หลังจากออกมาจากบ้านผีสิง พวกเราก็ไล่ตามสองคนนั้นไป กลับสู่การเดทเฝ้าระวังอีกครั้ง
ต่อจากนั้นก็ไม่มีการขัดขวางจากโทโจวอินซังเป็นพิเศษเเละเดทของยูอิจิกับฟุจิเสะก็ดําเนินต่อไปอย่างราบรื่น
ระหว่างที่ผมกับเซย์จังสนุกสนานไปกับการนั่งเครื่องเล่นต่างๆ เวลาก็ได้เลยมาถึงยามเย็นเสียเเล้ว
…คงใกล้ถึงเวลาเเล้วล่ะ
ในเนื้อหาต้นฉบับโทโจวอินซังจะเข้ามาขัดขวางทั้งคู่ ณ สถานที่ซึ่งยูอิจิกับฟุจิเสะจะไปต่อจากนี้
จุดหมายปลายทางต่อไปของพวกเขาคือร้านขายของที่ใหญ่โตที่สุดในสวนสนุกเเห่งนี้
เเทนที่จะเรียกว่าเป็นร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม กล่าวว่ามันคือร้านขายของที่ระลึกคงจะเหมาะกว่า
ในตอนที่พวกเขากําลังเลือกของที่ระลึกอยู่นั่นเเหละ ที่โทโจวอินซังจะเข้ามาขัดขวาง
ยูอิจิวางเเผนจะสารภาพรัก ณ จุดที่มีทิวทัศน์กับเเสงไฟสาดส่องอย่างงดงาม เเต่เพราะโทโจวอินซังโผล่มาทําให้เเผนนั้นพังอย่างไม่เป็นท่า อะไรประมาณนั้น
ฉะนั้นกล่าวคือโทโจวอินซังจะเข้ามาขัดขวางที่ร้านขายของนั่น ถ้าคิดจะหยุดยั้งเธอก็ต้องเป็นที่นั่นสถานเดียว
เเม้จะไม่รู้เลยสักนิดว่าต้องทํายังไงถึงจะหยุดเธอได้ก็เถอะ
นอกจากนี้… กระทั่งปัจจุบันผมยังลังเลอยู่เลยว่าควรเข้าไปหยุดจริงๆเหรอ
หากพูดตามความรู้สึกส่วนตัวผมไม่อยากเข้าไปยุ่งเเม้เเต่น้อย
สาเหตุเพราะไม่อยากให้เรื่องราวมาจบเอาตรงนี้ยังไงล่ะ
อย่างไรก็ตามหากพิจารณาถึงความรู้สึกของเซย์จังเเล้ว การเข้าไปหยุดอาจเป็นทางเลือกที่ดีก็ได้
ควรจะทํายังไงดี…
ในขณะที่ผมกําลังหนักใจอยู่นั้นเอง ยูอิจิกับฟุจิเสะก็ได้เข้าร้านขายของไปเสียเเล้ว
ผมกับเซย์จังตามพวกเขาเข้าร้านไประหว่างที่ซุกซ่อนตัวไปด้วย
ร้านขายของเเห่งนี้ค่อนข้างกว้างขวาง ด้วยเหตุนี้หากพวกเราอยู่ห่างกันคงไม่เป็นปัญหาเเต่อย่างใด
“หืม มีพวกของเเบบนี้ขายอยู่ด้วยเหรอเนี่ย?”
เซย์จังสํารวจสินค้าที่วางเรียงรายในร้านอย่างสนอกสนใจ
จวบจนถึงบัดนี้ไม่มีร่องรอยของโทโจวอินซังให้เห็นสักนิดเดียว คงเพราะเหตุนั้นล่ะมั้งเซย์จังจึงลดความระเเวดระวังลงเเละหายประหม่าเป็นที่เรียบร้อย
นั่นสินะ จะเป็นอย่างนี้ก็ไม่เเปลกหรอก เเม้พวกเราจะเฝ้าดูทั้งคู่มาตั้งเเต่เที่ยงก็จริง เเต่พวกเราก็เล่นสนุกไปพร้อมกับพวกเขาค่อนข้างเยอะด้วย
ขืนเป็นเเบบนี้ต่อไป ถ้าโทโจวอินซังโผล่มา พวกเราคงรับมือได้ไม่ทันการเเหงๆ… ช่างมันเถอะ สําหรับผมเเบบนั้นดีกว่าซะด้วยซํ้า
ที่นี่มีพวกของฝากอย่างขนมหวานอะไรเเบบนั้นอยู่บ้าง เเต่ที่โดดเด่นสะดุดตาคงเป็นพวกตุ๊กตาสัตว์ตัวโตทั้งหลายกับพวกเครื่องประดับสวมหัวล่ะมั้ง
เจ้าเครื่องประดับพวกนี้คืออันที่สาวม.ปลายเข้ามาซื้อเเละสวมมันเดินไปทั่วสวนสนุกพร้อมถ่ายภาพเซลฟี่เก็บเป็นที่ระลึกสินะ
ถ้าเเค่ระริกระรี้จากการมาสวนสนุกเเล้วซื้อมันก็ดีอยู่หรอก เเต่ขืนใส่มันตอนอยู่ด้านนอก มีหวังได้กลายเป็นประวัติศาสตร์อันดํามืดเเหงๆ จะวางไว้ในบ้านก็เฉิ่มเกินไป จนสุดท้ายต้องโยนทิ้งอย่างช่วยไม่ได้
ถึงที่ผมพูดจะดูลําเอียงไปหน่อยก็เถอะ
เครื่องประดับสวมหัวมีหลากหลายรูปเเบบ ทั้งหูเเมวเอย หูกระต่ายเอย เเละลายอื่นๆอีกมากมาย
อืม ส่วนตัวก็คิดว่าน่ารักอยู่นะ เเต่ก็ไม่ถึงขั้นที่อยากซื้อกลับเป็นของที่ระลึกเลยเเฮะ
อ๊ะ จะว่าไปเเล้วผมยังมีน้องสาวสุดน่ารักน่าน้วยอย่างริเอะรออยู่ที่บ้านด้วยนี่นา
เครื่องประดับสวมหัวลายหูกระต่ายมีส่วนนุ่มนิ่มที่ยาวไปถึงบริเวณหน้าอกอยู่ หากบีบส่วนนุ่มนิ่มทั้งสองนั่น หูกระต่ายจะชูขึ้นมาดัง “เปี๊ยวน์~” เลยทีเดียว
ถ้าได้เห็นริเอะใส่เจ้านี่พร้อมขยับหูกระต่ายไปมาด้วยท่าทางเคอะเขินล่ะก็…
น่าสนใจเเฮะ ซื้อสักหน่อยดีไหมนะ
เดี๋ยวสิใจเย็นๆก่อนตัวชั้น
จะเป็นอย่างนั้นจริงๆเรอะ? เริ่มเเรกเลยริเอะจะยอมใส่เจ้านี่เเน่เหรอ?
อย่างริเอะคงพูดเเค่ว่า “บ้ารึไงยะ?” เท่านั้นเเหละ จินตนาการออกเลยว่าเธอคงไม่หยิบมาใส่สักครั้งด้วยซํ้า
ถึงอย่างนั้นหากข้อร้องดีๆเธอจะยอมใส่ให้ไหมนะ?
…เอาเป็นว่าลองถามเธอก่อนดีกว่า?
ผมเปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจากนั้นเข้าเเอพ RINE ก่อนจะส่งข้อความไปหาริเอะ
ถ้าเเนบรูปภาพของหูกระต่ายนี่ไปด้วย เธออาจจะเข้าใจเรื่องราวได้ไวขึ้นก็ได้
ด้วยความคิดเช่นนั้นผมจึงเปิดระบบถ่ายรูปของโทรศัพท์ ก่อนจะคว้าเครื่องประดับสวมหัวลายหูกระต่ายขึ้นมา
“เอ๊ะ? ฮิซามูระหรือว่าบางทีนายคิดจะซื้อเจ้านั่นงั้นเหรอ?”
“ลังเลอยู่นิดหน่อยน่ะ”
“มะ.. ไม่คิดเลยนะว่านายมีงานอดิเรกพรรค์นั้นกับเขาด้วย…”
“ไม่ใช่สําหรับชั้นหรอก กําลังคิดอยู่น่ะว่าจะเหมาะกับน้องสาวรึเปล่า”
“คุณน้องสาวเองหรอกเหรอ… เธออายุเท่าไหร่ล่ะ?”
“น้อยกว่าชั้นหนึ่งปีได้”
“นี่นายคิดจะให้เจ้านั่นกับเด็กม.ปลายปีหนึ่งจริงๆเหรอ?”
เซย์จังหยิบหูกระต่ายขึ้นมาด้วยคนพลางถามออกมาเเบบนั้น
ดูเหมือนการที่ผมคิดว่าถ้าซื้อเจ้านี่ไปให้น้องสาวเป็นของที่ระลึก เธอคงดีอกดีใจจะเป็นความคิดอันตื้นเขินเเฮะ
“ต่อให้ได้รับมันชั้นคิดว่าเธอคงไม่ดีใจเท่าไหร่หรอก เเต่ก็ลองส่งข้อความไปถามเผื่อไว้ก่อนเเล้วว่าถ้าซื้อกลับบ้านไปเธอจะยอมสวมมันไหม ถึงอย่างนั้นก็เถอะถ้าริเอะยอมใส่คงจะน่ารักสุดๆเลยน้า”
“หืมม…”
หากเด็กสาวอย่างริเอะผู้ให้ความรู้สึกซึนเดเระนิดนึงเป็นคนสวมมันล่ะก็ เเก๊ปโมเอะนั่นจะต้องน่ารักระดับอุลตร้าอย่างเเน่นอน
ถ้าหากเธอยอมใส่เเม้สักครั้ง ผมจะถ่ายภาพเก็บไว้เเล้วเซฟรูปทันทีเลย
เอาเป็นว่าได้ไม่ได้ลองถามเธอก่อนละกัน
ขณะที่คิดเช่นนั้นอยู่นั่นเอง…
“ฮะ.. ฮิซามูระ”
“หืม? หือ…!?”
ในตอนที่ผมหันไปหาเซย์จังซึ่งยืนอยู่ข้างๆเนื่องจากถูกเรียกนั้นเอง… เซย์จังหูกระต่ายได้ปรากฎกายขึ้นมาอยู่เบื้องหน้า
ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าเซย์จังจะสวมหูกระต่ายนั่น…
“ปะ.. เป็นไงบ้าง ยะ.. อย่างที่คิดคงไม่ค่อยเหมาะสินะ…?”
เซย์จังเเสยะยิ้มด้วยท่าทางเขินอายพร้อมเอ่ยถามออกมาเช่นนั้น
–เเช๊ะ
“…หืม?”
“อ๊ะ โทษที มันตอบสนองไปตามสัญชาตญาณน่ะ”
พอรู้สึกตัวอีกทีผมก็เผลอถ่ายรูปของเซย์จังในสภาพนั้นด้วยเเอพกล้องที่พึ่งเปิดเมื่อตะกี้เสียเเล้ว
“ทะ.. ทําบ้าอะไรของนายห๊ะ!?”
“ขอโทษ กล้ามเนื้อมันตอบสนองน่ะ ร่างกายของชั้นขยับไปเอง ก่อนที่สมองจะสั่งการซะอีก”
“เลิกพ่นอะไรไร้สาระออกมาได้เเล้ว! รีบลบภาพที่ถ่ายเมื่อกี้เดี๋ยวนี้เลยนะ!”
เซย์จังพูดออกมาเเบบนั้นด้วยใบหน้าที่เเดงกํ่าราวกับปลาหมึกต้ม ในระหว่างถอดหูกระต่ายไปด้วย
จนเเล้วจนรอดตะกี้คงจะเสียมารยาทเกินไปจริงๆนั่นเเหละ
ผมไตร่ตรองเช่นนั้นเเละมองไปที่หน้าจอมือถือเพื่อลบรูปภาพตามที่เซย์จังบอก เเต่ว่า…
ภายในโทรศัพท์นี่มีนางฟ้าสถิตอยู่
“…ไม่อยากลบทิ้งเลยอ่า อยากจะเก็บไว้เป็นมรดกสืบทอดของตระกูล อยากปริ้นออกมาเเละใส่กรอบไว้ประดับเป็นของเเต่งบ้าน”
“ต้องไม่ได้เเหงอยู่เเล้วสิยะ!?”
ความในใจของผมหลุดออกมาอย่างโจ่งเเจ้ง
ถึงอย่างนั้นผมก็คิดเเบบนั้นจริงๆ การที่ต้องมาลบภาพอภิมหาน่ารักของเซย์จังเเบบนี้จะน่าเสียดายเกินไปเเล้ววว
–อยากจะเก็บมันไว้ตลอดชีวิตเลย
“ยังไงก็ไม่ได้เหรอ? ภาพนี้มันน่ารักสุดๆเลยนะ”
“อึก… มะ.. ไม่ได้”
“กราบล่ะ ชั้นไม่เอาไปให้ใครเห็นหรอก จะชมเชยเจ้านี่ในตอนเช้าของทุกวันพร้อมคิดว่า [เเม้จะเป็นวันที่ยากลําบากเเค่ไหน ก็จะพยายามจนถึงที่สุด] เลย”
“ตะ.. ตอนเช้าของทุกวัน!? เเบบนั้นยิ่งเเย่เข้าไปใหญ่! สภาพอันน่าอับอายพรรค์นั้น!”
“…คงไม่ได้จริงๆสินะ?”
“…อืม ไม่ได้”
ถึงผมจะพยายามดื้อดึงเอาเต็มที่ เเต่สุดท้ายรู้สึกจะไม่ไหวเเฮะ
อืออ… ต้องลบภาพเซย์จังสุดน่ารักนี่จริงๆเรอะ ไม่ว่ายังไงผมก็ทําไม่ได้หรอก
“อึก… เซย์จังเป็นคนลบเถอะ ชั้นไม่มีทางลบเจ้านี่ได้เเน่”
“มันขนาดนั้นเลยรึ…?”
ผมยื่นโทรศัพท์มือถือให้เซย์จังด้วยมืออันสั่นเทา
จากนั้นเซย์จังจึงรับไปก่อนจะจัดการจนเสร็จสรรพ… ดูเหมือนเธอจะลบภาพไปเเล้วสินะ
“อ๊ะ… โอกาสเพียงครั้งเดียวของชั้น…”
“…อะ เอางี้เป็นไง พวกเรามาถ่ายรูปด้วยกันดีไหม?”
“เอ๊ะ?”
“นะ.. นั่นไง เหมือนที่ชิโฮะกับชิเกโมโตะทําตรงโน้น”
ผมเบี่ยงสายตาไปในทิศทางที่เซย์จังหันไป ตรงนั้นมีฟุจิเสะกับยูอิจิ ใบหน้าของพวกเขาค่อนข้างเเนบชิดกันเป็นอย่างมาก ฟุจิเสะถือโทรศัพท์มือถือโดยหมายหวังจะถ่ายเซลฟี่
นอกจากนี้ทั้งคู่ยังสวมเครื่องประดับสวมหัวลายหมีเเบบเดียวกันอีกต่างหาก อย่างกับภาพสะท้อนของคู่รักติ๊งต๊องไม่มีผิด
นี่เจ้าสองคนนั้นยังไม่ได้คบกันจริงๆเรอะ?
…หืม? ไงดีล่ะ ทิวทัศน์เเบบนั้นรู้สึกผิดปกติมากเลย
ความรู้สึกที่ราวกับเดจาวูหรืออะไรประมาณนั้น…
“ถ้านายอยากถ่ายรูปด้วยกันเหมือนที่สองคนนั้นทํา ฉันก็ไม่บ่นอะไรหรอก…”
“เอ๊ะ? ชั้นต้องใส่หูกระต่ายด้วยเหรอ?”
“ชะ.. ใช่เเล้ว”
โห้ ดูเหมือนว่าผมจําเป็นต้องสวมเจ้าหูกระต่ายนั่นด้วยคน ไม่งั้นเธอจะไม่ยอม
อย่างไรก็ตามหากยอมสวมล่ะก็ ผมจะสามารถถ่ายรูปกับเธอเเบบเดียวกับที่สองคนนั้นทําได้
“เเน่นอนว่าเอาด้วยคนครับ”
“ตะ.. ตอบทันทีทันควันเลยนะ”
กลับกันผมไม่เห็นเหตุผลที่จะไม่เอาเลยด้วยซํ้า
นอกจากจะสามารถถ่ายรูปเซย์จังในสภาพหูกระต่ายเก็บไว้อีกครั้งได้เเล้ว ยังเป็นภาพคู่ที่ถ่ายกันสองคนอีกต่างหาก ต่อให้ต้องเสียเงินผมก็ต้องการภาพนั่นอยู่ดี
“งั้นเอาล่ะไหนลองใส่ดูซิ…”
“พรืด… ทะ.. โทษที พอดีไม่ค่อยเหมาะกับนายเท่าไหร่น่ะ”
“อืม ก็ไม่คิดว่ามันเหมาะกับตัวเองหรอก เเต่ไม่คิดเลยนะว่าจะถึงขั้นที่เซย์จังหลุดขําออกมาเลยเนี่ย”
ช่างเถอะ เพียงเเค่ได้เห็นรอยยิ้มนั่นที่ผุดบนใบหน้าของเซย์จังก็ทําให้ผมรู้สึกมีความสุขยิ่งกว่าใครบนโลกเเล้ว
พักเรื่องนั้นไว้ก่อน รู้สึกเซย์จังจะหยิบหูกระต่ายมาใส่อีกรอบเเล้ว… อืม น่ารักฝุดๆ นางฟ้าชัดๆ เยี่ยมยอด
เนื่องจากเซย์จังเปิดกล้องของโทรศัพท์ผมเรียบร้อยเเล้ว พวกเราจึงเตรียมพร้อมที่จะถ่ายรูป
“ดะ.. เดี๋ยวสิ เข้ามาใกล้อีกนิดซิ”
“อะ.. อืม”
เท่าที่ผมสังเกตใบหน้าของผมก็อยู่ใกล้เธอประมาณนึงเเล้ว ทั้งอย่างนั้นเซย์จังกลับบอกให้นําหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นอีก
คงเป็นเพราะเห็นวิธีถ่ายรูปของพวกฟุจิเสะกับยูอิจิเมื่อครู่กระมัง ดูเหมือนเธอจะอยากทําตามพวกเขา
เจ้าสองคนนั้นติดหนึบจนเเก้มเเทบจะชนกันเเล้วนะนั่น?
ใกล้ขนาดนั้นพวกเราคงไม่ไหวหรอกมั้ง ผมคิดเช่นนั้น ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เธออีกนิดจนไหล่ของพวกเราชนกัน
“คะ.. เเค่นั้นพอเเล้ว…! อะ.. เอาล่ะ จะถ่ายเเล้วนะ”
เมื่อเซย์จังเอ่ยออกมาเเบบนั้น เธอก็นํานิ้วไปเเตะหน้าจอจากนั้นเสียงชัตเตอร์จึงดังขึ้น
หลังจากนั้นผมกับเซย์จังรีบเว้นระยะห่างกันเเทบจะทันที
“ระ.. รู้สึกว่าจะถ่ายได้เเล้วนะ”
“ละ.. โล่งอกไปที”
หากต้องตัวติดหนึบกันเธอเเบบนั้นอีกรอบ หัวใจผมคงรับไม่ไหวเเหงๆ
ไม่สิ ตอนอยู่ในบ้านผีสิงเมื่อกี้พวกเราตัวติดกันกว่านี้อีกนี่นะ เเต่เรื่องนู้นกับเรื่องนี้มันต่างกัน
ตอนนั้นเซย์จังเป็นฝ่ายเข้ามาใกล้ เเถมเธอยังอยู่ในสภาพหวาดกลัวสุดขีดด้วย ผมเลยจําไม่ได้สักเท่าไหร่ว่าพวกเราใกล้กันเพียงใด
อย่างไรคราวนี้ผมเป็นฝ่ายเข้าใกล้เธอ บวกกับพวกเรามีสติกันทั้งคู่ ทําให้มันน่าอายยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
ในตอนที่เซย์จังยื่นโทรศัพท์คืนให้เเละผมหยิบขึ้นมาดูนั้นเอง เเก้มของพวกเราสองคนเเดงระเรื่อขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูอึดอัดเล็กน้อย
ส่วนตัวจะเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่สนใจเเล้ว ถึงอย่างนั้นเซย์จังในตอนนี้ก็ยังน่ารักอยู่ดี สุดยอดเลย
“ดะ.. เดี๋ยวชั้นส่งภาพนี้ไปให้ใน RINE ทีหลังนะ”
“อะ.. อา ฝากด้วย”
ถึงภาพนี้มันจะน่าอายโคตรๆเลยก็เถอะ เเต่ของเเบบนี้เก็บไว้ร่วมกันคงจะเหมาะกว่าล่ะนะ
…หืม? เเปปนะ บทพูดตะกี้นี้ของผม รู้สึกเดจาวูเเปลกๆเเฮะ
อะไรน่ะ? ความรู้สึกนี่…
–ระ.. รู้เเล้ว!
เอ๊ะ เเต่ว่า.. เดี๋ยวสิ ไหงเป็นงั้นล่ะ…!?
ผมสังเกตถึงบางอย่างได้เเละเริ่มมองหายูอิจิกับฟุจิเสะ
หลังจากนั้นก็เจอพวกเขา ดูเหมือนจะยังอยู่ในร้านเเละกําลังหาพวกของที่ระลึกอยู่
“เป็นไรรึเปล่า? จู่ๆก็รีบหันไปหาสองคนนั้น…”
“มะ.. ไม่มีอะไรหรอก เเค่กลัวคลาดสายตากับพวกเขาน่ะ”
“หึ้ม ไม่ต้องห่วงหรอก จวบจนตอนนี้ฉันก็ไม่เห็นเงาของโทโจวอินเเม้เเต่นิดเดียวเลยนี่นะ”
ใช่เเล้วล่ะ ไม่มีร่องรอยของโทโจวอินซังเเม้เเต่น้อย
คงเพราะอย่างนั้นเเหละ มันถึงน่าประหลาด
หากเป็นเเบบเดียวกับในเนื้อหาต้นฉบับ ขณะนี้โทโจวอินซังควรจะเข้ามาขัดขวางเเล้วสิ
ความรู้สึกผิดปกติเมื่อครู่ เป็นเวลาที่ยูอิจิกับฟุจิเสะใส่เครื่องประดับสวมหัวลายหมีเเละกําลังจะถ่ายรูปพอดี
ถ้าเป็นในต้นฉบับล่ะก็โทโจวอินซังจะโผล่ออกมาจากด้านหลังหวังจะขัดขวาง “เเหม~ ทั้งคู่ดูสนุกกันจังเลยนะคะ” พร้อมกล่าวออกมาเช่นนั้น
นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ภาพถ่ายในตอนนั้นมีโทโจวอินซังซึ่งฉีกยิ้มอย่างสยดสยองอยู่กึ่งกลางของยูอิจิกับฟุจิเสะ
ต่อจากนั้นก็เกิดฉากนองเลือดเล็กๆระหว่างพวกเขาสามคนขึ้น ในตอนนั้นฟุจิเสะได้เอ่ยกระซิบข้างหูยูอิจิไว้เช่นนี้ “ภาพถ่ายนี่เดี๋ยวฉันส่งไปให้ใน RINE ทีหลังนะ”
เเต่ว่า… ขณะนี้อย่างที่เห็นโทโจวอินซังไม่ได้เข้ามาขัดขวาง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง… เนื้อเรื่องต้นฉบับได้พังพินาศลงไปเเล้ว
ทําไมล่ะ? เกิดอะไรขึ้น? ไหงโทโจวอินซังไม่เข้ามาขัดขวางล่ะ?
ขืนเป็นเเบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ… สองคนนั้นจะคบกันจริงๆนะ?
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides