“นี่.. เชีย ทำไมปลุกฉันช้าแบบนี้วะ มัวทำอะไรอยู่ห๊ะ? นี่เธอเป็นสาวใช้ประสาอะไรหา?”
“เฮ้ออ ถึงอย่างนั้นเธอกลับปล่อยให้ฉันนอนต่อแล้วค่อยมาปลุกซํ้าอีกรอบเนี่ยนะ”
“เธอนี่มันไรประโยชน์ชะมัดเลย อ่าา คงถึงเวลาต้องเปลี่ยนสาวใช้คนใหม่แล้วมั้ง”
“ฉันไม่ต้องการสาวใช้ที่ไร้ประโยชน์หรอกนะ”
อดีตอันดำมืดที่ได้กระทำอย่างโหดร้ายและไร้เหตุผลต่อสาวใช้นามว่า เชีย
(ไม่ ไม่ ไม่ ม่ายย ทำบ้าอะไรลงไปฟะ ไอ้เบเรต์คุงคนนี้!!)
ความจริงที่ว่าตัวเบเรต์พูดแบบนั้นไปโดยไม่ลังเลด้วยซํ้า ทำให้เขาประสาทจะแดก
“อะ เอ่อ…ท- ท่านเบเรต์เจ้าคะ”
“อะ อา ฉันตื่นแล้ว”
เขาได้ยินเสียงของเชียอีกครั้งจากหลังประตูหลังจากที่กระแสไฟฟ้าแปล๊บๆไหลผ่านหัวไป
ในที่สุดก็ดึงสติกลับมาได้ แล้วก็ได้มีเสียงพึมพำของเชียที่บ่งบอกถึงความกลัวของเธอ
ห้ามทำให้สาวน้อยคนนี้กลัวอีกเป็นอันขาด ผมระลึกไว้ในใจและเอ่ยตอบกลับไปอย่างอ่อนโยน
“เชีย เข้ามาสิ”
“เอ๊ะ ค ค่ะ ขออนุญาตินะเจ้าคะ”
เชียเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องนอนขณะที่กำลังสั่นกลัวกับคำพูดของเขา
เหมือนกับภาพในความทรงจำก่อนจะพบกัน
เธอแต่งกายด้วยชุดเมด ผมสีชมพูถักเปียน้อยๆผูกด้วยริบบิ้นสีชมพู ดวงตาสีฟ้าคราม
ตัวเล็กบวกกับใบหน้าที่ดูอ่อนวัย เธอกำลังถือถาดชาอยู่ในมือ
อันที่จริงนี่เป็นครั้งแรกผมได้พบกับเธอตั้งแต่กลับชาติมาเกิด แต่กลับน่าแปลกที่ไม่มีความอึดอัดใจเลย
“อะ- อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านเบเรต์”
“อื้ม อรุณสวัสดิ์นะ”
“อ เอ่อ….อรุณสวัสดิ์ค่ะ!”
“อะ อือ…..อรุณสวัสดิ์”
เธอคงไม่ได้คาดหวังกับการตอบกลับของเขาเลยทำสายตาเหม่อลอยไปชั่วขณะ หลังจากนั้นเธอก็รีบก้มหน้างุด
“อะ คือฉันเอาชามาให้เจ้าค่ะ อยากจะดื่มหน่อยไหมเจ้า…คะ?”
“อื้อ ไหนๆก็อุส่าเอามาให้แล้วขอหน่อยแล้วกัน เชียชงด้วยตัวเองเลยเหรอ?”
“เอ๊ะ คะ- ค่ะ เพราะเป็นหน้าที่ของฉัน—- ”
ทันใดนั้นเชียก็ปิดปากของเธอทันที และมองตํ่าลง
“หืม มีอะไรเหรอ?”
“…ระ หรือว่า จะไม่ชอบหรือเจ้าคะ?”
“เอะ!? ไม่ ไม่นะ ไม่ใช่แบบนั้น ”
ไม่นึกว่าเธอจะพูดแบบนั้น เลยอดสับสนไม่ได้กับคำตอบที่ไม่คาดคิด
(เฮ้ออ…ไอ้เจ้าเบเรต์นี่ รังแกเด็กที่พยายามอย่างหนักขนาดนี้…ถ้าตามปกติแล้วเธอไม่ควรจะพูดแบบนั้นแท้ๆ)
สลัดความขุ่นมัวในใจทิ้งไปด้วยความรู้สึกที่ว่าช่วยไม่ได้นะ
ผมยิ้มน้อยๆและก้มหัวให้เล็กน้อย
“ขอบคุณมากนะที่คอยเตรียมชามาให้เสมอเลย เชีย”
ผมเอ่ยคำขอบคุณที่เธอสมควรจะได้รับ
แต่ว่าในช่วงเวลาต่อมาผมก็ตระหนักได้ว่าการกระทำนี้ทำให้เธอเกิดทำพลาดขึ้นมา
“เอ๊ะ…..”
“อ๊ะ! เดี๋ย-”
สิ่งที่เห็นคือใบหน้าตกตะลึงของเชียและถาดในมือของเธอก็หล่นลงพื้น
เบเรต์ ชายผู้คอยข่มเหง รังแกเธออยู่ตลอด แต่ตอนนี้กลับก้มหัวขอบคุณให้ในวันนี้ ทำให้แขนขาของเธอหมดแรงไปเสียดื้อๆ
เป็นเรื่องปกติที่ประหลาดใจ ราวกับว่าสวรรค์และโลกกลับหัวกลับหางกันเสียอย่างนั้น
เพล๊งง!!
เสียงแก้วแตกดังลั่น เศษแก้วบินกระจายไปทั่ว
“……”
“……”
ณ ที่เกิดเหตุทั้งสองอึ้งกิมกี่ เงียบสนิท ดวงตาของเชียเบิกกว้างทันที และเธอก็ดึงสติกลับมาได้
“ขะ- ขออภัยจริงๆเจ้าค่ะนายท่าน ขออภัยจริงๆ”
“เดี๋ยวก่อน!!”
ใบหน้าของเธอซีดลงจนน่าใจหายและรีบก้มลงไปเก็บเศษแก้วที่กระจายอยู่ตามพื้น เธอรีบยื่นมือออกไปด้วยความตื่นตระหนก โดยคิดว่าต้องรีบทำความสะอาดให้เร็วที่สุด แต่ก็หยุดมือกลางคัน
ถ้าเก็บเศษแก้วด้วยมือเปล่าแบบนี้ล่ะก็โดนบาดแน่
ถึงจะน่าอ่อนใจ แต่ว่าเหตุผลที่ทำให้เธอว้าวุ่นใจคงเป็นเพราะการกระทำของเรเบต์ที่ผ่านมา
“มันอันตรายนะ เดี๋ยวฉันทำเอง”
“เอ๊ะ…..”
ถึงเธอจะเป็นแค่สาวใช้ แต่เธอก็เป็นเด็กผู้หญิง ตามหลักแล้วควรให้เธอทำความสะอาด แต่สถานการณ์แบบนี้ผมก็ไม่สามารถปล่อยให้เธอทำได้จริงๆ
ขณะที่ผมคิด ก็เริ่มค่อยๆเก็บเศษแก้วที่กระจายไปทั่วและเช็ดคราบนํ้าชาด้วยผ้า
ระหว่างนั้นผมก็เหลือบไปเห็นเชียนํ้าตาคลอ สั่นไปทั้งตัว
(นี่มันเลวร้ายกว่าที่คิดซะอีก….)
ถึงจะน่าเศร้า แต่นี่ก็เป็นผลมาจากเรื่องเลวร้ายระหว่างเขากับเธอที่ผ่านมาทั้งหมด
ถ้าจะพยายามไม่ให้เธอรู้เรื่องการเกิดใหม่ของผม แน่นอนว่าการทำตัวแบบเดิมก่อนที่จะมาเกิดใหม่คงจะดีที่สุด
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมก็ทำเรื่องโหดร้ายกับเธอแบบนั้นไม่ได้จริงๆ
มันค่อนข้างน่าเศร้านะ ที่พอพูดขอบคุณแต่เธอดันตกใจ และทำสีหน้าผวาเสียขนาดนั้น
“เอ่อ เชีย เป็นอะไรรึเปล่า? ไม่ได้โดนบาดใช่ไหม?”
“ค ค่ะ คือฉันไม่ได้รับบาดเจ็บค่ะ….ขออภัยด้วยค่ะ..”
“…หืม?”
ผมคิดว่า ทำไมคำขอโทษของเธอมันดูเหมือนกับว่า ‘ขอโทษจริงๆค่ะ ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ’
เมื่อคิดไปคิดมา เทียบดูกับสิ่งที่เธอเจอมาจนถึงตอนนี้น่าจะมีความเป็นไปได้ที่ผมจะคิดถูก
“ไม่ต้องขอโทษหรอกนะ เธอไม่ได้รับบาดเจ็บก็ดีแล้วล่ะ”
“…….”
บางทีเพราะไม่ได้ยินคำสั่งอะไร เธอเลยก้มหน้าก้มตารอคำสั่งต่อไป
ด้วยสถานะนายบ่าวแบบนี้ ผมคงต้องพูดอะไรสักอย่างสินะ
“เอ่อ เชีย”
“อะ!”
“อาา จะว่าไงดี…ไม่ว่าใครก็ทำพลาดได้ทั้งนั้นแหละ คราวหน้าก็ระวังหน่อยแล้วกัน ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้อีกก็ใจเย็นๆแล้วค่อยทำความสะอาดอย่างระมัดระวังนะ ”
“เอ๊ะ?”
“ไม่ใช่ ‘เอ๊ะ’ สิ คราวหน้าก็ระวังด้วย เข้าใจไหม?”
ผมมองใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความตะลึงงันแล้วบอกไปอีกครั้ง
“อะ ค- ค่ะ…”
“ดีล่ะ ถ้างั้นก็รายงานไปว่าฉันเป็นคนทำแก้วพวกนี้แตกเองก็แล้วกันนะ”
“เอะ อ- ต แต่ว่า นั่นมัน…”
“เอาน่า เอาน่า ไม่เป็นไร”
ไม่ว่าจะเชียหรือเบเรต์เป็นคนทำ ผลสุดท้ายแก้วมันก็แตกไปแล้วอยู่ดี เพียงแต่ถ้าอ้างชื่อผมก็น่าจะไม่มีปัญหาตามหลัง
“อะ เอ่อ แล้วเรื่องการลงโทษ…แถมแก้วนี้ยังเป็นใบโปรดของท่านเบเรต์ด้วย….”
ถ้าปกติแล้วก็ใช่ล่ะนะ ‘นั่นน่ะแก้วใบโปรดเลย’ แต่คงจะพูดแบบนั้นไม่ได้ งั้นเอาแบบนี้แล้วกัน
“อืมม ฉันชอบก็จริง แต่ว่าสักวันนึงไม่ช้าก็เร็วมันก็ต้องพังอยู่ดี เพราะงั้น คราวนี้จะไม่มีการลงโทษ ”
“…….”
(อื้มๆ ประหลาดใช่มั้ยล่ะ เข้าใจเลย ตัวตนที่คอยรังแกเธอมาจนป่านนี้กลับมาพูดจาอ่อนโยนแบบนี้ อื้มๆ)
อยากพูดประโยคนี้ออกไปจริงๆ เพราะงั้นต้องรีบทำความคุ้นเคยกับเจ้า เบเรต์ นี่ให้ได้เร็วๆ
“ยังไงก็เถอะ เชียไม่ได้รับบาดเจ็บก็ดีแล้วล่ะ แก้วมันยังมีสำรองมากมาย แต่สำหรับเชียมันไม่มีอะไรมาทดแทนได้นะ”
“………….”
(อื้มๆ ประหลาดโคตรๆเลยสิเนอะ ไอ้เจ้าเบเรต์หน้าเกือกที่คอยรังแกเธอมาตลอด กลับมาพูดจานํ้าเน่าอะไรแบบนี้ อื้มม ๆ)
ในขณะที่เขากำลังพูดกับตัวเองในใจ เขาก็ค่อยๆเรียบเรียงคำพูดอย่างระมัดระวัง เพื่อที่ไม่ให้ถูกจับได้ว่ามาเกิดใหม่จากต่างโลก
“เดิมทีสาเหตุที่ทำให้เธอทำแก้วแตกก็เพราะฉันใช่มั้ยล่ะ? เหมือนกับว่าตัวฉันต่างไปจากปกติ. อะไรประมาณนั้น”
“ม- ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ เพราะฉันประมาทเอง ก็เลย….”
“นี่..เอาจริงๆนะ ในสายตาของฉัน นั่นดูไม่เหมือนประมาทเลยสักนิดเดียว”
“เอ๊ะ”
ผมได้ยินเสียงหอบหายใจ อาจเพราะเธอรู้สึกว่าเหมือนโดนดุรึเปล่านะ?
(ทำไมต้องสั่นหงึกๆ ขนาดนั้นด้วยล่ะ)
ผมรู้สึกสงสารเธอจับใจเลยจริงๆ
“….บะ- บอกตามตรง ฉันรู้สึกตกใจ…..มากจริงๆค่ะ”
“ที่พูดว่า ‘ขอบคุณ’ น่ะเหรอ?”
“………..(ผงกหัว)”
เชียพยักหน้าเล็กน้อยหลังจากค้างไปนานมาก และเธอก็เงยหน้าขึ้นมองอย่างกังวล
มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับท่านเบเรต์แน่ๆ ผมสัมผัสได้ว่าเธอรู้สึกอย่างนั้น
จากนี้คือจุดไคล์แมกแล้ว เพื่อที่จะไม่ให้โดนจับได้ว่ากลับมาเกิดใหม่
“ก็นะ ตัวฉันน่ะ ค่อนข้างเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมากเลยใช่มั้ยล่ะ?”
“…..”
ความเงียบถือเป็นการยืนยัน ไม่มีทางที่เธอจะมองมาที่ผมและปฏิเสธว่า ‘ผมไม่ได้เปลี่ยนไปเลย’
นี่เป็นข้อแก้ตัวของตัวผมที่ทำร้ายเธอจนมาถึงตอนนี้
ความจริงผมไม่รู้จะพูดกับเธอยังไงดี การขอโทษเพียงครั้งเดียวไม่อาจลบล้างเรื่องเลวร้ายทั้งหมดที่เธอโดนมาตลอดได้
ผมเปิดปากพูดโดยหลอกใช้ความอ่อนโยนของเชีย
“ถึงมันจะดูไม่น่าให้อภัยได้เลยก็เถอะ แต่ว่า ที่ผ่านๆมาฉันขอโทษนะเชีย. สำหรับเรื่องที่ผ่านมา ทุกเรื่องเลย”
“เอ๊ะ!?”
ในโลกนี้ การที่ทายาทของมาร์ควิสจะขอโทษสาวใช้ของตัวเองนั้นเป็นไปได้ยากมาก ไม่สิแทบเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซํ้า แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม เมื่อทำผิดก็ควรที่จะขอโทษ
อาา ทำหน้าอย่างกับเห็นผีเลยแน่ะ ‘ก็นะ เพราะผมเป็นผีที่มาสิงร่างไอ้หมอนี่ยังไงล่ะ ฮะ ฮ่า ฮ่า’
ว่าไปนั่น ผมพูดไปแบบนั้นไม่ได้แน่ๆผมคิด และหันไปรอบๆเริ่มคิดหาเหตุผลอื่น
เหตุผลที่แท้จริงที่เบเรต์ชอบแกล้งเชียเพราะว่าเขา ‘เกลียดเธอ ’ ไม่มีทางที่ผมจะบอกเหตุผลอันน่าสิ้นหวังนี้กับเธอแน่ๆ
“กะ ก็นะ จะว่าไงดี สำหรับเชียที่ดูเป็นคนเก่งและก็ขยันอาจจะไม่จำเป็นก็เถอะ แต่ที่ฉันทำไปก็เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อเธอออกจากตระกูลฉันไปแล้ว จะไม่มีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตน่ะนะ เผื่อว่าเธอจะไปเป็นสาวรับใช้ของตระกูลอื่น หรือที่ไหนก็ตาม”
“……..”
“ก- กะ ก็นั่นไง อะไรๆก็ไม่แน่นอนใช่มั้ยล่ะ วันดีคืนดีตระกูลฉันอาจจะล่มสลายก็ได้ใครจะไปรู้นี่ เน๊อะ! เพื่อเป็นหลักประกันไง ใช่! หลักประกันน…”
“……………”
“ตะ แต่ว่าฉันปรึกษากับเพื่อนมาน่ะ แล้วมันก็บอกว่า ‘ทำเกินไปแล้วเห้ย!’ ฉันก็เลยมาคิดทบทวนดูมันก็เกินไปจริงๆแหละ ร-….เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ เพราะงั้น ขะ…ขอโทษนะ”
(อ๊าา ปวดใจ ปวดใจชะมัดเลยว้อย ต้องมาแก้ตัวนํ้าขุ่นๆ แถสีข้างถลอกแบบนี้ ฮือ….)
นี่คือสิ่งที่ผมคิดขณะอธิบายกับเธอด้วยสีหน้าที่โคตรจริงจัง //TN:ประโยคอธิบายนี่ดำนํ้าลึกจัดเลยนะครับขออภัยด้วย พยายามเกลาคำให้เข้าใจง่ายที่สุดละ บุ๋งๆๆๆ
“ท่านเบเรต์…..”
“อือ?”
“มะ หมายความว่า…. ที่ท่านเบเรต์ทำกับฉันแบบนั้นเพราะคิดถึงตัวฉันมาโดยตลอดเลยเหรอคะ? ไม่ใช่เพราะว่าฉันทำงานไม่เก่งหรอคะ…..”
“แน่นอนสิ เชียพยายามได้ดีมากเลยนะ ดีเกินพอสำหรับสาวใช้คนนึงเลย”
“ฮึก..”
ด้วยคำพูดเหล่านี้ ก็เพียงพอที่จะกระตุกต่อมนํ้าตาของเชียที่ไม่ได้รับคำชมใดๆเลยมานานหลายปี
เธอพยายามเอาผมเปียของเธอมาบังหน้าไม่ให้เห็นว่าเธอกำลังร้องไห้
“อะ อาา ฉันขอโทษจริงๆนะที่ตลอดมาทำให้เธอรู้สึกแย่ จากนี้ไปฉันจะดีกับเธอให้มากขึ้น หลังจากนี้เธอก็มาพึ่งพาฉันได้นะ?”
ผมไม่สามารถขอให้เธอเชื่อผมได้หรอก ไม่มีทางเลย เพราะเรื่องที่เธอผ่านมามันหนักหนามากจริงๆ
ผมพยายามโน้มน้าวเธอด้วยคำโกหกคำโต
ผมรู้ตัวดีว่าวิธีนี้มันไม่ถูกต้อง ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังอยากใช้เวลากับเชียสร้างความทรงจำดีๆขึ้นมาบ้าง
อยากจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข อยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเธอ ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
และราวกับเธอตอบสนองต่อความรู้สึกนี้ เชียก็พยักหน้าเบาๆ
TN:ชื่อของพระเอกจะอ่านว่า ไบเร่ หรือ เบเร่ ก็ได้นะครับที่หมายถึงหมวกไบเล่ หมวกเบเร่น่ะแหละ ทั้งนี้ผมอิงตามต้นฉบับนะครับ เป็น เบเรต์แทน ชื่อแปลกจริงๆไอ้หมอนี่ ฮะๆ