“ทำไม……ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้……”
ในห้องเก็บสมบัติ(กระทรวงการคลัง)ในปราสาทอาณาจักรไคน์โรจน์
ผู้กล้าผมบลอนด์ทำท่าทางหดหู่อยู่ที่แห่งนั้น และยืนจ้องมองไปที่ประตูห้องเก็บสมบัติใกล้ ๆ
“ผู้กล้าผมบลอนด์แห่งข้า มาเถอะ ตัวข้านั้นรู้ว่าท่านอยู่ในที่แห่งนั้น
ได้โปรดเถิด ตัวท่านไม่ต้องขัดขืนอันใด ข้าเพียงแค่อยากให้ท่านกลับไปเข้าเฝ้าเจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งกับข้าเพียงเท่านั้น”
เบื้องหลังประตูนั้นมีองครักษ์กับอัศวินของปราสาทเริ่มเคลื่อนที่เข้ามา
เริ่มเคาะประตู พร้อมกับส่งเสียงบอกให้ผู้กล้าผมบลอนด์ที่อยู่ด้านหลังประตูนั้นออกมา
ถือว่าเป็นโชคดีของผู้กล้าผมบลอนด์
ที่ห้องเก็บสมบัติแห่งนี้ เป็นจุดหลบภัยในยามฉุกเฉิน ถ้าหากมีเหตุเกิดขึ้นกับตัวปราสาท
และตัวล็อคนั้นสามารถเปิดได้เพียงจากด้านใน แถมส่วนของประตูก็ถูกสร้างขึ้นมาอย่างแน่นหนา
เพื่อความปรารถนาของเขา เขาถึงได้มายังห้องสมบัติแห่งนี้
ผู้กล้าผมบลอนด์ได้ปลดผนึกมารผู้ปกครองแสงสว่างและความมืดออกมา
ผู้คนด้านนอกนั่น เขารู้ว่าคนพวกนั้นมาเพื่อจับตัวเขาที่ได้ก่อความผิดเอาไว้ และเขาได้แต่เพียงยืนตะลึงงึงงันอยู่ตรงหน้าประตูนั่น
……ทำไมกัน……
แผนที่ควรจะสุดยอดและสมบูรณ์แบบ……
ด้วยพลังของไอเจ้าปีศาจนั่น เราบอกให้ไปหาไอคนที่ชื่อว่าอาร์ทโชว์……หรือตอนนี้คือฟุริโอ้ แล้วก็ ฆ่า หลังจากนั้นก็ไปกำจัดจอมมาร
ประเทศนี้ เมืองนี้ก็จะเป็นของเรา เป็นวีรบุรุษที่ปกครองโลกทั้งโลก นี่เป็นแผนของฉัน……มีตรงไหนที่ผิดพลาดกัน……
หลังจากที่ปีศาจได้ออกไป ก็ผ่านมาแล้วเพียงไม่กี่วัน เจ้าปีศาจนั่น หลังจากที่บอกความปรารถนาให้ไปกำจัดฟุริโอ้ไป ก็ไม่ได้กลับมารายงานอะไรอีกเลย
ในทางตรงกันข้าม ปลอกคอแห่งความตายกลับสลายหายไปเหมือนเป็นเพียงอากาศธาตุ
ไอเจ้าผู้ชายคนนั้นหรือว่ามันจะเป็น……แม้กระทั่งปีศาจก็ถูกหมอนั่นจัดการ……
ผู้กล้าผมบลอนด์เริ่มขบคิดอย่างบ้าคลั่ง และเริ่มออกเดินวนเวียนอยู่กับที่
แต่ว่า ก็ไม่สามารถสรุปหาเหตุผลอันใดได้เลย เขาเริ่มสับสนกับความคิดและในหัวก็เริ่มรู้สึกยุ่งเหยิง
…..ทำไมกัน……ฉันคือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้กล้า……
และยังไงก็ตาม ถึงแม้เลเวลของฉันจะเพิ่มขึ้น แต่ค่าสถานะหลักทั้ง 5 ของฉันไม่เพิ่มขึ้นเลยสักนิด นับตั้งแต่ตอนนั้น……
ด้วยค่าสถานะแบบนี้ ก็ยังได้เปรียบกับฝ่ายตรงข้ามที่เป็นมนุษย์อยู่ แม้กระทั่งแรงค์ A ก็ยังสามารถกำจัดได้อย่างง่ายดาย……แบบนี้จะเหมือนจอมมารรึเปล่านะ
เพราะอย่างนั้น ข้า ผู้ที่เคยบอกให้มันมาอยู่ภายใต้บังคับบัญชา……เจ้าฟุริโอ้นั่น หลังจากที่มันได้ครอบครองพลัง มันกลับปฏิเสธ……ข้อเสนอจากผู้กล้าอย่างข้า ได้ไง!?
ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ทุกคนที่อยู่ที่ปราสาทนี้ ทำไมพวกเขาถึงไม่ได้บอกเกี่ยวกับเรื่องปีศาจนั่นกัน
ฉันไม่ได้จะถามหาเหตุผลอะไรนั่นหรอก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ฉันจะถามหาได้ในเหตุการณ์แบบนั้น
ทั้งหมดเพราะแก……เป็นความผิดของแก……
เป็นความผิดของแกทั้งหมด……ไม่ใช่ความผิดของฉัน……ถ้าเกินฉันมีพลังมากกว่านี้แล้วละก็……
จากนั้นจู่ ๆ
ในหัวของผู้กล้าผมบลอนด์ ก็มีเสียงแห่งความมืดมนดังขึ้นมา
『ต้องการพลังหรือไม่?』
……ใครกัน?แกน่ะ
『เรื่องนั้น จะยังไงก็ช่าง ยังไงก็เถอะ ถ้าเจ้าให้ความร่วมมือ ข้าสามารถให้พลังกับเจ้าได้』
……ฉันจะได้พลังอย่างงั้นเหรอ?
『แน่นอน ข้าสามารถให้พลังที่เหนือกว่าทุกสิ่งกับเจ้าได้』
……ค่าตอบแทน คืออะไรกันล่ะ?
『อาร่า?เรื่องนั้นมิจำเป็นต้องเอ่ยถึงหรอก……แต่ว่า ถ้าต้องการที่จะให้เอ่ยละก็ ปราสาทแห่งนี้จะต้องถูกทำลาย
ไม่ว่าจะนักเวทย์หรือผู้คนที่นี่จะต้องถูกกำจัดทั้งหมด เจ้าก็อยากที่จะให้เป็นอย่างนั้นมิใช่หรือ』
……งั้นก็ได้ ความต้องการนั่นน่ะ แต่ว่า ต้องเอาพลังมาให้ข้า
『ฟุฟุ……ความปรารถนานั่นได้รับเรียบร้อยแล้ว』
“ท-……ท่านผู้กล้าผมบลอนด์?”
จากนั้นเหล่าหญิงสาวที่อยู่กับผู้กล้าผมบลอนด์ก็เริ่มที่จะวิ่งหนี อลัวร์ผู้ที่อยู่กับเขาตั้งแต่ต้นจนจบ
มองดูผู้กล้าผมบลอนด์ที่พึมพัมอยู่คนเดียวจนถึงเมื่อสักครู่ แล้วผู้กล้าผมบลอนด์ก็เริ่มหัวเราะเสียงดังออกมาเสียงดังไม่หยุดหย่อน
ภายในหัวของอลัวร์
『เป็นร่างสังเวยที่ดีเลยมิใช่หรือไงกัน ร่างกายนั่น ข้าขอรับเอาไว้เอง』
ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกเหมือนกับว่ามีความมืดบางอย่างเข้ามาในหัวของเธอ แล้วความมืดนั่นก็หายไปทั้งหมดแทบจะในทันที พร้อมกับที่สติของอลัวร์ได้มอดดับลง
“ฟู่~……นี่มันก็ร้อยปีแล้วสินะ ที่เราไม่ได้มีร่างเนื้อ กายหยาบเช่นนี้”
อลัวร์ผู้ที่ถูกแย่งชิงร่างกายไป ก็เริ่มมองไปที่ผู้กล้าผมบลอนด์และเปิดปากขึ้น
“เอาล่ะ ไปกันได้รึยัง สัตว์เลี้ยงแห่งข้า・ผู้กล้าผมบลอนด์เอ๋ย มาทำลายปราสาทนี้ไปด้วยกันเถิด
ข้าจอมเวทย์แห่งความมืดผู้ยิ่งใหญ่ ท่านดามาเรียสผู้นี้ 「ダマリナッセ」 ได้เวลาที่บทลงโทษจะส่งถึงผู้ที่คุมขังข้าไว้ ณ ที่แห่งนี้แล้ว”
อลัวร์ได้เอ่ยคำนั้นออกมา จากการที่ถูกดามาเรียสเข้าครอบงำจิตใจ ผู้กล้าผมบลอนด์ก็ได้คำรามตอบรับคำพูดนั้น
ด้วยรูปรางที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนมนุษย์
ส่วนหัวคล้ายแกะ พร้อมกับผมสีทองอร่าม รูปร่างที่กายเหมือนดั่งหมี ส่วนหางที่เหมือนงูยักษ์ ทั้งเล็บมือและเล็บเท้าก็ใหญ่ขึ้น มันได้กลายเป็นอสูรปีศาจร่างยักษ์
◇◇◇◇◇◇◇◇
เจ้าหญิงลำดับที่หนึ่ง รู้สึกหดหู่เมื่อมีรายงานใหม่เข้ามา
“คะ- ครั้งนี้……เป็น……ดามาเรียส……ที่คืนชีพขึ้นมาสินะ..คะ……”
จอมเวทย์แห่งความมืดผู้ยิ่งใหญ่ ดามาเรียส
เธอน่ะเคยเป็น จอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกใบนี้
แต่ว่า เพราะเธอแสวงหาพลังอำนาจมากเกินไป จนไปหลงกลกับการทดลองของเหล่าปีศาจเข้า เธอก็เริ่มจมดิ่งลงสู่ความมืดมิด。
ทว่า ก็สามารถหลบหนีออกมาได้ แต่แล้วก็ต้องถูกผนึกลงแผ่นหิน โดยสังเวยชีวิตของนักเวทย์มากมายในประเทศ
และในห้องที่มารถูกปิดผนึกลงไปนี้ ก็มีการเฝ้ายามที่เคร่งครัดเป็นระเบียบอย่างถึงที่สุด
“บางที……เพราะว่ามารได้ฟื้นขึ้นมา ผนึกก็เลยอ่อนกำลังลง……”
ขณะที่เจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งกำลังอย่างคิดถี่ถ้วนกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“เรียนฝ่าบาท ตอนนี้ขอให้เริ่มการหลบหนีด้วยพะยะค่ะ!ก่อนที่ดามาเรียสจะเข้ามาทำลายปราสาทหลังนี้”
ด้วยคำพูดขององครักษ์ เจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งก็ได้ลุกขึ้นและออกจากห้องบัลลังก์ไป
◇◇หลังจากนั้นไม่นาน
“..ที่นี่คือ?”
องครักษ์พร้อมกับเหล่านักเวทย์ได้หลบหนีออกมากับเจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งด้วยเวทมนตร์เทเลพอร์ต พร้อมกับที่เริ่มมองไปรอบ ๆ
“….ที่ที่พวกเราเทเลพอร์ตมา…เหมือนกับว่าจะเป็นเมืองโฮทาโร่พะยะค่ะ”
หลังจากที่ได้ฟังนักเวทย์รายงาน เจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งก็เริ่มมองไปรอบ ๆ อีกครั้ง
ที่แห่งนี้เหมือนจะเป็นทางเข้าของเมือง มีกำแพงสูงใหญ่ทอดยาวออกไป พร้อมกับมีม่านพลังที่ปกคลุมอยู่ด้วย
“ก่อนอื่นเลย พวกเราต้องเข้าเมืองกันก่อนพะยะค่ะ อยู่ข้างนอกนี่เป็นจุดเด่นมากเกินไป”
องครักษ์ได้ชี้แจงออกมา พวกเขาก็เริ่มก้าวเดินเข้าไปที่เมือง
『หา~ตัว~เจอแล้ว』
ภายในหัวนั้น จู่ ๆ ก็มีกระแสเทเลพาธีส่งเข้ามา
『คนของปราสาทน่ะ จะไม่ปล่อยให้ใคร~หนีรอดไปได้หรอกน้าา~』
จากนั้นก็ปรากฏเงาดำทมิฬขึ้นบนทองฟ้า ตรงหน้านั้นเป็นผู้กล้าผมบลอนด์ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นอสูรปีศาจอยู่ตรงนั้น
บนหัวของมัน ก็มีร่างของดามาเรียสที่ยืนอยู่ตรงนั้นเช่นกัน
“เอาล่ะ~ พวกคุณทั้งหลาย จงมอบชีวิตเหล่านั้นมาซะ~นะ”
พอพูดเช่นนั้น ดามาเรียสก็เริ่มหัวเราะออกมา
“….เกะกะน่า”
จู่ ๆ ก็มีเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของเจ้าหญิงลำดับที่หนึ่ง
ในตอนนั้น ร่างของผู้กล้าผมบลอนด์ที่ยังอยู่บนท้องฟ้า และดามาเรียสที่อยู่ด้วยกันก็ปลิวหายไปจากท้องฟ้าทั้งอย่างนั้น..
“เอาล่ะ ลิซ หลังจากที่เสร็จเรื่องยุ่งยากพวกนี้แล้ว เราจะไปกินอะไรกันดี?”
“กินอาหารก็ดีอยู่หรอกค่ะ แต่…ฉัน อยากจะไปทำอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ กันที่โรงแรมน่ะค่ะ”
พูดแบบนั้น หญิงสาวก็แก้มแดงฝาดขึ้น พร้อมกับช้อนดวงตาของตัวเองขึ้นมองผู้ชายข้าง ๆ
โดยที่ไม่สนสายตาของคนรอบข้าง
“ช่วยไม่ได้น้าา~……แค่นิดเดียว นะ?”
ฟุริโอ้คนนั้นพูดออกไปพร้อมกับหัวเราะออกมา เจ้าหญิงลำดับที่หนึ่งยังคงยืนนิ่งไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
“อะ สวัสดีตอนกลางวันครับ”
เขาทักทายมาแบบนั้น แล้วก็เดินเข้าไปในเมือง。