ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 388 ความรักของคนอื่นน่าสนใจเสมอ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 388 ความรักของคนอื่นน่าสนใจเสมอ

ตอนที่ 388 ความรักของคนอื่นน่าสนใจเสมอ

เซี่ยไห่มองตามหลังหลินจินซานซึ่งวิ่งเร็วยิ่งกว่ากระต่าย จากนั้นสายตาเขาก็ตกลงไปที่กล่องอาหารในมือเซี่ยเหลย เขามองไปที่เซี่ยเหลยอย่างสงสัย “พี่ใหญ่ พี่ไปส่งข้าวให้จินซานจริงเหรอ?”

เซี่ยเหลยส่ายหัวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “เปล่า ฉันออกไปซื้อของ เลยหิ้วกล่องข้าวไปฝากเขาระหว่างทาง”

“โอ้” เซี่ยไห่ได้ยินดังนั้นจึงพูดต่อว่า “ผมขอพูดอะไรหน่อยเถอะ แม้แต่หลินจินซานยังได้รับเกียรติจากพี่ให้ได้กินข้าวมื้อพิเศษ? แต่น้องอย่างผมกลับไม่ได้รับบริการนี้ด้วยซ้ำ”

หลินเซี่ยได้ยินว่าเซี่ยไห่อิจฉา เธอจึงยิ้มแล้วพูดว่า “อารอง ทำไมถึงได้คิดเล็กคิดน้อยอย่างนี้ล่ะ? จากนี้ไปพี่ชายฉันก็จะกลายเป็นลูกชายของพ่ออีกคน เขาแค่แสดงความรักต่อลูก ๆ ของตัวเอง ผิดตรงไหนที่จะไปส่งข้าวส่งน้ำให้?”

หลังจากที่หลินเซี่ยพูดจบ เธอก็มองเซี่ยเหลยด้วยรอยยิ้ม “ฉันพูดถูกไหมคะพ่อ?”

ตอนแรกเซี่ยเหลยมองหน้าลูกสาวของเขาด้วยความรัก แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ดวงตาของเขาก็หม่นแสงลง เขาไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มอ่อน “เซี่ยเซี่ย มื้อเย็นนี้อยากกินอะไรไหม?”

“พ่อ คืนนี้ฉันค่อยกลับไปกินข้าวที่บ้านค่ะ เฉินเจียเหอทำงานล่วงเวลา พวกเราอาจจะกินข้าวกันดึกหน่อย”

“ได้ พ่อขอกลับร้านก่อน”

เซี่ยเหลยเดินหายเข้าไปในร้านอาหาร เซี่ยไห่จึงรีบขยับเข้าไปหาหลินเซี่ยและถามด้วยความสงสัย “พ่อเธอกำลังพยายามประจบประแจงหลินจินซานเพื่อเป็นสะพานจีบแม่เธอหรือเปล่า?”

หลินเซี่ยกลอกตามองเขา พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ระดับพ่อฉัน เขาจำเป็นต้องประจบประแจงใครด้วยเหรอ? อย่าคิดจะสร้างความลำบากให้พี่ชาย และขัดขวางความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับเขาเด็ดขาดเชียวนะ”

“เจ้าเด็กหลินจินซานนั่นโชคดีจริง ๆ อยู่ดี ๆ ก็จับพลัดจับผลูได้เป็นลูกชายคนโตของพี่ใหญ่ ป่านนี้เขาคงยิ้มแก้มฉีกเพราะไม่ต้องฝันหวานไปเองอีกแล้ว”

จากนี้ไป หลินจินซานจะกลายมาเป็นลูกชายคนโตของพี่ใหญ่ และมีสถานะเป็นหลานชายคนโตของเขาด้วย

เซี่ยไห่แสดงท่าทางรังเกียจเล็กน้อย

หลินเซี่ยไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเขา

“เถ้าแก่เซี่ย คุณเข้าใจผิดแล้ว ไม่มีใครภูมิใจหรอกที่ได้เป็นลูกเลี้ยงของคนอื่น ถึงยังไงเขาก็มีพ่อผู้ให้กำเนิดเป็นของตัวเอง

คุณไม่เห็นต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย พี่ชายฉันมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้พ่อกับแม่กลับมาคืนดีกันได้ แค่คำพูดเดียวจากปากเขา อาจทำลายความสุขของพี่ใหญ่คุณจนพังทลายได้เลยนะ”

เซี่ยไห่แสดงความไม่พอใจ “หมายความว่าพี่ใหญ่ฉันกำลังตกเป็นเบี้ยล่างของหมอนั่นเหรอ?”

ถ้าอย่างนั้นอนาคตของหลินจินซานจะยังอยู่ในกำมือของเขาไหม?

“ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่ คุณต้องทำตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่ อย่าไปยุ่งวุ่นวายกับอะไรทั้งนั้น”

หลินเซี่ยถือถุงขนมและตั้งท่าจะเดินกลับไป แต่ถังจวิ้นเฟิงซึ่งกำลังขี่จักรยานเบรกแตกตรงมาทางนี้พอดี เกือบหักหลบไม่ทันและชนเธอเข้าอย่างจัง

ด้วยสายตาและปฏิกิริยาที่รวดเร็ว เซี่ยไห่คว้าตัวหลินเซี่ยกลับเข้ามาเพื่อหลีกเลี่ยง ‘อุบัติเหตุไม่คาดคิด’ ที่กำลังพุ่งตรงเข้าหาเธอ

ถังจวิ้นเฟิงเหยียดขายาว ๆ ของเขาออก พยายามหยุดรถด้วยสองเท้า จากนั้นก็ลงจากรถจักรยานแล้วมองหลินเซี่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อนราวกับจะขอโทษ “พี่สะใภ้ ขอโทษจริง ๆ”

ปากของหลินเซี่ยกระตุกเล็กน้อยขณะที่มองไปยังจักรยานสภาพจะพังมิพังแหล่ที่ถังจวิ้นเฟิงขี่อยู่

ผู้ชายคนนี้ขี้เหนียวเกินไป รถคู่ใจของเขาสภาพเยินขนาดนี้แล้ว แต่เขายังไม่รู้จักเปลี่ยนไปใช้คันใหม่

เธอยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”

เซี่ยไห่มองไปที่ถังจวิ้นเฟิงด้วยความรังเกียจ แสดงความไม่พอใจกับพฤติกรรมอันประมาทเลินเล่อของเขาเมื่อครู่

เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยปลอดภัยดี สีหน้าของเขาก็ผ่อนคลายลง

เขาสะบัดเสียงถามถังจวิ้นเฟิงว่า “นายมาที่นี่ทำไม?”

“มาหานายนั่นแหละ”

“อารอง เจ้าหน้าที่ถัง ฉันขอตัวกลับไปทำงานก่อนนะคะ”

หลินเซี่ยกลับไปที่ร้านตัดผมโดยหอบถุงขนมไปด้วย

ถังจวิ้นเฟิงจอดจักรยานไว้ที่หน้าประตูห้องเต้นรำ กำลังจะคล้องโซ่อยู่แล้ว แต่เซี่ยไห่ก็บ่นว่ามันก็แค่จักรยานบุโรทั่งคันหนึ่ง ต่อให้ล็อกหรือไม่ล็อกแล้วจะต่างกันตรงไหน?

ถึงเป็นโจรก็ใช่ว่าจะขโมยไม่เลือกหน้า

“มาเถอะ เข้าไปคุยกันข้างใน”

เมื่อมาถึงห้องทำงานของเซี่ยไห่ ถังจวิ้นเฟิงก็หยิบซองจดหมายปึกหนาออกมาจากกระเป๋าของเขา และวางลงบนโต๊ะโดยตรง

“ทำอะไรของนาย?”

ถังจวิ้นเฟิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พ่อฉันบอกว่านายกับเหล่าเฉินเอาซองนี้มาให้ที่บ้าน เลยขอให้ฉันเอากลับมาคืนพวกนาย”

เซี่ยไห่พูดด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ “เอาไปใช้ก่อนเถอะ พวกเราพี่น้องทำเงินได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากนายล้วน ๆ ถือซะว่านี่เป็นของขวัญขอบคุณก็แล้วกัน”

“ครอบครัวฉันจ่ายหนี้จนปิดยอดได้แล้ว และตอนนี้ชีวิตฉันก็สุขสบายดี ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรเดี๋ยวฉันจะบอกพวกนายเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดของถังจวิ้นเฟิง สีหน้าของเซี่ยไห่ก็เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย มองไปที่เขาเพื่อขอคำยืนยันว่า “นายปิดยอดหนี้ได้แล้วจริง ๆ เหรอ?”

ถังจวิ้นเฟิงตอบกลับ “ฉันบอกนายไปตั้งแต่ปีก่อนแล้วไง ว่าตอนนี้ฉันเหลือหนี้ไม่มากนัก บ้านเราทยอยจ่ายหนี้มาหลายปี ถึงเวลาปิดยอดแล้ว”

“ต้องโทษไอ้หมอเฉินเจียเหอนั่น เขามาพูดจู้จี้กับฉันเรื่องนาย บอกว่านายอาจจะโดนเจ้าหนี้ตามทวงเงิน แล้วกลัวว่าคนอย่างนายจะไม่ยอมปริปากพูดง่าย ๆ เลยยืนกรานว่าจะลากฉันไปที่บ้านของนายแล้วให้เงินจำนวนนี้ไว้” เซี่ยไห่บ่น

ถังจวิ้นเฟิงหัวเราะเบา ๆ “เหล่าเฉินนี่ช่างใส่ใจดีจริง ๆ”

หลายปีที่ผ่านมา ถ้าเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือ มิตรภาพ และกำลังใจจากสหายพี่น้อง กว่าจะผ่านพ้นเหตุการณ์พวกนั้นคงเป็นเรื่องยากมากสำหรับครอบครัวเขา

เมื่อไรก็ตามที่นึกถึงเรื่องนี้ ถังจวิ้นเฟิงจะรู้สึกเศร้าทุกครั้งไป

พี่น้องร่วมสายเลือดของทางฝั่งพ่อทำให้ครอบครัวของพวกเขาต้องมาติดอยู่ในสถานการณ์ลำบากลำบนแบบนี้ แต่เขาได้บรรดาเพื่อนฝูงจากกองทัพที่เขาสร้างมิตรภาพไว้ คอยช่วยเหลือให้ปีนขึ้นมาจากหล่ม

เมื่อวานนี้ถังหลิงลูกพี่ลูกน้องของเขาถูกครอบครัวของอดีตสามีฟ้องร้อง หล่อนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแบกหน้ามาหาเขาเพื่อขอหยิบยืมเงิน ตอนนั้นเขารู้สึกสมน้ำหน้าจริง ๆ

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนจำพวกวัตถุนิยม แต่เขาก็ยังเชื่อในกฎแห่งกรรมเหมือนกัน

“เจียเหอเป็นคนที่อบอุ่นและช่างสังเกตมาก อาจเป็นเพราะเขาเห็นว่าเพจเจอร์ของนายในวันนั้นดังไม่หยุด แต่นายดันไม่ยอมโทรกลับสักที เขาก็เลยคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเจ้าหนี้”

ถังจวิ้นเฟิงทำหน้าตาแปลก ๆ ทันทีเมื่อได้ยินเซี่ยไห่พูดถึงเรื่องเพจเจอร์

ตราบใดที่มีสหายพี่ชายที่ฉลาดอย่างกับเชอร์ล็อค โฮล์มส์อยู่ข้าง ๆ ก็ไม่มีอะไรที่หลุดรอดสายตาของเขาไปได้

“งั้นช่วงนี้นายยุ่งอยู่กับอะไรล่ะ? หลังเลิกงานก็ไม่เห็นออกไปสุงสิงกับใคร ช่วงนี้ไม่มีคดีไม่ใช่เหรอ งั้นก็มาสนุกด้วยกันให้บ่อยหน่อยสิ ห้องคาราโอเกะของฉันใกล้จะได้ฤกษ์ทดลองเปิดแล้ว พวกเราพี่น้องมาสนุกกันก่อน ค่อยเปิดอย่างเป็นทางการทีหลัง ลูกค้าต้องแน่นแน่นอน ที่นี่ยังไม่มีห้องร้องเพลงอื่น”

ถังจวิ้นเฟิงตอบปัดไป “ไว้ค่อยว่ากันทีหลังเถอะ”

ขณะที่เขายังพูดไม่ทันจบ เพจเจอร์ของถังจวิ้นเฟิงก็ส่งเสียงแจ้งเตือนขึ้นอีกครั้ง

ปลายทางส่งมาสองข้อความติดต่อกัน

เซี่ยไห่หันไปมองตามเสียง

ถังจวิ้นเฟิงยังคงยิ้มอย่างสงบ “เรื่องงานน่ะ”

ไม่ทันขาดคำ เพจเจอร์ก็ส่งเสียงบี๊บอีกสองครั้ง

เซี่ยไห่หรี่ตาลงเล็กน้อย มองหน้าเขาราวกับจะตั้งคำถาม

“จวิ้นเฟิง นายกำลังปิดบังอะไรบางอย่างจากพวกเราอยู่หรือเปล่า?”

“ไม่ใช่ซะหน่อย มันเกี่ยวกับงานจริง ๆ”

เซี่ยไห่แสดงสีหน้าไม่เชื่อ หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา “ถ้าอย่างนั้นนายก็รีบโทรกลับไปที่ทำงานของตัวเองสิ”

ถังจวิ้นเฟิงแก้ตัว “อีกไม่กี่นาทีฉันก็จะกลับแล้ว จะโทรทำไมให้เสียเวลา?”

เซี่ยไห่ไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกได้ง่าย ๆ “ไม่ใช่แล้ว นายเพิ่งออกมาจากที่ทำงาน ไม่ทันไรก็มีคนพยายามติดต่อนายทันทีที่นายออกมาเนี่ยนะ? นายกลายเป็นบุคคลสำคัญของหน่วยงานตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ถังจวิ้นเฟิง “…”

ในหน่วยของพวกเขา ตำรวจนายหนึ่งทำงานเทียบเท่ากับตำรวจสามนาย คิดว่าเขาสำคัญไหมล่ะ?

ในขณะนั้นเพจเจอร์ของถังจวิ้นเฟิงก็ยังคงส่งเสียงแจ้งเตือนบี๊บ ๆ ไม่หยุด

ถังจวิ้นเฟิงบอกว่าเขาต้องกลับไปแล้ว แต่เซี่ยไห่ไม่ยอมปล่อยเขาไป

จากนั้นก็คะยั้นคะยอขอดูข้อความที่ส่งมายังเพจเจอร์ของเขา

หน่วยของพวกเขาขาดคนถึงขนาดส่งข้อความมาเรียกตัวถึงสามครั้งเชียวเหรอ?

โทรศัพท์ของหน่วยงานโทรฟรีไม่จำกัดหรืออย่างไร?

ถังจวิ้นเฟิงรู้สึกรำคาญการเซ้าซี้ของเขามาก ในที่สุดก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหยิบเพจเจอร์ออกมา

เพจเจอร์ของถังจวิ้นเฟิงมีฟังก์ชันแสดงผลเป็นภาษาจีน เซี่ยไห่เห็นข้อความที่อยู่บนนั้น ‘เจ้าหน้าที่ถัง คุณจะมาถึงกี่โมงคะ?’

‘เจ้าหน้าที่ถัง คุณช่วยมาที่บ้านฉันเร็วหน่อยได้ไหม?”

‘เจ้าหน้าที่ถัง ฉันกลัว’

เซี่ยไห่อ่านข้อความด้านบน ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ เบิกโตขณะที่เขามองไปทางถังจวิ้นเฟิง

ถังจวิ้นเฟิงรู้สึกประหม่ากับการจ้องมองของเซี่ยไห่ เขาแตะจมูกแล้วอธิบาย “แค่เพื่อนธรรมดา ๆ”

“ผู้หญิงเหรอ?” เซี่ยไห่มองเขา ดวงตาพลันเป็นประกาย “เพื่อนคนนั้นเป็นผู้หญิงใช่ไหม?”

ถังจวิ้นเฟิงแสดงท่าทางเขินอาย “หยุดถามได้แล้ว”

“กับฉันนายยังมัวเก็บความลับอะไรอยู่อีก? บอกมาเร็วเข้า นายกำลังมีความรักหรือเปล่า?” เซี่ยไห่รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าเรื่องของตัวเองเสียอีกเมื่อเห็นแววว่าสหายพี่น้องกำลังจะมีความรัก

ตัวเขาเองอาจไม่สนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แต่เขาจะเป็นกังวลมากเกี่ยวกับปัญหาส่วนตัวของสหายพี่น้อง

นี่สามารถพิสูจน์ประโยคคำพูดหนึ่งได้ ว่าความรักของคนอื่นเป็นเรื่องที่น่าสนใจเสมอ

“เปล่า เรื่องที่พวกเราคุยกันเกี่ยวข้องกับคดี ปล่อยข้อมูลรั่วไหลไม่ได้”

ถังจวิ้นเฟิงคว้าเพจเจอร์ยัดใส่ไว้ในกระเป๋าตัวเอง แล้วพูดว่า “ฉันไปก่อนนะ”

ถังจวิ้นเฟิงวิ่งลงไปชั้นล่าง ขณะที่เซี่ยไห่ยืนมองจากบานหน้าต่างบนชั้นสอง พอมองไปที่จักรยานสภาพเก่ายับเยินด้านล่าง มุมปากของเขาก็กระตุกอีกครั้ง

ถ้าหมอนั่นยังขี่จักรยานคนนั้นอยู่ นี่…

สภาพโดยรวมของมันโทรมเกินกว่าจะใช้สำหรับออกเดต ขืนเบรกแตกขึ้นมา แล้วเขาพาสาวที่นั่งซ้อนท้ายไปชนชาวบ้าน อย่าหวังเลยว่าชาตินี้จะมีแฟนเหมือนคนอื่น

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ตอนแรกนึกว่ายัยถังหลิงมันสร้างหนี้ก้อนใหญ่เพิ่มให้จวิ้นเฟิงตามไปใช้อีกแล้ว แต่โล่งอกที่ไม่ใช่

เป็นแม่สาวคนนั้นที่เคยไปช่วยไว้จากบ้านเอ้อร์เลิ่งหรือเปล่าน้า

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท