หลังจากอาร์ทโชว์กับเฟ็นรีส์กลับมาโรงแรม พวกเขาก็ไม่ได้ก้าวออกไปไหนเลยกว่า 2 วันแล้ว
“ก็เคยบอกอยู่หรอก ว่าทำอะไรก็ได้ตามใจแต่ว่า… นี่มันจะเกินไปหน่อยนะ”
เฟ็นรีส์ลุกออกจากเตีบง
“ถ้าทำอะไรให้ไม่พอใจต้องขอโทษด้วยนะ”
“ก็ไม่ใช่แบบนั้นหรอก…”
เฟ็นรีส์เขินหลังได้ยินคำพูดของอาร์ทโชว์ เธอโอบมือของเธอที่คอของอาร์ทโชว์แล้วเริ่มต่อกันอีกรอบ
ครั้งนี้อาร์ทโชว์ยกเลิกเวทย์เปลี่ยนรูปร่างออก ทำให้เฟ็นรีส์เห็นหน้าตาที่แท้จริงของเขา
“เชื่อใจถึงขนาดให้ฉันเห็นหน้าตาที่แท้จริงเลยเหรอคะ”
เฟ็นรีส์พูดขณะเอามือไปสัมผัส
สุดท้ายนอกจากลงไปทานอาหารทั้งสองคนก็ไม่เคยออกจากห้องเลย
เช้าวันที่ 5
ในที่สุดทั้งคู่ก็ออกจากห้องจนได้ เพื่อรวบรวมข้อมูลและรับงานพวกเขาจึงมุ่งหน้าไปที่กิลด์
กิลด์อยู่ในความโกลาหล แล้วทั้งสองคนเข้ามา
ไม่มีใครพูดอะไรเสียงดัง ภายในกิลด์มีข่าวลือว่าผู้กล้ากับกองทหารถูกจัดการเต็มไปหมด
ดูเหมือนว่าผู้ที่รอดชีวิตมาได้นั้นจะได้รับคำสั่งให้ปิดเงียบเรื่องนี้ไว้ แต่มันยากที่จะปิดข้อมูลไว้ได้มิด
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพราะผู้กล้าผมสีบลอนด์น่ะค่ะ”
“อย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่ค่ะ ผู้กล้าคนนั้นอ่อนแอเกินไป แล้วก็ไม่มีความกล้าหาญหรือพลังที่ผู้กล้าควรจะมีเลย ที่ข้ารู้สึกได้จากเขาก็มีแค่ความหยิ่ง จอมปลอม หลงละเลิงและอวดดีเท่านั้นเอง” เฟ็นรีส์พูดแล้วมองหน้าของอาร์ทโชว์แล้วหน้าแดง
“เขาเทียบคุณสามีที่เอาชนะฉันได้อย่างง่ายดายไม่ได้เลยค่ะ”
เฟ็นรีส์มองที่ไปอาร์ทโชว์แล้วยิ้มอ่อนๆ ให้
“ฉันก็ดีใจที่เธอพูดชมนะ แต่ไม่ใช่ขอไปแล้วเหรอ ว่าอย่าเรียกว่านายท่านให้เรียกคุณสามีแทนน่ะ?”
[อธิบาย : ที่จริงภาษาญี่ปุ่นคำว่านายท่านกับสามีเป็นคำเดียวกัน]
“…..”
พอได้ยินคำพูดของอาร์ทโชว์เฟ็นรีส์ก็พยักหน้าที่แดงเป็นลูกแอปเปิ้ล
จากนั้นเขาก็ไปลงทะเลียนเป็นนักผจญภัยให้เฟ็นรีส์ แต่เพราะหากเธอใช้ชื่อจริงพวกเขาอาจจะรู้ว่าเธอเป็นคนของจอมมาร เธอจึงเปลี่ยนชื่อเป็นลิซ
เริ่มแรก พวกเขาคิดว่าจะหาข้อมูลโดยการรับงาน จึงมุ่งหน้าไปที่บอร์ด
“สถานการร์ฉุกเฉิน! ทางใต้ของเมืองมีการรุกรากใหญ่จากหมีคลั่ง จึงต้องขอให้ทุกคนไปปราบ โดยเงินรางวัลจะได้รับถึงสามเท่า”
สาวพนักงานต้อนรับตะโกนเสียงดัง
กิลด์ตกอยู่ในความวุ่นวายพร้อมด้วยเสียงเชียร์ แต่ไม่นานเสียงเชียร์ก็หายไป
“…เฮ้ นี่ไม่ใช่พวกหมีคลั่งที่ทำให้ผู้กล้ากับกองทหารพ่ายแพ้หรอกเหรอ”
“ฉันก็คิดเหมือนกัน” “เงินรางวัลก็เยอะดีอยู่แต่มันไม่ยากเกินไปเหรอ?”
ภายในกิลด์เต็มไปด้วยเสียงของนักผจญภัย
มันคือความจริงที่หมีคลั่งเหล่านี้คือหมีคลั่งในข่าวลือที่จัดการผู้กล้าและกองทหาร
หลังจากหมีคลั่งจัดการหมีคลั่งกับผู้กล้าและกองทหารได้ ทำให้พวกมันเหลิงจนมั่นใจมาก จนพวกมันโจมตีพื้นที่เพาะปลูกของชาวบ้านทางใต้และความเสียหายก็ยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และยัง
– ครั้งนี้ไม่มีผู้กล้าคอยช่วย
– หลังจากที่ผู้กล้าล่าถอยกลับไปปราสาท เขาก็เดินทางไปที่ทางใต้แล้ว
– แถมที่เขาวิ่งหนียังไม่ใช่เพราะกองทัพจอมมารแต่เป็นมอนสเตอร์เท่านั้นเอง
ขณะที่ฟังการคุยกันในกิลด์ อาร์ทโชว์กับลิซก็ออกมา
“แค่ล่าพวกมันก็ได้เงินเหลือใช้เลยนะเนี่ย?”
“แค่เจ้าพวกหมีคลั่ง ไม่ต้องให้มือของคุณสามีต้องสกปรกหรอกค่ะ ฉันจะไปจัดการเอง”
“ผมเองก็อยากจะลองเวทย์บางอย่างด้วย ผมไม่ยอมให้ภรรยาของผมต้องสู้คนเดียวหรอก”
“ภรร.. ภรรยาเหรอคะ?”
อาร์ทโชว์รู้สึกว่าร่างกายของลิซร้อนขึ้นหลังจากอุทานออกมา
“เป็นภรรยาของผมไม่ดีงั้นเหรอ?”
“ไม่หรอกค่ะ.. แน่นอน ฉันไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรแต่กลับมีความสุขด้วยซ้ำ”
สีหน้าลิซกลายเป็นสีแดงเหมือนปลาหมึก
แล้วพวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ร้านอาวุธ
ลิซบอกว่าถึงแม้จะไม่มีอาวุธก็สามารถสู้ได้ แต่อย่างน้อยก็อยากให้เธอดูเหมือนนักผจญภัยคนอื่น เพราะอาจโดนสงสัยได้
ลิซเลือกอุปกรณ์สวมใส่ประเภทเรนเจอร์และมีดสั้นเป็นอาวุธ
อาร์ทโชว์เองก็เปลี่ยนอุปกรณ์สวมใส่เช่นกัน ซึ่งหากมองก็คงเรียกว่านักดาบเวทย์ ที่มีดาบยาวอยู่กลางหลัง
“อืม.. ดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ว่า”
แล้วอาร์โชว์ก็เลือกแหวนที่เสริมความคล่องตัวซึ่งมีขนาดพอดีกับนิ้วนางให้กับลิซ
“คุณสมบัติแค่นี้ไร้ประโยชน์กับฉัน คุณสามีน่าจะรู้นะคะ”
เธอทำหน้าสงสัย แล้วมองไปยังแหวนที่นิ้วนาง
“ในธรรมเนียมของมนุษย์ การที่สามีสวมแหวนให้ภรรยาถือเป็นสัญลักษณ์ว่าแต่งงานกันแล้วครับ”
อาร์ทโชว์ยิ้มแล้วโชว์แหวนที่เหมือนกันที่นิ้วของเขา
“อย่างนั้นเหรอคะ? เดี๋ยวสิค่ะ สัญลักษณ์.. ว่าเราแต่งงานกัน.. เอ๋!?”
ในที่สุดเธอก็เข้าใจสิ่งที่อาร์ทโชว์ต้องการจะสื่อ ใบหน้าลิซกลายเป็นสีแดงก่อนที่พูดบางอย่างด้วย
ลูกค้ารอบๆ ที่ได้ยินคิดว่าคงมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เลยมาล้อมรอบตัวพวกเขาเพราะความอยากรู้
ทั้งสองคนจึงพูดออกไปว่า “ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายกันนะครับ” หลังจากนั้นก็หนีออกมากจากร้าน
ตอนที่วิ่งหนีออกมาลิซก็มองไปที่แหวนที่อาร์ทโชว์ให้อย่างมีความสุข
อาร์ทโชว์กับลิซเดินเข้าขากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ และหนีออกมากได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งสองเดินเท้าไปที่ทางใต้และเมื่อพบหมีคลั่งก็จัดการมันทันที
อาร์ทโชว์ใช้เวทย์สนามแรงโน้มถ่วงที่มีพลังน้อยกว่าตอนที่ใช้กับลิซ พอพวกหมีคลั่งเจอเวทย์นี้เข้าไปก็ล้มลง กระดูกและร่างถูกบดขยี้จนตายในที่สุด
หลังจากเดินทางมาจนพบหมู่บ้านเล็กๆ พวกเขาจึงใช้หมู่บ้านนี้เป็นฐานที่มั่นเพื่อล่าพวกมัน
ทั้งสองคนจัดการหมีคลั่งรอบๆ หมู่บ้านทั้งในป่าและในไร่
ประมารครึ่งวันก็ฆ่าไป 20 ตัว พวกเขาก็หยุดเพราะมันคงจะแบกกลับเมืองลำบาก
ในขณะที่พวกเขาทั้งคู่กำลังล่าหมีคลั่ง พวกมันก็แปลกๆ กันไป
ดูเหมือนมันจะรู้ว่าเอาชนะอาร์ทโชว์กับลิซไม่ได้จึงหมอบลงกับพื้น
เพื่อแสดงให้เห็นว่ายอมแพ้แล้ว
“ความเมตตาก็จำเป็นน่ะนะ.. “
อาร์ทโชว์ตัดสินใจให้หมีคลั่งเป็นสัตว์เลี้ยง ส่วนลิซเองก็บอกว่าการฆ่าศัตรูที่ไม่ต้องการจะสู้แล้วถือเป็นความอัปยศ
อาร์ทโชว์เปิดหน้าต่างสกิลฝึกและลงทะเบียนหมีคลั่งเป็นสัตว์เลี้ยง แล้วสั่งไว้ว่า
– ห้ามเข้าสู่โหมดคลั่ง
– ยอมเชื่อฟังแต่โดยดี
ด้วยเวทย์นี้ทำให้สามารถพามันเข้าไปในเมืองด้วยได้
แต่เพราะรูปร่างมันเป็นหมีจึงยังตกอยู่เป้าสายตาอยู่ อาร์ทโชว์จึงสร้างชุดขนาดใหญ่ให้มันด้วยเวทมนตร์ให้
ตอนนี้เลยดูเหมือนมนุษย์หมีแล้ว
หลังจากคุยกันกับลิซจึงได้ตั้งชื่อให้มันว่าซาแบร์
ในหมู่บ้านไม่มีคนอยู่จนถึงตอนเย็น พวกเขาจึงตัดสินใจพักกันที่นี่ในคืนนี้
เพราะไม่สามารถเดินทางกลับไปที่โรงแรมกันได้ในคืนนี้
โดยที่รอบๆ บ้านนั้นอาร์ทโชว์ก็ขยายเวทย์ป้องกันไว้ เมื่อตื่นขึ้นมาก็เห็นศพของหมีคลั่งกว่า 17 ตัวที่ตายเพราะกับดัก
อาร์ทโชว์สร้างเกวียนจากไม้ด้วยเวทมนตร์ หลังจากสร้างเสร็จเขาก็ขนหมีคลั่งที่โดนกับดักเวทย์ขึ้นบนเกวียนแล้วมุ่งหน้าไปที่เมือง โดยให้ซาแบร์เป็นคนลากเกวียนให้
พอมาถึงกิลด์นักผจญภัย พวกนักผจญภัยก็มารวมกันที่เกวียนของพวกเขา
“.. หมีคลั่งเยอะขนาดนี้.. ล่ากันแค่สองคนงั้นเหรอคะ?”
อาร์ทโชว์ยิ้มให้พนักงานต้อนรับสาว แล้วตอบว่า
“ผมแค่ใช้เวทมนตร์นิดๆ หน่อยๆ นะครับ”
เพราะวันนี้อาร์ทโชว์เลยได้เงินจำนวนมหาศาลมา
“บ้านที่อยู่ทางใต้มีทำเลที่ดีนะครับ แถวนั้นไม่มีใครอาศัยอยู่เลยเหรอครับ”
เขาถามพนักงานต้อนรับ
“ที่แถวนั้นมีการตั้งรกรากของหมีคลั่ง ทุกคนเลยหนีกันไปหมดค่ะ “
“ผมอยากจะตั้งที่อยู่แถวนั้น อย่างล่าหมูป่า หรือทำสิ่งที่อยากทำ… จะขอซื้อบ้านพวกนั้นได้มั้ยครับ”
“อืม ขอไปตรวจสอบก่อนนะคะ …… ถ้าแถวนั้นมีนักผจญภัยที่แข็งแกร่งอย่างพวกคุณ คงมีประโยชน์สำหรับกิลด์ด้วยค่ะ”
หลังจากที่รีบวิ่งเข้าไปในกิลด์ เธอก็รีบวิ่งออกมาบอก
ขณะที่คุยกันว่างๆ พวกเขาก็ไปเล่นกับซาแบร์
หลังทานมื้อเที่ยงในกิลด์เสร็จ สาวพนักงานต้อนรับก็รีบวิ่งมาหาพวกเขา
“ฉันตรวจสอบดูแล้วค่ะ พบว่าสถานที่นั้นถูกทิ้งร้างตามกฎหมายแล้ว ดังนั้นคุณอาร์ทโชว์สามารถลงทะเบียนเป็นเจ้าของได้ค่ะ โดยค่าใช้จ่ายทางเราจะจัดการให้ เราคาดหวังในความสำเร็จของคุณในอนาคตนะคะ”
เธอพูดขณะที่ยิ้มกว้าง
เขาเข้าใจพนักงานกิลด์ดี เพราะหากมีนักผจญภัยที่เก่งขนาดจัดการหมีคลั่งได้สบายๆ ไปตั้งรกรากแถวถ้ำของมันก็เป็นการกำจัดหมีคลั่งได้แล้ว
“ถ้างั้นเราไปซื้อของสำหรับขึ้นบ้านใหม่กันเถอะ”
ลิซยิ้มแล้วพยักหน้าให้กับอาร์ทโชว์