242 กระแสของเหตุการณ์
“――ให้ข้าบอกเอง”
มีบุคคลที่ไม่คาดคิดเข้ามาขวางระหว่างที่ฉันกำลังปลดปล่อยเจตนาฆ่าอย่างสงบ กับอาคาชิที่กำลังตื่นตระหนก
ซาคุมะ・ชิโนบาซ ชายหนุ่มผมดำ ตาสีเช้ม สวมชุดสูทไร้ที่ติ
เขาเป็นผู้ดูแลและพ่อบ้านของฉันที่ส่งมาจากประเทศ
แม้ว่าแม้ว่าพวกเราจะอาศัยอยู่ในคฤหาสน์เดียวกัน แต่ฉันก็ไม่ได้พูดคุยกับเขามากนัก แต่เพราะเขาซื่อสัตย์ต่อหน้าที่จึงไม่มีปัญหาอะไร
เขาไม่ได้มาหาฉันทุกครั้งที่มีโอกาสเหมือนพวกเด็ก ๆ และถึงแม้ว่าฉันจะยังเป็นเด็ก แต่ก็เป็นห้องของเด็กผู้หญิง เขาจึงไม่เตยเข้ามาในห้องส่วนตัวของฉันเลย ดังนั้นการติดต่อทุกวันของพวกเราจึงเหลือเพียงช่วงยืนส่งออกไปข้าง หรือช่วงเสิร์ฟอาหารแค่นั้น
เขาช่วยทำงานบ้านทุกอย่าง ดูแลพวกเด็ก ๆ และช่วยริโนกิสทำขนม
ตอนนี้เขากลายเป็นบุคคลที่ขาดไม่ได้ในการดูแลคฤหาสน์แห่งนี้
“นานแล้วนะกว่าที่พวกเราจะได้คุยกันตรง ๆ อีกครั้ง”
“นั่นสินะครับ ส่วนตัวแล้วผมเองก็ผิดหลังเช่นกันที่โอกาสดันเป็นเรื่องนี้”
ฉันก็เหมือนกัน
“ซาคุมะ บางทีนายคงรู้เรื่องคราวนี้สินะ?”
“――นอกจากเนียโอโจ้ซามะแล้ว เธอยังบ้าไปด้วยสินะ”
ตรงข้ามกับอาคาชิที่ไร้ซึ่งการแสดงออกขี้เล่นอย่างทุกที ซาคุมะก็ไร้สีหน้าเช่นปกติ สองคนนี้เป็นพี่น้องกันจริงเหรอ? ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือเปล่า แต่เมื่อมองดูทั้งคู่แบบนี้แล้ว ในมุมนี้พวกเขาก็ดูค่อนข้างคล้ายกันจริง ๆ
“โอโจ้ซามะ ได้โปรดเข้าใจความสำคัญของข่าวร้ายที่อาคาชินำมาแจ้งด้วยครับ นอกจากนี้ก็อยากจะขอให้ฟังเรื่องของผมด้วยครับ”
……ความสำคัญ……
อ้า เข้าใจล่ะ
ฉันคิดว่าฉันเข้าใจนิดหน่อยแล้ว
และฉันก็สงบลงเล็กน้อย
งั้นเหรอ มันไม่ง่ายขนาดยนั้นสินะ
“――คนที่เกี่ยวข้องด้วย เป็นคนที่แม้แต่ตระกูลชิโนบาซก็แตะต้องไม่ได้สิเน๊ะ?”
ฉันไม่เคยได้ถามรายละเอียดมาก่อน แต่ตระกูลชิโนบาซเป็นสายลับ และไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคือ บุคคลสำคัญในมาเวเลีย
กล่าวอีกนัยหนึ่ง พวกเขามีอำนาจในการจัดการกับปัญหาส่วนใหญ่ก่อนที่จะมาถึงตัวฉัน ตัวอย่างที่ดีคือการลงโทษขนานใหญ่ของสารวัตรทหารเมื่อเร็ว ๆ นี้
เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้แล้ว ก็จะเข้าใจเรื่องราวในครั้งนี้
หรือโดยสรุปก็คือ――มืออันใหญ่โตที่เข้ามาเกี่ยวข้องมีพลังที่แม้แต่ชิโนบาซก็ไม่อาจเทียบเคียงได้ ประมาณนั้น
ซาคุมะพยักหน้าให้กับคำพูดของฉัน แล้วหันไปให้ความสนใจกับอาคาชิ
“อาคาชิ(明石) เธอได้ตรวจสอบสัญญาที่โรงงานแล้วหรือยัง?”
“ฉ๊านทำไปแล้ว มันถูกต้องตามกฎหมาย ถึงจะไม่รู้ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม สัญญาไม่มีส่วนไหนผิดกฎหมาย ……หากสิ่งต่าง ๆ ยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ เท่ากับทุกอย่างจะถูกขโมยไปจริง ๆ”
“นอกจากนี้ สัญญาอีกฉบับที่ได้เป็นการลงนามระหว่างเนียโอโจ้ซามะกับโรงงาน ก็ได้หายไปจากคฤหาสน์หลังนี้เรียบร้อยแล้ว”」
หายไป……?
“ผมเป็นคนที่ขโมยมันไปจากคฤหาสน์หลังนี้ และมอบให้กับอีกฝ่าย――ด้วยมือตัวเองครับ”
ซาคุมะพูดอย่างเปิดเผย ระหว่างที่หลบหมัดของอาคาชิที่ชกออกไปโดยทันที
“――ก็พอเข้าใจแล้ว งั้นก็ทีละเรื่อง”
จริง ๆ แล้วฉันสับสนนิดหน่อย
การพัฒนาม้าจักรกลถูกขโมยไป และซาคุมะก็ขโมยสัญญา
อาคาชิโกรธมากจริง ๆ
และก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ริโนกิสก็มาอยู่ที่นี่แล้ว เธอพุ่งเป้าไปที่ซาคุมะอย่างไร้ความปราณี
ฉันสับสนนิดหน่อย เพราะว่าจู่ ๆ ฉันก็ได้รับข้อมูลมากมาย
“สำหรับตอนนี้ ซาคุมะ ฉันจะฆ่านายหรือไม่ขึ้นอยู่กับเรื่องราว ได้สินะ”
“แน่นอนครับ”
“ฉันจะทำลายมาเวเลียด้วย ได้สินะ?”
“หากเป็นไปได้ ได้โปรดยกโทษให้โดยแลกกับชีวิตของผมคนเดียวด้วยเถอะครับ”
……งั้นเหรอ ม๊า ช่างมัน
“เป็นแบบนั้นสินะ ไอ้นั่นน่ะ? เหมือนกับการวางแผนเทคโอเวอร์ใช่ไหม?”
นี่ไม่ใช่การเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน นี่คือวิธีที่พวกเขาเอาสิทธิ์ในสิ่งประดิษฐ์ไป โดยวางแผนไว้อย่างดี และปราศจากปัญหาทางกฎหมายใด ๆ ด้วย
“นั้นสิเน๊ะ มีผู้ส่งสารจากบุคคลสำคัญคนหนึ่งมาที่โรงงานของไฟรช์ เอาสัญญาที่เขาเซ็นกับเนียไป และบังคับให้เขาเซ็นสัญญาฉบับใหม่”
เข้าใจล่ะ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้วิธีขโมยมันโดยการเปลี่ยนเจ้าของสัญญาสินะ
“พวกเขาสมัครใจยกเลิกสัญญาของฉันเหรอ?”
ทุ่มโดยเงินจำนวนมหาศาล ได้รับเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่า ――ถ้าเป็นแบบนั้นก็ช่างมัน
“ไม่ ดูเหมือนพวกเขาจะต่อต้านกันไม่น้อย ……สามพี่น้องนั้นต่างได้รับบาดเจ็บกันเล็กน้อย”
อ้า เป็นอย่างงั้นสินะ
แย่ที่สุดเลยสินะ
……ถือว่าเป็นพรในความโชคร้ายที่ไม่มีใครตาย ฉันอยากให้พวกเขายอมทิ้งสัญญากับฉันไปมากกว่าที่จะต้องมีคนตาย การตัดสินใจของครอบครัวไฟรซ์ไม่ผิดหรอก
“เจ้าของเจตซัง ฝากขอโทษมาด้วยล๊า”
“งั้นเหรอ ฉันจะไปพบกับเขาในภายหลังแล้วกัน”
ฉันรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณครอบครัวไฟรซ์จริง ๆ ฉันคิดว่าเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
――แน่นอนว่าผู้กระทำผิดจะต้องชดใช้ค่าเสียหายอย่างแน่นอน
“แล้ว? สัญญาที่ฉันลงนามกับโรงงานไฟรซ์ ถูกซาคุมะขโมยไปมอบให้กับคนที่ขโมยงานนี้ไปใช่ไหม?”
สัญญาจะมีหนึ่งสำเนาสำหรับตนเองและอีกฝ่ายหนึ่ง
เมื่อพูดถึงสัญญาใหญ่ที่เกี่ยวของกับเงินจำนวนมาก จะมีสำเนาสัญญาสำหรับพยานเก็บแยกไว้ต่างหาก และบุคคลที่สามจะต้องเข้ามาแทรกแซงในฐานะพยาน แต่สัญญาของฉันกับโรงงานไฟรซ์ไม่มีบุคคลที่สาม
“ใช่ ผมทำเช่นนั้นจริง”
งั้นเหรอ
“อย่าพูดว่าทำเหมือนแค่รำคาญสิเฟ๊ย”
“……”
“เด็ดเดี่ยวจังน๊า เน๊ เด็ดเดี่ยวจ๊างงงง”
“……”
ซาคุมะเมินเฉยต่อการยั่วยุของอาคาชิ
“แล้ว เท่ากับว่าฉันไม่สามารถพิสูจน์ถึงการมีอยู่ของสัญญาระหว่างฉันกับโรงงานไฟรซ์ได้อีกแล้วสินะ และสัญญาฉบับใหม่มีผลบังคับใช้แล้ว และพวกเขาสามารถนำการพัฒนาที่ดำเนินการมาทั้งหมดออกไปได้อย่างครบถ้วนตามกฎหมายสินะ”
เข้าใจล่ะเข้าใจล่ะ
อืม
“ฉันเข้าใจกระแสเกือบทั้งหมดแล้ว น่าจะถึงเวลาถามว่านายกังวลเรื่องอะไรมากที่สุด”
ดูเหมือนว่าชาวต่างชาติไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายในมาเวเลีย
อย่างที่อาคาชิพึ่งพูดไป เนื่องจากสัญญากับโรงงานไฟรซ์ถูกยกเลิกไปแล้ว งานพัฒนาทั้งหมดก็ถูกขโมยออกไป
หากในท้ายที่สุดแล้ว จำเป็นต้องไปขึ้นศาล ต่อให้แม้ว่าฉันจะมีสัญญาอย่างเป็นทางการอยู่ก็ตาม สัญญานั้นอาจเป็นโมฆะด้วยวิธีการบางประการอยู่ดี
ตอนนี้พวกฉันไม่ได้รับการคุ้มครองโดยกฎหมาย แต่เป็นอำนาจของชิโนบาซ และการสนับสนุนจากราชวงศ์ รวมถึงจากซิลเลน
――ยังมีผู้ที่ไม่สนใจอำนาจของชิโนบาซ หรือการสนับสนุนของราชวงศ์ที่กล้าเข้ามาแทรกแซง
ยิ่งไปกว่านั้นบางที เขาอาจกำหนดจังหวะเวลาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ขณะนี้ฤดูร้อนกำลังเข้าสู่ช่วงพีคสุด ทำให้ทั้งลิวิเซล ทั้งแคลนอลล์ ต่างเดินทางไปยังป้อมปราการทางทิศตะวันออกเรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีแผนที่จะกลับมาในอีกสักระยะหนึ่ง
ส่วนซิลเลนยังเป็นเพียงเด็กนักเรียน และแม้ว่าเธอจะเป็นสมาชิกของราชวงศ์ แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่มีอำนาจใด ๆ ดังนั้นเธอจึงอาจไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้มากนัก
“ใครทำ?”
ดังนั้นใครคือคนที่เลือกจะต่อสู้กับฉัน
“อธิบดีกรมการทหารเอ็นเดเวอร์ เขาเป็นชายชราที่ดูแลกองทัพของมาเวเลีย ผมแน่นใจว่าเนียโอโจ้ซามะน่าจะเคยพบเขามาแล้วครับ”
หืม?
ฉันเคยพบกับตาแก่ที่มีตำแหน่งใหญ่โตแบบนั้นมาก่อนงั้นเหรอ?
“โฮร่า ก็ตอนที่ไปพบกับพระราชาในการโจมตีตอนกลางคืนนั้นไงล๊า? เขาเป็นหนึ่งในตาแก่ที่อยู่รอบ ๆ นั้น”
……อา หนึ่งในผู้เฒ่าพวกนั้นสินะ
“แปลว่ามันเป็นความแค้นส่วนตัว?”
“ยังไงกันเน๊ โอ้ย ซาคุมะเกิดอะไรขึ้นกันแน่? พูดออกมาสิ ไอ้สารเลว”
คาแลคของอาคาชิแย่ลงเรื่อย ๆ แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจเรื่องนั้น
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่ไม่ใช่คำสั่งโดยตรงจากอธิบดีกรมการทหาร”
…………
งั้นเหรอ
“ซาคุมะ”
“ครับ”
“กลับไปทำงานพร้อมริโนกิสซะ”
“……แน่ใจแล้วหรือครับ?”
“ใช่ ฉันคิดว่าตัวเองตัดสินใจดีแล้ว นายไม่ผิดหรอกนะ”
เมื่อพิจารณาถึงสิ่งที่อธิบดีกรมการทหารเอ็นเดเวอร์ทำกับโรงงานไฟรซ์แล้ว ฉันไม่อยากแม้แต่จะคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหากพวกเขาไม่ส่งมอบสัญญาให้
สิ่งที่พวกเขาควรทำคือการยอมมอบสัญญาให้ไป มากกว่าที่จะยอมให้ลูก ๆ ของตนเองต้องตกอยู่ในอันตราย
“อาคาชิไปโรงงานไฟรซ์กันเถอะ”
“จะปล่อยซาคุมะแบบนี้จริงเหรอ? ไอ้เลวนี้แป็นคนทรยศเลยน๊า?”
โอ๊ย อย่ารุนแรงกับครอบครัวสิ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือเปล่า แต่เขาก็เป็นพี่ชายจริงไหม
“ไม่เป็นแบบนั้นจริงไหม ฉันคิดว่าเอาไว้แบบนี้ดีกว่าล่ะ”
ซาคุมะแฝงตัวเข้ามาในคฤหาสน์ได้สำเร็จ
เขาอยู่ในตำแหน่งที่สามารถสังหารฉันได้ ไม่สำคัญว่าจะสามารถทำได้หรือไม่
ซาคุมะออกมายอมรับว่าเป็นคนทำเอง
และเป็นการได้รับคำสั่งจากเบื้องบน
สิ่งที่เขาทำดูเหมือนเป็นการทรยศ แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลย อันที่จริง ทันทีที่เขาพูดออกมาว่า「คนนี้คือคนสั่งการ」ก็เท่ากับว่าเขาอยู่ข้างฉันแล้ว
ต่อให้จะรู้จักฉันเพียงเล็กน้อย การเปิดเผยตัวผู้กระทำผิดออกมา ไม่ว่าใครก็สามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผู้กระทำผิด
จากมุมมองของซาคุมะ มันเหมือนกับเขาได้ยื่นหัวของอธิบดีกรมการทหารเอ็นเดเวอร์มาและบอกว่า「เชิญจัดการตามที่ชอบเลยครับ」
“ฉัน ถ้าให้พูด ทางนี้เองฉันก็รู้สึกเหมือนว่าอาคาชิมุ่งสู่โซนสีเทามากขึ้นน๊า”
เธอไปทางนี่และทางนั่นจนน่าเวียนหัว และแม้ว่าเธอจะอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ชิดกับมาเวเลียมากกว่า แต่ก็ยังขโมยเทคโนโลนีทหารจักรกล
“…………”
……อย่ามองไปทางอื่นสิ อย่าทำหน้าเหมือนโดนตีตรงไหนก็เจ็บสิ
“ก็แค่การเคาะสนิมออกจากร่างกายน๊า”
“หุบปากน๊า”
ม๊าม๊า ไว้ค่อยมาจัดการปัญหาพี่น้องทะเลาะกันทีหลังเถอะ
อธิบดีกรมการทหารเอ็นเดเวอร์สินะ
หลังจากตรวจสอบโรงงานไฟรซ์แล้ว ฉันจะไปพบเขาสักหน่อย
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ
{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}
ขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ
ขอบคุณงับ
ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー
สรุปว่าน่าจะซวยจากคนข้างตัวไปขโมยเขาก่อนแล้วโดนจับได้เลยโดนเอาคืน ฮา