….หนึ่งเดือนต่อมา
กลีเนียลยังคงหาข้อมูลในเมืองโฮทาโร่
เพราะเธอได้รับหน้าที่ให้หาข่าวแถวนี้และเมืองนี้ยังเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในบริเวณนี้
หลังจากแพ้ย่อยยับให้ฟุริโอ้ ทำให้เธอรู้สึกอับอายและอยากแข็งแกร่งขึ้นเพื่อดับไฟแค้นในใจให้มอดหายไป
“ท่านฟุริโอ้ วันนี้มาดวลกันอีกครั้งเถอะค่ะ วันนี้ฉันชนะแน่นอน!”
“…ตอนนี้ฉันกับท่านสามีกำลังทานอาหารกันอยู่ ช่วยรอจนทานเสร็จได้รึเปล่าคะ?”
“ค.. ค่ะ ขอโทษที่รบกวนนะคะนายหญิง”
ถึงจะเป็นเช่นนั้นเธอก็เคารพในตัวลิซน่าดู เพราะเวลาเรียกฟุริโอ้มาดวล ก็มักจะโดนลิซจัดการเสมอ (ลิซเธออิจฉาแรงง)
“ท่านฟุริโอ้โปรดรับฉันเป็นลูกศิษย์ด้วยค่ะ”
กลีเนียลอ้อนวอน
“เอ่อ.. คือผมทำไม่ได้..”
ทีแรกฟุริโอ้ตั้งใจจะปฏิเสธ แต่กลีเนียลตื้อมากเกินไป
ไม่ว่าจะบ่ายหรือเย็นเธอก็ยังนั่งคุกเข่าอยู่หน้าบ้านฟุริโอ้
วันหนึ่งในช่วงเช้า กลีเนียลมาเห็นทั้งคู่กำลังฟีทเจอริ่งกันอยู่ กลีเนียลจึงโดนลิซเพาเวอร์คิกแบบเต็มสูบ จนเธอได้เห็นโลกหน้าเลยทีเดียว
ฟุริโอ้จึงยอมแพ้แล้วมรับเธอเป็นลูกศิษย์
แต่ทว่า
“ถ้าอยากเป็นลูกศิษย์จริงๆ ล่ะก็ต้องไปรายงานให้หัวหน้า(ยูริมินัส) ของเธอรู้ก่อนล่ะ”
ลิซบอกกับกลีเนียล จากนั้นกลีเนียลก็กลับไปยังปราสาทจอมมารแต่ว่า
“ หา คิดบ้าอะไรอยู่ยะเนี๊ยว ไปเป็นลูกศิษย์ใครก็ไม่รู้ระหว่างภารกิจเนี่ยนะเนี๊ยว ไม่ทำงานทำการรึไงเนี๊ยว”
“ไม่ใช่นะคะท่านยูริมินัส นี่เป็นส่วนนึงของภารกิจ การฝึกฝนตัวเองก็สำคัญกับภารกิจนะคะ”
“ยังจะมีอะไรสำคัญกว่าภารกิจที่ได้รับมอบจากท่านจอมมารอีกห๊า เนี๊ยว”
“คำสั่งของท่านจอมมารสำคัญที่สุดค่ะ แต่เพื่อให้ฉันเก่งกาจกว่านี้ ฉันจำเป็นต้องไปเป็นลูกศิษย์เขาค่ะ!”
“เนี๊ยววววว!!!!”
“ด๊า!!!”
แม้กลีเนียลจะโดนยูริมินัสดุตั้งนานแสนนาน แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้
ภาพอย่างนี้ต่อเนื่องไปวันแล้ววันเล่า แต่… ก็เหมือนจะไม่จบไม่สิ้นสักที
สุดท้ายเหมือนกลีเนียลจะไม่ได้กลับมาอีกเลย
“ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ยูริมินัสจะอนุญาตนะ”
ลิซหัวเราะ
อีกด้านในเงามืด
“โชคดีจริงๆ ถ้าอยู่ด้วยกันทุกวัน.. ก็ไม่รู้ว่าความลับจะแตกเมื่อไหร่.. หัวใจเค้ารับแรงกดดันไม่ไหวน้า”
วาลิซซ่ารู้สึกโล่งใจ เพราะเวลาเธออยู่กับกลีเนียลเหมือนโดนแรงกดดันจากจอมมารไปด้วย พอกลีเนียลไม่อยู่แล้วเธอจึงโล่งใจสุดๆ
…..
ขณะเดียวกันทางด้านนักเวทย์หญิงเบลาโน่
ตอนนี้ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีฟ้า ไร้แสงแวววาว
“แหม ท่านโวลาลิศนี่ขยันเรียนเวทมนตร์จริงๆ นะคะ”
โวลาลิสที่แต่งกายด้วยชุดผู้ชายนั่งข้างๆ เบลาโน่ในห้องเรียน
ดูเหมือนโวลาลิสจะสืบข้อมูลเรื่องเบลาโน่มาหมดทุกอย่าง จนในที่สุดก็ตามมาจนถึงโรงเรียนเวทมนตร์ที่เบลาโน่เรียนอยู่
และมาเข้าโรงเรียนเดียวกับเบลาโน่
เพราะเธอเป็นอัศวินจึงไม่มีพลังเวทย์
จะศึกษาเวทมนตร์ไปก็ไร้ประโยชน์ แต่ว่า..
“นี่ก็เพื่อการไปฝึกฝนค่ะ การศึกษาเองก็จำเป็นและสักวันฉันเองก็อยากจะเป็นอัศวินเวทมนตร์ให้ได้ด้วย”
นี่เป็นข้ออ้างที่เธอใช้เพื่อเข้าเรียนที่นี่
หลังจากเบลาโน่ขาดเรียนไปนาน แล้วพอมาเรียนก็มาเจอแบบนี้เข้า…
ตอนแรกเบลาโน่คิดจะลาออกแล้วไปเข้าเรียนที่โรงเรียนในเมืองอื่นแทน แต่ฟุริโอ้เป็นคนออกค่าเทอมให้และแถมโรงเรียนเวทมนตร์แห่งนี้เป็นโรงเรียนเวทย์มนตร์ที่มีชื่อเสียงที่สุด เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจำทนต้องเรียนต่อไป
แม้ในใจของเธอจะบ่งบอกว่าโวลาลิสชอบมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ แต่เธอก็ต้องตั้งใจเรียน
หลังเลิกเรียน โวลาลิสก็ยังมาตามรังควานเบลาโน่ให้ไปดื่มชาด้วยกัน แต่เบลาโน่ปฏิเสธแบบชัดเจน
“เข้าใจแล้วค่ะ วันนี้ฉันจะยอมแพ้ไปก่อน ไว้เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”
โวลาลิสคิดว่าหากยอมทำตามที่เธอบอก บางทีเบลาโน่อาจจะยอมรับเธอขึ้นมาบ้างสักนิดก็ได้ แต่ว่า…
“จะไปดื่มชาด้วยกันก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่นา?”
ฟุริโอ้พูดออกมา
“(ม๊ายๆ ๆ ๆ) “
เบลาโน่ส่ายหัวไปมาแบบเห็นชัดๆ
“บางทีพรุ่งนี้ซื้อเค้กไปฝากก็ดีนะ… “
เพราะโวลาลิสคิดถึงแต่เรื่องเบลาโน่ เรื่องภารกิจการค้นหาอาร์ทโชว์ (ตอนนี้คือฟุริโอ้) จึงหายไปจากหัวเธออย่างไร้ร่องรอยทีเดียว
….
..ขณะเดียวกันที่ปราสาทจอมมาร
“การค้นหาวาลิซ… ไม่สิ ท่านอาร์ทโชว์ไปถึงไหนแล้ว”
“ขอโทษด้วยค่ะ เราทุกคนพยายามอย่างเต็มความสามารถแล้วเนี๊ยว แต่ว่า…”
ยูริมินัสโค้งคำนับด้านหน้าจอมมารกลู
กลูที่เห็นเช่นนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจ
“ไม่ใช่วามผิดความเจ้า ถ้ายังหาตัวเขาไม่เจอ… ก็หาต่อไปซะ แล้วเตรียมพร้อมบุกปราสาทของเจ้าผู้กล้าน่ารังเกียจนั้นให้เร็วด้วย”
“ค่ะ ท่าน! รับทราบแล้วค่ะเนี๊ยว!”
“เอ่อ ท่านยูริมินัส แล้วเรื่องอนุญาตให้ฉันไปฝึกล่ะคะ”
“เนี๊ยวววว! ท่านจอมมารก็อยู่ที่นี่ด้วย แล้วเธอพูดอะไรของเธอกันห๊าเนี๊ยว!”
ขณะเดียวกันที่ปราสาทของอาณาจักรเวทมนตร์ไคน์โร้ด
“มีเบาะแสหรือที่อยู่ของท่านผู้กล้าตัวจริงบ้างมั้ย?”
“… น่าเสียดาย ไม่มีเบาแสเลยค่ะ”
เจ้าหญิงคนโตที่ตอนนี้เป็นตัวแทนราชา ได้แต่ถอนหายใจหลังฟังรายงานจากนักเวทย์หญิง
“เราจะต้องรีบแล้ว .. ตอนนี้ผู้กล้าผมบลอนด์รู้ถึงการมีอยู่ของสมบัติลับในคลังแล้ว”
“นั่นมัน… อาวุธลับสุดท้ายของประเทศ…”
“มันเป็นสิ่งที่ทรงพลัง แต่ก็เป็นดาบสองคมในขณะเดียวกัน เราต้องหาท่านผู้กล้าตัวจริงให้เจอก่อนผู้กล้าผมบลอนด์จะใช้สิ่งนั้น “
ขณะเดียวกัน ทางด้านผู้กล้าผมบลอนด์
“ ….อย่างนี้นี่เอง มีสมบัติลับซ่อนอยู่ในคลังของปราสาทงั้นเหรอ”
ผู้กล้าผมบลอนด์ที่ตัดสินบนสาวๆ โดยให้เงินจำนวนมาก ตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าประตูขนาดใหญ่และยามที่เฝ้าอยู่ก็ถูกเขาซัดคว่ำไปแล้ว
แม้ว่าพลังของเขาจะสร้างแม้แต่รอยขีดข่วนให้จอมมารและเหล่าลูกน้องจอมมารไม่ได้ แต่กับคนธรรมดาแล้ว เขาสามารถจัดการได้แบบสบายๆ เลยทีเดียว
“หากมีพลังของสมบัติลับนี้ ฉันก็จะปราบจอมมารได้ แล้วก็จะกลายเป็นผู้กล้าตัวจริง คอยก่อนเถอะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ผู้กล้าผมบลอนด์หัวเราะเหมือนคนบ้าและกำลังเอื้อมมือเปิดประตูของคลังสมบัติ