เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา – ตอนที่ 50

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

The Demon Prince goes to the Academy

ตอนที่ 50

 

ให้ตายเถอะ

 

ฉันบอกหมอนั้นว่าฉันจะทำให้เขาตื่นขึ้นมาเห็นเพดานห้องพยาบาล แต่สุดท้ายแล้วกลับเป็นฉันเอง

 

“…….”

 

มันเกิดขึ้นหลังจากที่คุณเอพินเฮาเซอร์ประกาศชัยชนะของฉัน ดังนั้นผลลัพธ์จึงไม่สามารถพลิกกลับได้ ที่นี่คือโรงพยาบาลใช่มั้ย? ผ้าม่านถูกปิดไว้อยู่ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่ามีคนอยู่แถวนี้รึเปล่า

 

ไม่นานนักก็มีคนเปิดผ้าม่านและปรากฏตัวต่อหน้าฉัน

 

“นายตื่นแล้ว”

 

“อ่า รุ่นพี่”

 

คนนั้นคือเอเดรียน่า เธอเดินเข้ามาหาฉันวางมือบนหน้าผากของฉัน แล้วพยักหน้าช้าๆ เธอเช็คว่าสภาพของฉันเป็นไรรึเปล่า?

 

“มีเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”

 

“นายชนะการดวล แต่ทันใดนั้นนายก็ร่วงลง ที่นี่คือห้องพักฟื้นของหอพัก”

 

ห้องพักฟื้น? มีห้องแบบนี้ด้วยเหรอ? มายาร์ตันอยู่ที่นี่ด้วยมั้ย? ขณะที่ฉันมองไปรอบๆ เอเดรียน่าส่ายหัวราวกับว่าเธอรู้ว่าฉันกำลังมองหาอะไร

 

“รุ่นพี่คนนั้นอยู่ในห้องพักฟื้นอีกห้องหนึ่ง ฉันไม่ให้ทั้งคู่ใช้ห้องเดียวกันหรอก”

 

ฉันฟาดหัวเขาค่อนข้างแรง ดังนั้นเขาจึงต้องพักฟื้น เอเดรียน่านั่งลงบนเตียงข้างๆ ฉันแล้วถอนหายใจ

 

“นี่รุ่นน้อง นายรู้ว่าใช่มั้ยฉันทำจะอะไร”

 

บางทีเธออาจจะพูดถึงสถานการณ์ที่เธอมองฉันก่อนหน้านี้

 

“ครับ ก็….”

 

“ฉันสามารถต่อสู้ให้นายได้”

 

เธอถามฉันว่าทำไมฉันยังยืนกรานที่จะสู้นี้แทนที่จะเลือกเธอ

 

“นี่นายคาดหวังเรื่องไร้สาระอย่างการปลุกพลังเหนือธรรมชาติของนายในเวลานั้นงั้นเหรอ? นายจะไม่เข้าใจอะไรเลยจนกว่านายจะถูกทุบตีรึไง?”

 

เอเดรียน่าเธอดูเหมือนจะโกรธแฮะ

 

พวกเขาจะต้องสแกนร่างกายฉันไปแล้วแน่ๆตอนที่ฉันเป็นสลบ ดังนั้นพวกเขาน่าจะรู้แล้วว่าทำไมฉันถึงมีพลังเพิ่มขึ้นอย่างแปลกประหลาดมันเป็นเพราะความสามารถเหนือธรรมชาติของฉัน

 

“ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่ผลลัพธ์มันดี”

 

“ไร้สาระชัดๆ แน่นอนว่าฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับความถนัดแปลกๆ ของนาย แต่นายทำอะไรที่สะเพร่าเกินไปแล้ว”

 

ฉันรู้ว่าตัวเองมีพลังเหนือธรรมชาติแฝงอยู่และรู้วิธีที่จะปลุกมัน อย่างไรก็ตาม สำหรับคนอื่นๆ นี่อาจดูเหมือนฉันหาเรื่องใส่ตัวอย่างโง่ๆ

 

“ถ้ามันไปได้ไม่สวย มันจะไม่ยิ่งแย่ไปกว่าการแพ้อีกเหรอ?”

 

เอเดรียน่าดูเหมือนจะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อตอบสนองต่อปฏิกิริยาของฉัน ราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติกับความคิดฉัน

 

“นี่รุ่นน้อง นายยังมีเวลาอีกตั้งหกปีที่อยู่ในวิหาร นี่เพิ่งจะเริ่มปีแรกเอง ครั้งนี้นายสามารถปลุกพลังเหนือธรรมชาติได้ด้วยความบังเอิญ นายก็คงจะยังทำอะไรบ้าบิ่นแบบนี้ต่อไปเพื่อเปลี่ยนความถนัดอื่น ๆ ของนานให้เป็นพรสวรรค์ด้วยอีกสินะ”

 

“ไม่จริงสักหน่อย…”

 

พลังเหนือธรรมชาติเป็นเพียงกรณีพิเศษ และความสามารถอื่นๆ ที่เหลือที่ฉันต้องการก็สามารถซื้อได้ด้วยแต้มความสำเร็จ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้อีกต่อไป….

 

“ยังไงก็ตาม อย่าทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้นอีก และอย่าหยาบคายกับรุ่นพี่เพียงเพราะนายชนะการต่อสู้”

 

“มันอาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคตอันใกล้ก็ได้….”

 

ฉันแน่ใจว่าทุกคนกำลังสงสัยว่าอารมณ์อันร้ายกาจของฉันจะทำให้ฉันถูกโค่นในครั้งนี้หรือไม่ โชคไม่ดีสำหรับพวกเขา ฉันรู้วิธีใช้ความสามารถเหนือธรรมชาติของฉันและจับผมรุ่นพี่ปีสามแล้วกระแทกเขาลงกับพื้นโรงยิม

 

นั่นหมายความว่าพวกเขาคงจะคิดว่า ฉันจะเหิมเกริมมากขึ้นแน่ๆ

 

“ถ้าอย่างนั้นฉันคงก็ต้องดุรุ่นน้องของฉันคนนี้อย่างจริงจังสักหน่อยแล้วล่ะ”

 

เอเดรียน่าจ้องมองมาที่ฉันอย่างน่าหวาดกลัว จะเกิดอะไรขึ้นถ้ารุ่นพี่คนนี้ดุฉัน? ผมไม่รู้ว่าการดุด่านั้นจะอยู่ในรูปของคำพูดหรือในรูปแบบของการตีกันแน่

 

“ก็ได้ๆ ฉันจะพยายามหักห้ามใจตัวเองแล้วกัน”

 

ถึงยังไงฉันก็ไม่อยากถูกคนที่เป็นห่วงฉันมากโกรธ ถึงเธอจะโกรธฉันเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้แต่เธอก็ไม่ได้เกลียดฉันล่ะนะ

 

อีกอย่างถ้าฉันสู้กับพวกรุ่นพี่จริงๆ ฉันคงไม่รอดง่ายๆ แม้แต่มายาร์ตันก็คงจะระวังตัวเช่นกัน หากเป็นการต่อสู้จริง มันคงจบลงภายในเวลาไม่ถึง 5 วินาที

 

“ฉันรู้สึกขอบคุณจากใจจริงเลยล่ะ”

 

แม้ว่าคนอื่นจะมองว่าคุณบ้า แต่คุณควรทำตัวดีกับคนที่พร้อมจะยืนหยัดเพื่อคุณ

 

เอเดรียน่าถอนหายใจกับคำพูดของฉัน

 

“ฉันไม่ชอบรุ่นน้องที่มีเรื่องตลอดเวลาหรอกนะ ฉันอยากมีรุ่นน้องที่เข้าได้กับทุกคนมากกว่า”

 

“แบบคนคนนั้นในคลาส B ที่ชื่อลุดวิกน่ะ”

 

“นายควรจะเป็นคนแบบนั้น”

 

“ฉันเดาว่าฉันคงเกิดมาผิดเพี้ยนไปหน่อย”

 

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ”

 

ป๊าบ

 

“อุ๊ย!”

 

ในที่สุดเอเดรียน่าที่โกรธก็ตบหัวฉัน

 

ฉันรู้สึกว่าฉันสามารถทำให้ใครๆก็ตามโกรธได้ง่ายๆ ฉันคิดว่านั่นคือความสามารถที่แท้จริงของฉัน

 

***

 

ฉันได้รับการดูแลจากอาจารย์พยาบาลในห้องพักฟื้น เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ฉันจะเป็นสลบ ฉันฝืนพละกำลังของตัวเองมากเกินกว่าที่ร่างกายของฉันจะรับมือได้ ดังนั้นมันจึงถึงขีดจำกัด ฉันสามารถออกจากห้องพักฟื้นได้ค่อนข้างเร็วเลยล่ะ

 

จากนั้น ฉันก็ปรึกษากับคุณเอพินเฮาเซอร์ที่ดูจะตกใจ

 

“……การแนะนำตนเอง….”

 

คุณเอพินเฮาเซอร์ดูกังวลเกี่ยวกับการที่พลังเหนือธรรมชาติของฉันตื่นขึ้นระหว่างการต่อสู้

 

“น่าสนใจ เลขที่ 11 คุณเคยบอกว่าต้องมีความสามารถเหนือธรรมชาติในหมู่ความสามารถจำนวนนับไม่ถ้วนของคุณ ดังนั้นมันน่าจะเป็นไปได้ที่จะปลุกมันขึ้นมา สำหรับฉันแล้วดูเหมือนว่าคุณยอมรับคำท้าทายของรุ่นพี่ของคุณด้วยความจำเป็น…. มันค่อนข้างไร้สาระ แต่คุณกลับเป็นฝ่ายถูก”

 

“ที่จริง ฉันทำแบบนี้เพราะฉันต้องการให้มีอะไรเกิดขึ้นอีก แต่กลับกลายเป็นแบบนี้”

 

“โชคเองก็เป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับนักเรียนที่มีความสามารถคนอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องได้รับพลังจากการฝึกหนัก ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นแค่โชคหรือเปล่า แต่คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ความสามารถของคุณเพื่อโจมตีใครอีก เว้นแต่จะเป็นกรณีพิเศษเช่นการต่อสู้กันตัวต่อตัว อย่างไรก็ตามความสามารถของคุณไม่ชัดเจน ข้อเสียสังเกตุและตัดสินได้ยาก แต่แน่นอนล่ะว่ามันเป็นประโยชน์สำหรับคุณ”

 

ขึ้นอยู่กับระดับที่ฉันใช้ความสามารถ ฉันอาจบอกไม่ได้ว่าร่างกายของฉันแข็งแรงขึ้นหรือไม่ มันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้มัน แต่มันก็ค่อนข้างเสียเปรียบสำหรับครูที่ต้องตัดสินเกี่ยวกับมัน

 

“ฉันจะไม่ทำอะไรโง่ๆอีกแล้วล่ะ”

 

“อืม ถึงคุณจะดูเป็นคนหัวรุนแรง แต่ฉันคิดว่าคุณจะโง่หรอกนะ”

 

คุณเอพินเฮาเซอร์ยังคงจ้องมองมาที่ฉันไม่วางตา

 

เมื่อใดก็ตามที่ฉันสบตาของเขา ฉันมักจะรู้สึกว่าการจ้องมองของบุคคลนี้ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เมื่อเขาแสดงท่าทีเย็นชากับฉัน ฉันรู้สึกกลัวแบบเดียวกับที่รู้สึกจากเบอร

 

“คุณโรเลนเดรีย คงจะค่อนข้างประหลาดใจที่ได้ยินเกี่ยวกับคุณ คุณไปได้แล้วล่ะ”

 

คุณโรเลนเดรียน่าจะหมายถึงอาจารย์ที่ดูแลวิชาพลังเหนือธรรมชาติ

 

เธอจะต้องประหลาดใจอย่างแน่นอนเมื่อเป็นคนที่พูดว่าเขาจะได้รับความสามารถเหนือธรรมชาติแน่ๆ ต่อมาเขาก็ได้มันมาจริงๆ

 

* * *

 

ไรน์ฮาร์ทปลุกพลังเหนือธรรมชาติของเขาระหว่างการดวลกับรุ่นพี่

 

ข่าวลือนั้นดูเหมือนจะแพร่กระจายไปทั่วชั้นเรียนและในหมู่รุ่นพี่แล้ว เมื่อปีหนึ่งและปีสามต่อสู้กันในการดวลกัน ปีแรกได้ปลุกความสามารถเหนือธรรมชาติของเขาและเอาชนะรุ่นพี่ของเขา

 

การดวลนั้นอาจกลายเป็นประเด็นร้อนทั่วทั้งรอยัลคลาสตั้งแต่ที่มันยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้ปรากฏว่าปีหนึ่งชนะ

 

มันคงเป็นเรื่องแปลกหากไม่มีข่าวลือใดๆ เกิดขึ้น

 

อ่า

 

แต่ฉันไม่รู้ว่ามันจะออกมาแบบนี้..

 

“นายคงจะเป็นไรน์ฮาร์ทใช่มั้ย”

 

“ฉันได้ยินมาว่านี่ไม่ใช่การต่อสู้เล่นๆ?”

 

“มายาร์ตัน ไอ้สารเลวนั่นควรจะถูกทุบตีให้มากกว่านี้อีก”

 

“โอ้พระเจ้า เธอช่างดูเป็นเด็กน้อย! น่ารัก! ฉันกอดเธอได้ไหม”

 

ไม่ๆ ฉันไม่ใช่ทารกนะ ฉันยังอายุ 17 และไม่ว่าฉันจะมองยังไง ฉันไม่ได้น่ารักเลยสักนิด?

 

“ให้พี่สาวคนนี้ควรซื้ออะไรอร่อย ๆ ให้เธอมั้ย? เธอชอบมาการองรึเปล่า”

 

ที่หอพักชั้นปีหนึ่ง A แออัดไปด้วยรุ่นพี่ที่ลงมาหลังจากได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับฉัน

 

ในทางหนึ่ง นี่อาจเป็นข้อสรุปจากการคาดเดา

 

เพื่อที่จะเอาชนะปีแรกเพียงคนเดียว ปีที่ถึงกับสามบังคับตัวเองให้ต่อสู้แทนปีที่สองในฐานะแชมป์ของเขา

 

ณ จุดนี้ มายาร์ตันจะถูกตราตรึงว่าเป็นขยะในใจของผู้ที่ไม่สนใจในการฝึกสอนรุ่นน้อง ไม่ใช่ว่านักเรียนในคลาส A ทุกคนจะเคร่งครัดในขนบธรรมเนียมประเพณีเช่นนี้

 

ทันทีที่ขึ้นชั้นปีที่ 4 นักเรียนหลายคนก็หันเหความสนใจไปจากเรื่องเหล่านี้ หลายคนจึงไม่พอใจมายาร์ตันที่พยายามเอาชนะนักเรียนปี 1

 

แต่เขาก็ยังแพ้อีกต่างหาก

 

ดังนั้น รุ่นพี่เหล่านั้นจึงเกิดความอยากรู้อยากเห็นและความโปรดปรานต่อฉันในระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับที่พวกเขาไม่ชอบมายาร์ตัน

 

นอกจากนี้ แม้ว่าฉันจะไม่ได้ทำให้ไรน์ฮาร์ทดูหล่อเหลา แต่เขาก็ยังดูดีพออยู่บ้าง

 

เป็นที่เข้าใจได้ว่าพี่สาวเหล่านั้นจะพูดว่า: “เธอเป็นเด็กน้อยที่น่ารักจริงๆ”

 

“แม้จะยังเด็กแต่ก็เป็นคนมีคุณธรรม เธอบอกรุ่นพี่ว่าอย่ารังแกเธอและเพื่อนๆ อีกต่อไปถ้าเธอชนะใช่มั้ยล่ะ?”

 

เมื่อข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าฉันเข้าร่วมการต่อสู้ ที่ฉันจะต้องแพ้อยู่ดีเพื่อให้พวกรุ่นพี่เลิกก่อกวนในชั้นเรียนของฉัน ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันจะได้ชื่อว่าเป็นคนมีคุณธรรมที่ต่อสู้เพื่อเพื่อนของเขา

 

“อา…อืม…ฉันพูดไปแบบนั้น……”

 

“เธอเป็นคนดีมากเลย”

 

แน่นอน เพื่อนร่วมชั้นจริงๆ ของฉันที่ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของรุ่นพี่ดูเหมือนจะสงสัยในหูของตัวเอง

 

พวกรุ่นพี่ต่างยกย่องไรน์ฮาร์ทเจ้าหมาบ้าว่าเป็นคนดีและน่ารัก การแสดงออกของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าบางคนดูเหมือนจะต้องการตะโกนอย่างรุนแรงว่า “ไม่ เขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลยสักนิด!”

 

“ถ้าใครมารบกวนเธออีกหลังจากนี้บอกฉันนะ ฉันจะดุพวกเขาให้ ถ้ามีปัญหาอะไรมาที่ชั้นปีที่ 5 คลาส A ได้เลย โอเคมั้ย?”

 

ถ้าเธออยู่ปีที่ 5 เธออายุ 21 ปี เธอเป็นสาวนักศึกษาวิทยาลัย

 

…แน่นอนว่าฉันไม่ได้เห็นเธอเป็นพี่สาวจริง ๆ เธอก็ยังเป็นแค่เด็กเช่นกัน

 

เธอพยายามที่จะอวดและทำให้พายุเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่มือขวาของเธอ อะไร เธอทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร?

 

เนื่องจากพวกเขาเป็นรุ่นพี่ ความสามารถเหนือธรรมชาติของพวกเขาจึงไม่สามารถเทียบได้กับเด็กปีหนึ่ง พวกเขาบอกฉันว่าฉันควรภูมิใจในตัวเองและควรมีเด็กแบบฉันมากกว่านี้

 

แน่นอนว่าเพื่อนร่วมชั้นของฉันจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พวกเขาพูด

 

ถ้ายังมีเด็กอย่างฉันอีกวิหารคงถูกทำลายจนย่อยยับแน่ๆ

 

ถึงกระนั้น ถ้าเอาข่าวลือมาเทียบกันฉันก็ดูเหมือนจะเป็นเด็กดีคนหนึ่ง

 

มีบางครั้งที่รุ่นพี่ผู้ชายบางคนจะตบหัวฉัน บอกว่าฉันทำได้ดีมาก แล้วก็มีรุ่นพี่ผู้หญิงบางคนที่ข้ามเส้นไป

 

“ฉันจะทำอะไรให้เธอได้บ้าว ฉันได้ยินมาว่าเธอมีชีวิตที่ลำบากมาก”

 

“อือ อืม….”

 

ดูเหมือนเธอจะเคยได้ยินเกี่ยวกับต้นกำเนิดของฉัน ดังนั้นจู่ๆ ก็มีรุ่นพี่คนหนึ่งเข้ามากอดฉันแน่น มันทำให้ฉันปวดหัวชะมัด

 

ไม่

 

อย่าทำแบบนี้นะเฟ้ย!

 

แม้ว่าจิตใจของฉันจะยังเหมือนเดิม แต่ร่างกายของฉันก็แข็งแรงเหมือนตอนอายุ 17 ปี!

 

“โอ้ ดีจังที่เธอเข้าไปในวิหารได้”

 

อย่าทำแบบนี้! นี่ไม่ใช่วิธีที่ควรจะเป็น!

 

เมื่อพวกเขารู้ว่าฉันเป็นเพียงขอทานตามท้องถนน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแปลกใจว่าฉันโตมาอย่างมีคุณภาพได้อย่างไรในสภาพแวดล้อมแบบนั้น

 

รุ่นพี่มีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวฉันอย่างมาก จนฉันไม่สามารถทำอะไรกับมันได้อีก

 

เหนื่อยใจ

 

ฉันเหนื่อยจริงๆ

 

ฉันลงเอยด้วยการเป็นดาราที่วิหารเพียงเพราะการดวลกันเพียงครั้งเดียว

 

* * *

 

โดยไม่คำนึงถึงความเข้าใจผิดที่รุ่นพี่มีเกี่ยวกับฉัน รูปลักษณ์ที่คนอื่นมองฉันหลังจากที่พวกเขากลับมาก็แตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย

 

อาจเป็นเพราะพวกเขารู้ว่าฉันปลุกความสามารถเหนือธรรมชาติของฉัน

 

พวกเขาอาจรู้สึกบางอย่างจากการกระทำของฉัน ที่ต่อสู้อย่างหนักแม้ว่าฉันจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ถูกโดยรุ่นพี่คนนั้น

 

คนที่เกลียดฉัน เคเยอร์, อีริช และ โคโน ลินท์ มองมาที่ฉันแล้วเดินผ่านฉันไปพร้อมกับหลับตาแน่น พวกเขารู้สึกเหมือนไม่คู่ควรกับฉัน ไม่เพียงแต่ในแง่ของทักษะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจด้วย

 

ไม่ใช่เพราะฉันต่อสู้ได้ดี แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งทางจิตใจของฉันที่ไม่ยอมให้ฉันยอมแพ้ไม่ว่าฉันจะโดนมากแค่ไหนก็ตาม ถึงในท้ายที่สุดพวกเขาจะมีทักษะและจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น แต่ตอนนี้พวกเขายังเป็นแค่เด็ก ไม่น่าแปลกใจที่ฉันจะดูแปลกสำหรับพวกเขา

 

และ

 

“…….”

 

แฮเรียต เดอ แซงต์-โอวันมองมาที่ฉัน แล้วหันหน้าของเธอหลบและเดินผ่านฉันไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบมอง

 

นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันคาดไว้อย่างแน่นอน

 

นี่ไม่ใช่เวลาที่เหมาะที่จะบอกฉันว่า: “นายน่าจะโดนทุบตีมากกว่านี้” งั้นเหรอ

 

“นี่!”

 

“อะ อะไร!”

 

เมื่อฉันเรียกเธอ เธอหยุดราวกับว่าเธอกำลังรออยู่แล้ว และมองมาที่ฉันด้วยความโกรธ ฉันเห็นว่าเธอหน้าแดงด้วยล่ะ

 

“เธอไม่มีอะไรจะพูดกับฉันงั้นเหรอ?”

 

แฮเรียตขมวดคิ้วเมื่อฉันถามเธอ

 

“ไม่มีอย่างนั้นเหรอ? แน่นอนฉันมีอะไรจะพูดกับคนนอกรีตอย่างนาย? โอ้ใช่ใช่ นายน่าจะโดนมากกว่านี้อีกนะ แต่แล้วนายก็ลงเอยด้วยการใช้พลังเหนือธรรมชาติของนายอย่างคนขี้ขลาดเพื่อเอาชนะ”

 

ฉันได้คำตอบที่ตรงกับที่ฉันอยากได้ยิน

 

“จริงงั้นเหรอ? เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอที่เฝ้าดูฉันถูกทุบตีน่ะ”

 

“อะไรนะ?”

 

ใบหน้าของเธอแดงขึ้นอีกเพราะเธอไม่คิดว่าฉันจะสังเกตเธอมาก่อน

 

“ตอนนั้นฉันเห็นเธอทั้งกระทืบเท้าทั้งหน้าซีดเลยรู้มั้ย”

 

ฉันบอกเธอด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว อันที่จริงเธอเอาแต่มองมาที่ฉันและคุณเอพินเฮาเซอร์ด้วยความหวังว่าเขาจะหยุดการต่อสู้นี้ลง

 

ฉันสามารถเห็นทุกอย่างได้แม้ในขณะที่ฉันกำลังถูกทุบตีก็ตาม พูดตามตรงนั่นเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้ในขณะนั้น

 

อย่างไรก็ตาม ฉันเห็นเธอกระสับกระส่ายมากขึ้นเรื่อยๆ อยากให้คุณเอพินเฮาเซอร์ยุติเรื่องทั้งหมด แต่เขาไม่ทำ

 

ดังนั้นจึงมีข้อสรุปเดียว

 

“นี่เธอเป็นห่วงฉันงั้นเหรอ? น่ารักจังเลยนะ”

 

“ไม่ใช่อย่างแน่นอน! ไม่เคย ไม่เลย! ฉัน ฉัน อะ ทำไมฉันถึงต้องกังวลเกี่ยวกับนายด้วย? ฮะ! ฮะ! มันสดชื่นมากเลยต่างหาก!”

 

ดูจากใบหน้าที่ร้อนผ่าวของเธอแล้ว ดูเหมือนว่าเธอกำลังกังวลเกี่ยวกับฉันอยู่แน่ๆ ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีสักคนเดียวที่จะไม่รู้สึกเห็นใจหากมีใครถูกทุบตีอย่างน่าสมเพช

 

ฉันเดินเข้าไปหาเธอแล้วเอามือไปบีบแก้มเธอ

 

แก้มของเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์แห่งราชรัฐรู้สึกเหมือนซาลาเปาสองลูกเลย

 

“!”

 

เธอไม่สามารถแม้แต่จะกรีดร้อง นั่นคงทำให้เธอตกตะลึงมาก เธอไม่คิดเลยว่าจะมีใครกล้าทำแบบนี้กับเธอ

 

มันน่ารักจริงๆ ที่เธอตกใจที่ฉันทำอะไรไร้สาระแบบนี้ เมื่อฉันปล่อยมือ เด็กสาวหน้าแดงคนนี้เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งตัวด้วยความงุนงง

 

“กะ กล้าดียังไง กล้าแตะเนื้อต้องตัวฉัน! คนอย่างนาย? ได้ยังไง ยังไงกัน เป็นแค่ขอทาน…. ได้ยังไง….”

 

เธอโกรธและอายมากจนไม่สามารถกรีดร้องได้อย่างรู้เรื่อง รูม่านตาของเธอสั่นอย่างรุนแรง บางคนอาจคิดว่าได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวหรืออะไรบางอย่าง ครั้งนี้เธอดูไม่เหมือนโกรธ เธอรู้สึกทึ่งและประหลาดใจมากกว่า

 

ไม่เพียงแค่ฉันกล้าสัมผัสใบหน้าอันมีค่าของเธอเท่านั้น แต่ฉันยังบีบแก้มของเธอและหัวเราะเยาะเธออีกด้วย

 

เธอดูน่ารักที่สุดเลยเมื่อเป็นแบบนี้

 

ดูเหมือนเธอพยายามปฏิเสธความเป็นจริง เธออาจจะกำลังคิดประมาณว่า: “สิ่งนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นกับฉัน” หรืออะไรทำนองนั้น

 

“ฮึก ฮึก……สะอื้น!ฮือ! ฮือออ!”

 

อย่างไรก็ตาม

 

ตรงกันข้ามกับที่ฉันคาดหวังไว้ เธอร้องไห้ซะแล้ว

 

“ฮือออ…”

 

มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ

 

“ทำไมนายถึงทำกับฉันแบบนี้ ไอ้สารเลวนายมายุ่งกับฉันทำไม? ทำไมนายต้องรังแกฉันแบบนี้ หยุดนะ! หยุดแกล้งฉันสักที!”

 

อ่า ฉันควรจะทำยังไงดีเนี่ย…?

 

เพจผู้แปล Lemon FT 

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

เจ้าชายปีศาจไปสถานศึกษา

Status: Ongoing
หลังจากที่ตายนักเขียนนิยายสุดห่วยได้ถูกส่งไปเป็นหนึ่งในตัวละครของนิยายของเขา “ให้ตายเถอะ!! ทำไมฉันถึงต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย!” ด้วยความโชคร้าย ตัวละครที่ได้จากการสุ่มนั้นคือเจ้าชายปีศาจ ตัวละครที่ไม่มีในเรื่อง ไม่ใช่แม้กระทั่งตัวประกอบด้วยซ้ำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน