“……..ก็คาดไว้แล้วล่ะนะ แต่ก็ไม่นึกว่าจะถึงขนาดนี้”
สถานที่นี้ มันช่างน่าสิ้นหวังกว่าที่คิดเอาไว้มาก
ภายในห้องเรียน
ทันทีที่ผมเดินเข้ามา ผมก็สังเกตุได้ว่าหลายๆอย่างเปลี่ยนไปทันทีอย่างกับสับสวิทซ์
ข้อแรก เพื่อนร่วมชั้นที่พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน กลับปิดปากเงียบกันโดยพร้อมเพรียงกัน
ข้อสอง ไม่มีใครกล้าสบตากับผมเลยสักคน
ข้อสาม เมื่อผมเดินไปนั่งที่ของตัวเอง ประดุจว่ามีกำแพงล่องหนรายล้อมผมอยู่ ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้โดยสิ้นเชิง
ไม่มีใครเข้ามาข้องเกี่ยว และก็ไม่มีใครอยากทำแบบนั้นเช่นกัน ถูกเมินโดยสิ้นเชิง ทำอย่างกับผมเป็นตัวภัยพิบัติเลย
(ฮึกก~ แบบนี้มันก็เกินไปป่าว มันเจ็บจี๊ดในกระดองใจเลยนะ! ถึงขั้น Emotional damage เลยนะ! ผมล่ะสงสัยจริงๆว่าบาเรต์คนก่อนมันโอเคกับสภาพแวดล้อมแบบนี้จริงดิ…)
ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ นั่นแหละที่ผมกำลังรู้สึกอยู่
จากนี้ไปผมจะอยู่เงียบๆแล้วคับ ไม่สร้างปัญหาแล้วคับ ข้อร้องล่ะช่วยทำอะไรสักอย่างกับบรรยากาศแบบนี้ที
ผมตั้งเป้าหมายเช่นนั้นไว้ในใจ แต่เอาจริงๆผมก็คิดว่ามันไม่น่าง่ายขนาดนั้น
******
ในขณะที่เบเรต์นั่งอยู่คนเดียวนั้น ความเหงาเปล่าเปลี่ยวก็เริ่มเกาะกินหัวใจ
“โอ๊ะ โฮ่ยๆ โกหกใช่มั้ย- นั่นไง ตรงนั้นๆ! นั่นท่านเอเลน่านี่นา!”
“นายเนี่ยน้า อย่ามาหลอกกันซะให้ยากเลย”
“ไม่ใช้ว้อย นี่ฉันพูดจริงๆนะเฟ้ย โน่นไง!!”
“……”
“โฮ่ยย นิ่งเชียวนะแก ตกหลุมรักตั้งแต่แรกพบแล้วรึไงฮะ..”
เมื่อมองไปที่ประตูทางเข้า ก็มีคนๆหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจแก่คนรอบข้างเป็นอย่างมาก
“อืม…วันนี้มาสายซะแล้วสิ”
เอเลน่า เลคเลอร์ ผมเอ่ยขึ้นเบาๆขณะมีนั่งมองนาฬิกาแขวนเรือนใหญ่ที่ริมกำแพง
เธออยู่เรียนอยู่ปี 3 เช่นเดียวกับเบเรต์
จุดเด่นของเธอคือผมสีแดงเพลิง ยาวถึงระดับเอวของเธอ
ดวงตาสีม่วงแววตาดูเฉียบคม จมูกโด่งเข้ารูปกับใบหน้า ริมฝีปากสีชมพูดูอวบอิ่ม และโช้คเกอร์สีดำคล้องรอบคออันเรียวบางของเธอ
เธอเป็นลูกสาวของท่านเอิร์ลที่เป็นชนชั้นสูง ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ได้รับความไว้วางใจจากผู้คนมากมาย โดยที่ไม่ต้องอ้างชื่อหรือตำแหน่งของทางตระกูลเลย กลับกันเธอแทบจะไม่สนชื่อเสียงของตัวเองเลยด้วยซํ้า
หน้าตางดงาม บุคลิกดี เธอเดินเข้าไปภายในอาคารเรียนมุ่งหน้าไปที่ห้องเรียนสายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องไปที่เธอด้วยความหลงไหล
—และตอนนั้นเอง
เมื่อเธอเห็นเพื่อนเธออยู่ข้างหน้าเธอก็เบิกตาสีม่วงคู่งามนั้นและร้องทัก
“อาร่า อรุณสวัสดิ์นะ เชีย บังเอิญจังเลยเนอะ”
“อ๊ะ! อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านเอเลน่า”
ใช่แล้ว เพื่อนของเธอก็คือ เชีย สาวใช้ของเบเรต์นั่นเอง
เอเลน่าทักทายด้วยรอยยิ้ม และเชียก็เช็ดมือของเธอที่เพิ่งล้างเสร็จด้วยผ้าเช็ดหน้า
สาวใช้ของมาร์ควิสและลูกสาวของท่านเอิร์ล ถ้ามองแว๊บแรกยังไงก็ดูไม่มีความเชื่อมโยงกันเลยสักนิด
แม้กระทั่งงานของชนชั้นสูงที่จัดขึ้นนอกโรงเรียนอย่างงานเลี้ยง พวกเธอก็ไม่เคยพบกันเลยด้วยซํ้า
เชียสาวใช้ผู้ใสซื่อบริสุทธิ์และเด็กสาวผู้เป็นที่นิยมแต่กลับไม่แคร์ชื่อเสียงของตนเองและเข้าหาทุกคนอย่างเท่าเทียม เป็นการจับคู่ที่เข้ากันได้ดีจนน่าประหลาด
“วันนี้ท่านเอเลน่ามาโรงเรียนค่อนข้างช้าเลยนะคะ”
“ค่ะ จริงๆแล้วฉันมัวสะสางปัญหาของน้องชายน่ะ เลยมาสายขนาดนี้”
“อ่อ อย่างงั้นเหรอคะ. ฉันเองก็อยากเป็นคนที่พึ่งพาได้แบบท่านเอเลน่ามั่งจังเลยน้า…ว่าไปนั่น.. ”
“พูดอะไรแบบนั้นน่ะ เธอก็เป็นคนที่พึ่งพาได้มาตลอดนั่นแหละค่ะ”
“ม- มมมม..ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ!? ไม่ได้ใกล้เคียงเลย….”
เชียโบกมือเล็กๆของเธอและปฏิเสธอย่างสุดกำลัง เมื่อเห็นปฏิกิริยาแสนโอเวอร์ของเชีย เอเลน่าก็เอามือปิดปากสไตล์ลูกคุณหนู หรี่ตาลงและหัวเราะอย่างสนุกสนาน
“อุฟุฟุ~ การได้คุยกับเธอทำให้ฉันมีกำลังใจขึ้นมาเลย ต้องขอบคุณเชียแล้วสิเนี่ยที่ไปเด็ดดอกไม้แต่ก็ยังมาเจอกันโดยบังเอิญได้แบบนี้” //TN:เด็ดดอกไม้ก็ไป 4 นั่นล่ะ
“เอ๊ะ!? ท- ทำไมถึงรู้เรื่องนั้น…”
“ก็เชียพึ่งเดินมาจากห้องนํ้าทางนั้นนี่นา แล้วเธอก็พึ่งเช็ดมือไปเมื่อกี้ไม่ใช่เหรอ”
“อะ…”
เชียมักจะโดนเธอแกล้งแหย่เล่นเช่นนี้อยู่เสมอ ด้วยบุคลิกของเธอก็คงต้องเป็นอย่างนั้น
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเชียกลายเป็นสีแดง เธอรีบเก็บผ้าเช็ดหน้าราวกับต้องการจะทำลายหลักฐาน
“โธ่…ท่านเอเลน่า อย่าพูดแบบนี้ที่โถงทางเดินสิคะ ถ้ามีพวกผู้ชายได้ยินเข้าจะทำยังไงล่ะคะ..”
“ฟุฟุ~ ฉันขอโทษน้า ก็มันหายากนี่นาที่เธอจะเดินไปเช็ดมือไปแล้วดูใจลอยขนาดนั้น เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า?”
“ค- ค่ะ ที่จริงแล้ว เมื่อเช้ามีเรื่องดีๆเกิดขึ้นด้วย ฉันกำลังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ก็เลย..”
“เอ๊ะ? เรื่องดีๆที่ว่านี่มันดีขนาดนั้นเลยเหรอ? ถึงขนาดเดินหม่อไปเช็ดมือไปด้วย?”
“ชะ- ใช่แล้วค่ะ”
เชียตอบทันทีด้วยดวงตาสีฟ้าครามที่เป็นประกาย
“ทำหน้าเหมือนอยากให้ช่วยรับฟังเลยนะ เล่ามาสิคะ”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ!”
เอเลน่าผ่อนคลายบรรยากาศลงเล็กน้อย ราวกับว่าเธอกำลังดูแลน้องสาวของเธอเอง
“คือว่านะคะๆ เป็นเรื่องเมื่อเช้านี้น่ะค่ะ ท่านเบเรต์ชมฉันด้วยล่ะค่ะ ‘พยายามได้ดีมากเลยนะ’ และก็ ‘ขอบคุณนะสำหรับที่ผ่านมา’ แบบนี้เลยค่ะ!! ”
“เอ๊ะ?”
“ฉันรู้โล่งใจมากๆเลยค่ะที่พยายามมาจนถึงตอนนี้ พอนึกถึงคำพูดของท่านเบเรต์ทีไรก็ดีใจมากจนจะบินได้อยู่แล้วค่ะ เอะเฮะเฮะเฮะ ”
เชียประสานมือทั้งสองบนใบหน้าถูแก้มที่แดงจางๆไปมา ท่าทางดูมีความสุข
เธอพยายามอย่างหนักมาจนถึงตอนนี้ แต่กลับไม่เคยได้รับคำชมเลย
เป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะคลั่งได้ขนาดนี้
“เดี๋ยวนะเชีย ขอยืนยันอีกทีได้ไหม นี่เบเรต์…ชมเธองั้นเหรอ เบเรต์เนี่ยนะ? เจ้าเบเรต์นั่นเนี่ยนะ?”
“ใช่ค่ะ! และก็นะ เพื่อเป็นรางวัลของความพยายามฉันเลยได้รับอิสระให้ทำอะไรก็ได้ในช่วงที่อยู่ในโรงเรียนด้วยนะคะ! ”
“…หืมมม?”
ข่าวลือที่ไม่ดีของเบเรต์ เอเลน่าก็รับรู้ด้วยเช่นกัน
แต่สาวใช้ส่วนตัวของเขากลับพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับข่าวลือโดยสิ้นเชิง ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอีกต่างหาก
“อ๊ะ ไม่ใช่แค่นั้นนะคะ ตอนที่ฉันยกชาไปให้ท่านเบเรต์แต่ก็เกิดพลาดขึ้นมาทำแก้วแตกหมดเลย แถมยังเป็นแก้วใบโปรดของเขาอีกต่างหาก”
“ล- แล้วไงต่อ”
“ท่านเบเรต์ค่อยๆเก็บเศษแก้วที่แตกด้วยตัวเอง เขาไม่อยากให้ฉันโดนแก้วบาดแถมยังช่วยปกป้องฉันอีก เขาพูดว่า ‘บอกว่าผมเป็นคนทำแตกเองนะ เข้าใจไหม?’ เขาพูดแบบนั้นเลยนะคะ! ”
“……”
“ว- หวาา พอนึกย้อนกลับไป นึกว่าจะโดนไล่ออกซะแล้ว…”
“……”
เมื่อได้ยินเชียเล่าด้วยความกระตือรือร้นขนาดนั้น บัดนั้นในหัวของเอเลน่าพลันขาวโพลน อึ้งจนพูดไม่ออก พอตั้งสติได้เรื่องที่เชียเล่ามากับข่าวลือแย่ๆของเบเรต์ตีกันมั่วไปหมด
เอเลน่าหัวจะปวดกับสิ่งนี้
(น่ะ– นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะเนี่ย… เบเรต์กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?)
เรื่องที่เชียเล่ามาทำให้เธอรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก