“มะ.. ไม่มีข้อแก้ตัวเนี๊ยว…”
หนึ่งในแมวนรก・ยูริมินัสคุกเข่าและเหงื่อไหลไม่หยุดเมื่ออยู่ต่อหน้าบัลลังก์ของจอมมาร
“ในทางทิศตะวันออกมีคลื่นเวทย์ลึกลับเกิดขึ้น…แบบนั้นสินะ?”
จอมมารถามยูริมินัสด้วยคำถามเดียวกันอีกครั้ง
ขนาดหน่วยข่าวกรองที่ภาคภูมิใจของกองทัพจอมมารก็ยังเงียบกริบ
และยูริมินัสก็มีหน้าที่ในการรวบรวมข่าวสารโดยส่งหน่วยข่าวไปทั่วทวีป โดยไม่มีข่าวไหนรั่วไหลออกไป
ถึงแม้ว่า..
จอมมารได้พูดออกมาว่า 『ในทางทิศตะวันออกมีคลื่นเวทย์ลึกลับเกิดขึ้น』 และนั่นแหละคือปัญหา
ในพื้นที่ทางตะวันออกที่เรียกว่าเมืองโฮทาโร่นั้น หน่วยข่าวกรองที่ได้ส่งไปคือกลีเนียล แต่กลีเนียลได้กลับมาอย่างกระทันหัน และเอาแต่พูดเรื่อง…
“ฉันอยากเป็นลูกศิษย์ของมนุษย์ ได้โปรดอนุญาตด้วยค่ะ”
เอาแต่พูดเรื่องนี้อยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนต้องขังไว้จนกว่าเธอจะหัวเย็นลงซะก่อน
ปกติจะมีการส่งคนไปแทนทันที แต่เพราะจอมมารสั่งให้ค้นหาอาร์ทโชว์ไปทั่วทวีป ตอนนี้เลยไม่มีบุคลากรเหลืออยู่ในปราสาท
บวกกับบริเวณนั้นยังไม่มีเหตุการณ์สำคัญใด ๆ เกิดขึ้น ยูริมินัสจึงไม่สนใจ แต่ก็ช่างโชคร้าย ที่จู่ ๆ ก็มีคลื่นเวทมนตร์ลึกลับเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนั้น
คลื่นเวทมนตร์นี้ จากที่จอมมารได้ตรวจสอบหลังจับสัมผัสได้ ก็สรุปแล้วบอกยูริมินัสไปทันที (กลับไปอ่านด้านบน)
คลื่นเวทมนตร์นั่นมาจากปีศาจ
เป็นเวทมนต์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อลบล้างพลังของจอมเวทย์แห่งความมืดผู้ยิ่งใหญ่ ดามาเรียส
เป็นเวทย์ของมารผู้ปกครองแสงสว่างและความมืด ซึ่งทำให้ดามาเรียสถูกสาปและถูกลากไปในการฝึกพิเศษของเธอ (แบบ 18+)
แต่จอมมารกลูและยูริมินัสไม่อาจรู้เรื่องนี้ได้เลย
“…ข้าคิดว่าช่วยไม่ได้ที่เจ้าจะไม่รู้… แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยผ่านไปได้”
จอมมารพูดเช่นนั้น แล้วก็ลุกขึ้นจากบัลลังก์
◇◇ไม่กี่วันต่อมา・เมืองโฮทาโร่
“ท่านฟุริโอ้ ขอบคุณที่ใช้บริการ”
ที่่ย่านการค้า ฟุริโอ้มาขายอุปกรณ์ที่ทำจากเกล็ดมังกรเสมอ ๆ และตอบกลับเจ้าของร้านด้วยการยกมือขวาแล้วออกจากร้านไป
“ท่านสามี ขอบคุณที่เหนื่อยยากค่ะ”
พอเห็นฟุริโอ้ ริซที่รออยู่หน้าร้านก็ต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม
แม้เจ้าของร้านจะบอกให้เข้ามารอในร้านพร้อมกันก็ได้ แต่ลิซก็ยังคงเลือกที่จะรออยู่ที่หน้าประตูร้าน
นี่ก็เพื่อความไม่ประมาท เพราะอาจจะมีศัตรูที่ปองร้ายชีวิตของเธอ และเธอต้องจัดการด้วยพลังที่มีทั้งหมดด้วยตัวเอง
เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้นกับชีวิต ก่อนหน้านี้ก็มีมารผู้ปกครองแสงสว่างและความมืดจู่โจมเธอ ซึ่งนับตั้งแต่ผ่านเหตุการณ์นั้น ประสาทสัมผัสของเธอก็เฉียบแหลมขึ้น
“ท่านสามี วันนี้เราไปทานมื้อเที่ยงกันที่ไหนดีคะ?”
ลิซยิ้มสดใสให้ฟุริโอ้ขณะเข้าไปกอดแขนของเขา
“วาลิซซ่ากับบิลลี่ยังไม่มาเลย ดังนั้นรอถามความเห็นทั้งสองคนดีกว่า เพราะมีของที่อยากขอให้พวกเขาซื้อให้อยู่น่ะ”
“ฉันคิดว่าก็ดีเหมือนกันค่ะ”
จากนั้นทั้งสองก็เดินไปยังร่มไม้ใกล้ ๆ
“หืม?”
ตอนนั้นเอง ฟุริโอ้หยุดเท้าเพราะรู้สึกถึงกลิ่นอายแปลก ๆ ได้
ในขณะเดียวกัน ข้างหลังของทั้งสองคนนั้น มารผู้ปกครองแสงสว่างและความมืด・ฮิยะ ก็โผล่มา
“นายหญิง นายเหนือหัว โปรดถอยไปก่อนค่ะ ข้าจับกลิ่นอายปีศาจที่กำลังเข้ามาได้ ให้ข้าจัดการมันเองค่ะ”
พูดแบบนั้น ฮิยะก็โค้งคำนับเบา ๆ แล้วกำลังจะจากไป
“อ่าา ไม่เป็นไรหรอกฮิยะ อาจจะเป็นคนรู้จักก็ได้”
“อะ ..นั่น.. คนรู้จักของนายเหนือหัว..งั้นเหรอคะ?.. แต่กลิ่นอายขนาดนี้… ยิ่งกว่าปีศาจธรรมดาหลายเท่าเลยนะคะ”
ฮิยะเคลือบแคลงใจในคำพูดของฟุริโอ้ แต่ฟุริโอ้เขาไม่สนใจและมองไปยังทิศที่กลิ่นอายนี้ส่งมา
ชายที่เดินท่ามกลางแสงแดดมา พอคน ๆ นั้นเห็นฟุริโอ้ก็หยุดฝีเท้าลง
“..นี่มัน… ถึงจะหน้าตาเปลี่ยนไป.. คุณอาร์ทโชว์ใช่มั้ย?”
“ตอนนี้ฟุริโอ้แล้วนะ ไม่ได้เจอกันนานเลยคุณโกซารุ”
ชายคนที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ฟุริโอ้ ก็คือจอมมารกลูซึ่งแต่งตัวเป็นนักผจญภัย โดยใช้ชื่อปลอมว่าโกซารุ
ตอนนั้นทางด้านปราสาทจอมมาร ยูริมินัสและจอมมารคุยกันว่าจะไปตรวจสอบสาเหตุของคลื่นเวทมนตร์
แต่เพราะปัจจุบันไม่มีใครในปราสาทว่าง และกำลังเตรียมตัวทำสงคราม เพราะเหตุนั้น…
“ม่า~ ก็ถือเป็นโอกาสดี เราจะไปสนุกสักหน่อยแล้วกัน”
จากนั้นจอมมารก็หนีออกมาจากปราสาท และรอดพ้นไปจากยูริมินัสได้
ในความเป็นจริง เพราะไม่มีข่าวคราวว่า จะหาที่อยู่ของอาร์ทโชว์ได้เลย และหากเป็นเช่นนั้น เขาก็จะไม่ได้พบกับวาลิซซ่า จอมมารจึงเกิดความเครียดแล้วอยากสูดอากาศบริสุทธิ์บ้าง
แต่
ที่ที่โกซารุไปนั้นทำให้เขาได้พบกับอาร์ทโชว์ ซึ่งตอนนี้คือฟุริโอ้แบบบังเอิญ จึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะยิ้มและยื่นแขนขวาไปหาฟุริโอ้
“ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกันในที่แบบนี้ได้”
“ผมก็ด้วย ดีใจที่ได้เจอนายนะ”
ทั้งสองจับมือกัน และเขย่ามือไปมาเป็นเวลานาน
ก่อนที่จอมมารจะได้พบกับฟุริโอ้ ฟุริโอ้อาศัยอยู่ใกล้ ๆ กับป่าเดลาเบซ่า ซึ่งเพราะจอมมารได้เห็นถึงพลังของฟุริโอ้ทำให้ไม่อยากเป็นศัตรูด้วย จึงได้สานสัมพันธ์แบบมิตรสหายและงานเลี้ยงน้ำชาจนสนิทกันในที่สุด
“สมกับที่เป็นนายเหนือหัว… สามารถสานสัมพันธ์แม้กับจอมมารได้… ฮิยะผู้นี้ ขอชื่นชมค่ะ”
ฮิยะโค้งคำนับลงขณะที่มองไปทั้งสองด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ
..นี่ไม่ใช่บุคคลที่เธอจะมองได้ง่าย ๆ เลย……สมกับที่เป็นท่านฟุริโอ้ เป็นเพื่อนกับจอมมารด้วย
โกซารุเหลือบมองไปทางฮิยะระยะหนึ่ง เพื่อดูความแข็งแกร่งของเพื่อนใหม่ของฟุริโอ้ แล้วเขาก็แสดงท่าทีชื่นชมออกมา
“ขออภัยค่ะที่ทำให้รอ พวกเราซื้อของเสร็จแล้วค่ะ”
วาลิซซ่าและบิลลี่โผล่มา ในสภาพที่เดินแบกสัมภาระที่ได้จากการซื้อของและเรียกพวกฟุริโอ้ จากอีกฝั่งของถนน
ซึ่งคนที่ตอบรับเสียงของเธอก็คือ
“ค-คุณวาลิซซ่า!?”
โกซารุตอบรับเสียงของเธอ และมองไปยังต้นตอของเสียง
ภายใต้สายตานั่น
“ค- คุณ.. โก.. ซารุ”
วาลิซซ่าเหมือนกบที่ถูกงูจ้อง เธอแข็งเป็นหินและเริ่มสั่นด้วยความกลัว
วาลิซซ่าเองก็รู้ว่า โกซารุคือจอมมารกลู
และเธอก็รู้อีกว่าโกซารุพยายามค้นหาที่อยู่ของเธอ ซึ่งในขณะเดียวกันก็คือที่อยู่ของฟุริโอ้อยู่ด้วย
วาลิซซ่าคิดว่าเพราะตอนที่พบกันครั้งแรก เธอชี้ดาบใส่เขา ทำให้เขาแค้นจนต้องออกค้นหาเพื่อแก้แค้นเธอ
แต่ว่า หลังจากที่ถูกชี้ดาบใส่ จอมมารกลูก็หลงรักเธอเข้าให้แล้ว และได้พยายามสานสัมพันธ์กับฟุริโอ้
เพื่อที่จะได้มาพบกับวาลิซซ่าบ่อย ๆ และทำความรู้จักกับเธอ แต่ทว่า วาลิซซ่าไม่ได้เข้าใจเลยสักนิด
…โฮ่ ช่างเป็นสเต็บเท้าที่ซับซ้อนจริง ๆ คงฝึกการต่อสู้มามากมายเลยสินะ… สมกับเป็นวาลิซซ่าของเรา
กลูมองเธอด้วยความเข้าใจผิด ซึ่งที่จริงวาลิซซ่าสั่นเพราะกลัวต่างหาก