Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru – ตอนที่ 28

Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru

หลังจากออกมาจากบ้านผีสิง​ พวกเราก็ไล่ตามสองคนนั้นไป​ กลับสู่การเดทเฝ้าระวังอีกครั้ง

 

ต่อจากนั้นก็ไม่มีการขัดขวางจากโทโจวอินซังเป็นพิเศษเเละเดทของยูอิจิกับฟุจิเสะก็ดําเนินต่อไปอย่างราบรื่น

 

ระหว่างที่ผมกับเซย์จังสนุกสนานไปกับการนั่งเครื่องเล่น​ต่างๆ​ เวลาก็ได้เลยมาถึงยามเย็นเสียเเล้ว

 

…คงใกล้ถึงเวลาเเล้วล่ะ

 

ในเนื้อหาต้นฉบับ​โทโจวอินซังจะเข้ามาขัดขวางทั้งคู่​ ณ​ สถานที่ซึ่งยูอิจิกับฟุจิเสะจะไปต่อจากนี้​​

 

จุดหมายปลายทางต่อไปของพวกเขาคือร้านขายของที่ใหญ่โตที่สุดในสวนสนุกเเห่งนี้

 

เเทนที่จะเรียกว่าเป็นร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม​ กล่าวว่ามันคือร้านขายของที่ระลึกคงจะเหมาะกว่า

 

ในตอนที่พวกเขากําลังเลือกของที่ระลึกอยู่นั่นเเหละ ที่โทโจวอินซังจะเข้ามาขัดขวาง

 

ยูอิจิวางเเผนจะสารภาพรัก​ ณ​ จุดที่มีทิวทัศน์​กับเเสงไฟสาดส่องอย่างงดงาม​ เเต่เพราะโทโจวอินซังโผล่มาทําให้เเผนนั้นพังอย่างไม่เป็นท่า​ อะไรประมาณนั้น

 

ฉะนั้นกล่าวคือโทโจวอินซังจะเข้ามาขัดขวาง​ที่ร้านขายของนั่น​ ถ้าคิดจะหยุดยั้งเธอ​ก็ต้องเป็นที่นั่นสถานเดียว

 

เเม้จะไม่รู้เลยสักนิดว่าต้องทํายังไงถึงจะหยุดเธอได้ก็เถอะ

 

นอกจากนี้… กระทั่งปัจจุบันผมยังลังเลอยู่เลยว่าควรเข้าไปหยุดจริงๆเหรอ

 

หากพูดตามความรู้สึกส่วนตัวผมไม่อยากเข้าไปยุ่งเเม้เเต่น้อย

 

สาเหตุเพราะไม่อยากให้เรื่องราวมาจบเอาตรงนี้ยังไงล่ะ

 

อย่างไรก็ตามหากพิจารณา​ถึงความรู้สึกของเซย์จังเเล้ว​ การเข้าไปหยุดอาจเป็นทางเลือกที่ดีก็ได้

 

ควรจะทํายังไงดี…

 

ในขณะที่ผมกําลังหนักใจอยู่นั้นเอง​ ยูอิจิกับฟุจิเสะก็ได้เข้าร้านขายของไปเสียเเล้ว

 

ผมกับเซย์จังตามพวกเขาเข้าร้านไป​ระหว่างที่ซุกซ่อนตัวไปด้วย

 

ร้านขายของเเห่งนี้ค่อนข้างกว้างขวาง​ ด้วยเหตุนี้หากพวกเราอยู่ห่างกันคงไม่เป็นปัญหาเเต่อย่างใด

 

“หืม​ มีพวกของเเบบนี้ขายอยู่ด้วยเหรอเนี่ย?”

 

เซย์จังสํารวจสินค้าที่วางเรียงรายในร้านอย่างสนอกสนใจ

 

จวบจนถึงบัดนี้ไม่มีร่องรอยของโทโจวอินซังให้เห็นสักนิดเดียว​ คงเพราะเหตุนั้นล่ะมั้ง​เซย์จังจึงลดความระเเวดระวังลง​เเละหายประหม่าเป็นที่เรียบร้อย

 

นั่นสินะ​ จะเป็นอย่างนี้ก็ไม่เเปลกหรอก​ เเม้พวกเราจะเฝ้าดูทั้งคู่มาตั้งเเต่เที่ยง​ก็จริง เเต่พวกเราก็เล่นสนุกไปพร้อมกับพวกเขาค่อนข้างเยอะด้วย

 

ขืนเป็นเเบบนี้ต่อไป​ ถ้าโทโจวอินซังโผล่มา​ พวกเราคงรับมือได้ไม่ทันการเเหงๆ… ช่างมันเถอะ​ สําหรับผมเเบบนั้นดีกว่าซะด้วยซํ้า

 

ที่นี่มีพวกของฝากอย่างขนมหวานอะไรเเบบนั้นอยู่บ้าง​ เเต่ที่โดดเด่นสะดุดตาคงเป็นพวกตุ๊กตาสัตว์ตัวโตทั้งหลายกับพวกเครื่องประดับ​สวมหัวล่ะมั้ง

 

เจ้าเครื่องประดับพวกนี้คือ​อันที่สาวม.ปลายเข้ามาซื้อเเละสวมมันเดินไปทั่วสวนสนุกพร้อมถ่ายภาพเซลฟี่เก็บเป็นที่ระลึก​สินะ

 

ถ้าเเค่ระริกระรี้จากการมาสวนสนุกเเล้วซื้อมันก็ดีอยู่หรอก​ เเต่ขืนใส่มันตอนอยู่ด้านนอก มีหวังได้กลายเป็นประวัติศาสตร์​อันดํามืดเเหงๆ​ จะวางไว้ในบ้านก็เฉิ่มเกิน​ไป จนสุดท้ายต้องโยนทิ้งอย่างช่วยไม่ได้

 

ถึงที่ผมพูดจะดูลําเอียงไปหน่อยก็เถอะ

 

เครื่องประดับสวมหัวมีหลากหลายรูปเเบบ​ ทั้งหูเเมวเอย​ หูกระต่ายเอย​ เเละลายอื่นๆอีกมากมาย

 

อืม ส่วนตัวก็คิดว่าน่ารักอยู่นะ​ เเต่ก็ไม่ถึงขั้นที่อยากซื้อกลับเป็นของที่ระลึกเลยเเฮะ

 

อ๊ะ​ จะว่าไปเเล้วผมยังมีน้องสาวสุดน่ารักน่าน้วยอย่างริเอะรออยู่ที่บ้านด้วยนี่นา

 

เครื่องประดับสวมหัวลายหูกระต่ายมีส่วนนุ่มนิ่มที่ยาวไปถึงบริเวณหน้าอกอยู่​ หากบีบส่วนนุ่มนิ่มทั้งสอง​นั่น หูกระต่ายจะชูขึ้นมาดัง​ “เปี๊ยวน์~” เลยทีเดียว

 

ถ้าได้เห็นริเอะใส่เจ้านี่พร้อมขยับหูกระต่ายไปมาด้วยท่าทางเคอะเขินล่ะก็…

 

น่าสนใจเเฮะ​ ซื้อสักหน่อยดีไหมนะ

 

เดี๋ยวสิใจเย็นๆก่อนตัวชั้น

 

จะเป็นอย่างนั้นจริงๆเรอะ? เริ่มเเรกเลยริเอะจะยอมใส่เจ้านี่เเน่เหรอ?

 

อย่างริเอะ​คงพูดเเค่ว่า​ “บ้ารึไงยะ?” เท่านั้นเเหละ จินตนาการออกเลยว่าเธอคงไม่หยิบมาใส่สักครั้งด้วยซํ้า

 

ถึงอย่างนั้นหากข้อร้องดีๆเธอจะยอมใส่ให้ไหมนะ?

 

…เอาเป็นว่าลองถามเธอก่อนดีกว่า?

 

ผมเปิดโทรศัพท์​มือถือขึ้นมา​จากนั้นเข้า​เเอพ​ RINE ก่อนจะส่งข้อความไปหาริเอะ

 

ถ้าเเนบรูปภาพของหูกระต่ายนี่ไปด้วย​ เธออาจจะเข้าใจเรื่องราวได้ไวขึ้นก็ได้

 

ด้วยความคิดเช่นนั้นผมจึงเปิดระบบถ่ายรูปของโทรศัพท์​ ก่อนจะคว้าเครื่องประดับสวมหัวลายหูกระต่ายขึ้นมา

 

“เอ๊ะ? ฮิซามูระหรือว่าบางทีนายคิดจะซื้อเจ้านั่นงั้นเหรอ?”

“ลังเลอยู่นิดหน่อยน่ะ”

“มะ.. ไม่คิดเลยนะว่านายมีงานอดิเรกพรรค์นั้นกับเขาด้วย…”

“ไม่ใช่สําหรับชั้นหรอก​ กําลังคิดอยู่น่ะว่าจะเหมาะกับน้องสาวรึเปล่า”

“คุณน้องสาวเองหรอกเหรอ… เธออายุเท่าไหร่ล่ะ?”

“น้อยกว่าชั้นหนึ่งปีได้”

“นี่นายคิดจะให้เจ้านั่นกับเด็กม.ปลายปีหนึ่งจริงๆเหรอ?”

 

เซย์จังหยิบหูกระต่ายขึ้นมาด้วยคนพลางถามออกมาเเบบนั้น

 

ดูเหมือนการที่ผมคิดว่าถ้าซื้อเจ้านี่ไปให้น้องสาวเป็นของที่ระลึก​ เธอคงดีอกดีใจ​จะเป็นความคิดอันตื้นเขินเเฮะ

 

“ต่อให้ได้รับมัน​ชั้นคิดว่าเธอคงไม่ดีใจเท่าไหร่หรอก​ เเต่ก็ลองส่งข้อความไปถามเผื่อไว้ก่อนเเล้วว่าถ้าซื้อกลับบ้านไปเธอจะยอมสวมมันไหม​ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ​ถ้าริเอะยอมใส่​คงจะน่ารักสุดๆเลยน้า”

“หืมม…”

 

หากเด็กสาวอย่างริเอะผู้ให้ความรู้สึกซึนเดเระนิดนึงเป็นคนสวมมันล่ะก็​ เเก๊ปโมเอะนั่นจะต้องน่ารักระดับอุลตร้า​อย่างเเน่นอน

 

ถ้าหากเธอยอมใส่เเม้สักครั้ง​ ผมจะถ่ายภาพเก็บไว้เเล้วเซฟรูปทันทีเลย

 

เอาเป็นว่าได้ไม่ได้ลองถามเธอก่อนละกัน

 

ขณะที่คิดเช่นนั้นอยู่นั่น​เอง…

 

“ฮะ.. ฮิซามูระ”

“หืม? หือ…!?”

 

ในตอนที่ผมหันไปหาเซย์จังซึ่งยืนอยู่ข้างๆเนื่องจากถูกเรียกนั้นเอง… เซย์จังหูกระต่ายได้ปรากฎ​กายขึ้นมาอยู่เบื้องหน้า

 

ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย​ว่าเซย์จังจะสวมหูกระต่ายนั่น…

 

 

“ปะ.. เป็นไงบ้าง​ ยะ.. อย่างที่คิดคงไม่ค่อยเหมาะสินะ…?”

 

เซย์จังเเสยะยิ้มด้วยท่าทางเขิน​อายพร้อมเอ่ยถามออกมาเช่นนั้น

 

–เเช๊ะ

 

“…หืม?”

“อ๊ะ​ โทษที มันตอบสนองไปตามสัญชาตญาณ​น่ะ”

 

พอรู้สึกตัวอีกที​ผมก็เผลอถ่ายรูปของเซย์จังในสภาพนั้นด้วยเเอพกล้องที่พึ่งเปิดเมื่อตะกี้เสียเเล้ว

 

“ทะ.. ทําบ้าอะไรของนายห๊ะ!?”

“ขอโทษ​ กล้ามเนื้อมันตอบสนองน่ะ​ ร่างกายของชั้นขยับไปเอง​ ก่อนที่สมองจะสั่งการซะอีก”

“เลิกพ่นอะไรไร้สาระออกมาได้เเล้ว! รีบลบภาพที่ถ่ายเมื่อกี้เดี๋ยวนี้เลยนะ!”

 

เซย์จังพูดออกมาเเบบนั้นด้วยใบหน้าที่เเดงกํ่าราวกับปลาหมึกต้ม​ ในระหว่างถอดหูกระต่ายไปด้วย

 

จนเเล้วจนรอดตะกี้คงจะเสียมารยาทเกินไปจริงๆนั่นเเหละ

 

ผมไตร่ตรองเช่นนั้นเเละมองไปที่หน้าจอมือถือเพื่อลบรูปภาพตามที่เซย์จังบอก​ เเต่ว่า…

 

ภายในโทรศัพท์นี่มีนางฟ้าสถิตอยู่

 

“…ไม่อยากลบ​ทิ้งเลยอ่า อยากจะเก็บไว้เป็นมรดกสืบทอดของตระกูล​ อยากปริ้นออกมาเเละใส่กรอบไว้ประดับเป็นของเเต่งบ้าน”

“ต้องไม่ได้เเหงอยู่เเล้วสิยะ!?”

 

ความในใจของผมหลุดออกมาอย่างโจ่งเเจ้ง

 

ถึงอย่างนั้นผมก็คิดเเบบนั้นจริงๆ​ การที่ต้องมาลบภาพอภิมหาน่ารักของเซย์จังเเบบนี้จะน่าเสียดายเกินไปเเล้ววว

 

–อยากจะเก็บมันไว้ตลอดชีวิตเลย

 

“ยังไงก็ไม่ได้เหรอ? ภาพนี้มันน่ารักสุดๆเลยนะ”

“อึก… มะ.. ไม่ได้”

“กราบล่ะ​ ชั้นไม่เอาไปให้ใครเห็นหรอก​ จะชมเชยเจ้านี่ในตอนเช้าของทุกวันพร้อมคิดว่า​ [เเม้จะเป็นวันที่ยากลําบากเเค่ไหน​ ก็จะพยายามจนถึงที่สุด]​ เลย”

“ตะ.. ตอนเช้าของทุกวัน!? เเบบนั้นยิ่งเเย่เข้าไปใหญ่! สภาพอันน่าอับอายพรรค์นั้น!”

“…คงไม่ได้จริงๆสินะ?”

“…อืม ไม่ได้”

 

ถึงผมจะพยายามดื้อดึง​เอาเต็มที่ เเต่สุดท้ายรู้สึกจะไม่ไหวเเฮะ

 

อืออ… ต้องลบภาพเซย์จังสุดน่ารักนี่จริงๆเรอะ ไม่ว่ายังไงผมก็ทําไม่ได้หรอก

 

“อึก… เซย์จังเป็นคนลบเถอะ​ ชั้นไม่มีทางลบเจ้านี่ได้เเน่”

“มันขนาดนั้นเลยรึ…?”

 

ผมยื่นโทรศัพท์​มือถือให้เซย์จังด้วยมืออันสั่นเทา

 

จากนั้นเซย์จังจึงรับไป​ก่อนจะจัดการจนเสร็จสรรพ… ดูเหมือนเธอจะลบภาพไปเเล้วสินะ

 

“อ๊ะ… โอกาส​เพียงครั้งเดียวของชั้น…”

“…อะ​ เอางี้เป็นไง พวกเรามาถ่ายรูปด้วยกันดีไหม?”

“เอ๊ะ?”

“นะ.. นั่นไง​ เหมือนที่ชิโฮะกับชิเกโมโตะทําตรงโน้น”

 

ผมเบี่ยงสายตาไปในทิศทางที่เซย์จังหันไป​ ตรงนั้นมีฟุจิเสะกับยูอิจิ​ ใบหน้าของพวกเขาค่อนข้างเเนบชิดกันเป็นอย่างมาก​ ฟุจิเสะถือโทรศัพท์มือถือโดย​หมายหวังจะถ่ายเซลฟี่

 

นอกจากนี้ทั้งคู่ยังสวมเครื่องประดับสวมหัวลายหมีเเบบเดียวกันอีกต่างหาก​ อย่างกับภาพสะท้อนของคู่รักติ๊งต๊อง​ไม่มีผิด

 

นี่เจ้าสองคนนั้นยังไม่ได้คบกันจริงๆเรอะ?

 

…หืม?​ ไงดีล่ะ​ ทิวทัศน์​เเบบนั้นรู้สึกผิดปกติมากเลย

 

ความรู้สึกที่ราวกับเดจาวูหรืออะไรประมาณนั้น…

 

“ถ้านายอยากถ่ายรูปด้วยกันเหมือนที่สองคนนั้นทํา​ ฉันก็ไม่บ่นอะไรหรอก…”

“เอ๊ะ? ชั้นต้องใส่หูกระต่ายด้วยเหรอ?”

“ชะ.. ใช่เเล้ว”

 

โห้​ ดูเหมือนว่าผมจําเป็นต้องสวมเจ้าหูกระต่ายนั่นด้วยคน​ ไม่งั้นเธอจะไม่ยอม

 

อย่างไรก็ตามหากยอมสวมล่ะก็​ ผมจะสามารถถ่ายรูปกับเธอเเบบเดียวกับที่สองคนนั้นทําได้

 

“เเน่นอนว่าเอาด้วยคนครับ”

“ตะ.. ตอบทันทีทันควันเลยนะ”

 

กลับกันผมไม่เห็นเหตุผลที่จะไม่เอาเลยด้วยซํ้า

 

นอกจากจะสามารถถ่ายรูปเซย์จังในสภาพหูกระต่ายเก็บไว้อีกครั้งได้เเล้ว​ ยังเป็นภาพคู่ที่ถ่ายกันสองคนอีกต่างหาก​ ต่อให้ต้องเสียเงินผมก็ต้องการภาพนั่นอยู่ดี

 

“งั้นเอาล่ะไหนลองใส่ดูซิ…”

“พรืด… ทะ.. โทษที พอดีไม่ค่อยเหมาะกับนายเท่าไหร่น่ะ”

“อืม ก็ไม่คิดว่ามันเหมาะกับตัวเองหรอก​ เเต่ไม่คิดเลยนะว่าจะถึงขั้นที่เซย์จังหลุดขําออกมาเลยเนี่ย”

 

ช่างเถอะ​ เพียงเเค่ได้เห็นรอยยิ้มนั่นที่ผุดบนใบหน้าของเซย์จัง​ก็ทําให้ผมรู้สึกมีความ​สุขยิ่งกว่าใครบนโลกเเล้ว

 

พักเรื่องนั้นไว้ก่อน​ รู้สึกเซย์จังจะหยิบหูกระต่ายมาใส่อีกรอบเเล้ว… อืม​ น่ารักฝุดๆ​ นางฟ้าชัดๆ​ เยี่ยมยอด

 

เนื่องจากเซย์จังเปิดกล้องของโทรศัพท์ผมเรียบร้อยเเล้ว​ พวกเราจึงเตรียมพร้อมที่จะถ่ายรูป

 

“ดะ.. เดี๋ยวสิ​ เข้ามาใกล้อีกนิดซิ”

“อะ.. อืม”

 

เท่าที่ผมสังเกตใบหน้าของผมก็อยู่ใกล้เธอประมาณนึงเเล้ว​ ทั้งอย่างนั้นเซย์จังกลับบอกให้นําหน้าเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นอีก

 

คงเป็นเพราะเห็นวิธีถ่ายรูปของพวกฟุจิเสะกับยูอิจิเมื่อครู่กระมัง​ ดูเหมือนเธอจะอยากทําตามพวกเขา

 

เจ้าสองคนนั้นติดหนึบจนเเก้มเเทบจะชนกันเเล้วนะนั่น?

 

ใกล้ขนาดนั้นพวกเราคงไม่ไหวหรอกมั้ง​ ผมคิดเช่นนั้น​ ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้เธออีกนิดจนไหล่ของพวกเราชนกัน

 

“คะ.. เเค่นั้นพอเเล้ว…! อะ.. เอาล่ะ​ จะถ่ายเเล้วนะ”

 

เมื่อเซย์จังเอ่ยออกมาเเบบนั้น​ เธอก็นํานิ้วไปเเตะหน้าจอจากนั้นเสียงชัตเตอร์​จึงดังขึ้น

 

หลังจากนั้นผมกับเซย์จังรีบเว้นระยะห่างกันเเทบจะทันที

 

“ระ.. รู้สึกว่าจะถ่ายได้เเล้วนะ”

“ละ.. โล่งอกไปที”

 

หากต้องตัวติดหนึบกันเธอเเบบนั้นอีกรอบ​ หัวใจผมคงรับไม่ไหวเเหงๆ

 

ไม่สิ​ ตอนอยู่ในบ้านผีสิงเมื่อกี้พวกเราตัวติดกันกว่านี้อีกนี่นะ​ เเต่เรื่องนู้นกับเรื่องนี้มันต่างกัน

 

ตอนนั้นเซย์จังเป็นฝ่ายเข้ามาใกล้​ เเถมเธอยังอยู่ในสภาพหวาดกลัวสุดขีดด้วย​ ผมเลยจําไม่ได้สักเท่าไหร่ว่าพวกเราใกล้กันเพียงใด

 

อย่างไรคราวนี้ผมเป็นฝ่ายเข้าใกล้เธอ​ บวกกับพวกเรามีสติกันทั้งคู่​ ทําให้มันน่าอายยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

 

ในตอนที่เซย์จังยื่นโทรศัพท์​คืนให้เเละผมหยิบขึ้นมาดูนั้นเอง​ เเก้มของพวกเราสองคนเเดงระเรื่อขึ้นมา​พร้อมกับสีหน้าที่ดูอึดอัดเล็กน้อย

 

ส่วนตัวจะเกิดอะไรขึ้นผมก็ไม่สนใจเเล้ว​ ถึงอย่างนั้นเซย์จัง​ในตอนนี้ก็ยังน่ารักอยู่ดี​ สุดยอดเลย

 

“ดะ.. เดี๋ยวชั้นส่งภาพนี้ไปให้ใน​ RINE ทีหลังนะ”

“อะ.. อา​ ฝากด้วย”

 

ถึงภาพนี้มันจะน่าอายโคตรๆ​เลยก็เถอะ​ เเต่ของเเบบนี้เก็บไว้ร่วมกันคงจะเหมาะกว่าล่ะนะ

 

…หืม?​ เเปปนะ​ บทพูดตะกี้นี้ของผม​ รู้สึกเดจาวูเเปลกๆเเฮะ

 

อะไรน่ะ? ความรู้สึกนี่…

 

–ระ.. รู้เเล้ว!

 

เอ๊ะ​ เเต่ว่า.. เดี๋ยวสิ​ ไหงเป็นงั้นล่ะ…!?

 

ผมสังเกตถึงบางอย่างได้​เเละเริ่มมองหายูอิจิกับฟุจิเสะ

 

หลังจากนั้นก็เจอพวกเขา​ ดูเหมือนจะยังอยู่ในร้านเเละกําลังหาพวกของที่ระลึกอยู่

 

“เป็นไรรึเปล่า? จู่ๆก็รีบหันไปหาสองคนนั้น…”

“มะ.. ไม่มีอะไรหรอก​ เเค่กลัวคลาดสายตากับพวกเขาน่ะ”

“หึ้ม​ ไม่ต้องห่วงหรอก​ จวบจนตอนนี้ฉันก็ไม่เห็นเงาของโทโจวอินเเม้เเต่นิดเดียวเลยนี่นะ”

 

ใช่เเล้วล่ะ​ ไม่มีร่องรอยของโทโจวอินซังเเม้เเต่น้อย

 

คงเพราะอย่างนั้นเเหละ​ ​มันถึงน่าประหลาด

 

หากเป็นเเบบเดียวกับในเนื้อหาต้นฉบับ​ ขณะนี้โทโจวอินซังควรจะเข้ามาขัดขวางเเล้วสิ

 

ความรู้สึกผิดปกติเมื่อครู่ เป็นเวลาที่ยูอิจิกับฟุจิเสะใส่เครื่องประดับสวมหัวลายหมี​เเละกําลังจะถ่ายรูปพอดี

 

ถ้าเป็นในต้นฉบับล่ะก็​โทโจวอินซังจะโผล่ออกมาจากด้านหลัง​หวังจะขัดขวาง​​ “เเหม~ ทั้งคู่ดูสนุกกันจังเลยนะคะ” พร้อมกล่าวออกมาเช่นนั้น

 

นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ภาพถ่ายในตอนนั้นมีโทโจวอินซังซึ่งฉีกยิ้มอย่างสยดสยองอยู่กึ่งกลางของยูอิจิกับฟุจิเสะ

 

ต่อจากนั้นก็เกิดฉากนองเลือดเล็กๆระหว่างพวกเขาสามคนขึ้น​ ในตอนนั้นฟุจิเสะได้เอ่ยกระซิบข้างหูยูอิจิไว้เช่นนี้​ “ภาพถ่ายนี่เดี๋ยวฉันส่งไปให้ใน​ RINE ทีหลังนะ”

 

เเต่ว่า… ขณะนี้อย่างที่เห็น​โทโจวอินซังไม่ได้เข้ามาขัดขวาง

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง… เนื้อเรื่องต้นฉบับได้พังพินาศ​ลงไปเเล้ว

 

ทําไมล่ะ? เกิดอะไรขึ้น? ไหงโทโจวอินซังไม่เข้ามาขัดขวางล่ะ?

 

ขืนเป็นเเบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ… สองคนนั้นจะคบกันจริงๆนะ?

 

ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่​ Ao2Sides​

Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru

Love Comedy Manga ni Haitte​ shimatta node, Oshi no Make Heroine wo Zenryoku de Shiawase ni Suru

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท