เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา – ตอนที่ 42

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 42

 

เด็กชายที่ช่วยเธอไว้ แต่แล้วจู่ๆ ก็ได้หายตัวไป

 

ดูเหมือนว่าชาร์ลอตต์จะคิดว่าเขากลายมาเป็นขอทาน นั่นเป็นเหตุผลที่เธอใช้ฉันเพื่อหาเด็กคนนี้ เพราะขอทานน่าจะรู้จักขอทานดีที่สุด

 

นักเรียนจากองค์กรขอทานที่เข้ามาในวิหาร สำหรับชาร์ลอตต์ ฉันดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในการค้นหาเด็กชายคนนั้นให้เธอ

 

แต่ในขณะที่ชาร์ลอตต์ดูเหมือนจะมีเหตุผล แต่จริงๆแล้วกลับไม่ใช่ อารมณ์ที่ฉายแววในดวงตาของเธอเมื่อเธอบอกให้ฉันไปตามหาเขานั้นดูไม่สงบเลย

 

เธอดูเหมือนกำลังจะขาดสติ ชาร์ลอตต์ที่ขู่ฉันและยืนกรานให้ฉันตามหาตัวเอง ดูเหมือนจะควบคุมอารมณ์ของเธอไม่ได้

 

ชาร์ลอตต์ทำการตรวจสอบประวัติฉันอย่างพิถีพิถันในเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่สามารถคิดอย่างมีเหตุผลได้

 

ฉันคิดว่าเธอคงคิดว่าฉันน่าสงสัยแน่ๆ ในขณะที่ฟังเรื่องราวของไดรัส แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เป็นเช่นนั้นเลย เธอก็แค่คนสิ้นหวังที่ตามหาคนที่สำคัญกับเธอ

 

ในบางเรื่องเธอก็เป็นคนขาดความรอบคอบ

 

ชาร์ลอตต์ไม่คิดว่าฉันน่าสงสัยเลย บางทีเธออาจจะคิดว่าฉันแค่วิ่งหนีหรือถูกลักพาตัวและถูกฆ่า

 

นั่นคือสิ่งที่ฉันเชื่อเมื่อดูจากความคิดของเธอ

 

ถ้าเธอสงสัยฉันซักนิดว่าฉันเป็นปีศาจปลอมตัวมา ชาร์ลอตต์น่าจะไม่เป็นอย่างนี้

 

ถ้าเธอตรวจสอบที่มาขอทานของฉัน วันที่ออกบัตรประจำตัวของฉัน และสอบสวนคนขอทานเป็นการส่วนตัว ชาร์ลอตต์คงสังเกตเห็นว่าวันหนึ่งฉันก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้

 

อย่างไรก็ตาม ชาร์ลอตต์หมกมุ่นกับการตามหา วาเลียร์มาก เธอแค่ต้องการใช้ฉันเป็นเครื่องมือในการค้นหาเขา แต่ไม่ได้สงสัยถึงตัวฉันเลย

 

ฉันรู้สึกดีเล็กน้อย แต่ในทางกลับกันก็ไม่ ตอนนี้ฉันอยู่ในสถานะที่ต้องหลอกเด็กคนนี้ที่ตามหาฉันอย่างสิ้นหวัง

 

ฉันได้รับคำสั่งแปลกประหลาดนี้ให้ค้นหาและพาตัวเองไปหาชาร์ลอตต์ การปรากฏตัวต่อหน้าเธอด้วยรูปลักษณ์ของวาเลียร์จะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง แต่เธอจะไม่ยอมปล่อยฉันไปแน่ๆ เธอจะพยายามให้ฉันอยู่เคียงข้างเธอ

 

ฉันควรทำอย่างไรดี?

 

ซาร์เคการ์ ผู้ช่วยคนหนึ่งของฉัน เป็นคนที่ลักพาตัวเจ้าหญิงอิมพีเรียลไป มันคงไร้สาระที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฉันกับเธอ และการปรากฎตัวต่อหน้าเธอในร่างของวาเลียร์ก็ดูจะเป็นอันตรายอย่างมาก

 

นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง

 

ฉันต้องหารือเรื่องนี้กับ โลยาร์, เอเลริส และ ซาร์เคการ์

 

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ฉันติดกับดักเบอร์ทัสกับชาร์ลอตต์โดยสิ้นเชิง

 

ขึ้นอยู่กับการกระทำของฉัน การตัดสินใจมาที่วิหารอาจเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็ได้

 

* * *

 

คนที่อยู่ใกล้ตัวฉันมากที่สุดคือเบอร์ทัส และคนที่อยู่ใกล้หัวใจฉันที่สุดคือชาร์ลอตต์

 

พูดตามตรงฉันรู้สึกเสียใจมาก ฉันไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเธอที่ตามหาฉันอย่างสิ้นหวังได้ และจริงๆ แล้วฉันต้องช่วยศัตรูคู่อาฆาตของชาร์ลอตต์อยู่ด้วย

 

และตอนนี้แก๊งค์ก็อยู่ในการจับตามองของเจ้าหญิง ฉันไม่รู้เกี่ยวกับเบอร์ทัส แต่เจ้าหญิงจะกวาดล้างแก๊งค์โรตารีอย่างแน่นอน ถ้าฉันทำเรื่องไร้สาระ เธออาจจะนำความสัมพันธ์ของฉันกับสมาคมโจรไปบอกอาจาร์ยและอาจทำให้ฉันถูกไล่ออกจากวิหารเลยด้วยซ้ำ

 

การแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ไร้ประโยชน์เช่นกัน ชาร์ลอตต์รู้ทุกอย่างแล้ว

 

เธอไม่รู้รายละเอียดที่สำคัญที่สุด แต่เธอรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมดที่จะทำให้ฉันรำคาญใจ

 

ฉันไม่สามารถบอกเบอร์ทัสได้ว่าชาร์ลอตต์สั่งให้ฉันทำอะไร ถ้าเขาถามฉันทีหลังว่าฉันคุยกับชาร์ลอตต์เรื่องอะไร ฉันควรบอกเขายังไงดี?

 

ทั้งเบอร์ทัสและชาร์ลอตต์ตามหาฉัน เบอร์ทัสเพื่อจัดการและชาร์ลอตต์เพื่อปกป้อง

 

สิ่งต่าง ๆ เริ่มบิดเบี้ยว

 

อย่างไรก็ตาม เกิดอะไรขึ้นกับไดรัส? ฉันถามชาร์ลอตต์ไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่ฉันอยากรู้ ถ้าดยุคซาเลเรียนจัดการเขา เขาคงจะตายไปแล้ว ฉันได้แต่หวังว่าชาร์ลอตต์จะปกป้องเขาอย่างดี

 

ตอนนี้ฉันควรกังวลเกี่ยวกับคนอื่นได้ด้วยเหรอ

 

รัชทายาททั้งสองต้องการให้ฉันทำบางสิ่งเพื่อพวกเขา มันจะดีกว่าถ้าฉันมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับด้านใดด้านหนึ่ง แต่ฉันกลับมีความเกี่ยวพันกับทั้งสองอย่างคลุมเครือ

 

นั่นคือสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้

 

เรื่องของชาร์ลอตต์ต้องคุยกันต่างหาก และไม่ใช่แค่นั้น

 

ฉันยังต้องเตรียมตัวสำหรับการดวลกับอาร์ทในสัปดาห์นี้ เห็นได้ชัดว่าเขาจะทุบตีฉันจนเลือดอาบแน่ๆเมื่อเวลานั้นมาถึง แต่หลังจากนั้นเขาจะไม่สามารถทำได้ง่ายๆ อีกต่อไป

 

* * *

 

ฉันกลับมาที่หอพักแล้วก็ได้มีคนเรียกฉัน

 

“นี่ นายขอทาน”

 

“อะไร?”

 

แฮร์เรียต เดอ แซงต์-โอวัน เมื่อฉันตอบสนอง เธอปิดปากของเธอและหัวเราะ

 

“ฉันเรียกนายงั้นเหรอ? ฉันเพิ่งพูดคำว่าขอทาน นายเป็นขอทานหรือเปล่าล่ะ”

 

เธอพยายามเอาคืนฉันด้วยวิธีเดียวกับที่ฉันใช้กับเธอสินะ?

 

“ก็ใช่ไง”

 

“หือ?”

 

เมื่อฉันตอบว่าใช่ สีหน้าของหญิงสาวคนนั้นกลายเป็นคนงุนงงราวกับว่านี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เธอต้องการ ฉันไม่เคยตั้งให้เธอเป็นตัวละครแบบนี้เลยนะ ทำไมเธอถึงน่ารักจัง?

 

เธอเหมือนเด็กน้อยที่คิดว่าตัวเองฉลาด เธอน่ารักมาก ฉันโกรธเธอไม่ลงเลยล่ะ

 

“ฉันเป็นขอทาน เธอพูดถูกแล้วล่ะ แล้วมันยังไงล่ะ”

 

“หึ หึ… อา….”

 

สิ่งที่เธอคาดหวังให้ฉันพูดคือ “อย่าเรียกฉันว่าขอทานนะ!” แต่สิ่งที่เธอได้รับคือ: “เธอพูดถูกแล้วล่ะ” ดังนั้น เมื่อฉันถามเธอว่าเธอต้องการอะไร เธอดูกระอักกระอ่วน เพราะเธอคงไม่มีอะไรจะพูดกับฉัน

 

“ฉันได้ยินมาน่ะ ฉันได้ยินมาว่านายกำลังจะดวล?”

 

ทำไมเธอถึงแสร้งทำเป็นว่าได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง ทั้งๆ ที่เธอก็อยู่ที่นั่น ตอนที่มันเกิดขึ้น ไม่ว่าใครจะมองอย่างไร นี่เป็นเพียงคำถามที่เธอเพิ่งคิดขึ้นมาสดๆเลยชัดๆ

 

“ใช่”

 

“รุ่นพี่คนนั้นเป็นคนที่น่ากลัวมากเลยนะ นายจะต้องโดนซ้อมหนักมากเลยแน่ๆ”

 

“ก็ถูกของเธอ ฉันสงสัยว่าเขาจะฆ่าฉันรึเปล่านะ”

 

ดูเหมือนเธอจะผงะกับคำตอบที่ไม่ใส่ใจของฉัน

 

“……นายไม่กลัวรึไง?”

 

“กลัวสิ? กลัวจนแทบจะฉี่ราดอยู่แล้ว”

 

เธอดูสับสนมากขึ้นเมื่อฉันบอกเธออย่างไม่ตั้งใจว่าฉันกลัวจริงๆ เธอรู้ว่าฉันเป็นตัวก่อกวน แต่ดูเหมือนว่าการประเมินของฉันจะถูกแก้ไขว่าเป็นคนที่เข้าใจยากโดยสิ้นเชิง

 

“แล้วทำไมนายถึงยอมรับคำท้าล่ะถ้านายกลัวน่ะ”

 

“บางทีฉันอาจจะบังเอิญเปลี่ยนเกมได้ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง”

 

ฉันไม่ได้พูดอะไรเช่น: “ฉันกำลังพยายามปลุกความสามารถเหนือธรรมชาติของฉันด้วยการทำให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดันทางจิตใจอย่างมาก”

 

แฮเรียตจ้องมาที่ฉันราวกับว่าฉันบ้า ในที่สุดเธอก็ส่ายหัว

 

เธอยังมีรอยยิ้มที่ชั่วร้ายบนริมฝีปากของเธอ

 

“งั้นฉันคงต้องคอยดูแล้วล่ะว่านายจะถูกซ้อมจริงๆ หรือเปล่า”

 

“ตามใจ”

 

“……ฮึ่ม!”

 

ฉันมุ่งหน้าไปที่โรงยิม

 

และดูเหมือนตอนนี้บทสนทนาของพวกเราจะดูสงบอย่างน่าประหลาดใจ

 

* * *

 

ความสามารถทางกายภาพของฉันไม่ได้ตามหลังเพื่อนร่วมชั้นมากนัก แต่ก็เทียบไม่ได้กับผู้ที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด

 

แน่นอนว่าคนอย่างอีริช ลาฟาเอรี ที่มีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้แต่ไม่ได้ใช้ความพยายามใดๆเลย ก็ไม่อยู่ในสมการนั้นเช่นกัน

 

โรงยิมของหอพักคลาส A มีนักเรียนสองคนถือดาบฝึกหัดและตีหุ่นไล่กาตามลำพังหรือฝึกท่าทาง

 

A-2, เอลเลน อาร์โทเรียส และ A-5 คลิฟฟ์แมน สองคนนี้เท่านั้น ทั้งสองฝึกฝนทุกวันตามกิจวัตรของตน พวกเขาไม่ได้ออกไปเล่นในวันหยุดสุดสัปดาห์และฝึกซ้อมตลอดทั้งวัน

 

อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนฝึกแยกกันในขณะที่ยังอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และมีโอกาส 100% ที่พวกเขาจะไม่เคยแม้แต่จะสนทนากันเลยจนถึงตอนนี้

 

ตอนนี้ฉันหยิบดาบฝึกหัดขึ้นมา

 

แต่ฉันจะฝึกวิชาดาบได้ยังไง? เพียงแค่แกว่งดาบไปรอบ ๆ ด้วยตัวเองงั้นเหรอ

 

ฉันมักจะอธิบายว่า “พวกเขาฝึกวิชาดาบ” ในนิยายของฉันโดยไม่ลงรายละเอียด การเลื่อนระดับก็ใกล้เคียงกัน ฉันแค่บอกว่าพวกเขาเลื่อนระดับ หรือจะเป็นการพูดตรงๆ ว่าพวกเขาเก่งขึ้นแล้วในเรื่องนี้หรือเรื่องนั้น

 

ฉันเริ่มแกว่งดาบ

 

แน่นอน มันไม่ได้สุ่มทั้งหมด ฉันพยายามนึกถึงกระบวนท่าของนักดาบที่ฉันได้เรียนรู้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วและทำตามมันในขณะที่เล่นซ้ำความทรงจำนั้นในใจของฉัน ฉันฝึกฝนเทคนิคและกระบวนท่าของนักดาบในขณะที่ดูคู่มือที่ให้มา มีงานที่ต้องทำมากเกินกว่าจะย่อให้สั้นลงในคำเดียวได้

 

ฉันตระหนักว่าความแข็งแรงของกล้ามเนื้อข้อมือและแขนของฉันต้องได้รับการรองรับ การทำงานของเท้าก็มีความสำคัญเช่นกัน

 

ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าสองคนนี้ทำสิ่งนี้ทุกวัน

 

ทั้งสองกวัดแกว่งดาบอย่างเงียบ ๆ เริ่มดูเหลือเชื่อสำหรับฉันอีกครั้ง

 

* * *

 

“ฮึ่ม…. ฮึ่ม….”

 

หลังอาหารเย็น เอลเลนยังคงควงดาบของเธอต่อไป และแม้ว่าคลิฟฟ์แมนจะกลับไปที่หอพักแล้ว เธอก็ยังคงฝึกฝนเพียงลำพัง

 

แน่นอนว่าเธอไม่เพียงแค่กวัดแกว่งดาบ เธอดูเหมือนจะทำสิ่งอื่น เช่น ไปที่ไหนสักแห่งและกลับมาหลังจากนั้น ในที่สุด หลังจากเวลาผ่านไป ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่เหลือการฝึกและกวัดแกว่งดาบ

 

นี่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงได้รึเปล่านะ?

 

ฉันทำสิ่งนี้เพียงวันเดียว แต่ฉันก็รู้สึกเหนื่อยแล้ว ฉันคงต้องฝึกฝนตัวเองให้ชิน ไม่ใช่แค่เพราะการดวลกันในสัปดาห์หน้า แต่งเพราะฉันไม่สามารถเชื่อในการกระทำหมาบ้าของฉันตลอดไป

 

นั่นคือสิ่งที่ฉันตระหนักถึง

 

รุ่นพี่ปีที่3ไม่มาแม้ว่าจะมืดแล้วก็ตาม ในที่สุด ก็เป็นไปตามคาด พวกเขาไม่ต้องการมายุ่งกับเจ้าชายโดยตรง และคนเหล่านั้นบังคับให้นักเรียนชั้นปีที่ 2 จัดการแทนพวกเขา

 

รุ่นพี่ปี3ไม่มา อย่างไรก็ตาม คนที่ไม่คาดคิดได้เข้ามาในโรงยิม

 

“…….”

 

“ว่าไงรุ่นน้อง ฉันได้ยินมาว่านายอยู่ที่นี่”

 

เอเดรียน่า รุ่นพี่ปี2ที่มีท่าทางสุขุม

 

เธอขมวดคิ้วขณะที่เธอมองมาที่ฉันซึ่งนอนเหยียดยาวพร้อมกับดาบฝึกหัดอยู่ข้างๆ ฉันที่เหงื่อออกมากมาย

 

“คุณมาทำอะไรที่นี่น่ะ รุ่นพี่?”

 

“…เรดิน่าขอให้ฉันมา”

 

“เด็กคนนั้น?”

 

เพื่ออะไร

 

“ดูเหมือนว่าอาร์ทจะตั้งตารอมาก ดังนั้นเขาอาจจะทุบนายให้ตายไปครึ่งตัวก็ได้ เธอพยายามที่จะห้ามเขาแล้วนะ”

 

เธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากจนถึงจุดที่ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆที่ทำกับเธอ เอเดรียน่าถอนหายใจเมื่อเห็นฉันเหนื่อยมาก

 

“แต่เมื่อมองดูนายตอนนี้ ดูเหมือนว่านายกำลังพยายามทำอะไรบางอย่างอยู่”

 

“อืม…. ก็ประมาณนั้น”

 

“เพียงเพราะนายทำแบบนี้เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ไม่ได้หมายความว่านายจะสามารถเอาชนะอาร์ทได้ รู้ใช่มั้ยล่ะ?”

 

เอเดรียน่าดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่

 

‘ทำไมนายถึงยอมรับการดวลที่เห็นได้ชัดว่านายกำลังจะแพ้และกวัดแกว่งดาบในโรงฝึกจนเกือบฆ่าตัวตาย? ไม่มีโอกาสชนะเลยซักนิด’

 

นั่นคือสิ่งที่เธอพยายามจะบอกฉัน

 

“ฉันแค่ต้องทำอะไรบางอย่าง”

 

“นายจะแพ้ น่าเศร้าที่มันจะเป็นเช่นนั้น”

 

“ฉันรู้อยู่แล้ว”

 

“…ไปขอโทษเถอะ ก่อนที่เธอจะต้องทนทุกข์ทรมานกับความอัปยศอดสูไปมากกว่านี้ แน่นอนนายตระหนักดีว่านายกำลังไปไกลเกินไป อาร์ทเองไม่ใช่คนที่แย่อย่างที่คิด”

 

“ฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดี”

 

ฉันเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมเขาถึงโยนถุงมือหลังจากถูกยัดเยียดแบบนั้น เขาถูกทำให้อับอายโดยรุ่นน้องของเขา เอเดรียน่ากัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อย

 

“นายรู้ว่านายจะแพ้ และนายก็ไม่คิดว่าอาร์ทเป็นคนไม่ดี แล้วทำไมนายถึงอยากสู้ต่อและไม่ไปขอโทษ”

 

“เพียงเพราะว่า”

 

ฉันลุกขึ้นอีกครั้งพร้อมกับดาบฝึกหัดของฉันและเริ่มฝึกท่าทางของฉัน

 

“ฉันต้องลองโดนซักครั้งน่ะ”

 

“……อะไรนะ?”

 

“แค่นั้นแหละ”

 

– หวือ! หวด!

 

ฉันต้องถูกโจมตีเพื่อเอาชนะสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ เอเดรียน่าจ้องมาที่ฉันเป็นเวลานานแล้วถอนหายใจ

 

“นี่รุ่นน้อง”

 

“ว่าไง”

 

เอเดรียน่าค่อยๆ เดินเข้ามาหาฉันราวกับว่าเธอต้องการจะหยุดฉันและแย่งดาบไปจากมือของฉัน

 

จากนั้นเธอก็แสดงท่าทางที่ฉันพยายามทำมาจนถึงตอนนี้เบา ๆ เมื่อมองในกระจก มันเทียบไม่ได้กับท่าทางเงอะงะที่ฉันแสดง เกือบจะเป็นท่วงท่าที่สมบูรณ์แบบ เหมือนกับการรำดาบ

 

“…ทำไมคุณถึงแสดงสิ่งที่ฉันไม่สามารถเลียนแบบได้…”

 

เอเดรียน่าถอนหายใจราวกับว่าตัวเธอเองไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังทำและคืนดาบฝึกหัดให้ฉัน

 

“ลองทำมันดู”

 

จากนั้นฉันพยายามแสดงการเคลื่อนไหวแบบเดียวกับที่ เอเดรียน่าแสดงให้ฉันเห็นโดยใช้หุ่นไล่กา

 

“…….”

 

“…….”

 

เราสองคนมองหน้ากันเงียบๆ เธอเดินเข้ามาหาฉัน จับแขนฉันแล้วเขย่าไปมา มันเดินกะโผลกกะเผลกเพราะตอนนี้ฉันรู้สึกเหนื่อยมาก

 

“มันไม่มีประโยชน์อะไรหากนายพยายามทำสิ่งนี้ในขณะที่นายหมดแรง เดี๋ยวจะเจ็บข้อมือซะเปล่าๆ”

 

เอเดรียน่ามองมาที่ฉันด้วยความสงสารแล้วหลับตาลง มีแสงสีขาวปรากฏขึ้นจากมือของเธอและเริ่มจี้ร่างกายของฉัน

 

“นี่ นี่….”

 

“…อา นายไม่รู้งั้นเหรอ”

 

จากนั้น เอเดรียน่าก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง

 

“ฉันอยากเป็นพาลาดินน่ะ”

 

เธอดูเหมือนจะมีพรสวรรค์ทั้งในด้านพลังศักดิ์สิทธิ์และทักษะการใช้ดาบ ปีที่สอง A-2 เอเดรียน่า ถ้าเธอเป็นหมายเลข 2 ของคลาส A ฉันเดาว่าเธอคงจะมีความสามารถมากกว่านี้

 

เธอช่างเหลือเชื่อจริงๆ เนื่องจากเธอสามารถใช้เวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย

 

เธอฟื้นคืนพลังของฉันด้วยเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ อาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อและความเมื่อยล้าทั้งหมดของฉันได้รับการบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด

 

“เอาล่ะ ลองใหม่อีกครั้ง”

 

“ขอบคุณนะ”

 

เรี่ยวแรงของฉันได้รับการฟื้นฟู ขณะที่รู้สึกขอบคุณอยู่ในใจ ฉันพยายามติดตามการเคลื่อนไหวของเอเดรียน่าอีกครั้ง

 

“…….”

 

“…….”

 

ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

 

คำแปลไหนแปลกๆแนะนำมาได้เลยนะครับ

เพจผู้แปล Lemon FT

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

Status: Ongoing
หลังจากที่ตายนักเขียนนิยายสุดห่วยได้ถูกส่งไปเป็นหนึ่งในตัวละครของนิยายของเขา “ให้ตายเถอะ!! ทำไมฉันถึงต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย!” ด้วยความโชคร้าย ตัวละครที่ได้จากการสุ่มนั้นคือเจ้าชายปีศาจ ตัวละครที่ไม่มีในเรื่อง ไม่ใช่แม้กระทั่งตัวประกอบด้วยซ้ำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน