คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 495 ท่านทำได้ท่านก็เชิญเลย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 495 ท่านทำได้ท่านก็เชิญเลย

เป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตน้อยๆ นี้ เหอโซ่วไม่กล้าเสียเวลาแม้เพียงนิด วันรุ่งขึ้นเมื่อฉินหลิวซีมาถึงที่ร้าน อีกฝ่ายและติงหย่งเหลียงก็ได้มารออยู่ที่หน้าประตูร้านแล้ว เมื่อมองเห็นนางก็ราวกับว่าเห็นญาติพี่น้อง

“ท่านอาจารย์ ข้านำของมาด้วยแล้ว” เหอโซ่วทำเอ่ยตาปริบๆ เขาหยิบเอาห่อผ้ามาจากมือของเด็กรับใช้

ฉินหลิวซีพยักหน้า “เข้าไปเถิด”

คนกลุ่มหนึ่งเดินเข้าไปในร้าน เมื่อเข้ามาในห้องส่วนตัว ฉินหลิวซีให้เขาเปิดห่อผ้าออก เผยให้เห็นกล่องหนึ่งกล่อง กล่องนั้นยังแปะผ้ายันต์ไว้หนึ่งแผ่น เป็นยันต์ปราบวิญญาณชั่วร้ายที่ฉินหลิวซีเคยให้ไว้

ฉินหลิวซีแกะยันต์ออก เหอโซ่วอุทานขึ้น “แกะออกเช่นนี้ได้เลยหรือ”

เขายังมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง กลัวว่าจะมีอะไรพุ่งออกมา

ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้น “ไยจะไม่ได้ ข้าจะดูว่าผู้ใดกล้ามาอวดดีกับร้านของข้า”

ติงหย่งเหลียงที่ยืนอยู่ด้านข้างรู้สึกกดดันอยู่ภายในใจ รู้สึกราวกับว่าประโยคนี้คล้ายเป็นการเตือนเขาอยู่กลายๆ

ทันทีที่ยันต์ฉีกออก ดวงตาของนางหรี่ลง สัมผัสได้ถึงพลังงานชั่วร้ายทั้งหมดจากกล่องนั้น นางเงยหน้าขึ้นมองไปยังเหอโซ่ว “ตระกูลเหอของเจ้าเมตตามีคุณธรรมย่อมมีบุญวาสนาตอบแทน พลังงานร้ายรุนแรงเพียงนี้ยังไม่อาจทำให้เจ้าตายได้ โชคดีของวงศ์ตระกูลคุ้มครองจริงๆ”

เหอโซ่ว “…”

ฟังประโยคนี้แล้ว ไยจึงรู้สึกราวกับส่วนใดไม่ถูกต้อง กำลังชมตระกูลเขาหรือกำลังสาปแช่งกันแน่

เมื่อเปิดกล่องออก พลังงานชั่วร้ายก็พุ่งออกมา ชั่วพริบตาอุณหภูมิภายในห้องพลันลดลงไปหลายส่วน เหอโซ่วพกเครื่องรางที่ซื้อมาเมื่อวานอยู่จึงไม่เป็นอะไร ทว่าติงหย่งเหลียงนั้นใบหน้ากลับซีดลงเล็กน้อย ลูบแขนไปมา “หนาวมาก”

เขาหันมองไปยังเหอโซ่ว เห็นว่าเขาคล้ายกับไม่ได้รับผลกระทบ จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “เจ้าไม่หนาวหรือ” ความหนาวเย็นที่แทงลึกเข้าไปถึงกระดูกเช่นนั้น

เหอโซ่วส่ายศีรษะ “ไม่หนาวนะ”

เฉินผีที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “ท่านมีเครื่องรางคุ้มกัน แน่นอนว่าไม่ได้รับผลกระทบจากพลังชั่วร้ายนี้ พวกเราไม่ขายเครื่องรางคุ้มภัยที่ไม่ได้เรื่อง คิดๆ ดูแล้วเมื่อคืนท่านคงหลับสนิททั้งคืนกระมัง”

เหอโซ่วคิดอยู่ชั่วครู่ เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อคืนเขาไม่ฝันถึงหญิงนางนั้นเลย

เขานึกขึ้นได้คลำไปที่เครื่องรางบนลำคอ เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “ยังมีเครื่องรางนี้อยู่อีกหรือไม่ ข้าจะซื้อไปให้ท่านพ่อกับท่านแม่สักอัน”

ติงหย่งเหลียงเองก็จ้องตาเป็นมันเช่นกัน แต่ว่าสองพันตำลึง เขาไม่มี

ในขณะที่พวกเขาสนทนากัน มือทั้งสองข้างของฉินหลิวซีกำลังประสานมือ เอาพลังงานชั่วร้ายเหล่านั้นม้วนกลับคืนมา ขณะที่กำลังเปิดผนึกยันต์ มองไปที่เสื้อชั้นในด้านในกล่องอีกครั้ง เอ่ยขึ้น “เสื้อชั้นในนี้พลังงานชั่วร้ายรุนแรงเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่ใช่เพราะขโมยมาจากสตรีนางใด”

“ห๊า”

“มันออกมาจากหลุมศพ” ฉินหลิวซีหยิบเสื้อชั้นในออกมาพร้อมเอ่ยเสริมหนึ่งประโยค

หลายคนสีหน้าพลันเปลี่ยน

ออกมาจากหลุมศพ หรือว่าสิ่งนี้ถอดออกมาจากร่างของคนตายอย่างนั้นหรือ

เหอโซ่วเริ่มขาสั่นขึ้นมาอีกครั้ง เขายังเคยหยิบมันขึ้นมาเล่นด้วยซ้ำ มิน่าเล่าคนผู้นั้นถึงได้ก่อกวนเขาทุกๆ คืน ที่ตนยังไม่ตาย เพราะการคุ้มครองของวงศ์ตระกูลแน่แท้แล้ว บรรพบุรุษคุ้มครอง เทพยดาคุ้มครอง

อ่า ใจมีเมตตามีประโยชน์จริงๆ ต่อจากนี้ไปเขาต้องทำความดีให้มากแล้ว

เหอโซ่วบอกว่าเสื้อชั้นในตัวนี้สวยงามและประณีตมาโดยตลอด เมื่อฉินหลิวซีหยิบขึ้นมากางออกดู ถึงได้เข้าใจความสวยงามประณีตที่เขาบอก เพียงแต่เสื้อชั้นในตัวนี้ รูปแบบดูไม่เหมือนเสื้อชั้นในที่เคยเห็นนัก กลับดูมีไว้ยั่วยวนล่อลวงผู้คน

ผ้าผืนใหญ่เท่าฝ่ามือสองผืน ปักด้วยไหมทองเป็นลายดอกกุหลาบสีทอง ส่วนใบนั้นปักด้วยลูกปัดเลื่อมเป็นประกายระยิบระยับ และบนเกสรฝังด้วยหยกใสแวววาว บนขอบของผ้าทั้งสองผืนที่ใช้ปกปิดของสงวนยังถักด้วยเชือกเงินเชือกทองสี่เส้นบิดเกลียวกลายเป็นสายเล็กๆ บนสายก็ติดด้วยไข่มุกเช่นเดียวกัน สายสองเส้นผูกไขว้ไว้ที่คอ นอกจากนั้นสายทั้งสองเส้นยังสามารถกลัดเอาไว้ด้านหลังได้อีกด้วย

แสงที่ส่องแวววับจับตาสวยงามเป็นอย่างยิ่ง จนทำให้ผู้คนตาพร่ามัว เมื่อจินตนาการว่ามันอยู่บนร่างกายของสตรี เลือดในกายพลุ่งพล่าน ช่างชวนให้หลงใหลกระชากวิญญาณมากเพียงใด

และขณะนี้เสื้อตัวในตัวนั้นได้ตกมาอยู่ในมือของฉินหลิวซี

ความคิดที่เกิดขึ้นติดๆ กันโดยไม่ได้นัดหมายของติงหย่งเหลียงและเหอโซ่ว จมูกพลันร้อนผ่าวและมีของเหลวไหลย้อยลงมาจากโพรงจมูก

“เฮอะๆ”

ฉินหลิวซีหัวเราะเฮอะๆ ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มมองไปยังทั้งสองคนที่เลือดกำเดาไหล

เฉินผีจ้องพวกเขาเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง พวกมักมากบ้าตัณหา

ยังบอกเป็นปัญญาชน สุภาพบุรุษมีคุณธรรมอันใดกัน สิ่งผิดจริยธรรมไม่ควรมองยังไม่เข้าใจเลย ถุย

ฝั่งติงหย่งเหลียงพวกเขารู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อย มองสายตาของฉินหลิวซีอย่างหลบๆ

“ท่านอาจารย์ สิ่งนี้นำมาจากหลุมศพจริงหรือขอรับ” เหอโซ่วถาม

ฉินหลิวซีเหล่มองเขา “ทำไมหรือ โรงรับจำนำของครอบครัวเจ้าไม่เคยรับของที่ฝังไปพร้อมกับคนตายอย่างนั้นหรือ”

เหอโซ่วยิ้มแห้งๆ ไม่กล้าตอบกลับ

รับอย่างไรก็ต้องเคยรับแน่นอน แต่ว่าของที่มาจากหลุมศพนั้น ไม่สามารถรับมันมาอย่างโจ่งแจ้งตรงไปตรงมาได้ และของจำนำที่ผู้มาจำนำเสียชีวิตไปก็ต้องเปลี่ยนมือไป

ฉินหลิวเองรู้ว่าการทำการค้าไม่มีความโปร่งใสอย่างแท้จริง เอ่ย “ใช่หรือไม่ใช่ ถามดูก็รู้แล้ว”

“ถามผู้ใดหรือ” เหอโซ่วค่อนข้างงุนงง

สีหน้าของติงหย่งเหลียงพลันขาวซีด คงไม่ใช่อย่างที่เขาคิดหรอกกระมัง

เฉินผีเอ่ยขึ้นอย่างสบอารมณ์ “แน่นอนว่าต้องถามเจ้าของสิ่งนี้สิ โง่”

“ถ้าเป็นเจ้าของล่ะก็ คงไม่ใช่ผีสาวตนนั้นหรอกใช่หรือไม่” เหอโซ่วตกใจกลัวจนหน้าถอดสี ร่างอวบอ้วนเริ่มสั่นสะท้าน กลืนน้ำลาย เอ่ยขึ้น “แต่ว่า ท่านอาจารย์เพิ่งบอกว่าที่นี่เป็นร้านเต๋า ผีวิญญาณธรรมดาไม่กล้าเข้ามาได้ง่ายๆ”

“ข้าเชิญนางมาก็ไม่มีปัญหา” ฉินหลิวซีวาดยันต์เรียกวิญญาณรูปหนึ่งด้วยมือ ปากก็ท่องคาถา เริ่มเรียกวิญญาณ

เมื่อนางเอ่ยว่าจะเรียกวิญญาณนางก็เรียกเลย ไม่ทันได้ให้ติงหย่งเหลียงและเหอโซ่วโต้ตอบอะไร ยันต์พลันเปลี่ยนไป บรรยากาศภายในห้องเย็นลงอย่างกะทันหัน เงาหนึ่งพลันปรากฏออกมาต่อสายตาผู้คน

“ผะ ผี อ๊ากกก” เหอโซ่วกระโดดขึ้นมา กระโดดหลบไปอยู่ด้านหลังของติงหย่งเหลียง ร่างกายสั่นเทา

สีหน้าของติงหย่งเหลียงเองก็ซีดขาว ร่างทั้งร่างสั่นไหวราวกับร่อนแกลบ อยากจะเอ่ยว่าเจ้ายังมีเครื่องรางป้องกันตัว ไยจึงให้ข้ามาบังอยู่ข้างหน้า

ทว่าลำคอของเขากลับแห้งผากราวกับถูกบางอย่างอุดไว้ เพียงคำเดียวก็ไม่อาจเอ่ยออกมาได้

ท่านพ่อท่านแม่ ที่แท้โลกนี้ก็มีผีอยู่จริงๆ ข้าจะกลับบ้าน

“มาเร็วดี” ฉินหลิวซีมองวิญญาณผีสาวที่สวมชุดกระโปรงสีแดงตรงหน้า หรี่ตาลง

วิญญาณผีสาวติดตามอยู่ข้างกายเหอโซ่วตลอดเวลา เพียงแต่บนร่างของเขามียันต์ป้องกันตัวจึงไม่สามารถเข้าใกล้ได้มากกว่านี้ ร้านนี้ยังมีคาถาคุ้มกัน นางจึงไม่กล้าล่วงเกินเข้ามา ยามนี้ถูกเรียกมา เท่ากับว่าอีกฝ่ายได้เชิญนางเข้ามาด้านใน แน่นอนจึงไม่ต้องกลัว

ทันทีที่นางมาปรากฏตัว ก็มองไปทางติงหย่งเหลียงพวกเขาครู่หนึ่ง

ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าขาวซีด แววตาเย็นเฉียบราวกับถูกงูพิษฉกเข้า ทั้งร่างเย็นยะเยือก

ติงหย่งเหลียงตัวอ่อนยวบ ล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้น แทบอยากเป็นลมสลบไป

ทันทีที่เขาล้มลง เผยให้เห็นเหอโซ่วที่หลบอยู่ วิญญาณผีสาวที่มองเห็นเขา ความอาฆาตแค้นก็รุนแรงยิ่งขึ้น พุ่งเข้าหา “คืนข้ามา เอามันคืนมาให้ข้า”

นางพุ่งมาอยู่ตรงหน้า กำลังยื่นมือออกไป เกิดแสงสว่างวาบจากเครื่องรางสายฟ้าคุ้มกันภัยที่เหอโซ่วแขวนอยู่ นางส่งเสียงร้องแหลมสูงอย่างน่าสงสารออกมาทันใด รีบถอยไปยังที่ปลอดภัย จ้องเหอโซ่วเขม็งจนเกือบเป็นรูพรุน

เป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เป็นยันต์ที่ทำมาจากกระดาษ ทำให้นางไม่กล้าเข้าใกล้ ยามนี้สวมสิ่งที่รุนแรงมากกว่า แทบเผาไหม้วิญญาณของนาง

บุรุษไม่มีสิ่งใดดีสักอย่าง สมควรตายไปทั้งหมด

ความอาฆาตแค้นของวิญญาณผีสาวยิ่งรุนแรงขึ้น ดวงตายิ่งแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ เหอโซ่วที่กลัวจนฉี่แทบราด ชี้ไปยังฉินหลิวซี “สิ่งของของเจ้าอยู่ที่นาง”

ขอโทษด้วยนะท่านอาจารย์ ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาไม่อาจสู้ผีสาวตนหนึ่งได้ ท่านทำได้ท่านก็เชิญเลย

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท