ผมปั่นจักรยานมาประมาณสิบนาทีได้
ก่อนหน้าที่จะถึงจุดประจําที่ผมมักมาส่งริเอะหน้าโรงเรียนนั้นเอง…
“ฮะ.. ฮิซามูระ!”
“หือ? เอ๊ะ.. เซย์จัง!?
พอมองไปยังทิศทางที่ชื่อของตนเองถูกเรียก ก็เห็นเซย์จังยืนอยู่ตรงนั้น
เนื่องจากเบรครถอย่างกะทันหัน หัวของริเอะที่ไม่ทันสังเกตจึงกระเเทกหลังผมเข้าอย่างจัง
“เจ็บจัง…!”
“อ๊ะ! ขอโทษนะ ริเอะ เจ็บตรงไหนเป็นพิเศษไหม?”
“อะ.. อื้ม ไม่เป็นไรหรอก… เเล้วผู้หญิงตรงนู้นใครน่ะ?”
“เอ่อ.. เธอชื่อชิมาดะ เซย์จัง เเบบว่า.. เธอเป็นเเฟนสาวที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง”
“…งั้นเหรอ เธอคนนั้นเองสินะ…”
ริเอะที่ดูอยากรู้อยากเห็นนิดนึงเอ่ยออกมาเเบบนั้นเเละส่งสายตาไปทางเซย์จัง
ก็นะ จู่ๆเเฟนสาวของพี่ตัวเองโผล่มาจะรู้สึกสนอกสนใจสักนิดก็ไม่ใช่เรื่องเเปลก
พอผมหาที่สําหรับจอดรถจักรยานได้เเล้ว เซย์จังก็ย่นระยะเข้ามาใกล้
“อะ.. อรุณสวัสดิ์ ฮิซามูระ”
“อะ.. อืม อรุณสวัสดิ์นะ เซย์จัง”
“…เด็กคนนั้นใช่คุณน้องสาวที่นายเคยพูดถึงไหม”
“ประมาณนั้น”
ริเอะลุกขึ้นจากเบาะหลังของจักรยานเเละยืนหลังตรงต่อหน้าเซย์จัง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ หนูชื่อริเอะ”
“อื้ม ส่วนฉัน ชิมาดะ เซย์ ต่อจากนี้ก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะจ๊ะ”
“คุณเป็นเเฟนสาวของพี่ใช่ไหมคะ?”
“ห๊ะ.. ฮะ.. ฮิซามูระ นี่นายบอกเรื่องนั้นกับริเอะซังด้วยเหรอ?”
“เอ่อ.. ไงดีล่ะ โทษทีนะ ดันปากพล่อยไปหน่อย”
“ระ.. เหรอ.. ช่างเถอะ ถ้าเเค่กับน้องสาวคงไม่เป็นปัญหาหรอกมั้ง… ขอฝากตัวอีกครั้งนะจ๊ะ.. ปัจจุบันฉันมีสถานะเป็น… เเฟนสาวของคุณพี่ชายน่ะ”
เอื้อก… พอสักทีเถอะ เซย์จัง นี่เล่นจะสังหารโหดชั้นตั้งเเต่กลางวันเเสกๆเลยรึไง
“คือว่า.. ขอบคุณที่คอยดูแลพี่ในหลายๆเรื่องนะคะ”
“ไม่หรอก ฉันเองก็ได้พี่ชายของเธอช่วยมาตลอดเหมือนกัน”
…จะว่าไงดี จากจุดยืนของเราสถานการณ์ในตอนนี้มันน่าอายสุดๆเลยนี่หว่า
ไม่น่าเชื่อว่าเเฟนสาวที่พึ่งได้คบกันเมื่อวานจะกําลังทักทายน้องสาวของตัวเอง…
“ว่าเเล้วริเอะซังนี่น่ารักน่าเอ็นดูเหมือนที่ฮิซามูระเคยเล่าให้ฟังเลยนะ”
“งะ.. นี่พี่เอาเรื่องพวกนั้นไปบอกชาวบ้านด้วยเหรอ…!”
“เเหงสิ บอกด้วยนะว่าเธอคือน้องสาวที่น่าภูมิใจของพี่น่ะ”
“…อย่าเล่นป่าวประกาศให้คนอื่นฟังไปทั่วสิ พี่”
“เพราะคิดอย่างนั้นจริงๆ ถึงกล้าพูดหรอก”
“กะ.. ก็บอกเเล้วไงว่าเลิกพูดบ้าๆได้เเล้ว”
“หุหุ น่ารักจริงๆด้วย”
เซย์จังยิ้มอย่างเบิกบานเเละชมเชยในความน่ารักของริเอะ
“ชิมาดะซังก็ช่วยหยุดพูดเเบบนั้นทีเถอะค่ะ…”
“เรียกเซย์ก็ได้นะ เเบบว่ามันรู้สึกเเปลกๆที่น้องสาวของฮิซามูระดันเรียกฉันด้วยนามสกุลน่ะ”
“…งั้นเซย์ซังก็ช่วยเรียกหนูเเบบเป็นกันเองด้วยสิ”
“อืม เข้าใจเเล้วจ๊ะ ริเอะ”
โห้ เเป๊ปเดียวริเอะกับเซย์จังก็สนิทสนมกันขนาดนี้เชียวเหรอ
ในต้นฉบับพวกเธอสองคนไม่ค่อยปฏิสัมพันธ์กันเท่าไหร่เลยไม่มั่นใจว่าทั้งคู่จะเข้ากันได้ไหม ถือว่าโล่งอกไปเปลาะนึงที่ดูเหมือนจะไม่ได้เเย่ขนาดนั้น
“…ว่าเเต่ทําไมเซย์ซังถึงไม่เรียกชื่อต้นของพี่ล่ะคะ?”
“หึ๊ย!? เอ่อ… ก็เเบบ…”
เเก้มของเซย์จังเเดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย เธอซุ่มมองมาทางนี้เป็นระยะๆ
“ทั้งๆที่พี่เขา… เรียกคุณด้วยชื่อต้นเเท้ๆ เเถมยังเติม -จัง ต่อท้ายเข้าไปอีก”
“อา นั่นสินะ มันก็ถูกเเหละ”
ริเอะถามคําถามอันไม่คาดคิดออกมาอย่างกะทันหัน
พูดตามตรง ผมเองก็ติดใจเรื่องนั้นนิดหน่อยเหมือนกัน
หากถูกเรียกด้วยชื่อจริงเเทนที่จะเป็นนามสกุล มันต้องดีใจกว่าอยู่เเล้ว
“เอ่อ… สักวันนึง… ไม่สิ.. เร็วๆนี้ฉันจะเค้นความกล้าให้ได้… ช่วยรอจนถึงตอนนั้นได้ไหม”
“…รับทราบครับผม”
อย่าเเหงนมองมาด้วยสีหน้าที่ทําเอาใจระทวยเเบบนั้นสิ รู้สึกว่าต่อให้ต้องรอเป็นสิบปีเราก็ยังไหว
อีกอย่างถ้าวันนึงพวกเรามีนามสกุลเดียวกันเเล้วล่ะก็… หยุดมโนก่อนดีกว่า มีหวังมีความสุขจนตายเเหงๆ
“…พี่กับเซย์ซัง อย่ามาทําตัวหวานเเหววกันต่อหน้าหนูได้ไหมคะ”
ริเอะเอ่ยเตือนออกมาด้วยเเววตาอันเเสนเย็นชา
“มะ.. ไม่ได้หวานเเหววกันสักหน่อย!”
“ถ้านั่นไม่เรียกหวานเเหวว หนูก็ไม่รู้จะพูดยังไงเเล้วนะคะ…”
“เอ …เเต่ฉันว่าเเค่นี้ไม่ถือว่าเป็นการจู๋จี๋ด้วยซํ้านะ?”
“…เหรอคะ”
มาตรฐานการจู๋จี๋ของเซย์จังกับริเอะต่างกันอย่างสิ้นเชิงเกินไปเเล้ว
กระทั่งผมยังคิดเลยนะว่าเมื่อกี้พวกเราหวานกันไปหน่อย…
ในมุมมองของเซย์จัง ไม่ถือว่าหวานเหรอ
กล่าวอีกนัยหนึ่งหากเซย์จังตั้งใจจะจู๋จี๋กับผมอย่างเอาจริงขึ้นมา มันจะเหนือชั้นกว่าเมื่อกี้อีกน่ะสิ…. ตั้งหน้าตั้งตารอเลยนะนั่น
“จะว่าไปพึ่งเคยเจอเซย์จังที่นี่ครั้งเเรกเลยนะ มีเหตุผลอะไรรึเปล่า?”
บริเวณนี้คือ… จุดที่พวกเรานัดเจอก่อนไปคาเฟ่ เเถมยังเป็นจุดที่พวกเราใช้เเยกทางกันขากลับด้วย
“อ๊ะ พอดีคิดว่า… ถ้ามารอที่นี่อาจจะได้เจอฮิซามูระน่ะ…”
“…เซย์จัง ออร่าความน่ารักของเธอมันพุ่งทะยานเเหวกหมู่เมฆตั้งเเต่รุ่งสางเลยนะ…!”
“ยะ.. หยุดเถอะ น่าอายจะตายไป…!”
“…เเบบนี้มันจู๋จี๋กันชัดๆเลยนะคะ”
“ฉะ.. ฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นเเบบนั้นซะหน่อยนี่!”
ไม่อะ ดูยังไงตะกี้ก็เป็นความผิดของเซย์จัง
“อะ.. เอางี้เป็นไง ไหนๆก็ไหนๆเเล้วพวกเรามาเดินทางไปโรงเรียนด้วยกันไหม?”
“ตะ.. ตอนเเรกก็วางเเผนไว้อย่างนั้นเเหละ… เเต่นายปั่นจักรยานมากับริเอะจังไม่ใช่เหรอ?”
จริงด้วยเเฮะ เราให้ริเอะซ้อนท้ายมาด้วยนี่หว่า
เอาเถอะ อย่างเเย่สุดเเค่เดินพร้อมผลักจักรยานไปด้วยก็พอเเล้ว
“งั้นเดี๋ยวหนูปั่นจักยานไปก่อนคนเดียวก็ได้ค่ะ”
“เอ๊ะ?”
หลังจากที่ริเอะประกาศโพล่งมาเช่นนั้น เธอก็ขึ้นคร่อมลงบนจักรยานที่ผมพยุงไว้
“หนูจะปั่นจักรยานล่วงหน้าไปก่อน ส่วนพี่กับเซย์ซังเชิญพักผ่อนหย่อนใจกันตามสบาย”
“เเน่ใจเหรอ ริเอะ?”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ขืนยังอยู่กับพวกพี่ต่อ มีหวังได้อ้วกออกมาเป็นนํ้าตาลกันพอดี”
“เอ๊ะ ริเอะมีโรคประจำตัวพรรค์นั้นด้วยเหรอ ร่างกายเป็นไงบ้าง?”
…เซย์จังหลงเชื่อมุขทีเล่นทีจริงของริเอะโดยไม่นึกสงสัย ก่อนจะประชิดตัวเข้าหาริเอะด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เคยได้ยินอาการป่วยที่ทําให้คนอาเจียนเป็นนํ้าตาลมาก่อนเลย… ไม่เป็นไรเเน่นะ?”
“ผิดเเล้ว เซย์จัง นํ้าตาลที่เธอหมายถึงเป็นคําอุปมาต่างหาก”
“เเค่บรรยากาศอมชมพูของพวกพี่มันหวานเลี่ยนจนราวกับว่าระบบภายในของหนู มันจะผลิตนํ้าตาลออกมาเท่านั้นเองค่ะ”
“อุก!? บรรยากาศหวานเลี่ยนที่ว่าหมายความว่ายังไง?”
เซย์จังเองก็มีด้านที่ดูไร้เดียงสากับเขาด้วยเเฮะ เกินคาด
“ถ้าไม่มีอะไรเเล้วหนูขอตัวก่อนละกัน”
“โอ้! ขอบใจมากนะ ริเอะ”
หลังจากนั้นริเอะจึงค่อยๆเหยียบจักรยานเตรียมตัวสําหรับการออกเดินทาง
“ขอบใจนะ ริเอะ ไว้คราวหน้าค่อยมาคุยกันสบายๆนะ”
“…ค่ะ”
พอเซย์จังเปิดเผยรอยยิ้มสุดเท่ ริเอะก็ตอบกลับไปอย่างอายๆ เเก้มเนียนใสของเธอถูกย้อมเป็นสีเเดงเข้ม
ราวกับเพื่อหลีกหนีจากความเขินอายที่เข้าจู่โจม เธอรีบถีบจักรยานมุ่งหน้าสู่โรงเรียนเเทบจะในทันที
“…หน้าเธอดูเเดงๆนะ หรือว่าจะมีไข้? ริเอะคงไม่ได้ฝืนตัวเองอยู่ใช่ไหม?”
“หายห่วงๆ ยัยนั่นสบายดีอยู่เเล้ว เซย์จังเองก็มีส่วนผิดนะ”
“อะ.. อ่าว ฉันเป็นฝ่ายผิดเหรอ? ทําไมอะ?”
“เซย์จัง กราบล่ะอย่าเล่นตกคนในครอบครัวฉันไปซะหมดได้ไหม”
“ไหงเป็นงั้นอะ!?”
ถ้าจําไม่ผิดในต้นฉบับเซย์จังก็ถูกบรรยายว่าเป็นสาวหล่อมาดเท่ที่สาวๆในเรื่องต่างหลงใหลด้วยล่ะนะ
การที่ได้เห็นกับตาตัวเองเเบบนี้ ยิ่งน่าเชื่อถือเข้าไปใหญ่
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides