า

 

“แล้วอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าเกิดผิดพลาดขึ้นมาล่ะ”

 

“พวกรุ่นพี่ก็จะมองพวกเราไม่ดีน่ะสิ”

 

ฉันคิดว่าเธอกำลังพูดถึงภาพลักษณ์ของเราในสายตาของพวกรุ่นพี่

 

“แล้วไง ถ้าพวกเขามองเราในแง่ร้าย? แล้วไงต่อ”

 

“ฮะ?”

 

“จะเกิดอะไรขึ้นล่ะ ถ้าพวกรุ่นพี่มองเราในแง่ร้าย”

 

“นั่นสินะ….”

 

“จะไปเรียนไม่ได้หรือจะนอนไม่ได้? ถ้าพวกเขาโจมตีเรา เราก็แค่รายงานให้ครูทราบ ทำไมเธอถึงยอมหมอบลงง่ายๆในเมื่อเรื่องมันก็มีแค่นั้น? พวกเธอไม่มีความกล้าซักนิดเลยเหรอ? เธอมีศักดิ์ศรีน้อยกว่าฉันที่มาจากข้างถนนได้ไงเนี่ย? เฮ้อ”

 

ถอนหายใจ เมื่อฉันมองทุกคนอย่างดูถูกเหยียดหยาม ทุกคนยกเว้นเอลเลนและคลิฟฟ์แมนต่างมีใบหน้าร้อนผ่าว

 

พวกเขาอาจคิดว่าถ้าไม่ฟังพวกเขาจะมีปัญหา ดังนั้นพวกเขาจึงกัดฟันอดทน คิดเกี่ยวกับเกียรติยศและการยอมรับทางสังคมที่พวกเขาจะได้รับหลังจากจบการศึกษาจากรอยัลคลาส

 

พวกเขารู้สึกแย่ แต่พวกเขาก็พยายามที่จะทนกับมัน แต่เมื่อฉันเข้ามาทุกอย่างก็กลับตาลปัตร

 

“ยังไงก็ตาม มันเป็นความรับผิดชอบของนาย! ฉันทำสิ่งที่ฉันบอกไปแล้ว! เพราะงั้นมันไม่เกี่ยวกับฉัน! ใช่มั้ยล่ะ?”

 

แฮเรียตตะโกนใส่ฉันโดยคิดว่าเธอเพิ่งสูญเสียความภาคภูมิใจของเธอไป

 

“ฉันจะฆ่านานแน่ ถ้าเรื่องนี้จะทำให้ชีวิตในวิหารของฉันต้องยุ่งเหยิง”

 

ดูเหมือนแฮเรียตจะคิดว่าฉันจะไม่ทำร้ายเธอเพราะฉันอยู่นิ่ง ๆ และไม่เคยแตะต้องเธอมาก่อน

 

ช่างเป็นเรื่องน่าตลกจริงๆ

 

“ฆ่าฉัน? เธอคิดว่าจะพูดอะไรที่คิดออกมาก็ได้งั้นเหรอ? เธอคิดว่าฉันเอาชนะเธอไม่ได้งั้นสิ?”

 

“ว่าไงนะ?”

 

“เธอคิดว่า ไม่ว่าจะสถานะไหน หรือว่าจะเป็นชายเป็นหญิงถ้าอยู่ในวิหารทุกคนจะเท่าเทียมกันและตัดสินกันที่พรสวรรค์อย่างเดียวรึไง? ถ้าเธออยากทำตัวใหญ่โตที่นี่นักล่ะก็ ฉันคงจะต้องประทับรอยมือของฉันที่แก้มของเธอไว้ให้ซักสัปดาห์ละกัน เอามั้ยล่ะ”

 

ฉันค่อนข้างมีประสบการณ์เมื่อมันเกี่ยวกับเรื่องความตาย ก็ฉันตายไปแล้วครั้งหนึ่งอ่ะนะ

 

พวกเธอไม่เคยตายมาก่อนใช่มั้ยล่ะ? แต่ฉันเคย!

 

ขณะที่ฉันเข้าไปใกล้อีกก้าว แฮเรียตถอยกลับด้วยความตื่นตระหนก

 

“สิ่งเดียวที่แข็งแกร่งของเธอก็คงมีแค่ความหัวแข็งล่ะมั้ง แล้วเธอจะฆ่าฉันยังไงล่ะหื้ม”

 

“หะ…. หัว แข็ง?”

 

“ใช่แล้ว”

 

เมื่อฉันปฏิบัติต่อเจ้าหญิงแห่งราชรัฐแซงต์-โอวันในฐานะคนที่มีความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียวคือความหัวแข็งของเธอ สีหน้าของทุกคนก็แปลกไป

 

“… ฮึ!”

 

แฮเรียตรู้สึกถูกดูถูกและขายหน้ามากขึ้น บวกกับเมื่อเธอต้องโดนสั่งหมอบ ใบหน้าของเธอจึงกลายเป็นสีแดงแอปเปิ้ลและเธอไม่สามารถเปล่งคำพูดออกมาได้แม้แต่คำเดียว

 

-ปัง!

 

“ออกมานี่เดี๋ยวนี้ ไอ้สารเลว!”

 

และ

 

คราวนี้มีกลุ่มคนบุกเข้าไปในโรงยิม

 

* * *

 

มีคนทั้งหมดห้าคนที่บุกเข้ามา พวกเขาน่าจะอยู่ปี2 ดังนั้นพวกเขาจึงอายุ 18 ปี แน่นอนว่าเด็กน้อยก่อนหน้านี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย

 

“นั่นใช่เขาหรือเปล่า”

 

“ใช่!”

 

เด็กน้อยชื่อ เรดิน่าซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเพื่อนร่วมชั้นชายและชี้มาที่ฉัน อะไรกัน เธอทำตัวเป็นแค่เด็กน้อยน่ารักกับเพื่อนร่วมชั้นงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าน้องสาวคนเล็กเรียกพี่ชายของเธอหลังจากมีเรื่องกัน ชายคนนั้นดูเหมือนกำลังจะตะโกนว่า “แกกล้าดียังไงมายุ่งกับลูกของเราด้วยท่าทีแบบนั้นห้าาา”

 

รุ่นพี่ที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มกำลังมองมาที่ฉันด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว ว้าว มันแปลกประหลาดมากที่เห็นนักเรียนมัธยมปลายทำแบบนี้ในชีวิตจริง

 

“นี่รุ่นน้อง นายชื่ออะไร?”

 

“ไรน์ฮาร์ด”

 

“นายอาจมาจากตระกูลขุนนางที่ยิ่งใหญ่และไม่รู้ว่ารอยัลคลาส ทำงานอย่างไร…”

 

“โทษทีนะ พอดีฉันไม่ใช่ขุนนาง?”

 

ดูเหมือนว่าฉันถูกเข้าใจผิดว่าเป็นขุนนางบางประเภท และแม้จะมีสถานการณ์เช่นนี้ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้นท่ามกลางเพื่อนร่วมชั้นปีหนึ่งของฉัน

 

“หัวเราะทำไม? ตลกอะไรนักหนา”

 

บรรยากาศด้านหลังเริ่มเย็นลงอีกครั้งจากคำของรุ่นพี่คนนี้

 

“แล้วไง? นายเป็นราชวงศ์งั้นเหรอ”

 

“ก็ไม่ใช่เหมือนกัน?”

 

“……อะไรนะ?”

 

จากนั้นสีหน้าของเขาก็แปลกไป ฉันไม่ใช่ขุนนางหรือราชวงศ์ ดังนั้นจึงมีข้อสรุปเพียงข้อเดียว

 

“นายกำลังพูดอะไร? คนเดียวจากตระกูลอิมพีเรียลที่นี่ควรจะเป็นเบอร์ทัส? แต่นายคือไรน์ฮาร์ดใช่มั้ย”

 

“ใครว่าฉันมาจากราชวงศ์อิมพีเรียลล่ะ?”

 

ฉันหัวเราะแล้วพูดว่า:

 

“ฉันไม่ใช่ขุนนาง ไม่ใช่ราชวงศ์ หรือเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์อิมพีเรียล แต่เป็นแค่ขอทานตามข้างถนน แล้วไงล่ะ”

 

ทุกคนตกตะลึงกับการประกาศอย่างกล้าหาญของฉัน

 

“…. ขอทาน? นายเป็นขอทาน?”

 

“ใช่ ขอทาน”

 

ทุกคนดูตกใจที่ฉันพูดแบบนั้นออกไป คนที่ดูเหมือนเป็นตัวแทนของพวกเขามองมาที่ฉันโดยกอดอกพูดไม่ออก

 

“ไม่ แล้วทำไมนายถึงทำตัวสูงส่งและยิ่งใหญ่เหมือนพวกขุนนางและราชวงศ์กันล่ะ”

 

“ถ้าคุณไม่อยากทำอะไร ก็แค่ไม่ทำ แล้วไง? ขอทานจะมีความภาคภูมิใจบ้างไม่ได้รึไง?”

 

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ”

 

เขากำหมัดแน่นและเริ่มเข้ามาหาฉัน

 

“งั้นฉันก็ต้องเอาชนะนายให้ได้ ให้ฉันสั่งสอนนายเอง”

 

– ป๊าบ!

 

ฉันรู้สึกได้ทันทีที่โดน

 

ผู้ชายคนนี้ของจริง

 

* * *

 

บรรยากาศหนาวเย็นยิ่งกว่าเดิม

 

“เอิ๊ก….”

 

มันเจ็บเหมือนตกนรก นั่นคือทั้งหมดที่ฉันคิดออก กำปั้นของเขากระแทกอย่างแรง มันไม่ใช่เรื่องตลก

 

“ไม่ใช่ว่านายดูเงียบๆไปงั้นเหรอ หื้ม?”

 

เมื่อฉันก้าวถอยหลังโดยกุมท้องไว้ เขาก็เริ่มเข้ามาหาฉันช้าๆ

 

ฉันทำเหมือนฉันเป็นบ้าจนถึงตอนนี้ และฉันไม่คิดว่าฉันจะได้มาเจอของจริงแบบนี้

 

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเรื่องไม่คาดฝัน ผู้ชายคนนี้เป็นรุ่นพี่ ไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นของฉัน เห็นได้ชัดว่าความสามารถทางกายภาพของเราเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ นั่นคือความแตกต่างในระยะห่าง1ปีระหว่างเรา

 

“ถ้านายเป็นส่วนหนึ่งของรอยัลคลาส”

 

– ป๊าว!

 

“อั๊ก!”

 

“ก็ทำตามประเพณีของรอยัลคลาสสิวะ”

 

– ป๊าว!

 

“ฮึ!”

 

“ถ้าฉันเอาจริง นายคงตายไปนานแล้ว เข้าใจมั้ย”

 

ฉันถูกเด็กอายุ 18 ปีทุบตีอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่เขากำลังพูดอย่างไม่เป็นทางการ ฉันทนไม่ได้ที่โดนตบแบบนั้น ฉันจึงวิ่งไปหาเขา

 

“ฮะ”

 

– ป๊าว!

 

“เอิ๊ก!”

 

“นายพยายามจะโจมตีรุ่นพี่ใช่มั้ย”

 

แม้ว่าเขาจะตกใจที่ฉันพยายามจะต่อยเขา แต่ผู้ชายคนนั้นก็หลบกำปั้นของฉันเพียงแค่ขยับศีรษะเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หัวเราะและจับผมของฉัน

 

“ไอ้เวรนี่เอาจริงเหรอ”

 

– ป๊าว!

 

เขาทุบหน้าอกของฉัน

 

“จริงๆงั้นเกรอ”

 

– ป๊าว!

 

“อั๊ว!”

 

เขาตีฉันที่หน้าท้อง

 

“นายอยากตายมากใช่มั้ย”

 

– ป๊าว!

 

“ฮึบ!”

 

ฉันโดนตบหน้า เพื่อนร่วมชั้นและรุ่นพี่ของฉันกำลังเฝ้าดูฉันถูกทุบตีอย่างว่างเปล่า

 

ที่แปลกใจคือ…

 

สีหน้าของพวกเขาดูไม่สดชื่นเลย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดูหวาดกลัว

 

ฉันรู้ตัวเมื่อโดนตบเข้าที่หัว

 

ทั้งที่สู้ไม่ได้เลย

 

ฉันรู้สึกเหมือนได้รับชัยชนะ

 

“นายมันก็แค่-….”

 

“เฮ้”

 

-กั๊ก!

 

“อั๊ว!”

 

“ตานายแล้ว ไอ้สารเลวเอ้ย”

 

“คร๊าาาาาา!”

 

ฉันจับเป้าของชายคนนั้นด้วยแรงทั้งหมดของฉัน มันตบหน้าฉัน ฉันเลยคว้ามันไว้เหมือนมงกุฎแห่งชัยชนะ

 

โล่งอกที่มันมีขนาดตามค่าเฉลี่ยสำหรับนักเรียนมัธยมปลาย

 

“พูดว่า “ได้โปรดปล่อยฉันด้วยเถอะ” สิ”

 

“อ้ากกก! เฮ้ เฮ้ ออกไป ปล่อยนะเว้ย รีบปล่อยในขณะที่ฉันยัง ใจดีอยู่ววววว! ได้โปรด!””

 

ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นกำลังถูกทดสอบขีดจำกัดของเส้นเสียงและความสามารถของเขา

 

รุ่นพี่คนอื่น ๆ ที่เห็นเหตุการณ์ที่น่าอัศจรรย์นั้นเข้ามาใกล้เพื่อหยุดฉัน

 

“ฉันไม่หยุด!”

 

“อ๊ะ ไม่! แก ไอ้สารเลว!”

 

“อย่าเข้ามาใกล้นะ ไอ้สารเลว!”

 

“ย่าห์ก๊ากกก! อ๊ากกกกกกกกกกกก!”

 

“บิดไปอีก? มันบิดมากกว่านี้จะไม่ดีงั้นเหรอ? ฮะ? ถ้าเธอเข้ามาใกล้ฉันกว่านี้ ฉันจะบิดมันจนสุด! โอ้ ดูท่าเขาจะต้องอยู่เป็นแตงโมไร้เมล็ดไปตลอดชีวิตแล้วล่ะ อา ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน แต่ถ้าเข้ามาใกล้กว่านี้ ผู้ชายคนนี้สามารถบอกลาลูกหลานของเขาได้เลย!”

 

เมื่อได้ยินคำขู่ของฉัน ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะรีบไปช่วยเขา ขณะที่ฉันพยายามจับให้แน่นกว่าเดิม

 

“ปะ! ปละ! ปล่อย น้าาาาาาา!”

 

“พูดสิว่า ได้โปรดปล่อยฉันไปด้วย”

 

นักเรียนชายทุกคนต่างสงบเสงี่ยมโดยไม่รู้ตัวในฉากสยองขวัญนั้น

 

“ปะ, ปล่อย! ปล่อยฉันไปเถอะนะ!”

 

“คุณต้องเพิ่มคำว่าได้โปรดด้วยสิ ระวังการใช้ภาษาของนายหน่อย! โปรด! พูดมันด้วย!”

 

– ขยี้!

 

“ได้โปรด ปล่อยฉันไปเถอะน้าาาาาา! เอิ๊ก!”

 

พี่ชาย คุณเริ่มที่จะดูเหมือนผู้หญิงแล้วนะ

 

“ปล่อยเดี๋ยวนี้? ”

 

– ขยี้!

 

“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา! กร๊ากกก! แอร๊ยยย!”

 

เขาเพิ่งเปล่งเสียงแปลก ๆ ออกมา

 

ตอนนี้ฉันก็เริ่มขนลุกเหมือนกัน

 

“พาเพื่อนออกไปได้แล้ว”

 

ฉันพึมพำอย่างเคร่งขรึม

 

“นายจะมาทุบตีฉันเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้านายทำ ฉันจะพังของของนายที่นี่จนกว่าจะซ่อมไม่ได้อีกเลยดังนั้นเตรียมตัวไว้ได้เลย อ้อ แล้วครั้งหน้าฉันจะบิดมันให้สุดไปเลย”

 

ฉันปล่อยมือจากเขาแล้วมองลงไปที่ผู้ชายที่ตอนนี้ทรุดอยู่กับพื้น

 

– เตะ!

 

“อั๊ว!”

 

“เอาสิ่งนี้ออกไปได้แล้ว ไอ้พวกเวร”

 

เมื่อปล่อยเสร็จฉันก็เตะเข้าที่ใบหน้าของเขา

 

* * *

 

รุ่นพี่สองคนรีบเข้ามารับตัวเขาแล้วก็หายไป บางทีอาจเป็นเพราะการรักษาไอ้สารเลวนั้นเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า

 

“ไอ้โรคจิต นายมันโรคจิต!”

 

“จงสรรเสริญต่อไป”

 

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ชื่อเรดิน่าเดินตามหลังคนที่ถูกลากออกไปในขณะที่ร้องไห้ เธอดูตกใจอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตาม ยังมีรุ่นพี่หนึ่งคนที่เหลืออยู่ในโรงยิม แม้ว่าเธอจะดูเหมือนเพิ่งเห็นบางสิ่งที่ไร้สาระและน่ากลัว แต่เธอก็เป็นผู้หญิงที่มีท่าทีค่อนข้างสงบ

 

“ไม่ไปเหรอ?”

 

“นายรุ่นน้อง ช่วยอย่าทำให้สถานการณ์แย่ลงทีได้มั้ย”

 

“แล้วอยากจะตีฉันอีกเหรอ? คุณจะบิดของฉันด้วยเหมือนกันมั้ย”

 

“นายรุ่นน้อง ฉันแค่ต้องการคุยดีๆ ในเมื่อไม่มีใครอยู่ที่นี่ ทำไมเธอไม่แสดงความเคารพต่อฉันในฐานะรุ่นพี่ซักหน่อยล่ะ?”

 

ฉันรู้สึกถึงวิกฤตบางอย่างจากคำพูดนั้นในสถานการณ์แบบนี้

 

ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไร แต่เธอดูแปลกไป เธอดูเป็นผู้ใหญ่ และฉันคิดว่าเธอแค่บอกให้ฉันหยุดเรื่องนี้

 

ฉันจะพูดดีกับคนที่พูดดีกับฉัน และคนอื่นๆ ดูเหมือนจะเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว

 

“โอเค ได้ แล้วมีอะไรล่ะ?”

 

“ฉันชื่อเอเดรียน่า เป็นนักเรียนปีที่2 ของรอยัลคลาส, A-2 เธอบอกว่าเธอคือไรน์ฮาร์ดใช่มั้ย”

 

“อา ใช่”

 

เธอบอกชื่อของเธอ เธอแค่อยากจะคุยกับฉันจริงๆเหรอ?

 

“จริงๆเราไม่ต้องการทำแบบนี้เช่นกัน ทำมาหลายชั่วอายุคน รุ่นพี่ก็กดดันเราเหมือนกัน เราจึงต้องทำ”

 

มันเป็นระบบแบบคลาสสิก ช่างไร้สาระชะมัด

 

พวกเขาบังคับให้ทำแม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการทำก็ตาม

 

“เรดิน่าเป็นผู้หญิงที่จิตใจอ่อนแอ เธอไม่สามารถทำร้ายใครได้ เธอยอมทำร้ายตัวเองดีกว่าต้องมาพูดจารุนแรงกับพวกคุณ รุ่นพี่ของเธอเสนอชื่อเธอและบังคับให้เธอทำ”

 

“ถ้าไม่สามารถทำได้ ทำไมต้องทำด้วยล่ะ?”

 

“เพราะทำแบบนี้มานานแล้ว ฉันรู้ว่ามันฟังดูแปลกๆ แต่ถ้าใครอยากจะหยุดประเพณีที่ดำเนินมาอย่างยาวนานโดยไม่มีเหตุผลที่ดี สิ่งต่างๆ จะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก”

 

เอเดรียน่าดูเหมือนจะไม่สนุกกับการทำแบบนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงกดดันที่มาจากผลการเรียนที่สูงขึ้น ในที่สุดเรดินาตัวเล็กก็ตัดสินใจทำ และแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนประเภทนั้นด้วยซ้ำ

 

“ถ้าเราบอกว่าเราทำไม่ได้ บางทีพวกปี3 อาจจะมาเองก็ได้” ถึงตอนนั้น…. เธอจะจัดการได้มั้ย”

 

เธอถามฉันว่าฉันจะไล่นักเรียนชั้นปีที่ 3 ออกโดยทำเรื่องน่าอายและไร้ยางอายเหมือนเมื่อกี้นี้อีกได้มั้ย

 

“ยิ่งชั้นสูง ก็ยิ่งยากสำหรับพวกเขาที่จะอดกลั้น เธออาจได้รับบาดเจ็บจริงๆ”

 

ใช่ ยิ่งใช้เวลาอยู่ที่วิหารมากเท่าไหร่ คนก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ฉันถูกปี2 ทุบตีเหมือนหมา แต่ฉันใช้ประโยชน์จากความเลินเล่อของเขาและจับจุดอ่อนของเขาได้ คงไม่มีโอกาสเช่นนี้ถ้าชั้นปีที่สูงกว่าเริ่มเข้ามา

 

“ครูแค่ดูสิ่งนี้เฉยๆงั้นเหรอ”

 

“พวกเขายอมรับมัน”

 

คงจะสบายสำหรับครูจริงๆ ถ้าไอ้พวกตัวแสบโดนสั่งสอนแบบนี้ พวกเขาสามารถใช้รุ่นพี่เพื่อฝึกฝนคนที่ผิดแนวและฟื้นฟูพวกเขา

 

“มาทำสิ่งต่างๆ ในปริมาณที่พอเหมาะกันเถอะนายรุ่นน้อง ถ้าเรื่องมันลุกลามใหญ่โต เราคงโดนรุ่นพี่ดุ แต่พวกนายจะยิ่งเดือดร้อน”

 

สรุปว่า “ทำตามแบบปกติไม่ได้เหรอ?” เธอดูเหมือนจะเป็นคนที่พูดคุยด้วยได้อย่างแน่นอนเพราะเธอพยายามแนะนำฉันอย่างอ่อนโยน ถึงกระนั้น ดูเหมือนเธอจะไม่อยากยุ่งวุ่นวายเพื่อทำลายวงจรแห่งความไร้เหตุผลนี้

 

อย่าสร้างเรื่องและเป็นเด็กดีซะ

 

คุณอดทนสักหน่อยแล้วแสร้งทำเป็นไม่ได้หรือ

 

นั่นคือสิ่งที่เธอแนะนำและร้องขอ

 

นั่นเป็นไปได้ ฉันเห็นว่าเธอเป็นคนที่พูดรู้เรื่องจริงๆ

 

“ไปบอกพวกปี3ที่จะมาถึง พวกเขาไม่ใช่คนที่ทำให้รุ่นพี่ทำแบบนี้เหรอ? ถ้าไอ้สารเลวพวกนั้นอยากให้ทำ ก็ให้พวกเขาก็มาทำเอง”

 

“…….ว่าไงนะ?”

 

เอเดรียน่าแสดงความประหลาดใจเพราะเธอไม่คิดว่าฉันจะไปตอบไปแบบนั้น

 

ปี2 ปี3!

 

แค่มาที่ฉัน!

 

“แต่พวกเขาไม่ควรมาวันนี้หรือพรุ่งนี้”

 

ฉันหัวเราะเบา ๆ

 

“บอกให้มาในวันจันทร์ ในคืนวันจันทร์”

 

ฉันรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงเลือกวันหยุดสุดสัปดาห์ เอเดรียนากัดริมฝีปากของเธอขณะที่เธอเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดในทันที

 

“มาดูกันว่าปีที่สามนั้นจะสามารถบอกให้เจ้าชาย เบอร์ทัส เดอ การ์เดียส หมอบลงได้รึเปล่า จะดีกว่ามั้ยหากให้พวกเราทุกคนมาพร้อมกัน ฉันไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมคุณต้องทำในเวลานี้ เราควรทำร่วมกัน ฉันสัญญาว่าจะยอมรับเรื่องนี้ถ้าพวกเขามาในวันจันทร์”

 

ฉันเข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนี้ในช่วงสุดสัปดาห์

 

พวกเขาต้องยืนยันว่าเจ้าชายกลับไปที่ราชสำนักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

ไม่ว่าเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ พวกเขาไม่ต้องการแตะต้องเจ้าชาย พวกเขาสามารถทำสิ่งเหล่านี้กับขุนนางหรือราชวงศ์อื่น ๆ ได้ แต่ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะกล้าแตะต้องเจ้าชายอิมพีเรียล

 

“ถ้าไม่มีปี3ในวันจันทร์ ฉันเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”

 

“……”

 

ทุกคนแปลกใจที่ฉันกล้าเอ่ยถึงเจ้าชาย เอเดรียน่าถอนหายใจสั้น ๆ ขณะที่หลับตา

 

“เธอเป็นเด็กที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

 

รุ่นพี่ที่มีท่าทางสงบออกจากโรงยิมด้วยคำพูดเหล่านี้

 

เธอไม่คิดว่าฉันบ้าพอที่จะพูดถึงเจ้าชาย

 

ฉันหันไปคุยกับแฮร์เรียต เดอ แซงต์-โอวัน

 

“ฉันรับผิดชอบแล้ว โอเคมั้ย ยัยซื่อบื้อ”

 

“.……นี่ อย่ามาเรียกฉันว่ายัยซื่อบื้อนะ! ฉัน ฉันฉลาดกว่านายนะ!”

 

“โอ้ใช่ ยัยซื่อบื้อคุณภาพสูง”

 

“นี่ นี่! นาย!”

 

เธอตะโกนด้วยใบหน้าที่แดง แต่ดูเหมือนเธอโล่งใจที่สถานการณ์นี้ได้รับการแก้ไขแล้ว

 

ภาพลักษณ์ที่พวกเขามอบให้ฉันดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย ขณะที่พวกเขาค่อยๆ แยกย้ายกันไปทีละคน

 

พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาเพิ่งได้เห็นการใช้งานความบ้าคลั่งที่แปลกประหลาดสำหรับคนโรคจิตคนนี้ เป็นสัตว์ร้ายที่ควรหลีกเลี่ยง

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

Status: Ongoing
หลังจากที่ตายนักเขียนนิยายสุดห่วยได้ถูกส่งไปเป็นหนึ่งในตัวละครของนิยายของเขา “ให้ตายเถอะ!! ทำไมฉันถึงต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย!” ด้วยความโชคร้าย ตัวละครที่ได้จากการสุ่มนั้นคือเจ้าชายปีศาจ ตัวละครที่ไม่มีในเรื่อง ไม่ใช่แม้กระทั่งตัวประกอบด้วยซ้ำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน