วันรุ่งขึ้นหลังจากที่พวกเราไปเดตกันที่สวนสนุก
การสารภาพรักของผมจบลงด้วยความสําเร็จอย่างงดงามเเละเราทั้งคู่ก็กลับบ้านกันไปเเบบปกติ
ไม่สิ… คําว่าปกติคงไม่เหมาะเท่าไหร่
ก็เรากับเซย์จังเดินกุมมือกันระหว่างทางกลับด้วยนี่นะ!
เเหมๆ ประหม่าเป็นบ้า
บางทีน่าจะประหม่ายิ่งกว่าตอนกอดกันอีกมั้ง
สาเหตุที่อยากกอดเธอขึ้นมาส่วนนึงเป็นเพราะอารมณ์มันพาไปเฉยๆ เพราะงั้นพอจับมือกันเเทนที่จะรู้สึกเหมือนเป็นเเค่อารมณ์ชั่ววูบ มันเหมือนพวกเราตระหนักได้เลยลังเลนิดหน่อย
เเม้จะผ่านมาเเล้วหนึ่งวันเต็มๆก็ยังสลัดสัมผัสอันนุ่มนวลที่ได้รับจากมืออันเรียวบางของเซย์จังออกจากหัวไม่ได้เลย
เอาเถอะ ต้องบอกว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานมันตราตรึงขนาดนั้น เราต้องไม่มีทางลืมไปชั่วชีวิตอยู่เเล้ว
ตอนที่เห็นชุดที่เธอใส่มาครั้งเเรก ผมก็ได้เเต่ตะลึงงันในความคิ้วท์เข้าอย่างจัง
นอกจากนี้พวกเรายังได้เที่ยวเล่นเครื่องเล่นต่างๆในสวนสนุกอีก… เวรเเล้ว อย่าไปนึกถึงเรื่องในบ้านผีสิงสิ ตัวชั้น
ว่าเเต่นี่เรา… คบเป็นเเฟนกับเซย์จังจริงๆเเล้วสินะ
พอคิดเเบบนั้น มุมปากมันก็ยกขึ้นเเละหลุดยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
“…ไหงพี่ถึงทําหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องระหว่างกินข้าวเช้าเเบบนั้นล่ะ”
“หืม? อ้อ พอดีนึกอะไรขึ้นได้นิดหน่อยเลยเผลอน่ะ”
“…งั้นเหรอ”
สาวน้อยที่นั่งอยู่หน้าผมในเวลานี้คือ ริเอะ น้องสาวที่มักจะมารับประทานอาหารเช้าด้วยกันเสมอ
“วันนี้ก็ขอบใจสําหรับข้าวเช้านะ อร่อยมากเลยล่ะ”
“…อื้ม”
พอผมพูดเเบบนั้นออกไป ริเอะที่กําลังทานข้าวอยู่ก็หยุดชะงักไปสักพัก ก่อนที่เธอจะตอบกลับอย่างเป็นกันเองเเละเริ่มลงมือกินข้าวอีกครั้ง
ไงดีล่ะรู้สึกว่าใบหูของเธอดูจะเเดงขึ้นมานิดๆเเฮะ เราคิดมากไปเองมั้ง
“มีข้าวกล่องที่หนูทําด้วยนะ ถึงจะเป็นของเหลือจากเมื่อวานก็เถอะ”
“ขอบใจนะ ถ้าจําไม่ผิดมื้อเย็นของเมื่อคืนนี่เนื้อต้มมันฝรั่งสินะ ของโปรดพี่เลยล่ะ ถือว่าเเจ๋ว”
“…เหรอ”
อืม ดูเหมือนเราจะไม่ได้คิดไปเองเเฮะ เเก้มของเธอเเดงกํ่าขึ้นมานิดๆจริงด้วย
ริเอะที่พยายามปิดบังเเก้มอมชมพูนั่นไว้ก็น่ารักน่าชังซะจนพี่จ๋าหุบยิ้มไม่อยู่เลยน้า
หลังรับประทานอาหารเสร็จผมกับริเอะก็กลับไปยังห้องของตนเองเพื่อเตรียมตัวไปโรงเรียน
วันนี้คือวันจันทร์หรือก็คือวันเรียนตามปกตินั่นเเหละ
จะว่าไปเมื่อวานเซย์จัง…
[ชะ.. ช่วยเก็บเรื่องที่พวกเราคบกันไม่ให้คนในโรงเรียนรู้ทีได้ไหม]
บอกอะไรเเบบนี้เอาไว้ด้วยนี่นะ
ถือว่าเป็นเรื่องที่เห็นได้บ่อยในวัยเรียนว่ามีทั้งคู่รักที่เที่ยวป่าวประกาศไปทั่วว่าพวกชั้นคบกันกับอีกประเภทนึงที่ปิดบังเรื่องที่พวกเขาคบกันไว้โดยไม่ให้ใครรับรู้
เเต่ล่ะคนคงมีเหตุผลของตัวเองนั่นเเหละ ส่วนสาเหตุที่เซย์จังอยากเก็บเป็นความลับนั้น…
[กะ.. ก็ถ้าคนอื่นมารู้เข้า มันน่าอายนี่นา…]
ดูท่าจะเป็นเเบบนั้น
ตอนที่ถูกเธอบอกใส่หน้าครั้งเเรก มันน่ารักเกินไปจนนึกว่าหัวใจจะกระเด็นออกมาจากอกเเล้วซะอีก
ขืนยังคบกับเซย์จังต่อไป มีหวังเราได้ตายจากโรคหัวใจระเบิดเหมือนที่เห็นบรรยายในมังงะทั้งหลายเเหงเเซะ
เพื่อไม่ให้จบเป็นศพเเบบนั้นคงต้องพยายามเเล้วสินะ… เเล้วนี่ตรูจะพยายามยังไงหว่า?
ขณะที่มัวเเต่คิดเรื่องไร้สาระพรรค์นั้น ผมก็เปลี่ยนเป็นชุดเครื่องเเบบเสร็จเรียบร้อยเเละเปิดประตูออกจากห้อง
“ไปกันเถอะ พี่”
“โอ้! ไปกันเลย”
วันนี้ผมกับริเอะก็วางเเผนจะปั่นจักรยานไปถึงหน้าโรงเรียนเช่นเคย
ผมเเละริเอะเดินลงบันไดจากชั้นสองลงมายังชั้นล่าง พวกเราเปลี่ยนรองเท้าที่หน้าประตู ในขณะที่กําลังเตรียมพร้อมจะออกเเล้วนั้นเอง
“เอาข้าวกล่องมารึยัง?”
“อา พกติดตัวมาเเล้วล่ะ ขอบใจที่เตือนนะ”
“อืม… จะว่าไปนะพี่เดตเมื่อวานเป็นไงบ้างล่ะ?”
“เอ๋? อ้อ… ก็สนุกมากเลยนะ”
“นั่นสินะ… บะ.. เเบบว่า.. พี่ได้คบกับเธอรึยัง…?”
ริเอะพูดออกมาเเบบนั้นเเละเเหงนหน้ามองขึ้นมาด้วยท่าทีที่ดูเป็นกังวล
ดูท่าริเอะจะเป็นห่วงว่าผมอาจถูกคู่เดตของตัวเองเททิ้งอย่างไม่ใยดี
พอเข้าใจได้อยู่หรอก หากพี่ชายตัวเองพึ่งถูกหักอกมาหมาดๆ ในฐานะน้องสาวคงจะรู้สึกอึดอัดไม่น้อยเลยล่ะ
อื้ม ถึงเซย์จังจะยํ้านักยํ้าหนาว่าอย่าเอาไปบอกใครก็เถอะ เเต่ถ้าเเค่กับน้องสาวคงไม่เป็นไรหรอกเนอะ
เเถมริเอะก็ไม่ใช่พวกปากสว่างซะหน่อยนี่นะ
“อื้อ พวกเราได้คบกันสมหวังเเล้วล่ะ วางใจเถอะน้องพี่”
“..งะ งี้นี่เอง…”
อาเร๊ะ… เธอดูดิ่งยิ่งกว่าเดิมซะงั้น?
ห๊ะ.. หรือว่าจริงๆริเอะจะอยากให้ชั้นเป็นฝ่ายถูกเทเรอะ?
นี่เธอเป็นยัยเด็กนิสัยเสียขนาดนั้นเชียว…?
ทําเอาพี่จ๋าช็อคเลยนะเนี่ย
“ดีใจด้วยนะ พี่เป็นฝ่ายสารภาพรักเธอใช่ไหมล่ะ?”
“อ๊ะ.. ว่าเเต่พี่เคยบอกเรื่องนี้กับริเอะด้วยเหรอ?”
“เมื่อวานหลังจากที่พี่ออกไปเดต หนูได้ยินมาจากชิเกโมโตะซังน่ะ”
“อ๋อ เจ้ายูอิจินี่เอง”
จะว่าไปเมื่อวานหลังจากที่ผมออกไปเเล้ว หมอนั่นก็ยังอยู่ที่บ้านนี่นะ
ยิ่งกว่านั้น… ไอเราก็อุตส่าห์สั่งกับเจ้าบ้านั่นไว้เเท้ๆว่าให้กําราบเเมลงสาบคุงซะ หมอนั่นก็ยังมีหน้าเผ่นป่าราบไปหน้าตาเฉย
เมื่อคืนขณะที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ อยู่ดีๆก็มีเเมลงสาบคุงโผล่มาจากไหนไม่รู้ รู้สึกขนหัวลุกไปทั้งตัวเลยทีเดียว
คราวนี้เอาชนะอสูรร้ายนั่นไปได้ก็จริง เเต่รอบก่อนตรูกลัวจนตัวสั่นเลยล่ะ
“…คุณเเฟนของพี่ เค้าน่ารักไหม?”
“หือ? อา เเน่นอนว่าน่ารักสุดๆเลยล่ะ”
ถึงขนาดที่ถ้ามีคนบอกว่าเซย์จังไม่น่ารักขึ้นมา ผมก็คิดจะซัดหน้าพวกตาไม่ถึงนั่นจนอ่วมเลย
“…เเล้วระหว่างหนูกับเธอ ใครน่ารักกว่ากันล่ะ?”
“..เอ๊ะ?”
คําถามปุบปับไม่ทันตั้งตัวของริเอะทําให้ผมหลุดอุทานด้วยความสับสน
พอผมเบนหน้าไปทางริเอะ เเก้มของเธอที่ขึ้นสียิ่งกว่าตอนที่พวกเรากินข้าวเช้าด้วยกันก็เข้ามาในสายตา
“วะ.. ว่าเเล้วไม่มีอะไรทั้งนั้นเเหละ! เอาล่ะ! พี่รีบไปกันเถอะ!”
ไม่รู้เพราะอายหรือยังไง ริเอะถึงออกจากบ้านผ่านประตูไปก่อนเเละทิ้งผมไว้
ไม่นึกไม่ฝันว่าริเอะจะถามคําถามเเบบนั้นเป็นกับเขาด้วย
เเถมถ้าพวกเราจะนั่งจักรยานไปด้วยกันอยู่ดี ต่อให้เธอออกไปรอข้างนอกก่อน ก็ไม่มีความหมายหรอกนะ
ผมออกประตูหน้าเเละเดินไปยังจุดที่จักรยานจอดอยู่ ตรงนั้นมีริเอะนั่งคร่อมบนเบาะหลังรออยู่เเล้ว
“คําถามเมื่อตะกี้ ช่วยทําเป็นไม่ได้ยินละกัน เอ้า! รีบไปสักทีสิ พี่”
“…เเฮะๆ งั้นเหรอ”
“มะ.. มีอะไรน่าขํารึไง!”
“เปล่าหรอก เเค่คิดว่าริเอะนี่น่ารักจริงๆเลยนะเฉยๆ”
“…ตาพี่บ้า!”
พอผมขึ้นคร่อมจักรยานเสร็จปุ๊บ ริเอะก็ทุบหลังผมเบาๆเป็นการเเก้เขิน
ผมรับไว้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร ก่อนจะเหยียบจักรยานเเละพุ่งออกไป
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides