คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 496 เลือกรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าอย่างนั้นหรือ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 496 เลือกรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่าอย่างนั้นหรือ

ท่านทำได้ท่านก็เชิญเลย

เหอโซ่วกลัวจนถึงขีดสุด

เขาก็ไม่อยากทำร้ายผู้อื่นเพื่อประโยชน์ของตนเอง หากเผชิญหน้ากับนักเลงกระจอก เขายังสามารถที่จะยกหมัดขึ้นสวนได้สักหมัดสองหมัด แต่ตรงหน้านี้ไม่ใช่นักเลงกระจอก เป็นวิญญาณผีสาวเลยนะ

เรียกได้ว่าเป็นวิชาเฉพาะทาง ฉินหลิวซีมีฐานะเป็นนักพรตเต๋า รับมือกับเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้ ต้องทำได้ดีกว่าเขาแน่นอน เหลือบมองเครื่องรางที่คุ้มกันตนเองอยู่ ก็มาจากมือนางไม่ใช่หรือ

ดังนั้นแม้ว่าเหอโซ่วจะมีความละอายใจอยู่บ้าง แต่ยังทรยศนาง

เขาเชื่อมั่นว่าฉินหลิวซีต้องมีวิธี

เป็นเช่นนั้น เมื่อวิญญาณผีสาวได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ ลำคอของนางหมุนบิดไปร้อยแปดสิบองศา มองไปยังฉินหลิวซี ถูกเสื้อชั้นในที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายดึงดูดความสนใจไว้ในทันใด พุ่งตรงเข้าหาโดยไม่คิด

“เอาคืนมา เอามันคืนมาให้ข้า”

เหอโซ่วมียันต์ป้องกันตัวนางจึงไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนคนตรงหน้านางก็ยังแตะต้องไม่ได้อย่างนั้นหรือ

ผีสาวหดหู่และโกรธแค้นขึ้นมาในทันใดจนต้องหาทางระบายออก อารมณ์เคียดแค้นแผ่ปกคลุมไปยังฉินหลิวซี มือทั้งสองข้างกลายเป็นกรงเล็บ ตรงเข้าหาใบหน้าของนาง

“นี่เจ้าเลือกบีบลูกพลับที่อ่อนกว่าเช่นนั้นหรือ” ฉินหลิวซีหัวเราะหยัน

ไม่เห็นว่านางทำสิ่งใด เพียงยกมือขึ้น จับเข้าที่กรงเล็บแหลมคมของผีสาว

ผู้คนรอบข้างไม่รู้สึกถึงสิ่งใด มีเพียงผีสาวที่ส่งเสียงร้องแหลมสูงน่าเวทนากว่าเมื่อครู่ ร่างวิญญาณของนางเริ่มอ่อนแอลง เพราะนางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวมากยิ่งกว่าในตัวฉินหลิวซี กรงเล็บของนางที่ถูกจับเอาไว้ร้อนราวกับจะละลาย

ผีสาวเจ็บปวดทรมานไม่น้อย ลูกพลับอ่อนอะไรกัน เป็นลูกพลับแข็งทำมาจากหินจากสวรรค์หรือไม่

“ไว้ชีวิตข้า ท่านอาจารย์ไว้ชีวิตข้าด้วย” ผีสาวเริ่มร้องไห้สะอื้น ขอความเมตตา “ฮือๆ พวกท่านรังแกผีเกินไปแล้ว”

นางร้องไห้อย่างอ่อนแอ ถึงนางจะเป็นเพียงผีตนหนึ่ง แต่นางก็ทำให้คนสงสารนาง ทำให้ผู้คนรู้สึกปวดใจ อีกทั้งยังมีเสน่ห์น่าหลงใหลยั่วยวนผู้คน

ฉินหลิวซีปล่อยมือ สังเกตนางที่กำลังแสร้งร้องไห้อย่างน่าสงสาร เอ่ยขึ้น “การร้องไห้ของเจ้านี้ฝึกมาแล้วหรือ”

นางจ้องมองดูท่าทางที่ไม่ค่อยจริงจังนี้

เสียงร้องไห้ของผีสาวหยุดชะงัก จ้องมองนางอย่างน้อยใจและแง่งอนอยู่ชั่วครู่ สายตาเคลื่อนมาหยุดที่เสื้อชั้นในในมือนางอีกครั้ง เอ่ยพึมพำ “สิ่งนั้นเป็นของข้าน้อย”

เสียงอ่อนโยนราวกับหยดน้ำ

ฉินหลิวซีมีความคิดขึ้นมาในหัว มองไปที่นาง “เจ้าเป็นผีอะไร ตายไปนานแล้วเพียงใดแล้ว”

ผีสาวพลันชะงัก “ตอนนี้ผู้ใดเป็นฮ่องเต้หรือ”

ฉินหลิวซีบอกรัชศกปัจจุบันของต้าเฟิง

วิญญาณผีสาวกดซับน้ำตาที่หางตา ร้องไห้พร้อมเอ่ย “นานเพียงนี้แล้ว เช่นนี้หากคำนวณ ข้าน้อยก็ตายมาได้ห้าสิบปีแล้วเจ้าค่ะ”

“ที่แท้ก็เป็นผีแก่”

ผีสาว “…”

ฉินหลิวซีทำให้นางสะอึกอยู่ในลำคอครู่หนึ่ง แม้แต่ร้องไห้ก็ร้องไม่ออก เอ่ยแย้งขึ้น “ตอนนั้นข้าน้อยอยู่ในยุคสมัยของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เป็นถึงแม่นางอี้ชิว คณิกาอันดับหนึ่งของหออวิ๋นเซียน นึกถึงตอนนั้น ในคืนที่ข้าน้อยได้ถูกคัดเลือกให้เป็นคณิกา ไม่รู้ว่ามีมือของบุรุษมากน้อยเพียงใดที่กอบเงินมากมายมาทำให้ข้าน้อยยิ้มได้ ข้าน้อย…”

“หยุด ข้าไม่อยากได้ยินเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของเจ้า เจ้าเพียงบอกว่าเจ้าตายมานานเพียงนี้แล้วไยจึงไม่ไปเกิดใหม่ ของสิ่งนี้ของเจ้า เป็นสิ่งที่เจ้าสวมมันอยู่ตอนที่ตาย ถูกผู้ใดถอดมันออกหรือ”

สายตาของอี้ชิวเคลื่อนไปยังเสื้อชั้นในในมือนาง กัดฟันสะกดกลั้นความโกรธ เอ่ย “ใช่เจ้าค่ะ เป็นพวกโจรกลุ่มหนึ่งที่แอบขุดหลุมศพแล้วถอดมันออกมาจากศพของข้าน้อย”

ฉินหลิวซีมองเห็นกรรมที่ออกมาจากร่างของนาง ดวงตาหรี่ลงครึ่งหนึ่ง เอ่ย “เจ้าฆ่าไปแล้วกี่คน”

อี้ชิวหลบสายตาเล็กน้อย เอ่ยขึ้นอย่างอ้อมแอ้ม “ข้าน้อยไม่อยากทำ แต่พวกเขาสมควรตาย พวกเขาไม่เพียงแต่ขุดหลุมศพและถอดเสื้อชั้นในของติดตัวสุดท้ายของข้าน้อยออกเพียงเท่านั้น พวกเขายังทำเรื่องที่แสนน่าสะอิดสะเอียนอีก ข้าน้อยไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เพียงแค่ทำให้พวกเขาตกใจกลัวเท่านั้น พวกเขาแบ่งผลประโยชน์กันไม่ลงตัวทะเลาะกัน ตกใจกลัวจนตายไปเอง”

ขณะที่นางกำลังเอ่ย ก็ชำเลืองตามองไปทางเหอโซ่วครู่หนึ่ง

ขาทั้งสองข้างของเหอโซ่วแข็งทื่อ เอ่ย“ข้าก็ไม่ได้ทำอะไร ข้าเพียงชื่นชมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ข้าไม่รู้เรื่องอะไร คิดว่าของสิ่งนี้ได้มาอย่างถูกต้อง จึงรับมันเอาไว้”

อี้ชิวส่งเสียงหึในลำคอ

“ผีร้ายฆ่าคนไหนเลยต้องลงมือด้วยตนเองถึงจะนับว่าเจ้าฆ่า เป็นเพราะเจ้าหลอกให้พวกเขาตกใจ จึงเป็นเวรกรรมก่อตัวขึ้น แม้ว่าพวกเขาจะทำผิดก่อน แต่ไม่ว่าผิดหรือถูก ความหนักเบาของเวรกรรมนี้มีบันทึกไว้ในเล่มบาปบุญ” ฉินหลิวซีเอ่ย “เจ้ายังไม่ได้บอกเลย ว่าเจ้าตายมานานเพียงใดแล้วไยถึงไม่ไปผุดไปเกิด เป็นเพราะพลาดจากประตูนรกหรือเหตุอื่นใด ดูจากรูปร่างหน้าตาของเจ้าตอนนี้ ตอนที่ตายคงยังเด็กอยู่ ไยถึงได้ร่วงหล่นโรยราเร็วถึงเพียงนี้”

อี้ชิวที่ชะงักไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ฮึกเหิมขึ้นมา เอ่ย “ข้าน้อยถูกคนทำร้าย พวกเขาวางยาสังหารข้าน้อย ยังไม่นับรวมที่พวกเขาใช้ตะปูสะกดวิญญาณผนึกข้าน้อยเอาไว้ในโลงศพ ด้วยเหตุนี้จึงไม่สามารถไปเกิดได้ ข้าน้อยไม่ยอม ข้าน้อยต้องฆ่าพวกเขา ข้าน้อยต้องการแก้แค้น ฆ่า!”

นางอ้าแขนทั้งสองข้างออก ความอาฆาตแค้นรุนแรง ผมเผ้าปลิวสยาย ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ราวกับนางกำลังจะกลายเป็นวิญญาณผีร้าย

ติงหย่งเหลียงและเหอโซ่วตกใจกลัวจนกอดกันกลม

ฉินหลิวซีสะบัดแขนเสื้อ “ต่อหน้าข้ามาอวดเบ่งสิ่งใดกัน เก็บความอาฆาตแค้นของเจ้ากลับไป”

คลื่นความโกรธซัดเข้ามา อี้ชิวเจ็บปวด เพียงครู่เดียวความหยิ่งยโสก็ถูกตีกลับคืนสภาพเดิม นางมองไปยังฉินหลิวซี ท่าทางน้อยใจและน่าสงสาร “ท่านเทพาจารย์น้อยช่างใจดำเหลือเกิน”

“เจ้าตายมาหลายสิบปีแล้วแต่ไม่เคยออกมาจากถ้ำเลย ไม่รู้ว่าเทพาจารย์ใจดำจริงๆ นั้นเป็นเช่นไร อาศัยเพียงความเป็นผีของเจ้า ซ้ำยังทำร้ายผู้คนอีก หากบังเอิญพบกับเทพาจารย์เหล่านั้น เจ้าคงถูกจัดการจนดวงวิญญาณแตกสลายไปตั้งนานแล้ว จะให้เจ้าได้มาติดตามปัญญาชนอวบอ้วนนี่ได้เช่นไรกัน และยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการมายืนอรชรอ้อนแอ้นต่อหน้าเทพาจารย์”

ปัญญาชนอวบอ้วนเหอโซ่ว “…”

ข้าแค่จ้ำม่ำขึ้นมาเล็กน้อยเท่านั้นเองนะ

ฉินหลิวซีถามขึ้นอีกครั้ง “ผู้ใดทำร้ายเจ้า”

อี้ชิวกัดฟันกลั้นโทสะเอ่ยขึ้น “หยวนซื่อภรรยาของโหลวหวาชิง นางวางยาพิษข้า”

โหลวหวาชิงคือผู้ใดฉินหลิวซีไม่รู้จัก ทว่าเพียงครู่เดียวติงหย่งเหลียงก็เอ่ยขึ้นมาอย่างหมดเปลือก เอ่ย “โหลวหวาชิง ผู้คุมแห่งสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน ข้าจำได้ว่าภรรยาของเขาคือหยวนซื่อจากชิงโจว ใต้เท้าโหลวเป็นบุคคลเรียบร้อยเอาจริงเอาจังมาก กับภรรยาก็รักใคร่กันดีราวกับดนตรีที่สอดประสานกัน ทั้งสองรักกันดีอย่างไม่มีข้อสงสัย และตลอดชีวิตของฮูหยินอาวุโสโหลวท่านนั้นสวดมนต์ถือศีลกินเจมาโดยตลอด สร้างบุญกุศลไว้มากมาย เจ้าเข้าใจผิดใช่หรือไม่”

อี้ชิวกัดฟัน เอ่ย “ข้าตายเร็วและยังตายอย่างไม่ยุติธรรมอีก จะรู้ได้อย่างไรกันว่าเขาใช่ผู้คุมหรือไม่ ตอนที่ข้ารู้จักเขา เขาเป็นเพียงแค่บัณฑิตที่วาดภาพเร้าอารมณ์ความรักระหว่างบุรุษและสตรี เสื้อตัวในตัวนี้ เป็นสิ่งที่เขาตั้งใจมอบให้ข้าเป็นพิเศษ ให้ข้าสวมใส่มันขณะเขาวาดภาพ และเขายังกล่าวว่าจะรับข้าเข้ามาเป็นอนุภรรยา ภรรยาของเขาผู้นั้นไม่ใช่คนดีอันใด นางเห็นโหลวหวาชิงหลงใหลในตัวข้า นางจึงเกิดความริษยา นางเสแสร้งแกล้งทำเป็นไถ่ตัวข้าออกมา เมื่อไปถึงจวนก็สังหารข้าด้วยเหล้าวางยาพิษ และยังใช้ตะปูสะกดวิญญาณผนึกข้าน้อยไว้ในโลงศพ นางต้องการให้ข้าเกิดใหม่ไม่ได้ตลอดไป”

“โหลวหวาชิงก็ไม่รู้หรือ”

อี้ชิวเผยยิ้มเยาะ “หอคณิกาเป็นสถานที่เพื่อความสนุกสนานเป็นครั้งคราว ข้าเองก็ไม่ได้เชื่อเขาทั้งหมด แต่เมื่อถูกไถ่ตัวออกมาก็อดที่จะยินดีไม่ได้ เมื่อมีทางเลือก ผู้ใดกันอยากจะให้คนนับร้อยนับพันมากอดจูบลูบคลำ แต่ใครจะรู้ว่าเส้นทางนั้นกลับไม่มีทางให้หวนย้อนกลับ คนแซ่โหลวผู้นั้น เขาไม่รู้เลยว่าหยวนซื่อสังหารข้าอย่างไร เพียงนางคณิกานางหนึ่งในหอคณิกาที่ราวกับไม่มีตัวตน จะทิ้งขว้างอย่างไรก็ได้ หยวนซื่อผู้นั้นสร้างสุสานให้ข้าได้อย่างหน้าซื่อใจคด ความจริงแล้วไม่ใช่เพียงเพื่อกีดขวางข้า ที่น่ากลัวคือสิ่งใดรู้หรือไม่ คือหลังจากที่นางฆ่าข้าแล้ว นางถามโหลวหวาชิงด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่าต้องการรับสตรีมีชาติตระกูลเข้ามาหรือไม่ สตรีนางนั้นไม่ได้จิตใจดีเหมือนอย่างภายนอก ท่านคอยดูเถิด สักวันหนึ่งข้าต้องให้นางชดใช้ด้วยชีวิต”

เมืองหลวงที่อยู่ห่างไกลออกไป หญิงชราหน้าตาใจดีคุกเข่าลงบนฟูก มองลูกประคำในมือของตนเองที่แตกกระจายร่วงหล่นลงบนพื้นด้วยใบหน้าตื่นตกใจ หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมา

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท