ตอนที่ 505 ข้ากับสกุลเหมิงเกิดมาเพื่อขัดแย้ง
เมื่อปักเข็มเย่ว์ติ้งทิ้งค้างเอาไว้ ฉินหลิวซีก็อาศัยเวลานี้พักผ่อนเล็กน้อย หลังจากที่ดื่มน้ำแกงไก่ไปหนึ่งชามอย่างไม่เกรงใจ สีหน้าก็ไม่ได้แย่เท่าใดแล้ว
การฝังเข็มรมยาคล้ายจะง่าย แต่ต้องรู้ตำแหน่งฝังเข็มที่แม่นยำ เมื่อทำการฝังเข็มต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับการรักษาอาการอัมพาตนี้ ยิ่งต้องทุ่มเท แต่หากกำลังไม่เพียงพอก็ไม่อาจฝังเข็มได้สำเร็จ
มิฉะนั้นเหตุใดหมอบางคนหลังจากที่ทำการฝังเข็มเรียกได้ว่าหมดพลัง เพราะต้องทุ่มเททั้งกายและใจ
ในกรณีที่รุนแรงยังอาจเปลืองพลังชีวิต พลังชี่ หลังจากการฝังเข็มก็อาจจะกระอักเลือดได้ แน่นอนว่าวิธีการฝังเข็มที่สามารถทำให้หมอหมดแรงและกระอักเลือดได้ ต้องซับซ้อนและเปลืองพลังงานมาก
เมื่อครบกำหนดเวลาที่ทิ้งค้างไว้ ฉินหลิวซีก้าวเดินขึ้นไปข้างหน้าเพื่อเก็บเข็ม ถอนรมยาหอมออกไป มองไปยังเย่ว์ติ้ง เอ่ยถาม “รู้สึกอย่างไรบ้าง”
“รู้สึกเจ็บขาขึ้นมาเล็กน้อย” เย่ว์ติ้งตอบกลับอย่างจริงใจ
“เพิ่งเริ่มการรักษาอย่างเป็นทางการวันแรก ท่านก็รู้สึกแล้ว ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี ร่างกายฟื้นฟูได้ไม่เลวเลย แต่ต่อจากนี้ไปรอบการฝังเข็มจะถี่ขึ้น ท่านอาจยิ่งรู้สึกเจ็บปวดขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกอาจรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นเป็นเรื่องที่ดี”
เมื่อเย่ว์ติ้งได้ยินแล้วจึงเอ่ย “ข้าเฝ้าคอยเป็นอย่างยิ่ง”
ฉินหลิวซีได้ยินก็เผยยิ้มอย่างมีความหมายออกมา ไม่ ท่านไม่เฝ้าคอยหรอก
เย่ว์ติ้งไม่เข้าใจรอยยิ้มนี้ จนกระทั่งหลังจากทำการฝังเข็มไปได้สี่วัน เมื่อเขามองเห็นเข็มก็พลันสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก เจ็บมากจริงๆ
อาการเจ็บปวดยังไม่ทันได้ทุเลาลง ยังต้องเข้าไปแช่ยาอาบสมุนไพรที่เตรียมไว้เป็นพิเศษอีก รู้สึกราวกับว่าร่างกายกำลังถูกเฉือนด้วยมีดคมอยู่ ถึงจะยินยอมรับความเจ็บปวด แม้ว่าเขาจะเป็นบุรุษผู้ที่ฝึกฝนการต่อสู้มาหลายปียังรู้สึกทรมาน เจ็บปวดจนไม่อาจทนได้
ทว่าความเจ็บปวดนี้ยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปากของเย่ว์ติ้งก็ยิ่งอ้ากว้างขึ้น เพราะว่าเจ็บมากยิ่งขึ้น นั่นแสดงว่าความรู้สึกการรับรู้ของเขาฟื้นฟูได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ภายใต้ความทุกข์ยากลำบากราวกับตกนรกทั้งเป็นของเย่ว์ติ้งเช่นนี้ผ่านไปเจ็ดวัน แข้งขาของเขาก็สามารถยืดงอได้แล้ว
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาไหลอาบไปทั้งใบหน้า
จมูกของเย่ว์ติ้งเองก็แสบขึ้นมา นานมากแล้วจริงๆ ที่ไม่ได้เคลื่อนไหวแข้งขาอย่างอิสระเช่นนี้
“การฟื้นฟูได้ค่อนข้างดี อีกไม่กี่วันคงจะสามารถลุกขึ้นยืนได้แล้ว” ฉินหลิวซีจับชีพจรแล้วจึงบอกเขาให้ไปแช่สมุนไพรด้วยร้อยยิ้ม
บ่าวรับใช้อาวุโสและเล่อสุ่ยเข็นเย่ว์ติ้งไปที่ห้องชำระล้าง เช่นเดียวกับการแช่น้ำอาบปกติ
เล่อสุ่ยเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น “นายน้อย ท่านเจ้าอาวาสน้อยเอ่ยว่าอีกไม่กี่วันท่านก็สามารถลุกขึ้นยืนได้แล้ว ดีมากเลยนะขอรับ ก่อนหน้านี้นางบอกว่าเกือบสองถึงสามเดือนถึงจะหายเป็นปกติมิใช่หรือ อย่างช้าก็ครึ่งปี บ่าวดูแล้ว เกรงว่าคงใช้เวลาสองเดือนก็กลับมาเป็นเช่นเมื่อก่อนแล้ว”
ในใจของเย่ว์ติ้งรู้สึกยินดีอยู่ในใจ ทว่าทำเป็นนิ่ง เอ่ย “อย่าลำพองใจมากเกินไป เพิ่งจะดีขึ้นเอง หลงระเริงเช่นนี้อาจทำให้ผู้คนตลกขบขันเอาได้”
เล่อสุ่ยยิ้มซื่อๆ และเกาหัวเบาๆ เอ่ย “บ่าวนี่ช่างดีใจจนออกนอกหน้าเสียจริงๆ ก็มันดีใจนี่ขอรับ”
เย่ว์ติ้งลูบแข้งขาที่ฟื้นฟูกลับมามีความรู้สึกไปมา ไยเขาจะไม่ดีใจเล่า
เล่อสุ่ยมองสีหน้าของบ่าวรับใช้อาวุโสที่ดูกังวลเล็กน้อย จึงอดถามขึ้นไม่ได้ “ลุงกวนท่านเป็นอะไรไปหรือ นายน้อยอาการดีขึ้นแล้ว เหตุใดท่านถึงดูมีความกังวลอยู่”
เย่ว์ติ้งเองก็มองไปเช่นเดียวกัน ด้วยแววตามีคำถาม
บ่าวรับใช้อาวุโสเอ่ย “บ่าวกำลังกังวลเรื่องค่ารักษาของนายน้อย”
ทั้งสองคนพลันชะงักไป
“ตอนแรกที่ท่านโหวอาวุโสขอร้องอ้อนวอนท่านเจ้าอาวาสน้อย นางได้เสนอเงื่อนไขค่ารักษามาเป็นไข่มุกมังกรวารีอายุห้าร้อยปีหนึ่งเม็ด ยามนี้สืบรู้ความเป็นไปแล้ว แต่กลับถูกคนลงมือชิงไปก่อน ซ้ำยังเอากลับคืนมาไม่ได้ นายน้อย ท่านจะบอกกับท่านเจ้าอาวาสน้อยอย่างไรขอรับ”
สีหน้ายินดีของเย่ว์ติ้งเลือนหาย เรื่องนี้พวกเขาเองก็เพิ่งรู้เช่นกัน เพราะทหารองครักษ์ใกล้ชิดข้างกายของท่านปู่มาบอก
ไม่สนว่าผู้ใดเป็นผู้ที่ได้ไข่มุกมังกรวารีนี้ไป แต่พวกเขาจะเอามันมาไม่ได้ นั่นคือปัญหาของพวกเขา เป็นพวกเขาที่ไร้ความสามารถ
“เอ่ยมาให้ชัดเจนเถิด” เย่ว์ติ้งเอ่ยด้วยเสียงเคร่งขรึม “หากไข่มุกมังกรวารีนั้นได้มายากจริง ลึกๆ แล้วสกุลเหมิงก็รู้ ใช้โอกาสนี้บีบบังคับ เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลเย่ว์จะยินยอม บอกความจริงกับนาง ดูว่านางจะมีท่าทีเช่นไร คงไม่ดีหากปิดบังมันไว้”
บ่าวรับใช้พยักหน้า “คงทำได้เพียงเท่านี้แล้ว”
เล่อสุ่ยเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธแค้น “สกุลเหมิงนั่นอาศัยเพียงความโปรดปรานของสนมเหมิงผู้เดียว ช่างไม่รู้ดีรู้ชั่วเสียจริงๆ ยามนี้รัชทายาทยังไม่ได้แต่งตั้งก็ยังแสดงอำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ หากฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งบุตรชายของนางจริง คงไม่ขึ้นสวรรค์เลยหรอกหรือ”
“เล่อสุ่ย ระวังวาจาด้วย” เย่ว์ติ้งจ้องเขาอยู่ครู่หนึ่ง
เล่อสุ่ยเม้มริมฝีปากลง ในใจกลับด่าทอบรรพบุรุษตระกูลเหมิงไปสิบแปดชั่วโคตรแล้ว ชั่วร้ายทั้งจวน
เมื่อเก็บของเสร็จเรียบร้อย หลายคนกลับมาที่ห้องรับแขกอีกครั้ง ฉินหลิวซีกำลังเอ่ยหลักการทางการแพทย์กับเถิงเจา เห็นว่าพวกขามาแล้วจึงได้หยุดการสนทนา ยื่นใบสั่งยาให้ไป
“ตอนนี้การรักษาได้ดำเนินไปได้ระยะหนึ่งแล้ว เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกอีกด้วย ข้าเปลี่ยนใบสั่งยา จากนี้ไปต้องกินยาตามใบสั่งยานี้ ไม่อาจหยุดออกกำลังกายได้ แข้งขาสามารถยืดหดได้แล้ว เคลื่อนไหวมากๆ ได้ปรับตัวสักหน่อย อย่างไรเสียท่านก็ไม่ได้เคลื่อนไหวมาเกือบสองปีแล้ว”
เล่อสุ่ยรับใบสั่งยามา
“เช่นนั้นหากไม่มีสิ่งใดแล้ว พวกเราขอตัวไปก่อน”
บ่าวรับใช้รีบรั้งนางไว้ “ท่านเจ้าอาวาสน้อยได้โปรดอย่าเพิ่งไป บ่าวมีเรื่องที่ต้องบอกขอรับ”
ฉินหลิวซีเลิกหางคิ้วขึ้น และนั่งลงอีกครั้ง
“คือว่า เงื่อนไขที่ท่านเจ้าอาวาสน้อยตกลงกับท่านโหวของพวกเรา ว่าต้องการไข่มุกมังกรวารีเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการรักษานายน้อยก่อนหน้านี้ ไข่มุกมังกรวารีนี้ จากการสืบข่าวรู้ที่มาที่ไปแล้วขอรับ”
ฉินหลิวซีหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง “อย่างไรหรือ ไข่มุกมังกรวารีนี้ถูกคนแย่งตัดหน้าไปหรือถูกทำลายไปแล้ว”
เล่อสุ่ยรู้สึกแปลกใจ “ท่านรู้ได้อย่างไร”
“แน่นอนว่าท่าทางการแสดงออกของพวกท่านบอกข้าหมดแล้ว พอเอ่ยถึงไข่มุกมังกรวารี ใบหน้าไม่มีความยินดีเลยแม้เพียงนิด กลับมีแต่ความละอายใจ แน่นอนว่าเป็นเพราะไข่มุกมังกรวารีไม่อยู่แล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ย
เย่ว์ติ้งเผยยิ้มเจื่อน “ไม่มีสิ่งใดปิดบังไปจากดวงตาทิพย์ของท่านได้จริงๆ ทว่ามิใช่ไม่มีแล้ว แต่มันถูกคนชิงไปก่อนแล้ว ของชิ้นนี้เป็นของครอบครัวชาวประมงที่ทำการประมงมาหลายชั่วอายุคน สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น แต่ไม่คิดว่าจะถูกลูกชายเจ้าของบ้านปล่อยมันออกไป แลกเปลี่ยนกับเส้นทางในอนาคตข้างหน้า”
“ตกอยู่ในมือของผู้ใดกัน”
“จวนอันเฉิงโหว ยังเป็นตระกูลเหมิง ครอบครัวบิดามารดาของพระสนมเหมิง พวกเขาได้ของล้ำค่าชิ้นนี้ไปแล้ว เพื่อมอบให้เป็นของกำนัลแก่ฮ่องเต้ในวันคล้ายวันพระราชสมภพ” เย่ว์ติ้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านปู่ตามไปด้วยตนเอง เพื่อเจรจากับตระกูลเหมิง เสนอเงินแสนตำลึงเงินไปเพื่อแลกกับไข่มุกนี้ แต่ถูกปฏิเสธ ฝ่ายตรงข้ามคิดว่าแสนตำลึงเงินนั้นไม่พอ ต้องการให้ตระกูลเย่ว์ของข้าสนับสนุนองค์ชายห้าของพระสนมเหมิงขึ้นเป็นว่าที่ฮ่องเต้ในอนาคต”
บ่าวรับใช้ชรารีบเอ่ยขึ้นต่อ “ตระกูลเย่ว์เฝ้าป้องกันทะเลตงไห่ แม้ว่ากองทัพทางน้ำของตระกูลเย่ว์จะมีเกียรติชื่อเสียงโด่งดัง ทว่าไม่เคยเข้าร่วมการช่วงชิงตำแหน่งกับองค์รัชทายาทที่ถูกแต่งตั้ง จงรักภักดีต่อฮ่องเต้เสมอมา พวกเขาจึงใช้โอกาสนี้บังคับขู่เข็ญ แน่นอนว่าท่านโหวไม่สามารถตอบรับได้ ดังนั้น…พวกเราจึงรู้สึกละอายใจต่อท่านเจ้าอาวาสน้อยจริงๆ”
ฉินหลิวซีที่กำลังเคาะโต๊ะเบาๆ ส่งเสียงเฮ้อๆ สองครั้ง “สกุลเหมิงอีกแล้วเช่นนั้นหรือ เกิดมาเพื่อขัดแย้งกับข้าสินะ”
ปีที่แล้วเกิดเรื่องขึ้นกับตระกูลฉิน สกุลเหมิงเองก็ยื่นมือเข้ามายุ่งทำให้ตระกูลฉินต้องล่มสลาย ครอบครัวต้องแตกแยกเป็นเสี่ยงๆ สตรีและเด็กต้องกลับไปยังบ้านเก่า ทำให้นางต้องแบกรับภาระอันใหญ่หลวงไปโดยปริยาย
ยามนี้ไข่มุกมังกรวารีที่นางต้องการ ก็ถูกสกุลเหมิงชิงตัดหน้าไปก่อนแล้ว หากไม่ใช่เกิดมาเพื่อขัดแย้งจะเป็นสิ่งใดกัน
นางไม่พอใจแล้ว
เย่ว์ติ้งเอ่ย “เกี่ยวกับไข่มุกนี้ ท่านปู่ได้ส่งทหารคนสนิทที่ไว้ใจได้ไปเจรจากับอันเฉิงโหวล่วงหน้าก่อนแล้วว่าสามารถแลกเปลี่ยนได้หรือไม่ ยังให้คนไปสืบหาว่ายังมีไข่มุกมังกรวารีอื่นอีกหรือไม่ เพียงแต่เกรงว่าความหวังจะเลือนราง อย่างไรเสียไข่มุกมังกรวารีห้าร้อยปี เปรียบเสมือนของศักดิ์สิทธิ์ หาได้ยาก หากสุดท้ายหามาไม่ได้ ชีวิตนี้ของข้าเป็นของท่านเจ้าอาวาสน้อย”
บ่าวรับใช้อาวุโสและเล่อสุ่ยพลันตกตะลึง คำสัญญานี้มันไม่ต้องถึงขั้นนี้กระมัง