“ถ้างั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วสินะ ว่าคุณจะเปิดเผยตัวตนเมื่อไหร่ คุณผู้หญิง”
หญิงสาวคนนั้นท่าหน้ามึนงง ต่อคำถามของอัศวินหญิงที่ถามด้วยน้ำเสียงแตกต่างจากเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง
“จู่ๆ ก็มีผู้หญิงอยากไปป่าที่กองทัพจอมมารปกครองอยู่… ไม่ว่าจะคิดยังไงมันก็น่าสงสัยล่ะน้า~ ” นักธนูหญิงมองมาที่ผู้ว่าจ้างหญิงขณะพูด
แล้วปาร์ตี้ของอัศวินหญิงก็ค่อยๆ ล้อมผู้หญิงคนนั้นแล้วคอยดูท่าทีของเธออย่างระวัง
“พี่ชาย ขอโทษด้วย… ที่ต้องใช้ประโยชน์จากคุณ” นักดาบหญิงกล่าวขอโทษอาร์ทโชว์
จากคำอธิบายของนักดาบหญิง เหมือนว่าพวกเธอจะสงสัยผู้ว่าจ้างสาวคนนี้แต่แรกแล้ว จึงใช้ประโยชน์จากอาร์ทโชว์ที่ทักเธอไปตอนนั้น เพื่อเปิดเผยตัวตนของเธอ
แม้แผนเดิมจะเป็นการค่อยๆ เดินทางมาที่นี่และค่อยถามคำถามเธอตอนไม่มีคนอยู่รอบๆ เพราะพวกเธอไม่คิดว่าอาร์ทโชว์จะใช้เวทย์เทเลพอร์ทซึ่งเป็นเวทมนตร์ชั้นสูงได้ จึงต้องดำเนินการแผนขั้นต่อไปแทน
หลังจากได้ยินเรื่องราวจากอัศวินหญิง ก็มีเปลวไฟน่าสงสัยลุกโชนขึ้นในดวงตาของผู้ว่าจ้างสาว
“ เฮอะ ช่างเป็นมนุษย์ต่ำต้อยที่อวดดีจริงๆ “
แล้วรูปร่างของเธอก็เปลี่ยนไป
ปากที่แยกเขี้ยว ร่างกายค่อยๆ ใหญ่โตขึ้นแล้วก็กลายเป็นหมาป่าตัวใหญ่
“อย่างพวกเจ้าคิดจะต่อกรกับข้า ซึ่งเป็นน้องสาวของหนึ่งในของเฟ็นการ์ลผู้เป็นหนึ่งในจตุรัสเทพสงคราม ท่านเฟ็นรีส์ผู้นี้ได้รึไง”
จากนั้นกลิ่นอายปีศาจมหาศาลก็แผ่ออกมาจากร่างกายของเฟ็นรีส์
“ตั้งแต่เธอมาที่เมืองก็นึกแล้วว่าเป็นลูกน้องของจอมมาร แต่.. ไม่นึกว่าจะเป็นเหยื่อตัวใหญ่ขนาดนี้“
“ถอนตัวกันเถอะ เรารับมือกับคู่ต่อสู้ระดับนี้ไม่ไหวหรอก อย่างน้อยก็ต้องมีกองอัศวินสองกองร้อย”
ปาร์ตี้อัศวินหญิงแสดงสีหน้าแข็งทื่อด้วยเหงื่อที่เย็นเฉียบ
สถานการณ์ตอนนี้การถอยถือเป็นการดีที่สุด ถึงเธอก็รู้แต่ก็ขยับจากตรงนี้ไม่ได้สักนิดเดียว เพราะแรงกดดันเฟ็นรีส์
หากมองจากทั้งสองฝ่าย คนที่อยู่ข้างหลังเขาพวกเธอคืออาร์ทโชว์
เขานั้นขยับตัวได้สบายๆ โดยไม่ได้รับแรงกดดันจากกลิ่นอายปีศาจแม้แต่นิดเดียว
“เฮอะ ดูเหมือนจะมีคนที่ใช้ได้เหมือนกันนี่”
จากนั้นสายตาเฟ็นรีส์ก็จับต้องไปที่อาร์ทโชว์ แล้วยิ้มกว้าง
“รอหน่อยล่ะ หลังจากจัดการยัยพวกนี้ ต่อไปก็ตานายแล้ว”
แล้วเธอก็ย่อตัวเพื่อตั้งท่า
…อืมมม…. สถานการณ์ของพวกคุณอัศวินดูท่าจะแย่กันแล้วสิ ผมคิดว่านะ
เขามองดูอัศวินสาวที่โดนแรงกดดันจนขยับไม่ได้ แล้วก็คิดไปว่านี่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาซะด้วย
แล้วก็มีหน้าต่างใหม่ปรากฏขึ้นมาด้านหน้าเขา
[คำแนะนำ : คุณต้องการจะให้ปาร์ตี้อัศวินลี้ภัยไปที่ไหนสักแห่งด้วยเวทย์เทเลพอร์ทก่อน ใช่หรือไม่]
อาร์ทโชวจึงตอบแบบกระซิบๆ ไปว่า
[งั้นเทเลพอร์ทพวกเธอไปเมืองใกล้ๆ ตอนนี้ให้ทีนะ]
แล้วปาร์ตี้ของสาวอัศวินก็หายตัวไปราวกับถูกลบให้หายไป
เฟ็นรีส์ที่กำลังจะโดดเข้าไปหากลุ่มปาร์ตี้ของพวกเธอชงักแล้วมองไปรอบๆ
“ เป็นไปไม่ได้ ทั้งที่ฉันลบล้างเทเลพอร์ททำให้ใช้เวทย์เทเลพอร์ทไม่ได้ไปแล้วนะ … “
“เอ๊ะ งั้นเหรอ” คำพูดของเฟ็นรีส์ทำให้ อาร์ทโชว์ตกใจจริงๆ
[เมื่อเวทย์เทเลพอร์ทของท่านเป็น [เวทย์เทเลพอร์ท [ขั้นสูงสุด] ดังนั้นจึงทำให้จากเวทย์ [ลบล้างการเทเลพอร์ท] ]
ในขณะที่ยืนยันข้อความในหน้าต่าง พออาร์ทโชว์เข้าใจแล้วเขาก็พูดว่า “อ่อ แบบนี้นี่เอง”
แน่นอน ว่าเขาไม่รู้หรอกว่าผู้ใช้เวทย์ขั้นสูงสุดนั้น ในโลกนี้มีเพียง 2 คนเท่านั้น
“ ฝีมือเจ้าเองสินะ .. ช่างเถอะ ฉันจะเอานายมาเพื่อเวทย์คืนชีพท่านพี่ และดูเหมือนเจ้าจะเป็นคนมีความฝีมืออยู่นิดหน่อยด้วย ”
เธอเปลี่ยนจากเป้าหมายจากปาร์ตี้อัศวินหญิงที่หายไปมาทางอาร์ทโชว์ เฟ็นรีส์ตั้งท่าแล้วเลียริมฝีปาก
“หลังจากฆ่าเจ้า ข้าจะสำรวจป่านี้ต่อ แต่ไม่ต้องห่วงว่าจะเหงา ข้าจะส่งปาร์ตี้ของยัยพวกนั้นไปกับเจ้าด้วยแน่ๆ “
“อืมม … สำหรับตอนนี้ผมเองก็ยังไม่อยากตายล่ะนะ”
ในขณะที่อาร์ทโชว์ตอบ “ใช่” ไปก็มีหน้าต่างแสดงขึ้นมา
จากนั้นเฟ็นรีส์ก็รู้สึกถึงน้ำหนักมหาศาลบนร่างกาย
… นี่มันอะไรกัน
แม้ว่าเธอจะพยายามพูดแต่เพราะแรงกดมหาศาลทำให้เธอทำไม่ได้แม้แต่พูด
แรงโน้มถ่วงมหาศาลกดร่างของเฟ็นรีส์จนธอตัวติดพื้น ขยับไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
อา… ไม่จริง.. แม้ว่าข้าจะใช้เวทย์ลบล้างพลังเวทย์ไปแล้วแต่กลับ .. [แรงโน้มถ่วงลดลง]
แม้เธอจะร่ายมนต์ใหม่ แต่เสียงที่ได้ยินก็มีบอกว่าเวทย์ของเฟ็นรีส์ล้มเหลว
[วาร์ปไปยังสถานที่ใกล้ๆ]
[กระโดดสูง]
[สลับเปลี่ยนตำแหน่ง]
.
.
.
เธอร่ายมนต์อย่างต่อเนื่องเท่าที่เธอคิดออก แต่เวทย์เหล่านั้นก็ล้มเหลวพร้อมมีเสียงกระจกแตกดังตอบมาเท่านั้น
เพราะเธอใช้เวทย์ขั้นสูงมากมาย ทำให้พลังเวทย์ของเธอลดลงอย่างรวดเร็ว
มะ ไม่มีทาง… คนอย่างข้ามาแพ้ให้กับ.. มนุษย์ง่ายๆ แบบนี้ …
เฟ็นรีส์พยายามคิดหาทางเพื่อเคลื่อนไหว เพื่อเอาชนะให้ได้ในสถานการณ์นี้ แต่พลังเวทย์ของเธอหมดและร่างกายยังแข็งเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น และไม่มีแผนดีๆ เข้ามาในใจเลยเลยสักนิด
… ขะ ข้ายอมแพ้.. ทำตามที่เจ้าต้องการสิ
เฟ็นรีส์เลิกต่อต้านแล้วปิดตาอย่างเงียบๆ
พอเธอเลิกต่อต้านแล้วคิดจะยอมแพ้จู่ๆ แรงโน้มถ่วงบนร่างกายของเธอก็หายไป
กับผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิดนี้ เฟ็นรีย์ลืมตาแล้วแสดงท่าทีสงสัย แล้วมือของอาร์ทโชว์ก็ยื่นมาหาเธอ
เฟ็นรีส์ที่อยู่ในรูปลักษณ์ของเผ่าปีศาจ สับสนมากขณะมองมือของเขาทื่ยื่นมา
รูปลักษณ์ของเธอไม่ใช่หญิงสาวเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ แต่เป็นรูปลักษณ์เดิมที่งดงามของเผ่าปีศาจ
“ถ้าคุณยอมแพ้ ผมก็ไม่ฆ่าคุณหรอก”
แล้วอาร์ทโชว์พูดแล้วก็เอาเสื้อคลุมของเขาคลุมให้เธอ เพราะตอนเธอกลายเป็นร่างหมาป่าทำให้เสื้อผ้าขาดหมด
“ฉันเป็น… เผ่าปีศาจนายรู้มั้ย… แล้วนายกำลังจะบอกว่าจะปล่อยฉันไปเหรอ?”
“เดิมทีผมก็ไม่ใช่คนของโลกนี้ ดังนั้นผมไม่รู้เรื่องของมนุษย์กับเผ่าปีศาจหรอก แต่ถึงยังไงผมก็ไม่ฆ่าคนที่ยอมแพ้แล้วหรอกนะ ก็แค่นั้นเอง”
“อ่อนหัดไปแล้วเจ้ามนุษย์… อ่อนหัดเกินไปแล้ว”
ขณะพูดเธอก็ยื่นมือไปจับมือของอาร์ทโชว์ที่ยื่นมาให้
มือของเธอ ถ้าเป็นแรงของศัตรูคงสู้เธอไม่ได้แม้แต่นิดเดียวแน่ๆ
แล้วหน้าต่างใหม่ก็ขึ้นแนะนำอาร์ทโชว์ บอกว่าทำให้เธอเป็นทาสในสังกัดได้
แต่ไม่ว่าจะคิดยังไง… แทนที่จะให้เธอทาส เขาคิดว่าเป็นเพื่อนกัน เธอคงดูมีความสุขมากกว่า แต่ว่า….
อาร์ทโชว์ยิ้มแบบเจื่อนๆ แล้วเขาก็ปิดหน้าต่างนั้นไป