หลังจากกลับมาที่บ้านของพ่อแม่ ผมก็ตัดสินใจจะอยู่ต่ออีกหนึ่งวันก่อนจะกลับนาโกย่า
“จะว่าไปแล้วนะยูกิ ลูกบอกว่าจะออฟไลน์ คอแลปกับฟูวาริ ลูกแน่ใจแล้วใช่ไหม?”
“ผมคิดว่าผมโอเคนะ พ่อถามทำไมหรอฮะ?”
“ลูกต้องใช้แลปท็อปที่สเปคดีในระดับหนึ่งเลยสำหรับออฟคอแลป ลูกจะใช้แค่กล้องแล้วถ่ายตัวเองไม่ได้อยู่แล้ว จริงไหม? ไลฟ์เวอร์ของบริษัทอย่างฟูวาริเปิดเผย่ใบหน้าของตัวเองไม่ได้หรอกนะ”
“อ่า พอพ่อพูดแบบนั้นแล้ว… ผมน่าจะยังไม่พร้อม…”
ผมลืมไปเลย
ออฟคอแลปแรกของผมนั้นทำกับคาโอรุซังและความทรงจำในช่วงนั้นก็ยังอยู่ในหัวของผม
“อืมมม ลูกจะกลับพรุ่งนี้ใช่ไหม?
ทำไมวันนี้เราไม่ได้ร้านเครื่องใช้ไฟฟ้ากันหละ? เราจะไปกันด้วยรถ”
“พ่อแน่ใจหรอ?”
“แน่ใจสิ พ่อมีวันหยุดอยู่แล้ว เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
“ขอบคุณฮะ พ่อ!”
“เอาละไปกันเถอะ”
“โอเค!”
ผมรีบเตรียมตัวเพื่อที่จะไปร้านเครื่องใช้ไฟฟ้ากับพ่อ
แม่ดูเหมือนจะมีเรื่องที่ต้องทำที่บ้าน เธอเลยไม่ได้มาด้วย
พวกเรามาถึงที่ร้านหลังจากขับออกมาจากบ้านประมาณครึ่งชั่วโมง
มันอยู่ในชนบท เพราะงั้นเราต้องไปที่กลางเมืองเพื่อหาร้านดีๆ ซึ่งทำให้ใช้เวลาซักพัก
“มันก็ซักพักแล้วที่พ่อมาที่ร้านพวกนี้”
“ผมคิดว่าครั้งสุดท้ายคงเป็นตอนที่ผมซื้อคอมพิวเตอร์ในร้านสาขาที่นาโกย่า”
“ลูกซื้อจากสาขาของร้านนี้หรอ?
ว่าแต่อันที่โชว์ไว้ตรงนี้อันไหนที่ใกล้เคียงกับสเปคคอมของลูก?”
ตอนที่พ่อผมถาม ผมก็เจอคอมเครื่องที่ราคาประมาณสี่แสนเยนที่มีสเปคใกล้เคียงกัน
“ผมคิดว่าอันนี้จะใกล้เคียงที่สุดนะ? แต่ของผมแค่สามแสนเยนเอง”
“ลูกได้ของที่เคียงกับเจ้านี้ในราคาสามแยนเยนเองหรอ? มันถูกมากเลยนะ”
“มันเหมือนจะเป็นสิ้นค้าลดราคา และพวกเขาบอกว่ามันมีจำนวนจำกัด ผมไปตั้งแต่เช้าและโชคดีที่ได้มันมา”
“พ่อจำได้ว่ามันมีช่วงวันขอบคุณแรงงานที่ร้านนี้ในช่วงใบไม้ผลิ บางที่คงจะเป็นตอนนั้น”
“อ่า! พอพ่อพูดมาแล้วอาจจะใช่ก็ได้!”
“แล้วลูกซื้ออะไรอีก?”
“โมชั่นแทร๊กเกอร์ ออดิโออินเตอร์เฟส แคปเจอการ์ด ไมโครโฟนสองแบบ อันหนึ่งเป็นอันที่ราคาไม่แพงมากแต่ใช้งานได้ดีในระดับหนึ่ง อีกอันเอาไว้ทำ ASMR แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ ไมค์ ASMR กับ โมชั่นแทร๊กเกอร์ นี้แพงที่สุดแล้วฮะ”
“อ่า ราคาไมโครโฟนมันขึ้นอยู่กับหลายอย่าง แล้วลูกซื้อไมค์อะไรสำหรับ ASMR หละ?”
ตอนที่พ่อถาม ผมก็ชี้ไปที่ไมโครโพน
“อันนั้นฮะ” ผมพูดชี้ไปที่แบรนที่มีชื่อเสียงซึ่งมีราคาประมาณห้าหมื่นเยน
“ออดิโอ เทคนิก้าสินะ? มันเป็นผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ พ่อคิดว่ามันเป็นตัวเลอกที่ดีนะ”
“ฟูว…”
“แต่ก็นะ ตราบเท่าลูกใช้มันแล้วไม่มีปัญหา นั้นแหละสำคัญที่สุด”
“จริงหรอ?”
“อย่างแรกที่เราต้องสนใจคือความทนทาน คุณภาพเสียง และความง่ายในการใช้งาน ราคานะเป็นเรื่องหลังๆเลย”
“อ่า เข้าใจแล้ว เพราะว่าพ่อมาจากบริษัท…”
“ใช้แล้วหละ แต่อุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่พ่อมีในบ้านเป็นของใช้ส่วนตัวนะ”
“หือ? จริงหรอ?”
“แน่นอนว่าพ่อใช้พวกมันสำหรับไลฟ์ เพราะงั้นบริษัทก็จ่ายให้บางส่วน แต่พ่อก็มีอุปกรณ์จากแบรนที่ไม่ดังและอุปกรณ์สำหรับการใช้งานเฉพาะบางอย่างด้วย”
“อะไรบ้างหรอฮะ?”
“พ่อมีไมค์ที่สามารถใช้เป็นทั้งไมโครโฟนธรรมดาและไมค์ ASMR ลูกสามารถเปลี่ยนไปมาได้”
“มันเอาไว้ใช้สำหรับอะไรหรอฮะ?”
“เอาตามตรงก็ ไม่ค่อยได้ใช้หรอก แต่พ่อซื้อมันมาเพราะมันน่าสนใจ… มันเป็นการซื้อด้วยเงินในกระเป๋าของพ่อเองเลย”
(ผู้แปล : คุณแม่โนโซมิกำหมัดแล้ว)
“เดียวนะ มันออกมาตอนไหนเนี้ย?”
“เร็วๆนี้เอง พวกมันถูกทำขึ้นมาด้วยเทคโนโลยีที่ยังเป็นปริศนา พ่อเลยอดใจซื้อมาไม่ได้
คุณภาพเสียงมันดีมาก และส่วนที่เป็นไมค์ธรรมดาก็ทำงานได้ดี เพราะงั้นมันไม่ได้เป็นการซื้อที่แย่อะไร
มันทำงานได้ยังไงยังคงเป็นปริศนาละนะ”
“ความพยายามของผู้ผลิตนี้สุดยอดมากๆ….”
“ใช่ไหมละ?”
“จะว่าไปนะพ่อ ผมควรซื้อสเปคแลปท็อปแบบไหนดีฮะ?”
“อย่างน้อยลูกก็ต้องการคอมที่สามารถเปิดโปรแกรมโมเดลโดยเชื่อมต่อกับกล้องได้และไลฟ์ไปพร้อมกันด้วย เพราะงั้นคงต้องเป็นอะไรที่ราคามากกว่าแสนห้าหมื่นเยน”
“อุ๊ก แพงจัง…”
“หืม? อันนี้ก็โอเคเลยนะ”
แล้วเขาก็ชี้ไปที่แลปท็อปราคาสองแสนเยน
“มันเกินไปหนิหนึ่งแต่ก็ไม่แย่เลย”
“มันมากเกินไปหรอฮะ?”
“ใช่ ยังไงซะแทร๊กกิ้งจะถูกทำโดยกล้อง ตราบเท่าที่ลูกแสดงโมเดลไว้แล้วไลฟ์มันก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“ทำไมอันนี้ถึงดีหรอฮะ?”
“กล้องในตัวยังไงหละ”
“มันดีหรอฮะ?”
“มันมีความสามารถระดับเดียวกับกล้องโทรศัพท์สมัยใหม่เลยหละ”
“งั้นผมก็ไม่ต้องซื้อกล้องแล้ว!”
“ถูกต้องแล้ว”
“แล้วสเปคก็ดีพอที่จะเปิดโปรแกรมทุกอย่าง?”
“เกินพอเลยหละ อันที่จริงด้วยสเปคแบบนี้ พ่อพูดเลยว่าเขาสามารถขายแพงกว่านี้ห้าหมื่นเยนยังได้เลย แต่มันราคาถูกกว่านั้นเพราะการใช้งานมันเฉพาะเจาะจงกว่าแลปท็อปทั่วไป”
“มันมีเรื่องที่ต้องนึกถึงเยอะเลยแหะ?”
“ยังไงซะผู้ผลิตเขาทำธุรกิจ ถ้าพวกเขารู้ว่ามันไม่มีความต้องการซื้อ พวกเขาจะอยากรีบขายมันออกไป ต่อให้ต้องลดราคาก็ตาม”
“โอเค ผมตัเสินใจแล้ว ผมเอาอันนี้!”
“โอ๋! ลูกเลือกได้แล้วสินะ”
“ผมไม่ได้รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เพราะงั้นผมเชื่อใจพ่อฮะ!”
“ดีใจที่พ่อช่วยลูกได้ พวกเราไปจ่ายเงินกันได้เลยไหม?”
“ช่าย!”
พวกเราไปที่เค้าเตอร์จ่ายเงินพร้อมกับคูปองในมือ
ผมส่งคูปองให้กับพนักงาน ผู้ที่กลับเข้าไปเอาสิ้นค้า แล้วผมก็รอเขากลับมา
มันใช้เวลาประมาณสามนาทีก่อนที่พวกเขาจะกลับมาพร้อมกับสินค้า
พวกเราตรวจสอบว่ามันเปิดได้และไม่เห็นปัญหาอะไร ผมก็ซื้อมัน
พวกเขาพูดเหมือนกับตอนที่ผมซื้อคอมพิวเตอร์ -ถ้ามันมีตำหนิอะไรกรุณานำมันมาเปลี่ยนที่ร้านหรือร้านสาขา
ผมตัดสิ้นใจเพิ่มระยะเวลาประกันเหมือนกับคอมพิวเตอร์เครื่องก่อนหน้าของผม แล้วจ่ายเงิน
ผมไม่มีเงินสดมากพอ ผมเลยใช้เดบิทการ์ดของผมเพื่อเบิกเงินออกมาบัญชีของผม มันอันตรายที่จะพกเงินจำนวนมากๆไปไหนมาไหน
“เอาหละ ตอนนี้เราได้ของที่ต้องการกันแล้วกลับบ้านกันเถอะ”
“ได้เลยฮะ!”
แล้วผมกับพ่อก็ตรงกลับบ้าน
การได้คอมพิวเตอร์ใหม่ทำให้ผมตื่นเต้นเสมอ ใช่ไหม? หรือมันเป็นแค่ผมกันนะ?
************
ผู้แปลก็อยากได้คอมใหม่…
-A Cup of Owls