ต่อจากนั้นผมก็เข้าคาบเรียนตามปกติ เวลาล่วงเลยมาจนถึงพักเที่ยง
“โย่! ยูอิจิ”
ผมเสนอหน้ามาทานข้าวเที่ยงบริเวณริมหน้าต่างกับยูอิจิอีกตามเคย
ตัวผมนั่งอยู่เก้าอี้หน้า ขณะที่ยูอิจินั่งอยู่เก้าอี้หลัง จากนั้นพวกเราก็ลงมือสวาปามอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
“อ้อ! เมื่อวานนี้ขอบใจนะ สึคาสะ ถึงจะไม่ได้เจอนายสักครั้ง เเต่พวกนายคอยเฝ้าระวังเพื่อให้เดตของฉันกับฟุจิเสะเป็นไปอย่างราบรื่นใช่ไหม?”
“อ๋อ~ เกี่ยวกับเรื่องนั้น…”
จะว่าไปเราไม่ได้บอกยูอิจิไปนี่หว่าว่าที่โทโจวอินซังโผล่หัวไปที่นั่นเป็นความผิดเรา
ผมใช้โอกาสนี้อธิบายเรื่องทั้งหมดให้ยูอิจิฟังระหว่างที่เรากินข้าวอย่างสบายใจ
“ห๊ะ? เป็นงั้นหรอกเรอะ”
“อืม ฉันผิดเอง สุดท้ายดูเหมือนพวกเราจะไปขัดขวางนายซะมากกว่า”
“ไม่เป็นไรหรอก เพราะอย่างนั้นชั้นถึงได้… ทราบความรู้สึกของคาโอริด้วย”
“พวกเอ็งรีบๆระเบิดไปเหอะ”
“จู่ๆพูดอะไรออกมาฟะ!?”
“นายเนี่ยนะ ลองวิเคราะห์สถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ดูดีๆสิ ไม่ใช่เเค่ถูกสารภาพรักจากเพื่อนสมัยเด็กลูกคุณหนูอกระเบิด กระทั่งสาวน้อยผู้เป็นที่นิยมในหมู่หนุ่มๆยังมาชอบนายอีก… ถ้ามีคนอยู่ในสถานะเเบบเดียวกับนายจะทํายังไงล่ะ?”
“…มีหวังชั้นได้ถือมีดไปเเทงหมอนั่นตอนกลางคืนเเหงๆเลยว่ะ”
“… ก็เข้าใจดีนี่ ดึกดื่นก็ระวังตัวเข้าไว้ล่ะ”
“รอประเดี๋ยวสิ ที่บอกจะเเทงนั่นล้อเล่นเฉยๆเฟ้ย เเต่ตามปกติก็ต้องเเอบอิจฉานิดๆอยู่เเล้ว”
“นั่นสินะ เพราะเเบบนั้นดึกดื่นนายถึงต้องระวังหลังไว้ให้ดีไง”
“ก็บอกเเล้วไงว่าเมื่อกี้มันเป็นมุขน่ะ!”
“เเหมๆ~ ไม่ต้องห่วงหรอก คนเลวๆที่มีความคิดจะเเทงหลังยูอิจิ ดิฉันจะทําลายพวกมันให้สิ้นซากเอง ช่วงมืดๆก็เชิญเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ฉันได้ตามสบาย”
“…”
ขณะที่ผมกับยูอิจิกําลังคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องกันนั้นเอง อยู่ดีๆก็ได้ยินเสียงผู้หญิงลอยมาจากด้านข้าง
พอเราเเหงนหน้ามองอย่างพร้อมเพรียง โทโจวอิน คาโอริ ก็ยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“เป็นเช้าที่ดีนะคะ ยูอิจิ ฮิซามูระคุง”
“งะ.. ไง! คาโอริ”
“อะ.. อรุณสวัสดิ์ โทโจวอินซัง”
โทโจวอินซังครอบครองสกิลที่สามารถลบกลิ่นอายได้รึไงนะ
ก่อนหน้าที่เธอจะส่งเสียงเรียก พวกเราไม่เเม้เเต่จะรู้สึกตัวเลยสักนิด
ไงดีล่ะเทียบกับเมื่อวานตอนที่เธอตัดสินใจว่าจะไม่ไปขัดขวางการเดต วันนี้เธอดูเปล่งปลั่งมากเลยเเฮะ
เเค่เธอก้าวเดินเข้ามาในห้องเรียนนี้ สายตาส่วนใหญ่ก็มารวมที่พวกเราเเล้ว
“ยูอิจิ วันนี้ฉันอุตส่าห์ทําข้าวกล่องมาให้โดยเฉพาะเลย คงจะยอมทานอยู่เเล้วใช่ไหมคะ?”
“เอ๊ะ? จริงเหรอ? ว่าเเต่คาโอริทําอาหารเป็นด้วย?”
“เเน่นอนค่ะ ไม่มีอะไรที่ฉันทําไม่ได้หรอก”
ถ้าจําไม่ผิดอาหารที่โทโจวอินซังทําอยู่ในระดับที่ขนาดเชฟมือโปรยังต้องอายจนมุดดินหนี
ยูอิจิรับข้าวกล่องจากมือเธอเเละเปิดฝาปิดออก ด้านในเต็มไปด้วยอาหารน่ากินทําเอานํ้าลายสอเรียงรายเต็มไปหมด
“โห! สุดยอดด!”
“หุหุ~ เริ่มตั้งเเต่พรุ่งนี้จะทํามาให้ทุกวันเลยค่ะ เดิมทียูอิจิก็กินจุอยู่เเล้ว คงไหวเนอะ?”
“อื้อ! เเค่นี้ของกล้วยๆเลยล่ะ”
“หืม? เเปลว่าพรุ่งนี้โทโจวอินซังก็จะมาห้องนี้เเละกินข้าวกับพวกเราเหรอ?”
“ค่ะ ตั้งใจจะทําอย่างนั้นเเหละ หรือจะเป็นการรบกวนรึเปล่าคะ?”
“มะ.. ไม่เลยสักนิดครับ ผมไม่ว่าอะไร”
ไม่อยากเชื่อว่าโทโจวอินซังจะลงทุนถึงขั้นนี้
บางทีอาจจะเป็นเเผนมัดใจยูอิจิด้วยสเน่ห์ปลายจวักล่ะมั้ง
อีกมุมนึงผู้ลงสมัครเป็นเเฟนสาวของยูอิจิอีกคนเองก็…
“ทะ.. ทําไงดีอ่าา เซย์จัง ฉันทําข้าวกล่องให้เขาด้วยดีไหม…?”
“ไม่สิ.. กรณีของชิโฮะ ต้องเริ่มจากฝึกก่อนไม่ใช่เหรอ”
ฟุจิเสะสอดส่องมาทางนี้ด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ อีกด้านนึงสีหน้าของเซย์จังดูซีดเซียวลงเล็กน้อย
ใช่เเล้ว ฟุจิเสะเป็น… นางเอกสุดน่ารักที่ทําอาหารได้โคตรบรมห่วยตามสูตรสําเร็จเป๊ะๆ!
พวกคุณเคยเห็นใช่ไหม? นางเอกในมังงะเลิฟคอมที่ตั้งใจจะทําอาหาร เเต่ดันสร้างสสารมืดออกมาเป็นว่าเล่นน่ะ
อยากรู้จริงๆว่าหล่อนสร้างของน่าสะอิดสะเอียนเเบบนั้นได้ยังไง? ใส่ส่วนผสมลับลงไปเรอะ?
ทั้งๆที่ปกติไม่ค่อยทําตัวซุ่มซ่ามเงอะงะให้เห็นเเท้ๆ ไหงเวลาทําอาหารถึงพลาดอะไรเด็กๆอย่างจําเกลือผิดเป็นนํ้าตาลได้ล่ะ
ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากยําเครื่องปรุงทุกอย่างลงไป… คือไวท์สตูว์ที่ไม่ได้ไวท์ตามชื่อเเต่ดําปิ๊ดปี๋เลยนี่สิ!
กลับกันเซย์จังที่ชอบเเสดงด้านบ้งๆให้เห็นบ่อยๆ ดันทําอาหารรสเลิศได้อย่างไร้ที่ติซะงั้น…. อิงตามต้นฉบับอะนะ
คาใจสุดๆ… ก็จริงที่ผมเเอบคาใจเรื่องอาหารสุดห่วยที่ฟุจิเสะทําอยู่นิดๆ เเต่ยิ่งกว่านั้นคือความรู้สึกอยากกินข้าวกล่องทํามือของเซย์จังจนใจจะขาด
อาหารมื้อสุดท้ายก่อนตาย ยังไงก็ต้องเป็นรสมือของเซย์จังนี่เเหละดีสุด
“เซย์จัง ไว้คราวหน้าช่วยสอนฉันทีสิ?”
“ดะ.. ได้อยู่เเล้ว เเต่เเค่เรื่องทําอาหารเท่านั้น ช่วยทําตามที่ฉันสั่งทุกขั้นตอนเถอะนะ ขอร้องล่ะ”
“อื้ม! ขอบใจจ๊ะ!”
…อีกฟากสนทนากันเเบบนั้น เป็นห่วงสุดๆเลยเรา
สกิลทําอาหารของฟุจิเสะเเย่ถึงขั้นที่เซย์จังยังไม่กล้าที่จะรับปากเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว
เซย์จังที่เอาใจใส่เพื่อนระดับที่ยอมดั้นด้นไปเฝ้าเดตให้โดยไม่ลังเลคนนั้นเลยนะ
อาหารธรรมดาๆที่ฟุจิเสะทํามันน่าสยดสยองถึงขนาดทําให้เธอสองจิตสองใจอยู่พักนึงเลยล่ะ
“ยูอิจิ ฮิซามูระคุง ขอนั่งตรงนี้ได้ไหมเอ่ย?”
“อา ได้สิ”
“เชิญตามสบายเลยครับ”
โทโจวอินซังล้มตัวลงนั่งใกล้กับเก้าอี้ของพวกเราเเละดึงฝาข้าวกล่องของตัวเองออก
ดูเหมือนกับข้าวด้านในจะเป็นเเบบเดียวกับยูอิจิเปี๊ยบๆ
“หุหุ~ พอเห็นข้าวกล่องเเบบเดียวกันวางตระหง่านอยู่ตรงหน้าเเบบนี้ เหมือนพวกเราได้เป็นครอบครัวเดียวกันเลยเนอะ ยูอิจิ”
“…คะ คิดงั้นเหรอ”
“ใช่ค่ะ ดิฉันเป็นภรรยาข้าวใหม่ปลามัน ส่วนยูอิจิเป็นสามีฝึกหัดผู้ไร้ประสบการณ์… ในวันเกิดปีหน้าของยูอิจิ ทุกอย่างที่พูดอาจกลายเป็นจริงก็ได้”
“….นะ นั่นสิน้า~ ใครจะไปรู้~”
…รุกไม่บันยะบันยังเลยนี่หว่า โทโจวอินซัง
ถึงจะเป็นช่วงพักเที่ยง เเต่พวกเรายังอยู่ในห้องเรียนนะโว้ย
นักเรียนคนอื่นๆที่เดินผ่านไปผ่านมาไม่อยู่ในสายตาเลยรึไง?
ตั้งเเต่ที่โทโจวอินซังยํ่าก้าวเข้ามาในห้อง ทุกคนก็ดักฟังกันใหญ่เลยนะ รู้ไหม?
“ดะ.. ได้ยินที่พวกนั้นพูดไหม…?”
“ตามที่ข่าวลือบอกเลย สองคนนั้นหมั้นกันเเล้วจริงด้วย…”
เสียงซุบซิบของนักเรียนรอบข้างดังกระฉ่อน
…พวกเอ็งเรื่องพวกนี้ควรพูดตอนเจ้าตัวไม่อยู่ไม่ใช่เรอะ หรืออย่างน้อยก็กระซิบกันเบาๆไม่ให้คนอื่นได้ยินหน่อยสิ?
ทางนี้ได้ยินเต็มสองหูเลยนะเฟ้ย
“ต๊ายตาย พวกเรายังไม่ได้หมั้นกันหรอกนะคะ”
เเน่นอนว่าโทโจวอินซังก็ย่อมได้ยินเสียงนินทาทั้งหลายเเหล่เช่นกัน เเต่การที่เธอเเสดงท่าทีตอบกลับดูจะผิดคาดไปหน่อย ผมกับนักเรียนที่เหลือจึงตะลึงเล็กน้อย
“อ๊ะ.. ปะ.. เป็นเเบบนั้นนี่เอง”
หนึ่งในนักเรียนชายคนนึงที่อยู่ใกล้ๆเอ่ยทําทีเข้าใจ
“ค่ะ ถูกต้องเเล้ว ถึงอย่างนั้น… ตะกี้ที่ฉันบอกว่าอยากเเต่งงานกับยูอิจิเป็นความจริงค่ะ”
“เอ๋!!???”
ด้วยความที่โทโจวอินซังกล่าวออกมาโดยไม่คิดจะปิดบัง จึงไม่ใช่เเค่หนุ่มๆที่ช็อค กระทั่งนักเรียนรอบสารทิศก็ต่างอุทานด้วยความตกใจตามไปด้วย
ในหมู่นักเรียนหญิงบางคนถึงขนาดตะโกนเอาใจช่วยด้วยซํ้า
“ดะ.. เดี๋ยวสิ! คาโอริ! เล่นมาประกาศในที่เเบบนี้…!”
“ตายจริง~ ยูอิจิเป็นฝ่ายผิดเองนะคะ ที่ไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันมาโดยตลอดน่ะ?”
“ระ.. เรื่องนั้นต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งด้วยครับ…!”
โทโจวอินซังเเข็งเเกร่งชะมัด
ถ้ายังเป็นเเบบนี้ต่อไปข่าวลือหนาหูต้องเเพร่สะพัดไปทั่วรั้วโรงเรียนไม่ผิดเเน่
เนื้อหาต้องเป็นงี้เเหงๆ [โทโจวอิน คาโอริ รัก ชิเกโมโตะ ยูอิจิ มว๊ากๆหวังถึงขั้นเเต่งงานกับเขา]
หนําซํ้าข่าวฉาวรอบนี้ไม่ใช่เรื่องใส่สีตีไข่เหมือนรอบก่อน เเต่เป็นเรื่องจริงเสียงจริงที่มีสักขีพยานอยู่หลายคน
มาอีหรอบนี้จะกระจายไปไวกว่ารอบก่อนก็ไม่ใช่เรื่องเเปลก
ขืนเป็นงั้น… ก็ไม่มีช่องว่างให้ฟุจิเสะเข้ามาเเทรกกันพอดี
“ระ.. รอเดี๋ยวสิ…!”
ขณะที่หัวพลางคิดเรื่องนั้นอยู่ จู่ๆก็มีเสียงกรีดร้องดังกังวานขึ้นชะงักความสับสนวุ่นวายในห้องเรียนเอาไว้
พอมองไปทางต้นกําเนิดเสียง ฟุจิเสะ ชิโฮะ ที่นั่งห่างๆจนถึงเมื่อกี้ก็ยืนขึ้นเเละค่อยๆเดินมาทางนี้
ท่ามกลางสายตาของนักเรียนจากทุกมุมห้องที่พุ่งเข้าหา เธอขึ้นเสียงเเละลั่นออกมาเเบบนั้นด้วยใบหน้าอันเเดงเเจ๋
“ฉะ.. ฉันเองก็…! ฉันเองก็ชอบยูอิจิคุงเหมือนกัน! ไม่คิดจะเเพ้คนอย่างโทโจวอินซังหรอก!”
ความเงียบงันปกคลุมทั่วทั้งห้องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ห้องเรียนจะอัดอั้นไปด้วยเสียงโหวกเหวกเเสบหู
“หาาาาา!?”
“ฟะ.. ฟุจิเสะซังก็ชอบชิเกโมโตะกับเขาด้วยคน!?”
“โกหกกันช่ายยม้ายย!? สองสาวสุดน่ารักประจําโรงเรียน ชอบไอ้ชิเกโมโตะมันทั้งคู่เลยเร้อ!?”
“จะนองเลือดกันเเล้ว! ซัดกันเลย! โคตรชอบเลยโว้ย!”
โหวกเหวกกันหนวกหูฉิบเป๋ง
พวกผู้ชายยิ่งเเล้วใหญ่ก่นด่าด้วยความอิจฉาตาร้อนจนสติเเตกไปเเล้ว
อืมๆ ชั้นเข้าใจหัวอกพวกนายดี
ถ้าเราไม่มีเซย์จัง ป่านนี้คงไปรวมหัวกับพวกนั้นเเล้ว
“ดะ.. เดี๋ยวเถอะ… ฟุจิเสะด้วย… ทําไมต้องตอนนี้…!”
“กะ.. ก็ถ้าตอนนี้ไม่พูดอะไร เดี๋ยวข่าวลือว่าชิเกโมโตะคุงกับโทโจวอินซังเป็นคู่หมั้นกันจะกลับมาเเพร่อีก…!”
“หุหุ~ ใจกล้าไม่เบานี่ ฟุจิเสะซัง ค่อยสมเป็นคู่เเข่งฟ้าประทานของดิฉันขึ้นมาหน่อย”
รู้ตัวอีกทีโทโจวอินซังก็ยืนขึ้นมาเเล้ว ทั้งคู่จ้องกันตาไม่กะพริบเเละฉีกยิ้มใส่กันอย่างหน้าขนลุก
“ถึงจะรู้สึกผิดกับฟุจิเสะซัง เเต่ตั้งเเต่เกิดมาบนโลกใบนี้ ฉันไม่เคยเเพ้ใครมาก่อนเลยนะ”
“งั้นก็ดีใจด้วยจ๊ะที่จะได้ลิ้มรสความพ่ายเเพ้เป็นครั้งเเรกน่ะ น่าจะทําให้เเกร่งขึ้นโขเลย”
“ต่อให้เเพ้สักครั้งสองครั้ง ยังไงก็ไม่ใช่ที่นี่หรอกค่ะ”
“เรื่องนั้นจะเป็นยังไงน้า~ ชีวิตมันไม่เเน่นอน~ อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นเเหละ~”
…เถียงกันสายฟ้าเเลบเลยนี่ ยัยสองคนนี้
เมื่อได้ฟังการโต้วาทีอันสุดกู่ของทั้งคู่ ห้องเรียนที่ปกคลุมไปด้วยเสียงโวยวายจนถึงเมื่อกี้ก็เงียบสงัดลงในทันที
“ชิเกโมโตะคุง ฮิซามูระคุง ขอฉันทานตรงนี้ด้วยคนสิจ๊ะ?”
“อึก.. อืม… ตามสบายเลย”
“ถ้ายูอิจิว่างั้น ผมก็ไม่มีสิทธิบ่นหรอกงับ”
“ขอบใจน้าา~”
“อุ๊ยตาย~ ไม่ขอความเห็นจากดิฉันสักคําหน่อยเหรอ?”
“เอ๋~ โทษทีจ้า~ ลืมไปเลยว่ามีโทโจวอินซังอยู่ด้วย ให้ฉันนั่งได้ไหมน้า~?”
“…หึหึ เเล้วเเต่เธอสิ”
น่ากลั๊วน่ากลัว คนอะไรจะน่ากลัวขนาดนี้
อ่าว อย่าบอกนะว่านับเเต่นี้เป็นต้นไปตรูต้องมานั่งกินข้าวกลางดงตรีนสามหน่อนี่น่ะ
“ยูอิจิ ตั้งเเต่พรุ่งนี้ชั้นขอไปกินข้าวที่โรงอาหารเเทนได้ปะ?”
“อย่านะเฟ้ย กราบล่ะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนฉันเถอะ”
“…”
“อย่าเงียบเป็นเป่าสากเเละพูดอะไรออกมาหน่อยเซ่”
ควรทํายังไงดีเนี่ยเรา ทิ้งยูอิจิมันไปเลยดีไหม
“อ๊ะ! เซย์จัง! เซย์จังก็มานั่งกินกับพวกเราสิ!”
“…ชิโฮะ ดีใจอยู่หรอกที่ยังไม่ลืมฉัน เเต่หัดดูเวลาซะบ้าง?”
“อื้มๆ มากินด้วยกันเถอะ!”
“…เห้อ~ ค่าๆ”
ห๊ะ? เซย์จังจะเข้าร่วมกลุ่มนี้เหรอ?
เเปลว่าถ้าเราเลือกอยู่ที่นี่ พวกเราจะตัวติดกันตลอด…
“ยูอิจิเพื่อนรัก ชั้นจะไปทิ้งเเกได้ไงกันห๊าา~ มากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันเถอะพวก”
“เอ็งนี่มันเพื่อนชั่วจริงๆเลยว่ะ”
ชั่วช้าบ้าบอคอเเตกอะไร ไอเราก็อุตส่าห์เห็นดีเห็นงามกับยูอิจิเลยคิดจะอยู่ช่วยมันเเท้ๆ
ด้วยเหตุนี้นี่เองพวกเราห้าคนจึงตัดสินใจนั่งโต๊ะอาหารเดียวกันเเละปรับเปลี่ยนที่นั่งกันเล็กน้อย
ดันโต๊ะกับเก้าอี้บริเวณใกล้ๆเข้าหากัน
ยูอิจินั่งฝั่งตรงข้าม ตามด้วยโทโจวอินซังกับฟุจิเสะนั่งขนาบข้างหมอนั่นเเบบเเนบชิดเเนบเนื้อ
ส่วนคนที่นั่งติดกับผมคือ… เซย์จัง
“ฝากตัวด้วยนะ เซย์จ- อะเเฮ่ม… ชิมาดะ”
“อะ.. อาา ฝากตัวด้วย”
ยังมีนักเรียนพลุกพล่านชุกชุมอยู่เเท้ๆ เกือบเผลอหลุดเรียกเซย์จังต่อหน้าพวกนั้นเเล้วไง
เซย์จังที่เเก้มเเดงนิดๆมองมาทางนี้ใหญ่เลย ขอประทานโทษเป็นอย่างสูงครับ
“ยูอิจิ ข้าวกล่องที่ฉันทําอร่อยไหมเอ่ย?”
“หือ? อ้อ! อร่อยสิ”
“เหะๆ~ โล่งอกไปที”
“ชิเกโมโตะคุง ไว้คราวหน้าเดี๋ยวฉันทํามาบ้าง ชิมให้หน่อยนะ?”
“เเหงอยู่เเล้ว ตั้งหน้าตั้งตารอเลย”
ดูท่ายูอิจิจะไม่รู้ว่าฟุจิเสะทําอาหารไม่เป็นเเฮะ
หมอนี่อาจจะตั้งความหวังจริงๆก็ได้ จะไหวไหมเนี่ย
“…เห้อ”
เซย์จังซึ่งเอียงหูฟังเรื่องที่สามคนนั้นคุยกัน ได้เเต่ถอนหายใจเบาๆไม่ให้ใครได้ยิน
อืมๆ ซี้เเหงเเก๋เเบบนี้
ลําพังเซย์จังคนเดียวคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสอนฟุจิเสะทําอาหารสินะ…
ผมเอาหน้าเข้าไปใกล้เซย์จัง ก่อนจะกระซิบที่หูเบาๆ
“เซย์จัง”
“มะ.. มีอะไรเหรอ…?”
ไม่รู้เพราะตกใจที่จู่ๆก็ไปกระซิบข้างหูหรือยังไง เซย์จังสะดุ้งตัวขึ้นมา
“เธอบอกว่าจะสอนฟุจิเสะใช่ไหมล่ะ ชั้นขอช่วยอีกเเรง”
“ระ.. รู้ด้วยเหรอว่า… อาหารที่ชิโฮะสร้างมีพลังทําลายล้างขนาดไหน”
“เเค่ดูจากสีหน้าของเซย์จัง ก็พอเดาออกเเล้วล่ะ”
ถึงความจริงจะเป็นเพราะมีความรู้เกี่ยวกับต้นฉบับจากชาติก่อนก็เถอะนะ
“ระ.. เหรอ… เเต่ถ้ามาช่วยจะดีมากเลย รอบก่อนเราตั้งใจจะทําเค้กกันอะนะ… ทําไมช็อตเค้กถึงดําสนิทเเบบนั้น กระทั่งตอนนี้ก็ยังหาคําตอบไม่ได้”
“…ไม่รู้หรอกว่าตัวเองเก่งพอที่จะเเก้ปัญหาระดับนั้นไหม เเต่จะลองพยายามดูละกัน”
ไม่รอดเเน่เรา อย่างน้อยๆมาสวดภาวนาว่าอย่าให้ตายดีกว่า
เบื้องหน้าผมกับเซย์จังคือยูอิจิที่ดิ้นไปมาเพราะถูกโทโจวอินซังกับฟุจิเสะปิดล้อมจากด้านข้าง
ให้ตายสิ ชีวิตรักของพ่อหนุ่มเนื้อหอมนี่ดูลําบากลําบนจังเลยนะ เเถมสายตาของเหล่าชายฉกรรจ์ที่พุ่งมาจากรอบด้านยังโคตรน่ากลัวอีกต่างหาก
อยากให้หมอนี่ระวังตัวเวลาเดินเล่นตอนกลางคืนมากกว่านี้ชะมัด
ในอนาคตข้างหน้าทั้งสามคนคงดําเนินเรื่องราวเลิฟคอมเมดี้เฮฮาปาร์ตี้ของพวกเขาต่อไป
ส่วนผมที่เป็นทั้งเพื่อนซี้ของยูอิจิเเละเเฟนตัวยงของมังงะเรื่องนี้ ก็ตั้งใจที่จะคอยสอดส่องเรื่องราวพวกนั้นด้วยเช่นกัน
เเละที่ขาดไม่ได้… เซย์จังที่นั่งข้างผมพร้อมเฝ้ามองทั้งสามคนอย่างอบอุ่น มุมปากของเธอยกขึ้นเล็กน้อย
เดิมทีเธอเป็นเพียงหนึ่งในนางรองที่ตกหลุมรักยูอิจิเเละควรอยู่ฝั่งเดียวกับทั้งสามคนด้วยซํ้า
เเต่ผมได้เปลี่ยนโชคชะตาพรรค์นั้นไปเเล้ว
ผมจะพยายามสุดกําลังเพื่อให้เเฟนสาวที่ไม่สมหวังมีความสุข
“…หืม? มะ.. มีอะไรรึเปล่า จ้องหน้าฉันซะขนาดนั้น”
“เปล่า… ไม่มีอะไรหรอก”
“จริงนะ?”
“จริงสิ เเค่อยากมองเท่านั้นเเหละ”
“ยะ.. อย่าพูดอะไรน่าอายในที่เเบบนี้นักสิ”
“ฮ่าๆ โทษทีๆ”
อา กะเเล้ว… เรานี่รัก ชิมาดะ เซย์ จนโงหัวไม่ขึ้นจริงๆ
ชีวิตในรั้วโรงเรียนต่อจากนี้ ชีวิตประจําวันที่จะได้ใช้ร่วมกันกับเธอ เเค่คิดก็ตื่นเต้นจนตัวสั่นเเล้ว
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides