The Demon Prince goes to the Academy
ตอนที่ 47
หนึ่งวันก่อนการดวล
ในวันเสาร์ฉันฝึกความแข็งแรงกับเอเดรียน่าในตอนเช้าตามปกติ
เธอฝึกฝนไปด้วยในขณะที่ช่วยฉันด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ของเธอ
หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วเอเดรียน่าก็เรียกฉันมาและฝึกเพิ่มเติมให้ฉัน
“ฮะ…. ฮะ….”
ฉันรู้สึกว่าความแข็งแกร่งของฉันเพิ่มขึ้นมากในระยะเวลาอันสั้น การเติบโตอย่างรวดเร็วและความรู้สึกนี้ทั่วทั้งร่างกายทำให้ฉันมีความสุข แม้ว่าในขณะนี้ที่ฉันเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจอย่างสุดขีด
“นายรุ่นน้องวันนี้ไม่ต้องทำอะไรแล้ว พักรักษาตัวไว้เผื่อพรุ่งนี้เช้า”
“อ่า”
ที่จริงเธอสามารถฟื้นฟูความแข็งแกร่งของฉันได้ แต่ถ้าเธอทำอย่างนั้น มันอาจจะส่งผลเสียต่อการดวลในวันพรุ่งนี้ได้ ฉันเข้าใจในจุดนั้นดังนั้นฉันจะฝึกแค่พอประมาณเท่านั้น
ฉันไม่รู้จริงๆ ว่ามันจะสร้างความแตกต่างอะไรด้วยเหรอหากฉันรักษาสภาพที่ดีที่สุดเพื่อการดวลครั้งนี้ซึ่งฉันก็น่าจะแพ้อยู่ดี
เอเดรียน่าฝึกฉันในตอนเช้าและตอนบ่ายและนั่งกับฉันที่ม้านั่งในสวนสาธารณะหน้าหอพัก
เนื่องจากการฝึกฝนที่เข้มข้น ฉันจึงอดไม่ได้ที่จะดื่มน้ำเข้าไปมากมาย
เมื่อเห็นฉันหมดแรงเอเดรียน่ามองมาที่ฉันด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ บนริมฝีปากของเธอ
“นายนี่แปลกจริงๆเลยนะรุ่นน้อง”
“ยังไงอ่ะ?”
“ฉันว่านายก็มีความอดทนอยู่พอสมควรนะ ถึงจุดที่นายสามารถทำตามการฝึกของฉันได้เป็นอย่างดีจนถึงตอนนี้ แล้วทำไมนายหยาบคายกับคนอื่นจัง”
ดูเหมือนเธอจะสังเกตเห็นว่าฉันไม่ใช่คนใจร้อน โมโหง่าย ในระหว่างการฝึกสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม เธอไม่เข้าใจว่าทำไมฉันถึงหยาบคายกับคนอื่น ทั้งในการต่อสู้และภายนอกพวกเขา ถึงขนาดทำให้คู่ต่อสู้อับอายเสียอย่างนั้น
“ฉันไม่ต้องการถูกดูถูก”
“ฮะ?”
“ถ้าฉันจะยอมแพ้เพียงครั้งเดียว แต่ก็จะอีกคนเข้ามาหาเรื่อง ฉันจะเจอแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า มันติดอยู่ในวงจรอุบาทว์นี้ไปแล้ว”
เอเดรียนาถอนหายใจเฮือกใหญ่กับคำพูดของฉัน
“ไม่เหนื่อยเหรอ ทะเลาะกับใครสักคน จัดการเขาเพราะนายแค่รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อย”
“มันก็แบบนั้นแหละ”
หลังจากที่ฉันดื่มน้ำจากกระติกจนหมด ฉันก็จ้องมองไปที่สวนสาธารณะเขียวชอุ่มอย่างว่างเปล่า
“ฉันคิดว่าการหมดแรงในฐานะไอ้สารเลวยังดีกว่าการถูกเหยียดหยาม”
“งั้นเหรอ…. ฉันไม่เข้าใจนายเลยจริงๆ”
เอเดรียน่าส่ายหัวราวกับว่าเธอไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูด
“ฉันมีเรื่องจะถามคุณพอดีเลย”
“อะไร?”
เอเดรียน่าจ้องมองมาที่ฉันราวกับว่าเธอเต็มใจที่จะตอบถ้าอยู่ในขอบเขตที่เธอจะตอบได้
“เพื่อนร่วมชั้นของฉันบอกว่ามีทางเดียวที่ฉันจะชนะการดวลครั้งนี้ คุณอาจรู้มั้ยว่าเธอหมายถึงอะไร รุ่นพี่”
“ฮะ?”
เอเดรียน่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ราวกับว่าสิ่งที่ฉันพูดค่อนข้างแปลก ทางเดียวที่ฉันจะชนะได้เอลเลนคิดอะไรอยู่กันนะ?
“โทษที…. ฉันไม่รู้จริงๆ”
เอเดรียน่าส่ายหัวราวกับแสดงว่าเธอไม่รู้จริงๆ
โอเค
เอลเลนจะไม่บอกฉันแม้ว่าฉันจะจับคอเสื้อเธอและเขย่าเธอ ช่างมันเถอะ แค่ทำให้ดีที่สุดก็พอแล้วล่ะ
ถ้าฉันจะแพ้ก็แค่แพ้
* * *
เวลาของการต่อสู้ชี้ขาดมาถึงแล้ว
ต้องขอบคุณการฝึกซ้อมที่ฉันทำตลอดสัปดาห์นี้ ทำให้ฉันมีรูปร่างที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะฉันฝึกฝนในขณะที่โดนสารกระตุ้นมาอย่างหนักเลยล่ะ
สถานะปัจจุบัน: [Strength(ความแข็งแกร่ง) 4.8(F+)] [Agility(ความว่องไว) 5.0(D-)] [Dexterity(ความคล่องแคล่ว) 5.9(D-)] [Magic(พลังเวทย์) 10.1(C)][Stamina(พลังกาย) 8.1(C-)]
ความแข็งแกร่งของฉันเพิ่มขึ้น 0.8 ความว่องไวของฉันเพิ่มขึ้น 0.3 ความคล่องแคล่วของฉันเพิ่มขึ้น 0.7 และพลังกายของฉันเพิ่มขึ้น 1.6 ฉันฝึกกับ เอเดรียน่าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและพลังกายของฉัน และฉันคิดว่าความคล่องแคล่วของฉันเพิ่มขึ้นเพราะการฝึกกับเอลเลน
แล้วทำไมสถานะเวทย์มนตร์ของฉันถึงเพิ่มขึ้นอีกแล้วล่ะ?
มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในเมนูย่อยเช่นกัน
ทักษะ
[Demon Domination(การครอบงำของปีศาจ) – D](ทักษะเฉพาะของ Arcdemons)(ไม่สามารถใช้ในสถานะปัจจุบันได้)
[คำแนะนำตัวเอง](ล็อค)
[วิชาดาบจำลอง]
การประเมินความสามารถที่ครอบคลุม – ปีศาจระดับต่ำสุด
การประเมินระดับการต่อสู้ – F+
….อะไรล่ะนั่น?
วิชาดาบจำลองคืออะไร? มันไม่ใช่แรงค์ F ด้วยซ้ำ มันเป็นแค่วิชาดาบหลอกๆงั้นเหรอ จะบอกว่าฉันวิชาดาบของฉันยังไปไม่ถึงแรงค์ F ด้วยซ้ำ? ฉันไม่สามารถใช้ได้แม้แต่วิชาดาบระดับต่ำสุดเลยงั้นเหรอ?
ความจริงที่ว่าระดับการต่อสู้ของฉันเปลี่ยนจาก F เป็น F+ ก็น่ายินดีล่ะนะ
วิชาดาบจำลองที่ฉันเพิ่งได้รับหลังจากการฝึกหนักนั้นแทบจะบดขยี้ใจฉัน
อย่างไรก็ตามสมรรถภาพทางกายของฉันดีขึ้นอย่างมาก ความสามารถของฉันดูเหมือนจะดีขึ้นพอๆกัน และถ้าฉันยังฝึกฝนต่อไปสักวันฉันก็จะถึงขีดจำกัดของตัวเองอยู่ดี ในตอนนั้นฉันแค่ต้องใช้แต้มความสำเร็จหรืออะไรสักอย่าง แต่ก่อนอื่นนั้นฉันต้องทำทุกอย่างให้สำเร็จด้วยร่างกายของฉันเองก่อน
ตอนบ่าย
โรงยิมหอพักของนักเรียนชั้นปีหนึ่ง A
ตอนนี้มีคนสองสามคนอยู่ในสถานที่นี้ซึ่งก็คือเอลเลนกับฉันปะทะดาบกันไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผู้คนมากมายมาดูฉันแพ้
เบอร์ทัสไม่อยู่ มันเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ดังนั้นดูเหมือนว่าเขาจะกลับไปที่พระราชวังอิมพีเรียลและไม่ได้สงสัยเป็นพิเศษเกี่ยวกับผลการดวลของฉัน
ทุกคนในคลาส A ยกเว้นหมายเลข 1 เบอร์ทัส และหมายเลข 3 ลีอันน่า เดอ แกรนตซ์ เข้าร่วมด้วย มันค่อนข้างน่าแปลกใจที่เอลเลนมาดูการต่อสู้ของฉัน เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ตอนที่ฉันตีกับรุ่นพี่เมื่อตอนนั้นก็มากันหมด
นอกจากนี้ยังมีคลาส B บางส่วนอยู่ด้วย
“ไรน์ฮาร์ด! เป็นกำลังใจให้นาย!”
“อา โอเค”
แน่นอน ลุดวิกผู้ใจดีมาสนับสนุนฉัน ดูเหมือนว่าเขาจะพาเพื่อนบางคนที่เขาสนิทด้วยเป็นพิเศษมาด้วย B-9 เดลฟีน อิซาดรา และ B-10 ลาเนียน เซสเซอร์ ซึ่งฉันไม่เคยคุยกับพวกเขาทั้งสองคนเลย
ดูเหมือนว่าฉันจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาในอนาคต ค่อนข้างตลกที่ฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเด็ก ๆ ที่ฉันเขียนถึงมากที่สุด
และเธออยู่ไกลจากคนอื่นเล็กน้อย แต่เธอก็มาดูด้วย ชาร์ลอตต์เฝ้าดูอย่างเงียบ ๆ จากระยะไกล
แปลกใจนะเนี่ย ฉันแน่ใจว่าเธอไม่ได้มาให้กำลังใจฉันแน่ๆ ค่อนข้างดูเหมือนการสอบสวนมากกว่า บางทีเธออาจจะสงสัยว่าฉันจะทำอย่างไรในการดวล หรือเธออาจต้องการถามฉันเกี่ยวกับความคืบหน้าในการค้นหาวาเลียร์
ดูเหมือนว่าเธอพยายามที่จะยืนยันประโยชน์ของฉัน
มีคนอื่นที่ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอที่นี่ เช่น B-3, สการ์เล็ต ดวงตาและผมสีแดงของเธอทำให้เธอโดดเด่น
ฉันไม่ได้ไปข้องแวะอะไรกับเธอด้วยสักหน่อย แล้วเธอมาทำไมนะ? ฉันจะไม่สนใจในสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกับฉัน พูดตามตรงถ้าฉันเป็นเธอฉันไม่อยากเข้าใกล้คลาส A มากไปกว่านี้อีกแล้ว
“ทำไมยัยคนต้องสาปนั่นถึงมาที่นี่? ช่างโชคร้ายจริงๆ”
สการ์เล็ตมาดูการต่อสู้ของฉันแม้ว่าเธอจะไม่มีเหตุผลก็ตาม อีริชผู้ซึ่งดูเหมือนจะหมดหวังที่จะรังแกเธอก็อยู่ที่นี่เช่นกัน แม้ว่าฉันจะยืนห่างจากอีริช แต่เธอก็จ้องมาที่ฉันอย่างแน่นอน
นี่อะไรมัน
เนื่องจากเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นในต้นฉบับ ควรมีแรงจูงใจบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังการกระทำของเธอที่ไม่สามารถพบได้ในต้นฉบับแน่ๆ
เพื่อนร่วมชั้นของฉันส่วนใหญ่ชอบที่จะเห็นฉันถูกเหยียบย่ำอย่างน่าสยดสยอง ตัดลุดวิกออกไป ฉันไม่รู้ว่าเอลเลนคิดอะไรอยู่ เธอนั่งยองๆ มองมาที่ฉัน
“วันนี้นายจะต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ๆ เจ้าขอทาน เตรียมตัวไว้ให้ดีเถอะ”
แฮเรียตยิ้มเยาะใส่ฉัน
“อือ ดูให้สนุกนะ”
“……ฮึ?”
“สนุก?”
แฮเรียตดูมึนงงอีกครั้งเมื่อฉันบอกให้เธอสนุกในขณะที่ดูฉันถูกทุบตี
ในตอนแรกฉันตะคอกใส่เธอนิดหน่อยเพราะรำคาญ แต่พอมาคิดดูอีกทีฉันก็ไม่ได้มองว่าเธอเป็นอะไรนอกจากเด็กน้อยน่ารัก ดังนั้นไม่ว่าเธอจะทำอะไรก็ดูน่ารักไปหมด
กล่าวอีกนัยหนึ่งเมื่อฉันเห็นผู้หญิงคนนี้ซึ่งเห็นได้ชัดว่าฉันจัดเป็นตัวร้ายทำตัวแบบนี้ฉันก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่ามันน่ารักนี่เธออาจกลายเป็นตัวละครโปรดของฉันอย่างไม่คาดคิดเลยล่ะ
เพราะเธอดูเหมือนจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ในฝั่งของรุ่นพี่ ดูเหมือนว่าคลาส A ปีสองทั้งหมดจะมา เมื่อเห็นว่ามีคนมากกว่าสิบคนอยู่ที่นั่น บางคนจากคลาส B ก็มาด้วยเหรอ? พวกเขาอยากเห็นหน้าคนที่กล้าท้าทายรุ่นพี่ใช่มั้ยนะ?
ใบหน้าที่ฉันจำได้คือคู่ดวลที่ฉันกำลังจะเผชิญหน้า อาร์ท เดอ การ์ติส, เอเดรียน่าและเด็กน้อยชื่อเรดิน่าที่มองมาระหว่างฉันกับอาร์ทด้วยน้ำตาไหลนองใบหน้า
ฉันควรจะไปซื้อของให้เธอทีหลังจริงๆ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันพูดอะไรแบบนั้นกับผู้หญิงที่น่ารักคนนี้ แค่คิดเรื่องนั้นหน้าฉันก็ชาไปหมดแล้ว
เธอเป็นผู้หญิงที่ดีและจิตใจดี!
ใช่! ฉันสมควรโดนจริงๆนั่นแหละ!
แล้วก็มีผู้สังเกตการณ์ คุณเอพินเฮาเซอร์
“ฉันคิดว่าเราพร้อมแล้ว งั้นเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า”
การดวลกันเกิดขึ้นโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน อย่างไรก็ตาม การดวลระหว่างนักเรียนนั้นไม่ควรจะเป็นเดธแมทช์
ดังนั้นการต่อสู้จึงดำเนินไปภายใต้การดูแลของอาจารย์ที่สามารถยับยั้งนักเรียนได้ตลอดเวลา
คุณเอพินเฮาเซอร์ไม่ได้ตั้งคำถามว่าทำไมเราถึงทะเลาะกัน เขาแค่ทำตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ถ้าเป็นคุณมัสแตง เขาคงบอกเราว่าอย่าทำแบบนี้ บุคลิกของพวกเขาตรงกันข้ามกัน
“อาร์ท เดอ การ์ติส เกียรติของเขาถูกไรน์ฮาร์ททำให้แปดเปื้อน…. ”
คุณเอพินเฮาเซอร์เริ่มอ่านรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์การต่อสู้ของเรา
“เมื่อวันเสาร์เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว A-11 ไรน์ฮาร์ทปี1จับเป้ากางเกงของ A-3 อาร์ เดอ การ์ติส ปีที่2และบีบมันอย่างแรง….”
-อุฟฟ!
-โอ้พระเจ้า!
คุณเอพินเฮาเซอร์อ่านบทนั้นอย่างจริงจัง จนทุกคนที่อยู่รอบๆ ไม่ว่าพวกเขาจะยืนอยู่ข้างไหน ก็เริ่มหัวเราะ แต่ยังไงเขาก็ต้องอ่านให้จบ
ฉันพบว่านี่ค่อนข้างตลกและการแสดงออกของอาร์ทก็ค่อนข้างแปลก แต่ฉันต้องบอกว่าคุณเอพินเฮาเซอร์เป็นคนที่แย่มาก
“เขาอ้างว่าเขาได้รับความทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจอย่างสุดขีด รวมถึงความอัปยศอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งส่งผลให้ชื่อเสียงของเขาเสียหาย ดังนั้นเขาจึงร้องขอการดวลโดยเรียกร้องคำขอโทษจากหมายเลข A-11 ไรน์ฮาร์ทที่ยอมรับการดวลครั้งนี้ ฉันเข้าใจถูกมั้ย?”
“ครับ”
“ครับ….”
อาร์ตไม่ได้หัวเราะ แต่ฉันแทบจะตอบด้วยเสียงอ้อแอ้ เพราะมันตลกเกินไป
“ระบุสิ่งที่คุณต้องการเป็นรางวัลของผู้ชนะ”
อาร์ทตอบกลับคำพูดของคุณเอพินเฮาเซอร์
“ฉันต้องการให้ไรน์ฮาร์ทคุกเข่าต่อหน้ารุ่นพี่ของเขาและขอโทษสำหรับการไม่เคารพของเขา และฉันต้องการให้เขาสาบานว่าจะเคารพรุ่นพี่ของเขาเสมอตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา”
สิ่งที่เขาต้องการสำหรับชัยชนะคือคำขอโทษและความเคารพ สิ่งที่เขาหมายถึงคือไม่ว่าอะไรก็ตามที่พวกเขาตะทำในอนาคต ฉันควรจะคุกเข่าต่อหน้าพวกเขาและผงกศีรษะรับ คราวนี้คุณเอพินเฮาเซอร์มองมาที่ฉัน
รางวัลของฉันสำหรับการได้รับชัยชนะในการดวลครั้งนี้ แม้ว่าฉันมีโอกาสเล็กน้อยที่จะชนะก็ตาม
“ฉันหวังว่าการกระทำไร้สาระเหล่านี้ที่รุ่นพี่พยายามยัดเยียดให้เราจนถึงตอนนี้จะไม่ถูกบังคับทั้งฉันและเพื่อนร่วมชั้นอีกต่อไป แน่นอนว่าพวกเขาควรขอโทษด้วยเช่นกัน”
จากคำพูดของฉัน สีหน้าของคนรอบๆก็แปลกไป
แม้ว่าจะเห็นได้ชัดว่าฉันกำลังจะแพ้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้คาดหวังให้ฉันบอกว่าฉันต้องการให้พวกเขาเลิกรังแกเพื่อนร่วมชั้นเพื่อแลกกับชัยชนะ
สายตาแบบนั้นมันอะไรกัน?
มันเป็นรางวัลที่ฉันไม่มีโอกาสได้อ่ะนะ
“ขอเทพเจ้าแห่งสงครามจะเข้าข้างผู้ชอบธรรม”
การดวลเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน
เป็นที่ชัดเจนว่าพระเจ้าจะทรงอยู่ฝ่ายคนชอบธรรมเท่านั้น ดังนั้นผู้ที่ชนะจึงเป็นฝ่ายถูกเสมอ ใครก็ตามที่ได้รับเลือกจากเทพเจ้าแห่งสงครามจะเป็นผู้ชนะ นั่นฟังดูไร้สาระชะมัด
และจากนั้น ในตอนที่นายเอพินเฮาเซอร์กำลังจะประกาศการเริ่มต้นการต่อสู้
“อาจารย์ครับ”
อาร์ทที่ไม่สามารถซ่อนความไม่พอใจของเขาได้ยกมือขึ้น
“ฉันจะเสนอชื่อแชมเปี้ยนตามสิทธิ์ของฉันในฐานะผู้ดวล”
นี่มัน
เขากำลังพูดถึงอะไรกัน?
แชมป์?
“ว่าชื่อเขามา”
“แชมป์เปี้ยนของฉันคือ A-7 ปีที่สาม มายาร์ตัน”
อาร์ทมีสีหน้าบิดเบี้ยว ถอยออกไป และมีคนอีกคนหนึ่งเข้ามาแทนที่ข้างหน้าฉัน พลางรับดาบฝึกหัดของเขาไป คนที่ยอมรับมันหัวเราะราวกับว่าสถานการณ์นี้ตลกเกินจะทนไหว
ตอนนั้นฉันเพิ่งรู้ แม้ว่าปีที่สองทั้งหมดรวมถึงคนจากคลาส B จะอยู่ที่นี่จำนวนก็จะไม่เพิ่มขึ้น
นั่นหมายความว่าพวกจากปีสามคลาส A ก็มาที่นี่เช่นกัน
“แกคือคนที่บอกให้เรามาตอนที่เจ้าชายอยู่ใกล้ ๆ ใช่มั้ยฮะ”
ปีสามไม่พอใจที่ฉันพูดและดวลกับอาร์ต ฉันท้าให้พวกเขามาหาเราตอนที่เจ้าชายอยู่ใกล้ ๆ แต่พวกก็เขาทำไม่ได้ ความหยิ่งผยองของพวกเขาจึงบอบช้ำ พวกเขาจึงต้องการจัดการฉันด้วยตัวเอง
ดูเหมือนว่าอาร์ทจะถูกบังคับให้ทำสิ่งนี้แทนที่จะเป็นความตั้งใจของเขาจริงๆ และเอเดรียนาก็มองฉากนี้ด้วยตาเบิกกว้าง ฉันเดาว่าเธอคงไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น
คนตรงหน้ามองฉันด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“มาดูกันว่านายจะเก่งพอๆกับปากนายมั้ยไอ้รุ่นน้อง”
ในตอนนั้นเอง ฉันก็ตระหนักได้ว่าหนทางเดียวที่จะชนะได้คืออะไร
การเลือกนักรบเพื่อเป็นแชมเปี้ยนของฉัน
ผู้ดวลสามารถเลือกคนที่จะต่อสู้ในนามของพวกเขาได้ด้วยสิทธิ์ของพวกเขา
จากนั้นฉันก็มองไปยังเอลเลน อาร์โทเรียสซึ่งนั่งยองๆ ตรงมุมห้อง จ้องมองมาที่ฉันเงียบๆ
“…….”
-พยักหน้า
เธอมองมาที่ฉันและพยักหน้าของเธอ
นั่นเป็นทางเดียวที่ฉันจะชนะได้
ในตอนนั้นเอง เอลเลนก็ส่งสัญญาณบอกฉันว่าเธอจะเป็นแชมป์เปี้ยนให้ฉันเอง