อ่ะ ท่านอาร์ทโชว์ไม่ใช่เหรอคะ!?”
กลุ่มอัศวินหญิงที่เข้ามาใกล้ๆ บ้านของอาร์ทโชว์แสดงท่าทีแปลกใจ
“ผมเองก็ตกใจที่พวกคุณมาอยู่กันที่นี่ แถวนี้มันมีแต่มอนสเตอร์อันตรายเต็มไปหมด มันอันตรายนะครับ”
ระหว่างที่คุยกัน เขาก็พาอัศวินหญิงเข้ามาในเขตแดนเวทย์ป้องกัน
“… จะบอกว่ายังไงดี.. มันน่าอายน่ะค่ะ แต่ว่า.. “
อัศวินหญิงก้มหน้าแล้วยิ้มแบบขมขื่น
“ ช่วยอย่าบอกใครเรื่องนี้นะคะ”
จากนั้นอัศวินหญิงก็คุยเกี่ยวกับเรื่องและสถานะของเพื่อนๆ ในปาร์ตี้ของเธอตอนนี้ให้ฟัง
เมื่อไม่นานนี้ ผู้กล้าและกองทหารที่ออกเดินไปไปยังป่าเดบาเบซ่าถูกทำลายเพราะหมีคลั่งจนต้องล่าถอย หลังจากนั้นผู้กล้าผมบลอนด์ก็เอาแต่เอาทำอะไรบ้าๆ ซ่อนตัวอยู่ในปราสาทแล้วไม่ออกมาเลย
แล้วข้ออ้างของผู้กล้าก็สุดติ่งกระดิ่งแมวจริงจริ๊ง
“ฉันน่ะเก่งอยู่แล้ว แต่คนที่คอยสนับสนุนกลับอ่อนแอและไร้ประโยชน์สิ้นดี จนกว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งพอที่จะเป็นมือซ้ายฉันได้ ฉันจะไม่ไปปราบจอมมาร”
ราชาถึงกลับตื่นตระหนกแล้วออกคำสั่งให้อัศวินของจักรวรรดิฝึกกันให้เข้มงวดขึ้นกันทีเดียว
โดยอย่างน้อยปาร์ตี้นึงต้องล่าหมีคลั่งให้ได้
แต่เหล่าอัศวินมีงานมากมายเช่นปกป้องปราสาท และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นจึงไม่ใช่ทุกคนที่ถูกบังคับให้ฝึกหนักแบบนี้
เหล่าอัศวินระดับสูงจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การฝึกก่อนเป็นสำคัญ แต่ส่วนมากอัศวินระดับสูงๆ จะเลือกงานอย่างการเฝ้าดูแลประตูปราสาท แล้วถึงแม้จะเป็นอัศวินระดับสูงก็ไม่มีทางชนะหมีคลั่งได้หรอก ดังนั้นถึงจะเป็นแค่การฝึกแต่นี้ก็เสี่ยงถึงชีวิตทีเดียว
แล้วอัศวินหลายๆ คนก็เริ่มตั้งคำถามกันว่า “เจ้าผู้กล้าผมบลอนด์จะปราบจอมมารได้จริงๆ เหรอ” ถ้าเขาปราบไม่ได้ล่ะก็ พวกอัศวินก็คงเหมือนไปเสี่ยงชีวิตเสียเปล่า
“หลังจากที่มีคำสั่งจากราชาทำให้ปาร์ตี้ของเราต้องไปฝึกแล้วถูกหมีคลั่งโจมตีอย่างที่คุณเห็นนั้นแหละค่ะ…”
อัศวินหญิงถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ในหมู่อัศวินเองก็มีมือใหม่อยู่ ดังนั้นทุกคนเองก็มีวิธีฝึกของตัวเอง… จะไปให้ล่าหมีคลั่งเลยนี่มันออกจะ.. แค่ว่าตอนนี้เราโชคดีที่หมีคลั่งพวกนั้นถูกจัดการเพราะฟ้าผ่าลงมา เราเลยหนีรอดมาได้”
.”สายฟ้า.. บางทีนั่นอาจจะเป็นเวทมนตร์… ไม่หรอก อาจจะไม่ใช่”
นักเวทย์หญิงที่อยู่ด้านหลังของอัศวินหญิง จับคางแล้วคิดทบทวนเรื่องเมื่อก่อนหน้านี้
สายฟ้านั้นที่จริงคือเวทย์ของอาร์ทโชว์นั้นเอง เพราะเขาซ่อนตัวอยู่จึงไม่มีใครรู้ แต่จอมเวทย์หญิงอาจจะระแคะระคายบ้างก็ได้ แต่จากที่เห็นเธอต่อสู้เหมือนจะยังเป็นนักเวทย์ระดับต่ำอยู่
“จะว่าไป แล้วทำไมท่านอาร์ทโชว์ถึงมาอยู่ที่นี่เหรอคะ?”
อัศวินหญิงถามเขาด้วยสีหน้าสงสัย
“เอ่อ เพราะบ้านหลังนี้ทำเลดี เราเลยซื้อมานะ เพื่อใช้อยู่อาศัยและล่ามอนสเตอร์ด้วยกันกับภรรยาและสัตว์เลี้ยง.. อ่ะ เราก็อยู่ที่นี่มาได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์แล้วล่ะ”
อาร์ทโชว์พูดพลางหัวเราะ
“เอ๊ะ ภรรยา? ท่านอาร์ทโชว์แต่งงานแล้วเหรอคะ!?”
อัศวินหญิงที่ท่าทางตื่นตระหนักพูดด้วยท่าทางติดตลก
พอนักดาบหญิงเห็นสถานการณ์ก็กระซิบบอกเธอว่า “ไม่เป็นไรหรอก ยังมีโอกาสได้เป็นเมียน้อยของเขาอยู่นะคะหรืออาจจะเป็นที่ระบายความใคร่ของเขาก็ได้ค่ะ”
ถึงแม้เธอจะกระซิบเสียงเบามาก แต่อาร์ทโชว์ก็ยังได้ยิน นั่นไม่ใช่เรื่องที่ควรพูดกับผู้ชายนะนั้น
“ที่จริงเรามาหาบ้านพักกันนะคะ แล้วเราก็รู้ว่ามีบ้านดีๆ แถวนี้ เลยคิดจะมาพักแต่ไม่นึกเลยว่าคุณจะซื้อบ้านนี้ไว้แล้ว”
อัศวินหญิงพูดพลางหัวเราะ
“เราขอยืมส่วนนึงของโรงนาจะได้มั้ยคะ แน่นอนว่าเราจะไม่รบกวนพวกคุณแน่ค่ะ”
“ผมไม่ว่าอะไรหรอก แต่ถ้าต้องการผมสามารถส่งพวกคุณกลับไปที่เมืองด้วยเวทย์เทเลพอร์ทได้นะ”
พอได้ยินคำพูดของอาร์ทโชว์ สีหน้าของพวกเธอก็เศร้าสร้อยกันทันที “เราก็อยากกลับค่ะ แต่.. ถ้าเรายังไม่ได้ฝึกอะไรจากการเดินทางคงยังกลับไปที่เมืองไม่ได้… “
นักธนูหญิงเข่าทรุดลงไปเพราะหมดแรง
พอได้ยินพวกเธอเล่า อาร์ทโชว์ก็รู้สึกเหมือนอยากจะช่วยอะไรสักอย่าง แต่เขาไม่แน่ใจว่าลิซจะบอกว่ายังไงบ้าง เพราะมีความประทับใจแรกกับอัศวินหญิงไม่ดีเท่าไหร่ แล้วเขาก็ครุ่นคิดต่อไป
“ท่านสามีคะ ถ้ายังไงคืนนี้เราให้พวกเธอนอนที่ห้องนั่งเล่นดีมั้ยคะ?”
ลิซพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“จะดีเหรอคะ?”
“แน่นอนค่ะ เราไม่สามารถทิ้งคนที่ต้องการความช่วยเหลือได้หรอกค่ะ ในฐานะ [ภรรยา] ฉันจะช่วยเองค่ะ”
ลิซเน้นคำว่า [ภรรยา] แล้วจ้องเขม็งไปที่อัศวินหญิงอีกครั้ง
เพราะอาร์ทโชว์แนะนำลิซว่าเป็นภรรยา ทำให้เธอดีใจมาก เธอจึงเปลี่ยนใจให้ปาร์ตี้ของอัศวินหญิงเข้ามาในบ้านได้
และขณะที่พวกเธอเข้ามาในบ้าน อัศวินหญิงและพรรคพวกก็แสดงท่าทีตกใจออกมา
ที่มุมของห้องนั่งเล่น มีสัตว์ที่มีขนตัวใหญ่กำลังนอนขี้เกียจและเล่นไปรอบๆ ห้องอยู่ แต่รูปร่างโดยรวมของมันไม่ใช่ “ นั่นมันไม่ใช่หมีคลั่ง… เหรอคะ?”
อัศวินหญิงตัวสั่นด้วยความกลัวพร้อมจับดาบที่เอวออกมา พร้อมที่จะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
“ไม่ต้องกังวลหรอก นั่นเป็นสัตว์เลี้ยงของพวกเราเอง ชื่อซาแบร์น่ะ”
พออาร์ทโชว์แนะนำซาแบร์ให้รู้จัก มันก็ยืนขึ้นแล้วทำท่าทางน่ารักเหมือนกับตอนที่เล่นกับเด็กในเมือง แล้วทำเสียงคูนิน่ารักๆ ด้วย
อัศวินหญิงและพรรคพวก เห็นท่าทางน่ารักของมันก็มองแล้วหัวเราะ จากนั้นก็เข่าอ่อนกันลงไปหมด
จากนั้นอัศวินหญิงและพรรคพวกก็แนะนำตัว
“ฉันเป็นอัศวินชั้นสูง ชื่อวาลิซซ่าค่ะ … แม้ว่าฉันจะเป็นชนชั้นสูงแต่ตระกูลกำลังตกต่ำเอามาก ฉันที่เป็นลูกสาวคนโตเลยมาเป็นอัศวินเพื่อได้รับการยอมรับ และมีความฝันคือการสร้างครอบครัวของตัวเองค่ะ”
“ฉันเป็นนักดาบ ชื่อโบลแซมค่ะ ฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับวาลิซซ่าตั้งแต่ตอนที่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนอัศวินด้วยกัน ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“อ่า เอ่อ … ฉะ ฉันชื่อบิลลี่เป็นนักธนูค่ะ แต่เพราะเป็นมือใหม่ฝีมือก็ยังแย่อีก แต่ก็ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”
“เบลาโน่ เป็นนักเวทย์”
แล้วอาร์ทโชว์ก็รักษาคนที่บาดเจ็บให้ แล้วไปทานมื้อค่ำด้วยกัน “พวกเราไม่ควรมารบกวนพวกคุณแบบนี้ จะให้เราไปตั้งแคมป์ข้างนอกก็ได้นะคะ”
วาลิซซ่าพูดอย่างเกรงใจ แต่เมื่อเห็นหมีคลั่งที่ติดกับดักก็ตัดสินใจนอนที่ห้องนั่งเล่นโดยไม่บ่นอะไรอีก
โดยโบลแซมนอนบนท้องของซาแบร์ยังกับเป็นพี่น้องกันเลยล่ะ
ส่วนอีกสามคนนอนที่เตียง ที่อาร์ทโชว์สร้างให้ด้วยเวทมนตร์
และวาลิซซ่ายิ้มแก้มปริเลยทีเดียวแล้วคิดไปว่า นี่ต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ๆ ที่ทำให้ฉันได้มาเจอกับท่านอาร์ทโชว์ ถึงเขาจะมีภรรยาแล้ว แต่ฉันจะทำอย่างที่โบลแซมเคยบอกไว้ แล้วเป็นเมียน้อยเขาให้ได้
ถ้าได้เขามาอยู่ในตระกูล ตระกูลฉันจะต้องกลับมามีชื่อเสียงอีกครั้งแน่
เพื่อตระกูลแล้ว ไม่ว่าอะไรฉันก็ยอมทำ
แล้ววาลิซซ่าก็เอาผ้าห่มคลุมหัวพร้อมทั้งใบหน้ายิ้มแย้มงดงามบนใบหน้า แล้วเธอก็หัวเราะก้องใต้ผ้าห่มจนดึกดื่น