เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา – ตอนที่ 49

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 49

 

ดาบฝึกนั้นไม่ได้ทำจากวัสดุที่ทนทาน

 

เอลเลนเคยบอกฉันแบบนั้นและการใช้มันอย่างต่อเนื่องทำให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้ เหตุการณ์ที่มีความเป็นไปได้น้อยยิ่งต้องการคะแนนความสำเร็จมากเท่านั้น

 

ในทางกลับกัน หากมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นสูงก็จะใช้คะแนนค่อนข้างน้อย

 

เหตุการณ์ที่ดาบฝึกหักหลังจากการปะทะกันอย่างต่อเนื่องนั้นน่าจะเป็นไปได้ ดังนั้นฉันจึงสามารถกระตุ้นเหตุการณ์นี้โดยใช้คะแนนเพียงเล็กน้อย

 

มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นมากกว่าการทำให้ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนมาการต่อสู้ระยะประชิดมาอย่างดีล้มลงอย่างกระทันหันหรือให้ยอมแพ้

 

ในที่สุดฉันก็สามารถโจมตีเขาได้โดยใช้วิธีนี้

 

เมื่อรู้ถึงความเจ็บปวดนี้ อาร์ทก็ขยับขาเข้าหากัน และชายตรงหน้าฉันก็กุมของของเขาและก้าวถอยหลังด้วยสีหน้าเจ็บปวด

 

“อือ… ไอ้ลูกหมาเอ้ย!”

 

น่าเสียดายที่เขาไม่ล้มลงแม้ว่าเขาจะเหงื่อออกมากก็ตาม ถ้าเขาหายจากอาการมึนงงเมื่อไหร่ก็คงจะมีการโต้กลับที่รุนแรงกว่าเดิมแน่ๆ

 

ดาบของเขาหักแล้วคุณเอพินเฮาเซอร์จึงหยิบอันใหม่ออกมาแล้วโยนให้เขา

 

ฉันไม่สามารถให้เขามีเวลาหยิบมันขึ้นมาได้

 

ถ้าเขาฟื้นจากความเสียหายเมื่อไหร่ ฉันตายแน่

 

ฉันรีบเข้าไปในขณะที่ชายคนนั้นซึ่งกำลังตัวสั่นหลังจากถูกเตะเข้าที่เป้ากางเกงพยายามเงอะงะที่จะหยิบดาบฝึกหัดขึ้นมา

 

“อ๊ะ!”

 

ฉันไม่ได้ใช้ดาบ ฉันโจมตีเขาด้วยร่างกายเพียวๆของฉันนี่แหละ ขณะที่ฉันมองไปที่มายาร์ตันซึ่งยังคงเจ็บอยู่ ฉันถือดาบฝึกหัดกลับด้านลง

 

– ป๊าบ

 

สิ่งที่เอลเลนได้แสดงให้ฉันดูเมื่อวันก่อน ฉันตบหัวเขาโดยใช้ส่วนด้ามดาบ

 

เธอบอกฉันว่ามันใช้กับศัตรูที่ติดอาวุธหนักแต่ตอนนี้ฉันใช้มันเพื่อทำให้หมอนี่เกิดอาการมึนงง

 

“อั่ก! อะ-ไอ้สารเลว!”

 

ถ้าฉันสามารถใช้พลังของฉันได้เต็มที่มันคงจะจบลงด้วยการที่เขาหัวแตก แต่เพราะฉันสูญเสียพละกำลังไปมาก มันทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดบ้างเท่านั้น ฉันหวังว่าอย่างน้อยเขาจะเป็นลม

 

ขณะที่เขายังไม่หายจากความเจ็บปวดฉันเตะเขา กระทืบเขาและตบหน้าเขา

 

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขาซึ่งได้รับการฝึกฝนจนถึงขีดสุด ไม่ได้รับความเสียหายมากมายเท่าไหร่ เขาหมอบลงและอดทนต่อการโจมตีที่ไร้พลังทั้งหมดของฉัน มันเหมือนกับที่ฉันโดนการต่อสู้จะไม่จบลงแน่หากเขาไม่ยอมแพ้

 

เขาพยายามยื้อจนกว่าจะดีขึ้น

 

“อ๊าก!”

 

และช่วงเวลานั้นก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ขณะที่เขาผลักฉันออก เขาก็ถอยหลังหนึ่งก้าวแล้วลุกขึ้น

 

ฉันไม่มีเวลาพัก ใบหน้าของรุ่นพี่คนนี้แดงก่ำ อาจเป็นเพราะเขาถูกรุ่นน้องปีหนึ่งทำให้ขายหน้า

 

นี่เป็นการต่อสู้แบบไหนกัน

 

การต่อสู้ของพวกหมาบ้า

 

ดูยังไงนี่ก็เป็นเพียงการทะเลาะวิวาทระหว่างเด็ก ๆ ไม่มีความหยิ่งยโส เกียรติยศ หรือความเคารพ ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยชีวิต

 

สีหน้าของคนดูเริ่มแปลกๆ

 

ฉันทำอะไรไม่ถูก แต่เพราะฉันโดนโต้กลับโดยไม่คาดคิด พวกเขาเริ่มเชียร์ฉันเหรอ? พวกเขาคิดจริงๆหรือว่าฉันสามารถชนะเจ้านี่ได้

 

“อย่ายอมแพ้เป็นอันขาดนะ ขอร้องล่ะ”

 

นั่นจะไม่เกิดขึ้นแน่นอน รุ่นพี่ยังคงรอที่จะฟื้นตัวหรือเขาพร้อมที่จะหยุดฉันหากฉันเข้าใกล้เขา ตอนนี้เขากำลังดูอยู่

 

ฉันให้เขาโดนบ้างได้แล้ว ฉันสามารถยอมแพ้ได้แล้วล่ะ มันจะเป็นชัยชนะของฉันถ้าฉันยอมแพ้ตอนนี้

 

พร้อมกับประโยคอย่าง “ตอนนี้ฉันยอมแพ้ให้เพื่อรักษาหน้าของคุณไว้ล่ะนะ”

 

นั่นคงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้เขาเดือดจัด

 

มันควรจะเป็นอย่างนั้น

 

“ยอมแพ้? มันจะไม่เกิดขึ้นแน่นอนเฟ้ย”

 

ฉันต้องการที่จะชนะ

 

“อะไรนะ?”

 

“ฉันจะชนะโว้ย!”

 

หลังจากที่ฉันเตะเขาไปที่จุดอ่อนนั้นของเขา แล้วได้เห็นใบหน้าของเขาที่บิดเบี้ยวแบบนั้น

 

ฉันได้ลิ้มรสว่าการแก้แค้นช่างหอมหวานขนาดไหน

 

“แกเพิ่งใช้โจมตีที่ขี้ขลาดตอนที่ไม่ทันตั้งตัว และแกคิดว่าแกจะชนะงั้นเหรอวะ”

 

“แน่นอน”

 

ฉันต้องการที่จะชนะ ฉันต้องการที่จะเอาชนะชายคนนี้และให้การฝึกพฤติกรรมแก่เขา

 

ฉันอยากให้ไอ้นั่นคุกเข่าต่อหน้าฉันและขอโทษ

 

ดังนั้น

 

ฉันต้องการที่จะชนะ

 

ถ้าฉันแพ้ ฉันคงต้องคุกเข่าต่อหน้าผู้ชายคนนั้นกับอาร์ทแล้วขอโทษ พร้อมต้องบอกว่าฉันทำผิดไปแล้วทั้งๆ ที่ฉันไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ฉันทำผิดนั้นเลวร้ายขนาดนั้น

 

ฉันไม่ชอบเลย ฉันไม่ต้องการเหตุผลที่ยิ่งใหญ่หรือความน่าจะเป็นที่น่าเชื่อ ฉันแค่ไม่อยากแพ้

 

ฉันต้องโดนคนงี่เง่าคนนี้ต่อยในการต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมแล้วคุกเข่าขอโทษเขาหลังจากนั้นเหรอ?

 

ฉันต้องการเห็นมัน

 

ฉันอยากเห็นว่าผู้ชายคนนั้นซึ่งมั่นใจในชัยชนะของเขามาก คนที่เยาะเย้ยฉัน กระทืบและเตะฉันจะเป็นยังไงหลังจากที่เขาได้พ่ายแพ้ต่อฉัน

 

ฉันสงสัยว่าเขาจะแสดงสีหน้าแบบไหนออกมา แสดงการปฏิเสธความพ่ายแพ้ของเขาและแสดงท่าทางอัปลักษณ์ให้ฉันเห็น

 

ฉันอยากให้คนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ตกต่ำยิ่งกว่านี้

 

เพราะฉะนั้น

 

ฉันต้องการที่จะชนะ

 

ฉันอยากชนะ

 

ชายคนนั้นเข้ามาหาฉัน การโจมตีอันบ้าคลั่งนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ดาบของฉันปลิวไปเท่านั้น มันยังจะทำลายร่างกายของฉันด้วย ถ้าฉันปล่อยให้การโจมตีครั้งต่อไปเกิดขึ้น จะไม่มีโอกาสโต้กลับแล้ว

 

นอกจากนี้ยังมีขีดจำกัดอีกอย่างอยู่

 

การทำลายดาบฝึกอีกอันนั้นไม่น่าเป็นไปได้ ดังนั้นมันจึงต้องใช้คะแนนมากขึ้น บางทีมันอาจจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

ฉันจะไม่มีทางชนะถ้าฉันไม่สามารถต้านทานการโจมตีครั้งต่อไปได้

 

“แกคิดจะโจมตีฉันอีกเหรอ ทำไมแกไม่เข้ามาล่ะ”

 

ฉันอยากจะชนะอยู่แล้ว แม้ว่าฉันไม่สามารถชนะ แต่ฉันก็ยังมีความปรารถนาที่จะชนะ

 

ฉันต้องเห็นเขานอนอยู่แทบเท้าของฉันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

 

“อา….”

 

นั่นคือตอนที่ฉันตระหนักถึง

 

คิดว่าไม่ควรมาเพราะยังไงก็แพ้

 

ฉันรู้ว่าฉันจะแพ้ แต่ฉันต้องต่อสู้โดยหวังว่าจะชนะ

 

ไม่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการด้วยซ้ำ มันไม่ได้ใกล้เคียงกับสิ่งที่ฉันต้องการด้วยซ้ำ

 

ไม่มีทางที่จะชนะได้ แต่ถึงกระนั้นฉันก็อยากจะชนะแม้ในสถานการณ์นี้ที่ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแพ้ ฉันต้องการที่จะคว้าชัยชนะ และฉันต้องการที่จะมั่นใจในชัยชนะของฉัน

 

ตอนนี้ฉันจำสิ่งที่ฉันต้องทำได้อย่างชัดเจน

 

ฉันกลั้นหายใจเมื่อเห็นผู้ชายคนนั้นเข้ามาใกล้

 

“นายจะชนะได้ยังไงวะ”

 

เขาเข้ามาใกล้อย่างช้าๆพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่อยู่บนริมฝีปาก

 

ยังไงงั้นเหรอ?

 

“ไม่รู้”

 

“อะไรของแก ฮะ?”

 

คำตอบนั้นถูกตัดสินไปนานแล้ว ฉันมองไปที่ผู้ชายที่ถือดาบของเขา

 

“เพราะยังไงฉันก็จะชนะ”

 

ฉันกำลังดื้อดึงในสถานการณ์แบบนี้

 

ฉันไม่รู้ว่าฉันจะชนะได้อย่างไร แต่ฉันรู้ว่ายังไงฉันก็จะต้องชนะอยู่ดี

 

นี่มันเป็นเรื่องตลกชัดๆ

 

“นี่แกเสียสติไปแล้วเหรอวะ”

 

มายาร์ตันดูเหมือนจะคิดว่าฉันบ้าไปแล้วเพราะฉันถูกกดดันจนถึงขีดจำกัด นั่นคือสิ่งที่ใบหน้าของอีกฝ่ายบอกฉันเช่นกัน

 

ไม่นั่นไม่ใช่ ฉันเข้าใจสิ่งนี้โดยการคิดอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่เพราะฉันถูกกดดัน ฉันเพิ่งรู้ว่าพลังของฉันทำงานอย่างไร

 

ชื่อพลังของฉันคือ [ การแนะนำตนเอง ]ดังนั้นฉันจึงต้องใช้มันกับตัวเอง ฉันต้องเชื่อในตัวเอง

 

ไม่ใช่แค่การต้องการเอาชนะ

 

มันไม่ได้เป็นเพียงการทำนายชัยชนะของฉันเอง

 

แม้จะไม่มีโอกาสชนะ แต่ก็ต้องคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะต้องชนะให้ได้

 

ฉันต้องเชื่อมันจริงๆ

 

นั่นเป็นวิธีใช้งานมัน

 

นั่นคือพลังที่ฉันมี ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการหรือโหยหา ไม่มีเหตุผล สาเหตุ หรือพื้นฐานสำหรับเรื่องนี้ แต่คุณต้องเชื่ออย่างแน่ๆ ว่ามันจะเกิดขึ้น คร่ำครวญเหมือนเด็ก ยืนกรานเหมือนคนงี่เง่า ถ้าฉันเชื่ออย่างสุดใจว่ามันกำลังจะเกิดขึ้น พลังของฉันก็จะตื่นขึ้น

 

ถ้าเชื่อมั่นมากพอ มันก็จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะด้วยสาเหตุหรือเหตุผลก็ตาม ความสามารถจะให้พลังแบบนั้นกับฉัน

 

“ดูซะ”

 

ความสามารถเหนือธรรมชาติที่ทรงพลังที่สุดที่จะพัฒนาเป็น เวทย์มนตร์คำพูด ในที่สุด

 

“ยังไงฉันก็จะเอาชนะนายให้ได้”

 

[ตื่นขึ้น – การแนะนำตนเอง]

 

นั่นคือพลังของฉัน

 

หลังจากเข้ามาใกล้ ราวกับว่าเขาไม่สามารถทนมองมาที่ฉันได้อีก เขาลดร่างกายท่อนบนของเขาแล้วพุ่งเข้ามาหาฉัน

 

“ออค!”

 

ฉันตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวเหล่านั้นที่ฉันไม่ควรมีปฏิกิริยาตอบโต้และฟาดไปที่หน้าเขาด้วยดาบของฉัน

 

-ตุ้บ!

 

มายาร์ตันกระเด็นไปจนถึงจุดพื้นที่ที่เขาเริ่มวิ่งออกมา

 

เขาล้มลงบนพื้น

 

ฉันไม่สามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดและบาดแผลทั่วร่างกายอีกต่อไป

 

ฉันรู้สึกตื่นเต้นอย่างสุดขีดขณะที่จับผมของไอ้คนที่ตัวสั่นอยู่นั่น

 

“อะ… อึก….”

 

ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ปฏิกิริยารอบตัวเราก็เหมือนเดิม ไม่น่าเชื่อเลยที่จะเห็นชายผู้ซึ่งแทบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างถูกต้องจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ จู่ๆ ก็แสดงพลังเช่นนั้นออกมา

 

ฉันจับผมของเขาและกระแทกหัวของเขากลับลงบนพื้น

 

“อั๊ก!”

 

“แอ๊ก!”

 

“อุก!”

 

ร่างกายของมายาร์ตันสั่นสะท้านหลังจากที่ฉันเอาหัวเขาโขกพื้นโรงยิมไปสามครั้ง เช่นเดียวกับที่คุณเอพินเฮาเซอร์ไม่ขัดขวางตอนที่ฉันถูกซ้อม เขาก็ไม่ขัดฉันในตอนที่ฉันทุบหัวของมายาร์ตันกับพื้นโรงยิม เขาแค่ดูนั่นเป็นความสงบนิ่งในระดับหนึ่งที่น่ากลัวเลยทีเดียว

 

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

“ยอมแพ้สิ”

 

“ฮะ ฮะ…. ว่าอะไรนะ…. “

 

“แต่ยังไงนายก็จะแพ้อยู่ดีถ้านายเป็นสลบ ให้ฉันทุบหัวนายจนสลบมั้ยล่ะ? ฉันทำได้เรื่อยๆนะ”

 

“อ้าก!”

 

-ปัง! ปัง ปัง

 

ท่ามกลางการพลิกกลับโดยปราศจากเหตุผล ฉันจับผมที่ยุ่งเหยิงของมายาร์ตันอีกครั้งและทำให้เขาจ้องตรงมาที่ฉัน

 

“ฉันบอกนายแล้ว”

 

“เอ่อ…. เอ่อ….”

 

“ว่ายังไงฉันก็จะเอาชนะนายได้”

 

ความจริงที่ถูกบังคับให้เกิดขึ้น

 

การแนะนำตนเองเป็นความสามารถประเภทนั้น ยิ่งความเชื่อไร้สาระของฉันมีมากเท่าไหร่ พลังของฉันก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

 

ความเชื่อของฉันในชัยชนะของตัวเองดูเหมือนจะเพียงพอที่จะเอาชนะมายาร์ตัน ทันทีที่ฉันรู้วิธีใช้งาน ฉันก็เชื่อในสถานการณ์นี้

 

ยังไงฉันก็มั่นใจว่าฉันจะชนะได้

 

ไม่พบความบ้าคลั่ง ความโหดร้าย ความอาฆาตพยาบาท และความสุขในดวงตาของเขา

 

ดวงตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความกลัวและความไม่เข้าใจในสถานการณ์นี้

 

ดี

 

เป็นการดีที่จะเป็นเป้าหมายของความกลัว

 

มันดียิ่งกว่านั้นเพราะคนที่กลัวฉันคือคนที่จับฉันลงและทุบตีฉันจนถึงตอนนี้

 

“ฉันอยากจะบอกรุ่นพี่สักอย่างนะ เรียนที่วิหารมากกว่าฉันตั้งสองปี มีความสามารถทางกายภาพที่ดีกว่าและฝีมือดาบก็ดีกว่าของฉันมาก”

 

ฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและตะโกน

 

“งั้นลองบอกนักเรียนปี 1 คนนี้หน่อยสิว่านายปี 3 เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!”

 

ฉันรู้สึกได้ว่าคนรอบข้างตกใจกับเสียงตะโกนอย่างบ้าคลั่งของฉัน

 

“ไม่งั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะทำให้นายรู้ว่าตื่นขึ้นมาแล้วเห็วเพดานโรงพยาบาลเป็นยังไง”

 

ผมเชิดหัวเขาขึ้นสูงเพื่อกระแทกเขาลงกับพื้นอีกครั้ง

 

“ฉะ ฉัน…. ฉันยอมแพ้”

 

ในที่สุดฉันก็สามารถทำลายความภาคภูมิใจของเขาและทำให้เขายอมแพ้ได้ คุณเอพินเฮาเซอร์ประกาศผลอย่างตรงไปตรงมา

 

“ฉันประกาศให้ไรน์ฮาร์ทเป็นผู้ชนะ”

 

[ภารกิจกิจกรรมเสร็จสิ้น – ดวลกับอาร์ท]

 

[คุณได้รับ 600 คะแนนความสำเร็จเป็นรางวัลสำหรับชัยชนะของคุณ]

 

แล้ว

 

หลังจากการประกาศชัยชนะของฉัน ทุกอย่างตรงหน้าฉันก็ได้มืดลง

 

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

Status: Ongoing
หลังจากที่ตายนักเขียนนิยายสุดห่วยได้ถูกส่งไปเป็นหนึ่งในตัวละครของนิยายของเขา “ให้ตายเถอะ!! ทำไมฉันถึงต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย!” ด้วยความโชคร้าย ตัวละครที่ได้จากการสุ่มนั้นคือเจ้าชายปีศาจ ตัวละครที่ไม่มีในเรื่อง ไม่ใช่แม้กระทั่งตัวประกอบด้วยซ้ำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน