ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 35 ลอบวางแผนร้าย กระจกสะท้อนความอาจหาญ-4

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 35 ลอบวางแผนร้าย กระจกสะท้อนความอาจหาญ-4

หลิวรุ่ยอิ่งมองนายทหารกำยำร่างใหญ่กว่าตนเองหลายเท่าตรงหน้า อดรู้สึกหวาดกลัวฮั่ววั่งติ้งซีอ๋องมากขึ้นอีกหลายส่วนไม่ได้

ความโกรธเมื่อครั้นออกจากอาคารกรมก่อนหน้ามลายหายไปไม่น้อย

“ติ้งซีอ๋องมีเรื่องใดหรือ”

นายทหารทัพอีกาดำไม่ตอบคำ เพียงส่งจดหมายให้หลิวรุ่ยอิ่ง

หลิวรุ่ยอิ่งเปิดจดหมาย เห็นจดหมายที่เฮ่อโหย่วเจี้ยนผู้ว่าการหัวเมืองที่กำลังนำทัพแนวหน้าตั้งค่ายสู้กับทหารหมาป่าเขียนให้ผู้ควบคุมรัฐทังหมิง

ไม่ได้ใช้หนังสือราชการ และไม่มีตราประทับหลวง ที่กล่าวล้วนเป็นเรื่องส่วนตัว

ครั้นได้เห็นเนื้อหาในจดหมาย หลิวรุ่ยอิ่งพลันรู้สึกเหนือความคาดหมาย

ในจดหมายนั้น เฮ่อโหย่วเจี้ยนเร่งรัดให้ทังหมิงส่งเงินทองจำนวนหนึ่ง ม้าจำนวนนับไม่ถ้วนและสตรีนารีนับร้อย สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ทางการทหาร แต่เพื่อนำส่งมอบแก่อั๋งหรานแม่ทัพฝ่ายซ้ายของราชสำนักทุ่งหญ้าเพื่อปฏิบัติตามข้อตกลง

ในจดหมายไม่ได้เขียนเนื้อหาข้อตกลงโดยละเอียด คาดว่าทังหมิงคงทราบอย่างชัดเจน

แต่สิ่งที่หลิวรุ่ยอิ่งยินดีก็คือ ในพริบตาเดียวความผิดฐานสมคบกับศัตรูของเฮ่อโหย่วเจี้ยนนับว่าเป็นหลักฐานมัดตัวแน่นหนา แม้แต่ทังหมิงก็นับว่าเป็นหนึ่งในผู้สมคบคิด

หากจัดการเรื่องนี้ได้ดี เช่นนั้นคุณงามความดีก็คงไม่ธรรมดา

แม้ว่าอาณาจักรห้าอ๋องจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาอำนาจไว้ แต่สำหรับศัตรูต่างแดนรุกรานกลับเห็นพ้องต้องกันเป็นพิเศษ ผู้ควบคุมรัฐติงแสนมีเกียรติร่วมกันสมคบคิดแลกเปลี่ยนกับผู้ใต้บังคับบัญชาราชสำนักทุ่งหญ้า ไม่ว่าจะด้วยจุดประสงค์ใด ตราบใดที่เรื่องนี้ถูกเปิดเผย แม้แต่ฮั่ววั่งติ้งซีอ๋องก็ยังต้องตกที่นั่งลำบากเป็นแน่

ภาพลักษณ์ที่เขาทำงานหนักเพื่อปกป้องชาติบ้านเกิด คุ้มกันชายแดนมานานหลายปีพังทลายในพริบตา แม้ว่าผู้คนในใต้หล้าจะไม่ถือโทษตำหนิเขา แต่หากใช้คนเป็นแพะรับบาปโดยไม่ตรวจสอบก็ยังคงนั่งอยู่ในตำแหน่ง ไม่รู้ต้องใช้เวลาอีกนานเพียงใด และสถานการณ์แบบใดจึงจะสามารถปลดออกได้

ก่อนหน้านี้หลิวรุ่ยอิ่งกังวลเรื่องการเลื่อนขั้นสู่ระดับสามติดต่อกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

เคราะห์ร้ายมักตามด้วยโชค ครั้นเสพสุขให้ระวังความทุกข์ เรื่องราวราบรื่นเกินไปย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นคำกล่าวที่ว่ารักสนุกทุกข์ถนัดมาจากที่ใดกัน ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าความดีความชอบจะตกอยู่ที่เขา แต่ตัวเขากลับไม่ทราบสิ่งใดเลย อ้างความสำเร็จของผู้อื่นมาเป็นของตนเองจะไม่ให้กังวลใจได้อย่างไร

ทว่าตอนนี้มีหนทางใหม่ที่ดียิ่งกว่า

โอกาสอันยิ่งใหญ่เช่นนี้วางอยู่ตรงหน้า หากสามารถตัดรากถอนโคนได้ เช่นนั้นต่อให้เลื่อนขั้นสามระดับติดต่อกันก็ไร้ความกังวลใจ

สำหรับผู้ใดที่หยิบยื่นความสำเร็จให้ตนเองเมื่อครั้งก่อน เพียงตรวจสอบมันอย่างช้าๆ ในวันข้างหน้า ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน หลิวรุ่ยอิ่งรู้สึกว่าแม้คนผู้นั้นจะวางแผนมุ่งร้ายต่อเขา ก็คงไม่ลงมือในยามนี้เป็นแน่ ไม่เช่นนั้นจะผลักดันเขาให้รับตำแหน่งนายกองเพื่อการใด

“ท่านอ๋องกล่าวว่าท่านเป็นคนที่รักษาคำพูด ฉะนั้นเมื่อท่านได้อ่านจดหมายแล้วขอให้มุ่งหน้าไปค่ายทัพอีกาดำจับกุมกบฏร่วมกับท่านอ๋องที่ชายแดนทันที”

เมื่อนายทหารทัพอีกาดำเห็นหลิวรุ่ยอิ่งอ่านจดหมายแล้วจึงกล่าวต่อ

จากนั้นเดินผ่านคนของกรมสอบสวนราวกับไม่มีผู้ใดอยู่รอบกายมาจนถึงหน้าประตูจวนผู้ควบคุมรัฐแล้วเคาะประตู

ผู้ที่เปิดประตูเป็นผู้ดูแลรัฐอาวุโส

ผู้ดูแลรัฐผู้นี้แตกต่างจากโจวอวิ๋นอวิ่นภรรยาทังหมิง

โจวอวิ๋นอวิ่นเพียงเพื่อได้ยินชื่อตำแหน่งขุนนางให้สบายหูเท่านั้น แต่ผู้ดูแลรัฐผู้นี้กอบกุมอำนาจอย่างแท้จริง

กล่าวได้ว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนแรกของทังหมิงในรัฐติง

ไม่ว่าจะผู้คนหรือเรื่องธรรมดาทั่วไป เขาล้วนกระทำการได้อย่างเต็มอำนาจ จัดการเรื่องราวด้วยตนเอง

เพียงแต่ครั้งนี้ เมื่อเปิดประตูก็พบกับทหารทัพอีกาดำ แม้แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่

“ทหารทัพอีกาดำมีเหตุอันใดจึงมาเยี่ยมเยือนถึงจวนหรือ”

ผู้ดูแลรัฐอาวุโสประสานมือคำนับ ถามด้วยความยำเกรง

“ถ่ายทอดคำสั่งจากท่านอ๋อง ‘ข้าล่วงหน้าไปก่อน ให้เขา (ทังหมิง) ติดตามมาภายหลังและพบกับข้าที่ค่ายใหญ่แนวหน้าของเฮ่อโหย่วเจี้ยน’”

นายทหารทัพอีกาดำกล่าวจบพร้อมจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

ไม่สนใจว่าชายชราผู้นี้คือใคร จะถ่ายทอดคำสั่งให้ทังหมิงหรือไม่

เขาเพียงแค่ปฏิบัติตามคำสั่งของฮั่ววั่งอย่างซื่อสัตย์ ไม่พลาดแม้แต่คำเดียว กระทั่งเลียนแบบน้ำเสียงได้เหมือนจริงยิ่งนัก

บางทีในความทรงจำของเขายังไม่มีผู้ใดในอาณาจักรติ้งซีอ๋องกล้าฝ่าฝืนเจตจำนงของท่านอ๋อง

หากมีละก็ เช่นนั้นก็เป็นเพียงอีกไม่กี่ชีวิตภายใต้เงื้อมมือทหารทัพอีกาดำทุกนายเท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร

ทัพอีกาดำไม่เพียงสกัดกั้นการรุกรานกดขี่จากต่างแดนและต้านทหารหมาป่าได้เท่านั้น แต่ยังช่วยสยบความขัดแย้งในเมืองและสังหารกบฏได้

เพียงแค่รัฐติงเล็กๆ ไม่เคยอยู่ในสายตาของพวกเขาจริงๆ

หลิวรุ่ยอิ่งเห็นภาพนี้ ในใจพลันรู้สึกมั่นอกมั่นใจเต็มเปี่ยมจนรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า

ไม่มีผู้ใดในอาคารกรมสอบสวนทราบเกี่ยวกับบุญคุณความแค้นพัวพันระหว่างหลิวรุ่ยอิ่งกับจวนผู้ควบคุมรัฐ โดยเฉพาะกับทังหมิงและฮั่ววั่ง

สาเหตุทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเฮ่อโหย่วเจี้ยน แต่ตอนนี้เรื่องนี้ก็ได้ข้อสรุปแล้ว หลิวรุ่ยอิ่งจะไปแสดงอำนาจที่จวนผู้ควบคุมรัฐอีกเห็นทีจะไร้ความหมาย

เขารีบส่งคนกลับไปอาคารกรมสอบสวนเพื่อนำเอกสารลับคุกหลวงแต้มเครื่องหมายสีแดงชาดที่ทางคุกหลวงส่งมาในตอนนั้น ส่วนตนเองจะรีบนำกลุ่มคนมุ่งหน้าไปค่ายทัพอีกาดำที่ฮั่ววั่งประทับอยู่

…………………………

ภายในจวนผู้ควบคุมรัฐติง

ไม่รอให้ผู้ดูแลรัฐอาวุโสถ่ายทอด ทังหมิงทราบทุกอย่างอยู่ก่อนแล้ว

ในวันนั้นตนเองถามบุตรชายว่ามีกลยุทธ์ใดใช้ทำลายสถานการณ์ได้ ซงเอ๋อร์กล่าวว่าให้เฮ่อโหย่วเจี้ยนกุเรื่องแสดงละครเผยความอ่อนแอ ชักจูงทหารหมาป่าตั้งค่ายโจมตี จากนั้นถอยให้ชายแดนทั้งห้าเมืองเพื่อเพิ่มคุณค่าและความสำคัญของตระกูลทังให้ได้รับโอกาสรอด

สิ่งที่ทังจงซงไม่ทราบก็คือ แท้จริงแล้วบิดาของตนเองได้เดินหมากตัวนี้มานานแล้ว

ทว่ากระดานหมากรุกบิดาเขาใหญ่ยิ่งกว่าและการเคลื่อนหมากก็แปลกยิ่งกว่า

เรื่องทหารหมาป่ารุกรานในคราวนี้ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนเป็นการวางแผนของทังหมิงบิดาเขาทั้งสิ้น เพียงเพื่อแสดงละครตบตาฮั่ววั่ง

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพยายามติดต่อกับแม่ทัพฝ่ายซ้ายอั๋งหรานหนึ่งในสองแม่ทัพใหญ่ภายใต้หลางอ๋องแห่งราชสำนักทุ่งหญ้าทุกวิถีทาง

จากนั้นบุกเดี่ยวข้ามฟาก ไม่สวมชุดเกราะ ไม่พกอาวุธ เพียงเพื่อแสดงความจริงใจ

แต่เงื่อนไขของอั๋งหรานก็เหี้ยมโหดจนน่ากลัว

เงินทองเครื่องประดับเพชรพลอยยังพอว่า อาชาและนารีก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เช่นกัน

คาดไม่ถึงว่าเขาต้องการชายหนุ่มแข็งแรงกำยำจำนวนแปดร้อยเก้าสิบเอ็ดคน พร้อมทั้งเรียกร้องขอให้เกิดในเวลาอิน เดือนอินและปีอินทั้งหมด

ตอนนั้นทังหมิงรู้สึกประหลาดใจ เหตุใดชาวทุ่งหญ้าที่ไม่เชื่อเรื่องผีสางเริ่มให้ความสำคัญกับทฤษฎีเวลาและฮวงจุ้ยของอาณาจักรห้าอ๋องอย่างกะทันหัน

แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ทังหมิงจึงไม่คิดมาก สนใจเพียงตกปากรับคำไว้ก่อน

ต่อมาได้รวบรวมจากหลายฝ่าย กระทั่งลักพาตัวทหารหัวเมืองรัฐติงของตนเองอย่างไม่นึกเสียดาย จนในที่สุดก็ครบตามจำนวน

ครั้นส่งคนไปถึง อั๋งหรานก็เป็นคนรักษาคำพูดเช่นกัน รีบสั่งการให้หน่วยกลืนจันทราโจมตีเมืองทั้งห้าที่ชายแดนรัฐติงก่อนเทศกาลไหว้พระจันทร์ของราชสำนักทุ่งหญ้าทันที

เดิมทีทังหมิงมีความแค้นกับหน่วยกลืนจันทรา ในช่วงเวลานั้นราชสำนักทุ่งหญ้ากำลังจะมีงานใหญ่ครั้งแรก หลังจากหน่วยกลืนจันทราผ่านการพักรักษาตัวมาหลายปีจู่ๆ ก็หวนย้อนกลับมาเพื่อล้างแค้นให้อดีตผู้นำหน่วยเมื่องานใหญ่มาถึง

สาเหตุและเหตุผลทั้งหมดล้วนไร้ช่องโหว่ ไม่มีสิ่งใดผิดปกติหรือมีส่วนใดที่น่าสงสัยทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้ การแสดงครั้งใหญ่ของทังหมิงที่พยายามรักษาตำแหน่งและอำนาจของตนเองจึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นวสันต์ฤดู เหมันต์ฤดูและฤดูฝนแล้ว

เขาใช้รัฐติงเป็นเวทีแสดงละคร ใช้อาณาจักรติ้งซีอ๋องและราชสำนักทุ่งหญ้าเป็นตัวเอกเข่นฆ่ากันเอง

ท้ายที่สุด บุตรชายของเขายังคิดจะใช้ชายแดนเมืองทั้งห้าเป็นเหยื่อล่อ สร้างสถานการณ์ให้ขยายใหญ่ออกไปอีกขั้น

ต้องกล่าวว่าทักษะวางกลอุบายของทังจงซงเหมือนบิดาของเขาไม่มีผิดเพี้ยน

เพียงแต่ในยามนี้ทังจงซงดูราวกับเสียขวัญและเสียสติ

เขากลัดกลุ้มใจอยู่ในห้องของตนเองเพราะเรื่องที่เผียวเจิ้งหงกลับมาล่าช้า

คนใช่ต้นไม้ใบหญ้า ไม่อาจไร้รักงั้นหรือ ยิ่งกว่านั้นต้นไม้ใบหญ้ายังข้องเกี่ยวในมิตรภาพ

เขาไม่ต้องการเลียนแบบชายผู้นั้น รู้จักผู้มีฝีมือยอดเยี่ยมทั่วหล้า

แต่กับเผียวเจิ้งหงนอกเหนือจากความสัมพันธ์ระหว่างนายและบ่าวแล้ว อาจกล่าวได้ว่ามิตรภาพตัดกันไม่ขาดจริงๆ

………………………………………………..

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท