คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 487 หลุดพ้นเกิดใหม่

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 487 หลุดพ้นเกิดใหม่

ไฟนรกออกมา แผดเผาบาปทั้งหมด

คำกล่าวนี้ดูมีปรัชญาสูงส่งมาก แต่ความเป็นจริงกลับน่าสังเวชอย่างยิ่ง

เมื่อกลุ่มไฟนรกบนปลายนิ้วของฉินหลิวซีตกลงบนกล่องศพขนาดเล็กนั่น ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นล้วนได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวน โลงศพเล็กสั่นอย่างรุนแรง พลังความขุ่นเคืองหมุนวนอยู่ในค่ายอาคมอย่างรวดเร็วพยายามที่จะพุ่งออกมา

เจ้าอาวาสชิงหลานต้องเข้ามาใช้ยันต์ปราบสิ่งชั่วร้ายที่ได้มาโดยไม่เสียเงิน เสกไปยังกล่องโลงศพขนาดเล็ก

หากนี่เป็นเพียงการปราบสิ่งชั่วร้าย ย่อมไม่ได้ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวและอนาถจิต แต่เมื่อไฟนรกตกลงบนโลงศพขนาดเล็กแผดเผาโครงกระดูกนั้น ซือเหลิ่งเย่ว์ที่อยู่ในอ่างอาบน้ำก็กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

เสียงกรีดร้องนั้นดังสนั่นไปทั่วบริเวณ

หากถามถึงการตาย คาดว่าคงไม่มีใครอยากถูกไฟคลอกตาย เป็นการตายที่โหดร้ายและน่ากลัวที่สุด ร่างกายถูกไฟแผดเผา ผิวหนังฉีกขาดเป็นชิ้นๆ เจ้าจะไม่ตายในทันที มีแต่จะทุรนทุรายในกองเพลิง มองดูตัวเองถูกไฟแผดเผาอย่างเจ็บปวด กระทั่งดับสลายไป

เมื่อถูกไฟแผดเผา แม้ว่าบุคคลนั้นจะถูกไฟคลอกตายไปแล้ว แต่คนในครอบครัวก็ยังตะโกนว่าไฟไหม้รีบหนีไปเร็ว แสดงให้เห็นว่าผู้คนมีความยำเกรงและหวาดกลัวต่อไฟ

ไฟธรรมดาทั่วไปเป็นเช่นนี้ แล้วนับประสาอะไรกับไฟนรกที่แผดเผาบาปได้หมดสิ้น

ซือเหลิ่งเย่ว์ไม่ได้ถูกไฟนรกแผดเผาบนร่างกายโดยตรง แต่คำสาปเลือดของนางนั้นมาจากศพซึ่งมีสายเลือดเดียวกันกับนาง คำสาปเชื่อมโยงกับสายเลือด มันถูกแผดเผา นางก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน

นี่ก็คือคำสาปเลือดที่โหดร้ายที่สุด เป็นการแก้แค้นที่โหดเหี้ยมที่สุด

ซือถูพุ่งเข้ามา คุกเข่าลงข้างประตู ถือรูปปั้นเหมือนอยู่ในมือ น้ำตาไหลอาบแก้ม

ภรรยาข้า เจ้าอย่าพานางไป ช่วยเย่ว์เอ๋อร์ของเราด้วย

ฉินหลิวซีเดินไปที่ข้างอ่างอาบน้ำ รู้สึกถึงความร้อนที่ลอยออกมา นางก้มหน้ามองลงไป เห็นว่าไม่มีร่องรอยของไฟ แต่ซือเหลิ่งเย่ว์กลับดูเหมือนถูกย่างด้วยไฟที่มองไม่เห็น ผิวหนังและเนื้อฉีกขาด เสื้อผ้าสีขาวของนางเปื้อนเลือดสีแดงไปทั้งตัว

ไม่มีคนเป็นที่ไหนสามารถทนต่อความทรมานเช่นนี้ได้

ซือเหลิ่งเย่ว์กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ผิวหนังตามร่างกายและลำคอไปจนถึงใบหน้าของนางแตกออก เลือดเนื้อกำลังละลาย นางราวกับได้กลิ่นไหม้ออกมาจากร่างกายของตัวเอง

เลือดไหลไม่หยุด

ทันใดนั้น ซือเหลิ่งเย่ว์ก็เหลือเพียงลมหายใจอันแผ่วเบา

เมื่อนางคิดว่าตัวเองจะตายในตอนนี้ ก็มีเสียงพระสูตรดังขึ้นมาข้างหู ดูเหมือนจะมาจากสมัยโบราณกาล พุ่งเข้าสู่แก้วหู ไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ

อดทนไว้ อดกลั้นไว้

มีเพียงผ่านไปได้เท่านั้นจึงจะสามารถยืนข้างกายแม่นางผู้นั้นได้ ดูพฤติกรรมของสรรพสิ่งในโลกนี้

ซือเหลิ่งเย่ว์ยกริมฝีปาก

ร้อนมาก เจ็บปวดมาก

นางอยากจะจมลงไปในก้อนน้ำแข็งในอ่างอาบน้ำ ต้องการใช้ความเย็นเพื่อขจัดคลื่นความร้อน

นิ้วของนางขาดเลือดไปแล้ว ไม่ใช่เป็นเพราะถูกไฟนรกแผดเผา แต่เป็นเพราะนางตะเกียกตะกายจิกน้ำแข็งในอ่างอาบน้ำด้วยความเจ็บปวดจนเล็บนิ้วฉีก นิ้วแตกเป็นแผล

เจ็บปวดจริงๆ

ฉินหลิวซีสีหน้าเคร่งขรึม ดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกใดๆ ต่อซือเหลิ่งเย่ว์ที่เปื้อนเลือดในอ่างอาบน้ำ เพียงแต่หยิบเข็มทองฝังลงไปที่จุดฝังเข็มสำคัญของนางหลายจุด มือหมุนปลายเข็ม ท่าทางสงบนิ่งราวกับกำลังจัดการกับศพ

แต่เถิงเจากลับเห็นว่ามีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ปกคลุมเต็มหน้าผากของนางอยู่ และปลายนิ้วของนางก็สั่นเล็กน้อย อดเม้มริมฝีปากแน่นไม่ได้

ไฟนรกยังคงลุกโชน

พลังชีวิตของซือเหลิ่งเย่ว์กำลังหายไป ศีรษะของนางห้อยลงอย่างอ่อนแรง ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

ในค่ายอาคมตะเกียงเจ็ดดาว มีลมพัด แสงไฟในตะเกียงแกว่งไปมาเล็กน้อย

วิญญาณของซือเหลิ่งเย่ว์ออกจากร่าง แต่เพราะมีค่ายอาคมตะเกียงเจ็ดดาวจึงไม่ได้ลอยกระจายออกไป

เจ้าอาวาสชิงหลานสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย นั่งขัดสมาธิ ท่องบทสวดจินกัง[1]อย่างเงียบๆ สายตาจับจ้องไปที่ตะเกียงเหล่านั้น กลัวว่าหากไฟดับหนึ่งดวงจะทำให้วิญญาณแตกสลาย

“เฟิงซิว มอบพลังปีศาจแก่นาง” ฉินหลิวซีก้มหน้ามองหญิงสาวในอ่างอาบน้ำที่ไม่สามารถเรียกว่าคนเป็นได้แล้ว กำชับอย่างใจเย็น

เฟิงซิวมอบพลังปีศาจให้ซือเหลิ่งเย่ว์อีกครั้ง

“เจาเจา ร่ายยันต์ตรึงวิญญาณ”

เถิงเจาหยิบกระดาษยันต์ที่ฉินหลิวซีมอบให้เขาก่อนหน้านี้ออกมาแล้วเผาลงไปในอ่างอาบน้ำ

ฉินหลิวซีมองไปยังโลงศพเล็กที่ถูกแผดเผา แล้วมองไปยังวิญญาณอ่อนแอที่ล่องลอยอยู่ของซือเหลิ่งเย่ว์ ในใจคิดว่า ต้องรีบจัดการให้เสร็จ หากเผาต่อไปอีก ร่างกระดูกนั้นไม่เป็นอะไร แต่ร่างกายที่มีเนื้อหนังของซือเหลิ่งเย่ว์นั้นทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

หลุดพ้นเกิดใหม่ เดิมทีก็ไม่ได้ง่ายเหมือนคำพูดเช่นนั้น

อย่างเช่นในตอนนี้ แม้ว่าร่างของซือเหลิ่งเย่ว์จะยังอยู่ แต่นั่นเป็นเพราะฉินหลิวซีพยายามทุกวิถีทางเพื่อรักษาไว้ และเหตุการณ์นี้ก็นับว่าเป็นฝันร้าย

เพราะว่าคนที่อยู่ในอ่างอาบน้ำ ผิวหนังไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ถูกลอกออกทีละชั้น แยกไม่ออกระหว่างเลือดกับเนื้อ

ภายใต้ไฟนรกที่ลุกโชน ความขุ่นเคืองบนศพนั้นก็เกือบจะถูกทำลายไปหมดแล้ว และราวกับว่าไม่ยินยอม ทันใดนั้นก็เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เสียงกรีดร้องโหยหวน พังทลายค่ายอาคมออกมา พุ่งไปยังซือเหลิ่งเย่ว์

“ตายเสีย ตายเสีย” พลังความขุ่นเคืองเต็มไปด้วยความพยาบาทที่ไร้ขีดจำกัด

ฉินหลิวซีร่ายคาถาด้วยมือทั้งสองข้าง ปากท่องคำสาปปราบสิ่งชั่วร้าย โจมตีไปที่พลังชั่วร้าย แต่หลังจากที่ดับสลายไป ยังคงมีเส้นใยพุ่งเข้าไปหาซือเหลิ่งเย่ว์

“กล้าดีอย่างไร!” ฉินหลิวซีสายตาเกรี้ยวกราด เมื่อความคิดผุดขึ้นมาในหัว ทั้งตัวก็เหมือนกับกลุ่มเพลิง สีแดงลุกโชน น่าสะพรึงกลัว

เฟิงซิวสีหน้าเปลี่ยนไป เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายจึงรักษาร่างมนุษย์ไว้ไม่ได้ กลับคืนสู่ร่างเดิม หมอบลงอยู่ที่พื้น ขาสั่น

“ท่านอาจารย์” เถิงเจาอยากจะเดินเข้าไป แต่ถูกอาฉาที่ตกใจจนหน้าซีดดึงไว้

ฉินหลิวซีมองไม่เห็นใครทั้งนั้น คว้าเส้นใยพลังชั่วร้ายที่กำลังจะแตะต้องซือเหลิ่งเย่ว์

กรี๊ดดด

พลังความขุ่นแค้นส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน ถูกกำจัดอย่างรวดเร็วด้วยมือของฉินหลิวซี

ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบ

ศพนั้นได้กลายเป็นขี้เถ้าไปพร้อมกับโลงศพ และเงียบสงบลง

ฉินหลิวซีมองไปยังซือเหลิ่งเย่ว์ที่อยู่ในอ่างอาบน้ำ มือหนึ่งกำลังจะเอื้อมไปหานาง อีกมือหนึ่งวางลงบนอ่างอาบน้ำ ทันทีที่นางวางมือลงบนอ่างอาบน้ำ น้ำแข็งในอ่างอาบน้ำก็เริ่มละลายอย่างรวดเร็ว

“แม่หนู เจ้าอย่าแตะต้องนาง” เจ้าอาวาสชิงหลานยังคงเฝ้าอยู่หน้าค่ายอาคมตะเกียงเจ็ดดาว กล่าวด้วยใบหน้าซีด “บนตัวเจ้ายังมีความร้อนของไฟนรกอยู่ หากเจ้าสัมผัสนาง นางจะตาย”

มือของฉินหลิวซีแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง ดึงมือกลับคืนมา

“จิ้งจอกเถื่อน หายหัวไปไหนแล้ว ยังไม่มาจัดการอีก” ฉินหลิวซีร้องตะโกน

เฟิงซิวกลับคืนสู่ร่างคน กล่าวอย่างอ่อนแรงว่า “มาแล้ว”

ฉินหลิวซีเอ่ยทันที “ป้อนหิมะหยกให้นาง”

เฟิงซิวนำหิมะหยกทั้งขวดกรอกใส่ปากซือเหลิ่งเย่ว์

“อาฉา เจ้าไปเอาเสื้อผ้าที่สะอาดมา จิ้งจอกกับเจาเจา พวกเจ้าหลบไปก่อน” ฉินหลิวซีเหลือบมองซือเหลิ่งเย่ว์ จากนั้นก็มองไปยังสามจิตเจ็ดวิญญาณที่เกือบจะสลายไปในตะเกียงเจ็ดดาว รู้สึกปวดหัว

หากทนไฟนรกแผดเผาไปได้ก็นับว่าได้ตายไปแล้วหนึ่งครั้ง จะต้องดึงสามจิตเจ็ดวิญญาณนี้กลับมา และยิ่งต้องบำรุง เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตวิญญาณ การที่ต้องรับรู้ความรู้สึกเช่นเดียวกันนั้นไม่ใช่แค่เพียงร่างกายเท่านั้น แต่จิตวิญญาณก็จะถูกเผาไหม้ไปด้วย นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมวิญญาณของนางจึงได้อ่อนแอเช่นนี้

อาฉาไปเอาเสื้อผ้ามาแล้ว เนื่องจากน้ำแข็งและเกล็ดหิมะละลาย ซือเหลิ่งเย่ว์จึงแช่อยู่ในน้ำเลือด ฉินหลิวซีร่ายยันต์กำจัดสิ่งสกปรก สีเลือดก็พลันหายไปด้วย

ฉินหลิวซียื่นขวดให้อาฉา หยิบยาหนึ่งเม็ดยัดใส่ปากซือเหลิ่งเย่ว์ที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด แล้วใช้พลังภายในกระตุ้นเม็ดยาให้ละลาย

ยาจิ่วหวน หลังจากผ่านการกลั่นถึงเก้าครั้ง สามารถสร้างเนื้อและกระดูก สร้างเส้นลมปราณ ตราบใดที่ยังเหลือเศษเสี้ยวลมหายใจ ล้วนสามารถฟื้นคนตายกลับมามีชีวิตได้

เมื่อยาเข้าไปในลำคอ ฉินหลิวซีก็เริ่มดึงสามจิตเจ็ดวิญญาณอันอ่อนแอกลับเข้าไปในร่างของนาง ร่ายยันต์ตรึงวิญญาณให้นางดื่ม

ในไม่ช้าอาฉาก็อุทานออกมา

เนื่องจากร่างกายที่อยู่ตรงหน้าราวกับตุ๊กตาที่แตกหัก กระดูกเกิดเสียงดัง เนื้อหนังก็เริ่มจัดระเบียบใหม่

เปลี่ยนเลือดเนื้อกระดูก หลุดพ้นเกิดใหม่ในร่างเดิม

[1]บทสวดจินกัง บทสวดนี้มีบุญมากในการปลดเปลื้องสรรพสัตว์จากการยึดติดหลังความตาย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท