The Demon Prince goes to the Academy
ตอนที่ 52
เทศกาลแห่งชัยชนะเริ่มขึ้นหลังจากกองทัพที่กลับมาจากการเดินทางอันยาวนานหลังจากชนะสงครามโลกปีศาจได้เข้าสู่เมืองหลวง
ถ้าพวกเขาเดินเท้ากลับจากที่นั่นจริง ๆ มันอาจจะใช้เวลานานกว่านี้มาก แต่เวลาได้ลดลงเมื่อพวกเขาใช้ประตูวาร์ปขนาดใหญ่พิเศษที่ตั้งอยู่ที่ด่านชายแดนของดินแดนแห่งความมืด ตอนนี้ฉันอยู่ที่วิหารดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยแน่ใจ แต่ผู้คนคงจะค่อนข้างยุ่งกับการเตรียมตัวสำหรับการกลับมาของกองทัพแห่งชัยชนะ
ฉันไม่ได้เขียนอธิบายชีวิตในสถานศึกษาทุกวันอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่งั้นมันจะเป็นเหมือนไดอารี่แฟนตาซีมากกว่า มันคงดูไม่เหมือนนิยาย? ฉันเขียนลงไปอย่างคร่าว ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นและเมื่อไหร่ แต่ส่วนใหญ่ฉันแค่เขียนไว้ว่า: “แต่ละวันผ่านไปไวเหมือนแสงริบหรี่จนกระทั่งถึงเวลาของเทศกาลแห่งชัยชนะ” นั่นคือสิ่งที่ฉันเขียน
จนถึงตอนนี้ ฉันใช้ชีวิตอยู่ในช่วงเวลาที่ว่างเปล่าเหล่านี้ และผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในนิยายของฉัน และตอนนี้ก็ถึงเวลาสำหรับเทศกาลแห่งชัยชนะ
“เดิมทีวิหารควรจะปิดในช่วงของเทศกาล แต่นี่ไม่สามารถใช้ได้กับพวกคุณ อย่างที่ทราบกันดีว่าค่าเล่าเรียนของวิหารนั้นค่อนข้างสูง ดังนั้นหากโรงเรียนปิดตัวลงนานกว่าหนึ่งเดือน ไม่เพียงแต่จะขัดขวางการศึกษาเท่านั้น แต่ยังจะมีการร้องเรียนต่างๆ จากนักเรียนอีกด้วย”
คิดว่ามีนักเรียนคนเดียวที่เกลียดการหยุดพักร้อนมั้ย? ไม่มีหรอก เป็นผู้ปกครองต่างหากที่ร้องเรียน
หากโรงเรียนซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลตัดสินใจปิดตัวลงเป็นเวลาหนึ่งเดือน พวกเขาคงจะจ่ายค่าเล่าเรียนนั้นไปโดยเปล่าประโยชน์
พูดตามตรงคือผมเข้าข้างพ่อแม่พอสมควรเลย ถ้าวิหารตัดสินใจปิดทั้งเดือน ฉันคงคิดว่าพวกเขาเอาเงินไปฟรีๆเหมือนกัน
“เฮ้ออออออ….”
เด็กๆ โดยเฉพาะพวกที่ชอบเที่ยวเล่นอย่างเลขที่ 8 โคโน ลินท์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของรอยัลคลาสหรือไม่ก็ตาม พวกเขาก็เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ทุกคนจะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินข่าวว่าโรงเรียนปิดทำการเป็นเวลา 1 เดือน ดังนั้นฉันจึงเห็นทุกคนถึงกับทรุดลงไปกองกับพื้น
เจ้าพวกนี้ฟังให้มันจบก่อนเซ่
“อย่างไรก็ตาม ชัยชนะในสงครามโลกปิศาจเป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำที่สุดในบรรดาเหตุการณ์ทั้งหมดที่บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ ดังนั้นวิหารจะปิดประมาณหนึ่งสัปดาห์ซึ่งก็น่าจะเพียงพอแล้ว”
พวกเขาไม่สามารถให้วันหยุดเราได้หนึ่งเดือน แต่พวกเขาตัดสินใจที่จะปิดวิหารตลอดทั้งสัปดาห์
“อู้วววว!”
คำพูดที่เงียบสงบของคุณเอพินเฮาเซอร์ทำให้บรรยากาศร้อนขึ้นอีกครั้ง
เบอร์ทัสดูเหมือนจะไม่กระตือรือร้นกับเรื่องนี้มากนัก ในฐานะสมาชิกของราชวงศ์อิมพีเรียล เขามีงานมากมายที่ต้องทำในช่วงเทศกาลใหญ่นี้
ในบรรดาเพื่อนร่วมชั้นของฉัน อารมณ์ของเอลเลนดูค่อนข้างจะสงบ เธอดูไม่แตกต่างจากปกติมากนักแต่ตอนนี้หลังจากที่ฉันได้รับประสบการณ์มากขึ้นเกี่ยวกับยัยพระพุทธรูปหิน ฉันพอจะอ่านอารมณ์ปัจจุบันของเธอได้บ้าง
เหตุผลนั้นชัดเจน
สำหรับเอลเลนเทศกาลแห่งชัยชนะนี้เป็นเพียงสิ่งที่ระลึกถึงการตายของพี่ชายของเธอซึ่งเสียชีวิตในการต่อสู้กับราชาปีศาจ
“โอ้ ยอดไปเล้ยยยยย!”
โคโน ลินท์เริ่มเอะอะหลังจากได้ยินคำพูดของคุณเอพินเฮาเซอร์ และเขาก็ได้พูดเพิ่มเติมอีกหลังจากบอกให้หยุดเอะอะ
“หมายความว่าพวกคุณต้องออกไปในวันศุกร์นี้และกลับมาในอีกสองสัปดาห์ต่อมาในวันจันทร์ ถ้าต้องการกลับไปบ้านพ่อแม่ของเธอโปรดแจ้งฉัน ฉันจะทำเรื่องขออนุญาต”
ไม่ว่าพวกเขาจะมีความสามารถแค่ไหน แต่แค่เด็กบางคนคิดถึงบ้าน เนื่องจากเป็นช่วงหยุดยาวเกือบ 10 วัน ผู้ที่อาศัยอยู่ไกลได้กลับบ้าน
ดวงตาของเด็กบางคนเป็นประกายเมื่อได้ยินคำเหล่านี้
“อย่าตื่นเต้นเกินไป วันหยุดจะเริ่มในสัปดาห์หน้า ดังนั้นตั้งใจเข้าเรียนก่อน”
ความหมายคือ “อย่าคิดสร้างปัญหาเพียงเพราะคุณตื่นเต้น” ทุกคนจะรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเกี่ยวกับโอกาสในการหยุด ไม่ว่าพวกเขาจะมีปัญหาแค่ไหน สุดท้ายแล้วพวกเขาก็เป็นแค่เด็กเมื่อมองดูแล้วก็ดูน่ารักดีแฮะ
และจากทั้งหมด ใครดูเหมือนจะมีปัญหามากที่สุด?
“เขา, เขา, เขา….”
สิบวันฉันจะไม่ยอมให้ใครมาคอยดูฉัน
ฉันกำลังจะกลับไปหาเอเลริสหลังจากผ่านไปนาน
มันนานเกินไปแล้วตั้งแต่ฉันเจอเอเลริสครั้งสุดท้าย
ตอนนี้ฉันเป็นแค่นักเรียนการพักผ่อนเป็นสิ่งที่ดีล่ะนะ
“เลขที่ 11”
จากนั้นคุณเอพินเฮาเซอร์ก็เรียกหาฉัน
“ครับ?”
ตอนนี้แค่เขาเรียกฉัน ฉันก็รู้สึกเย็นยะเยือกที่สันหลัง ฉันทำอะไรผิดอีกล่ะ ไม่น่านะ?
การกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันทำผิดก่อนที่จะรู้ว่าแท้จริงแล้วครูต้องการอะไรคือวิธีคิดของเด็กที่มีปัญหาทั่วไป ดังนั้นฉันจึงค่อนข้างสมเพชตัวเอง
ฉันเป็นผู้กระทำความผิดที่ทุบตีรุ่นพี่ของเขาในการดวล
“วันนี้หลังเลิกเรียน มากับฉัน”
……ฉันสร้างปัญหาจริงดิ?
* * *
โชคดีที่ฉันไม่ได้สร้างปัญหาอะไร
ดูเหมือนว่าฉันได้ผ่านจุดที่ไม่อาจหวนกลับได้แล้วเมื่อฉันเริ่มกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันอาจทำผิดโดยจำไม่ได้ว่าได้ทำอะไรผิดไปจริงๆมั้ย
คุณเอพินเฮาเซอร์พาฉันไปที่สระว่ายน้ำกลางแจ้งของอาคารเรียนของเรา
“เธอจะมาที่นี่ในไม่ช้า”
เขากับฉันนั่งอยู่บนม้านั่งใกล้ๆ และรอ แม้ว่าครูจะไม่ได้บอกว่าเรากำลังรอใครอยู่ก็ตาม
ไม่มีน้ำในสระกลางแจ้ง อากาศยังคงหนาวเย็นเกินไป
บทเรียนว่ายน้ำยังเป็นส่วนหนึ่งของชั้นเรียนพละด้วย แต่เป็นช่วงฤดูร้อน
พอมาลองคิดดู ตรงจุดนี้มีการเขียนแปลกๆ
ถ้ามีใครใช้ระบบทำน้ำร้อนจากหินมานาในสระว่ายน้ำในร่ม เราก็สามารถเรียนว่ายน้ำได้แม้ในฤดูหนาวใช่มั้ย? อย่างไรก็ตาม ที่นี่ในวิหารซึ่งได้รับทุนจำนวนมากมันยังคงขึ้นอยู่กับสภาพอากาศว่าเราจะได้เรียนว่ายน้ำมั้ย?
นี่เป็นช่องโหว่ที่เกิดจากความเข้าใจผิดแปลก ๆ ของฉันที่ว่าการเรียนว่ายน้ำต้องทำฤดูร้อนในโรงเรียน
……ฉันน่าจะคิดให้มากกว่านี้สักหน่อย ฉันคงจะไม่ลงเอยด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้อีกใช่มั้ย เพราะฉันเขียนสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้มากมายเลยฉันมันงี่เง่า
ตอนนี้ฉันเริ่มสงสัยอีกแล้ว
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาด เป็นที่ชัดเจนว่าระบบทำน้ำร้อนที่ขับเคลื่อนด้วยหินมานาเป็นแนวคิดที่รู้จักกันเนื่องจากมีฝักบัวที่สามารถอาบน้ำด้วยน้ำร้อนได้
อย่างไรก็ตาม ฉันโง่และเขียนสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้มีฝักบัวน้ำอุ่นอยู่แต่ไม่มีสระว่ายน้ำในร่ม โลกนี้สร้างความน่าจะเป็นบางอย่างให้กับส่วนที่ฉันไม่ได้บรรยายไว้ แต่ส่วนที่แปลกประหลาดนี้ไม่ได้รับการแก้ไข นั่นเป็นเพราะฉันเองผู้เขียนคนนี้ได้เขียนไว้อย่างชัดเจน
ฉันเขียนว่าวิหารไม่มีสอนว่ายน้ำนอกฤดูร้อน ดังนั้นมันจึงเป็นอย่างนั้นอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม โลกนี้มีเทคโนโลยีในการสร้างสระว่ายน้ำในร่มและวิธีการทำน้ำร้อน ดังนั้นคนๆ หนึ่งจึงสามารถว่ายน้ำในฤดูหนาวได้
มันไม่น่าเป็นไปได้อยู่แล้วที่วิหารซึ่งมีเงินมากมายจะไม่มีสระว่ายน้ำในร่ม แต่เพราะฉันนักเขียนไร้สมองเขียนไว้เช่นนั้นมันเลยเป็นเช่นนั้น นี่คือความจริงที่ฉันเผชิญอยู่ในขณะนี้
ใครๆก็พูดได้ว่ามันเป็นแค่สระว่ายน้ำ ฉันไม่ควรสนใจ แต่ฉันกำลังจะเป็นบ้า เพราะฉันเอาแต่คิดว่าสถานการณ์ที่คาดเดาไม่ได้นี้เกิดขึ้นเพราะฉันเอง รู้สึกเหมือนประวัติอันดำมืดของฉันถูกเล่นต่อหน้าฉันแบบเรียลไทม์
นั่นคือสิ่งที่ฉันอยากรู้
สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ได้กลายเป็นความจริงเพราะคำอธิบายของฉัน แต่สถานการณ์นี้ได้รับการเสริมด้วยเหตุผลรึเปล่า?
มีการเพิ่มคำอธิบายที่น่าเชื่อถือในสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้สูงซึ่งเกิดจากข้อผิดพลาดในการเขียนของฉันมั้น
“ครู”
“ว่า”
ฉันไม่รู้ว่าทำไมแต่ฉันรู้สึกว่าครูอาจจะรู้ มีเหตุผลที่น่าเชื่อสำหรับเรื่องนี้มั้ยนะ?
“เราอาบน้ำอุ่นในวิหารได้ ดังนั้นมันเป็นไปได้มั้ยที่จะเรียนว่ายน้ำในฤดูหนาวหากเราสร้างสระว่ายน้ำในร่มแล้วเติมน้ำร้อนลงไป”
มีนักเขียนคนอื่นที่ถามตัวละครของตัวเองเกี่ยวกับการตั้งค่านิยายของตัวเองแบบนี้มั้ย?
ไม่ว่าฉันจะคิดหนักแค่ไหน มันก็แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากรูปแบบ ‘เดินทางสู่นิยายของคุณ’ ตามปกติ โดยปกติแล้ว ตัวละครหลักในเรื่องประเภทนี้คือนักเขียนนวนิยายที่พวกเขาคุ้นเคยและสามารถจดจำรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับฉากของตัวเองได้ หรือเป็นนักอ่านที่อ่านนิยายและรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับหนังสือ
ในขณะที่ฉันถูกส่งเข้าไปในนวนิยายเรื่องนั้น ฉันเขียนอย่างคลุมเครือ และแทนที่จะรู้ทุกอย่าง ฉันซึ่งเป็นนักเขียนก็เข้าไปโดยแทบไม่รู้อะไรเลย ในบรรดาสิ่งที่ฉันควรรู้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ฉันจำไม่ได้ด้วยซ้ำ
การรู้อนาคตในนิยายแนวชีวิตประจำวันนั้นไม่มีข้อดีอะไรเลยตั้งแต่แรก! อะไรคือเหตุผลที่รู้ว่าลุดวิกและเดลฟีน อิซาดราคุยกันระหว่างอาหารค่ำ? จากนั้นพวกเขาก็ตื่นเต้นรวบรวมเพื่อน ๆ และทานอาหารว่างร่วมกัน มันใช้ประโยชน์ไม่ได้เลยสักนิด!
มีเหตุการณ์จริงจังไม่มากนัก ดังนั้นแม้ว่าผู้เขียนจะเข้าไป ก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก…. แน่นอน ฉันรู้เกี่ยวกับเกท แต่นั่นเป็นเรื่องน่าขายหน้าที่ต้องจำได้แน่นอน
ดังนั้นสำหรับส่วนที่ไม่ได้อธิบายไว้ แทนที่จะให้ผู้สร้างรู้เอง การถามหนึ่งในตัวละครของพวกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นการเร็วกว่า
ทันทีที่ฉันมาถึงเวทีหลัก เมืองหลวง ฉันสงสัยว่าฉันอยู่ที่ไหน ฉันไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งต่างๆมากมายที่ปรากฏขึ้นเนื่องจากการเขียนของฉัน
หากตำนานการสร้างเป็นเรื่องจริง พระเจ้าอาจเฝ้าดูมนุษย์สร้างเครื่องบินโดยสงสัยว่าพวกเขาทำอะไรน่ะ เขาอาจคิดบางอย่างเช่น: “บ้าปะเนี่ย? พวกคุณไม่ได้เกิดมาเพื่อบินนะ!” นี่มันไกลเกินกว่าขอบเขตของจินตนาการของฉันแล้ว
ถึงอย่างไร
“ผมคิดว่าอย่างนั้นน่ะ”
ครูตอบว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีสระน้ำอุ่นที่นี่
“แต่ทำไมเราไม่มีที่นี่ล่ะ”
ไม่ใช่ว่าวิหารไม่มีเงินสักหน่อย คุณเอพินเฮาเซอร์จ้องมาที่ฉัน เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเขาถึงจ้องมองมาที่ฉันแบบนั้น?
“น้ำของวิหารเทียบไม่ได้แม้แต่กับเมืองอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การบำรุงรักษาสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ตลอดทั้งปีในสถานศึกษานั้นค่อนข้างมีค่าใช้จ่ายสูง นอกจากนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้น้ำด้วย”
เลยทำให้กลายเป็นว่ามีปัญหาเรื่องน้ำสินะ? เห็นได้ชัดว่า การติดตั้งและบำรุงรักษาสระว่ายน้ำในร่มในวิหารจะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก..
ฉันสงสัยว่าถ้าแค่เฉพาะรอยัลคลาสเท่านั้นที่อาจมีสระว่ายน้ำในร่มได้ แต่ดูเหมือนจะไม่ถูกนำมาใช้เหมือนกัน
“ดังนั้น สระว่ายน้ำของวิหารจึงไม่ดึงน้ำจากแหล่งจ่ายน้ำดังกล่าว แต่ใช้น้ำฝนที่เก็บมาในฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่ฝนตกบ่อย และใช้เวทมนตร์เพื่อทำให้น้ำบริสุทธิ์”
การสอนว่ายน้ำจัดขึ้นในฤดูร้อนเนื่องจากเรื่องน้ำ ไม่ใช่เพราะสภาพอากาศหรืออุณหภูมิ บางทีอาจมีที่เก็บน้ำไว้สำหรับเก็บน้ำฝนสำหรับสระว่ายน้ำ อาจไม่ได้สะสมในสระว่ายน้ำกลางแจ้งโดยตรง
ฉันไม่ได้กำหนดว่าน้ำประปาควรจะอยู่ที่ใดหรือดึงน้ำมาจากแหล่งใด แต่ฉันคิดว่ามันถูกดึงมาจากแม่น้ำอิเรเน่หรืออีกนัยหนึ่งคือจากแม่น้ำฮันสินะ
แต่รู้สึกว่าจะมีปัญหาเรื่องการใช้น้ำ มีหลายแห่งที่วิหารและหากพวกเขายังคงเปลี่ยนน้ำในสระ สถานที่อื่นอาจได้รับไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเมืองหลวงจะคล้ายกับโซล แต่ก็ไม่มีระบบน้ำประปา
นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายมหาศาลในการใช้น้ำจำนวนมหาศาลนั้นด้วย มันไม่เหมือนกับว่าเราสามารถตักน้ำจากแม่น้ำได้โดยตรง
การสร้างน้ำโดยใช้เวทมนตร์น้ำแข็งหรือน้ำก็ไม่สมเหตุสมผลเช่นกัน จำนวนเงินที่พวกเขาต้องใช้นั้นมหาศาล
พวกเขาจึงใช้น้ำฝนแล้วใช้เครื่องมือเวทมนตร์หรือเวทมนตร์ชำระล้างเพื่อชำระล้างมัน
“แล้วทำไมเราไม่ทำน้ำให้บริสุทธิ์แม้แต่ในฤดูหนาวล่ะครับ?”
“ไม่ว่าจะใช้เวทมนตร์ชำระล้างมากเพียงใด ถ้าต้องว่ายอยู่ในน้ำเดียวกันตลอดทั้งปี ก็คงไม่อยากเหยียบลงไปในน้ำนั้นอีกอยู่ดี”
“อ่า เข้าใจแล้ว”
ไม่ว่ามันจะไม่เป็นอันตรายหรือไม่ก็ตาม มันค่อนข้างจะน่าขยะแขยง ดังนั้นในท้ายที่สุด มันเป็นไปได้ที่จะทำให้น้ำร้อนขึ้นด้วยหินมานา แต่เหตุผลที่ไม่มีเรียนว่ายน้ำในฤดูหนาวนั้นไม่ได้เกี่ยวกับความจริงที่ว่ามันเย็น แต่ฝนไม่ตก และไม่มีสระว่ายน้ำในร่มเพราะพวกเขาสามารถรวบรวมน้ำฝนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยกับสระว่ายน้ำกลางแจ้งเพื่อประหยัดเงิน ถ้าฝนไม่ตกสระก็เติมน้ำไม่ได้ต้องใช้น้ำจากการประปาคุณเอพินเฮาเซอร์กล่าวว่ากระบวนการดังกล่าวจะมีราคาแพง แต่เขาไม่ได้บอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมสระว่ายน้ำด้วยน้ำประปาของเมืองหลวง
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ปริมาณน้ำที่ใช้เป็นปัญหาและทางวิหารต้องการประหยัดเงิน
มีเหตุผลสำหรับทุกสิ่งแปลก ๆ ที่ฉันเขียนขึ้น
มันคือใคร? ใครคือคนที่ใช้สมองแทนฉัน? มันทำให้ฉันอยากจะไปหาคนนั้นและคำนับพวกเขาจริงๆ
“ทำไมคุณถึงอยากรู้เรื่องนี้ล่ะ”
คุณเอพินเฮาเซอร์ถามคำถามกลับมาที่ฉันราวกับว่าเขาไม่เข้าใจความอยากรู้อยากเห็นของฉัน
ฉันแค่อยากจะยืนยันว่าคนๆ นั้นเคลียร์ปัญหาของฉันยังไงเฉยๆ
ฉันไม่สามารถบอกเขาได้
“อ่า ก็…. ผมก็แค่อยากรู้ ทำไมสระว่ายน้ำถึงอยู่ข้างนอก? ทำไมเราไม่มีเรียนว่ายน้ำในฤดูหนาว? ประมาณนั้น”
“คุณต้องการเรียนว่ายน้ำในฤดูหนาวงั้นเหรอ ทำไมล่ะ”
“อา แน่นอน…. นั่นคงจะดีล่ะมั้ง”
ทำไมคุณถึงถามฉันอย่างนั้นล่ะ คุณเอพินเฮาเซอร์มองมาที่ฉันอย่างเงียบ ๆ แล้วหันศีรษะไป
“…อืม ดูเหมือนว่าคุณไม่ได้มีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์เลย”
“…เจตนาไม่บริสุทธิ์?”
ทำไมฉันต้องมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ที่จะขอเรียนว่ายน้ำในฤดูหนาวด้วย
อา
ไม่มีทาง
“ครูคิดว่าผมถามแบบนั้นเพราะอยากเห็นเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิงใส่ชุดว่ายน้ำสินะ”
นั่นคือสิ่งที่เขาคิด 100%
เมื่อเขาจ้องมองมาที่ฉันก่อนหน้านี้ เขาอาจต้องการตรวจสอบว่าดวงตาของฉันมีตัณหาประเภทใดอยู่ในนั้นหรือไม่ เขาปล่อยมันไปเพราะดูเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้น
คุณเอพินเฮาเซอร์หลีกเลี่ยงการจ้องมองที่ฉันพูดตรงไปตรงมา
คนคนนี้กำลังหงุดหงิดอยู่หรือเปล่านะ?
“ครูผมยอมรับว่าผมเป็นเด็กมีปัญหา แต่ผมไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน ผมไร้เดียงสาที่สุดแล้วล่ะ”
ฉันมาจากเผ่าพันธุ์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง! ฉันชอบผู้หญิงแบบเอเลริสมากกว่า!
ไม่สิ แบบนั้นมันดูเป็นปัญหามากกว่า ถ้าปีศาจและพวกอันเดดเป็นรสนิยมของฉัน ฉันจะไม่โดนแขวนคอหรืออะไรแบบนั้นใช่มั้ย ไม่ว่าพวกมันจะคล้ายกับมนุษย์มากแค่ไหนก็ตาม อ่า แต่ฉันก็เป็นปีศาจเหมือนกันนี่นา ดังนั้นไม่น่ามีปัญหาหรอก?
พวกอันเดดก็เป็นปีศาจใช่มั้ย?
ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าปีศาจมาจากไหน
“ในขณะที่ฉันสงสัยนักเรียน ฉันในฐานะครูจะยิ่ง…. เอิ่ม”
“……”
คุณรู้ไหมว่าดวงตาของคุณเป็นอย่างไร คุณครู!!!?
ฉันแค่คิดถึงข้อผิดพลาดในการตั้งค่า!
…ตอนที่ฉันตัดสินใจเลือกฉากนั้น ฉันคงคิดประมาณว่า “ต้องว่ายน้ำให้เสร็จในฤดูร้อน!” หรืออะไรทำนองนั้น…. ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่ใส่ซื่อ แต่ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้น! อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้!
คุณเอพินเฮาเซอร์ไม่แม้แต่จะตอบสนองต่อคำพูดของฉันโดยตรง ราวกับว่าเขาไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขายังคงมีใบหน้าโป๊กเกอร์เฟสแต่ความลำบากใจภายในของเขาชัดเจน ดูตอนนี้แล้วเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกันสินะ
“คุณก็รออยู่ที่นี่ละกัน ตั้งใจฟังชั้นเรียนให้ดีล่ะ”
หลังจากเห็นใครบางคนมาจากที่ไกลๆ คุณเอพินเฮาเซอร์ก็หนีไปจากสถานที่นี้ รู้สึกเหมือนเขากำลังวิ่งหนีจริงๆ
ถึงกระนั้น การได้เห็นคุณเอพินเฮาเซอร์ตื่นตระหนกแบบนั้นทำให้ฉันรู้สึกพึงพอใจ เขาไม่ใช่คนที่น่ากลัวเลย
.……แน่นอนฉันรู้อยู่แล้ว เพราะฉันสร้างตัวละครของเขาแบบนั้นตั้งแต่แรก แต่มันก็เป็นการแหย่คนๆ นั้นแบบตลกๆ และทำให้พวกเขาเขินอาย ฉันก็รู้ว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร
เขาหมายถึงอะไร: “ตั้งใจฟังชั้นเรียนให้ดี”?
นี่มันชั้นเรียนอะไรกัน ให้ฉันโดดเรียนทุกวิชาในวันจันทร์เหรอ?
เมื่อฉันเห็นคนที่เข้ามาหาฉัน ฉันรู้ทันทีว่าชั้นเรียนอะไร
เป็นอาจารย์ที่ดูแลวิชาพลังเหนือธรรมชาติปี 1 ของรอยัลคลาส
คนเดียวกับที่ถามฉันว่าทำไมฉันถึงเรียนวิชาพลังเหนือธรรมชาติทั้งที่ฉันไม่มีพลังเลย
นั่นคือคุณโรลเลนเดรีย