จอมมารกลูกำลังเดินอยู่คนเดียวในป่า
เขาเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ให้เหมือนนักผจญภัยและกำลังมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ ป่าเดลาเบซ่า
ไม่น่าเชื่อว่าชายคนนั้นจะทำลายกองทัพมังกรลงได้แบบราบคาบโดยไร้รอยขีดข่วน
จอมมารกลูที่ดูการต่อสู้ที่อาร์ทโชว์สู้กับกองทัพมังกร เขารู้สึกประหลาดใจและตกใจในเวลาเดียวกันกับพลังของอาร์ทโชว์
ดังนั้นจอมมารจึงคิดจะให้ชายคนนั้นเปลี่ยนฝั่งจากฝั่งของมนุษย์และสืบหาว่าตัวตนของอาร์ทโชว์คืออะไรกันแน่ เพื่อหาแผนการเอาชนะเขาให้ได้
แต่ยูริมินัสและเหล่าลูกน้องของเขาไม่เห็นด้วยที่จอมมารจะออกไปพบกับศัตรูด้วยตัวเอง เพราะจอมมารควรจะเอาชนะศัตรูด้วยพลังที่ห่างชั้น ถึงจะสมเป็นจอมมาร ทุกคนต่างเห็นพ้องกัน แต่มันย้อนกลับไม่ได้อีกแล้ว
“..มู่”
เมื่อถึงบ้านอาร์ทโชว์ กลูก็ขมวดคิ้วอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพราะหน้าบ้านของเขามีเขตแดนกับดักบางอย่าง ซึ่งต้องมีเวทย์ตรวจสอบขั้นสูงเท่านั้นจึงจะรู้ได้
ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีกับดักระดับสูงขนาดนี้อยู่ด้วย…
หลังของกลูเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เมื่อรู้ว่าถ้าก้าวไปอีกก้าวล่ะก็ เขาคงโดนกับดักพวกนี้ไปแล้ว
แต่ถึงจอมมารจะตรวจสอบกับดักได้ แต่ก็ก้าวพลาดไปเหยียบกับดักจนได้
กับดักที่เขาเหยียบโดนคือกับดักที่ลบล้างพลังเวทย์ของปีศาจ ทำให้รูปร่างหน้าตาของเขากลับกลายเป็นปีศาจเหมือนเดิม ทำให้เขาต้องยืนเพื่อรวบรวมความคิดหาแผนใหม่
“คุณเป็นใครเหรอคะ?”
อัศวินคนนึงออกมาจากภายในเขตแดนเวทย์
“เป็นคนรู้จักของนายท่านเหรอคะ หรือจะเป็นคนรู้จักของนายหญิง?”
เธอถามแบบเป็นมิตร แต่ในมือเธอนั้นมีของเธอจับอาวุธที่เอวไว้แน่น พร้อมโจมตีเสมอ
“ไม่หรอก ก็แบบว่า… ข้าเป็นเพื่อนเก่าของนายหญิงของเจ้านะ… ได้ยินว่าเธอยังมีชีวิตอยู่เลยมาเยี่ยมสักหน่อย”
“โอ๊ะ อย่างนั้นเองเหรอคะ”
แล้วอัศวินหญิงก็ชักดาบแล้วชี้ไปทางกลู
“งั้นก็หมายความว่าคุณเป็นคนจากเผ่าปีศาจล่ะสิ มาที่นี่มีธุระอะไร ขึ้นอยู่กับคำตอบของคุณ ฉัน.. วาลิซซ่าผู้นี้พร้อมจะเป็นคู่ต่อสู้ให้ค่ะ”
ก่อนหน้านี้ เธอคิดว่าลิซถูกปีศาจควบคุมจิตใจ แต่ว่า
เมื่อวานอาร์ทโชว์เพิ่งบอกความจริงว่าลิซเป็นคนของเผ่าปีศาจให้เธอรู้
ดังนั้นเพราะลิซเองก็เหมือนมนุษย์ธรรมดาและยังอินเลิฟกับอาร์ทโชวือีกด้วย ทั้งสี่จึงต้องยอมรับแบบเสียไม่ได้ เพราะขัดความตั้งใจของทั้งสองไม่ได้
…อืม เธอนี่ช่างเด็ดขาดดีจริงๆ
“ข้าเป็นคนของเผ่าปีศาจ แต่ที่ข้ามาก็เพียงเพื่อดูสถานการณ์เพียงเท่านั้นและกำลังจะกลับแล้ว”
กลูยกมือทั้งสองข้างขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีความต้องการจะสู้ด้วย
เธอเห็นเช่นนั้นจึงลดดาบลง
“งั้นฉันก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องเป็นศัตรูกับคุณ ถ้ามีข้อความอยากให้ฉันไปบอกนายหญิง จะบอกกับฉันก็ได้ค่ะ”
เพราะกลูบอกว่าไม่ได้มาเพื่อสู้ เธอจึงลดดาบลง
“งั้นเหรอ ที่จริงข้าอยากจะบอกท่านสามีของเธอนะ หวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้จะได้ดื่มชาด้วยกันนะ”
“งั้นเหรอคะ ฉันชื่อวาลิซซ่าค่ะ แล้วคุณล่ะ?”
“คนอื่นๆ เรียกข้าว่าโกซารุ”
จากนั้นกลูก็จากไป
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาที่ปราสาทจอมมาร
“ท่านจอมมาร ชายที่ชื่ออาร์ทโชว์เป็นยังไงเนี๊ยว พอจะมีประโยชน์มั้ยเนี๊ยว?”
ยูริมินัสจอมมารที่นั่งอยู่บนบัลลังก์
แต่กลูที่ก้มมองเธอ กลับคิดเรื่องอื่นในใจอยู่
แม้จะโดนเธอเรียกหลายต่อหลายครั้ง กลูก็ไม่ขยับสักนิด
…จอมมารคงจะคิดแผนการใหม่อยู่แน่…
ยูริมินัสคิดเช่นนั้นแล้วก็ออกจากห้องบัลลังก์ไป
…วาลิซซ่า… งั้นเหรอ….
สำหรับมนุษย์นั่นช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่งดงามนัก
เธอมีศักดิ์ศรีอยู่เต็มเปี่ยมและความกล้าหาญขนาดที่ยืนต่อหน้าเขาซึ่งเป็นจอมมารได้
ในหัวของกลูคิดถึงเธออยู่เต็มหัวไปหมด
… ขณะเดียวกัน ที่บ้านของอาร์ทโชว์
“ละ ล้อกันเล่นใช่มั้ย?”
วาลิซซ่าที่ได้ยินคำพูดของอาร์ทโชว์เหงื่อท่วมไปหมดเพราะความกังวล
“อ่า ไม่ผิดตัวแน่ คนที่วาลิซซ่ายืนเผชิญหน้าด้วยคนนั้นคือจอมมารที่ปลอมตัวมา”
ลิซที่อยู่ข้างๆ อาร์ทโชว์พยักหน้า
“แต่.. ถ้าจะใช้ชื่อปลอมอย่างน้อยก็น่าจะหาชื่อที่ดีกว่าโกซารุสักหน่อยนะ”
เธอหัวเราะเบาๆ
“ดื่มชาด้วยกันงั้นเหรอ น่าสนใจดี”
“แต่ฉันไม่เคยรู้เลยค่ะ ว่าจอมมารจะเป็นคนที่ชอบพูดคุยแล้วดื่มชาแบบสนุกสนานน่ะ”
ทั้งสองคนยิ้มขณะคุยกันและเล่นมุกตลกเล็กๆ น้อยๆ
และวาลิซซ่าที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขา ตอนนี้ตัวสั่นและเหงื่อโชกราวกับเพิ่งอาบน้ำมา
“ฉะ ฉันหันดาบใส่จอมมาร ยะ แย่แล้ว มีหวังถูกฆ่าแน่ ตายแน่ค๊า!”
ตอนนี้ความสง่างามเมื่อตอนที่ยืนประจันหน้ากับจอมมารของเธอหายไปอย่างสิ้นเชิงเลยทีเดียว
วาลิซซ่าเหงื่อไหลท่วมร่างกายจากทุกส่วน ทั้งตา จมูก และส่วนที่ไม่อยากเอ่ยถึง
“เฮ้ๆ พื้นสกปรกหมดแล้วนะ รู้ไหมว่ามันทำความสะอาดยากนะ “ (โบลแซม)
“ยี๊ สกปรกมากค่ะ” (บิลลี่)
“จิ๊ (แสดงสีหน้ารำคาญ) “ (เบลาโน่)
“โบโฮะ?” (ซาแบร์)