ตอนที่ 73 ตกใจ
โจวหนิงเยวี่ยมองจากด้านนอกประตู เกรงว่าเป็นภาพตอนบิดาโจวหนิงเยวี่ยกำลังทำร้ายมารดาโจว หนิงเยวี่ย เช่นนั้นแล้วมารดาโจวหนิงเยวี่ยเล่า
ในเมื่อนางได้เห็นภาพโจวหนิงเยวี่ยล้มลง เช่นนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าจะเห็นภาพตอนมารดาโจวหนิงเยวี่ยเกิดเรื่องได้
ซินโย่วตั้งสติ เอ่ยขึ้นอย่างไร้พิรุธว่า “มาหาน้องโจวกะทันหัน เสียมารยาทไปสักหน่อย ข้าไปคารวะท่านน้าก่อน”
“ท่านแม่ข้าออกไปข้างนอก” โจวหนิงเยวี่ยดึงมือซินโย่วอย่างสนิท ไม่ได้รู้สึกเหินห่างเพราะไม่ได้พบกันมาหลายวันนี้ “พี่โค่ว พี่หลัน ไปนั่งในห้องข้ากัน”
ซินโย่วสะกดความผิดหวังลงเดินตามโจวหนิงเยวี่ยไปเรือนตะวันตก
สาวใช้ที่ชื่อชุนหยายกน้ำชาและขนมออกมา ก่อนจะถอยออกไปด้วยท่าทางเรียบร้อย
ซินโย่วอดมองชุนหยาอีกครั้งไม่ได้
โจวหนิงเยวี่ยเป็นคนละเอียดอ่อน เห็นนางเช่นนี้ก็ถามขึ้นว่า “พี่โค่ว ทำไมหรือ ชุนหยาทำอันใดไม่สมควรหรือ”
“เปล่า ข้าเพียงแต่เห็นชุนหยาแล้วเหมือนเห็นสาวใช้ที่รับใช้ประจำตัวข้าในวัยเด็ก”
“เมื่อก่อนพี่โค่วไม่ได้อยู่เมืองหลวงหรือ”
“อืม ตอนนั้นตามมารดาไปอยู่นอกเมืองหลวง ต่อมาค่อยย้ายเข้ามาอยู่เมืองหลวง ก็พาแค่แม่นมหนึ่งคนกับสาวใช้ประจำตัวหนึ่งคนมาด้วย บ่าวรับใช้ที่บ้านเดิมพวกนั้นต่างพากันกระจัดกระจายไปหมด ตั้งแต่ที่ได้มาเห็นชุนหยาตอนมาบ้านน้องโจวครั้งแรก ข้าก็รู้สึกคุ้นตา เมื่อครู่จึงอดมองนางอีกสักสองสามทีไม่ได้”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้”
ซินโย่วถามไปตามน้ำต่อว่า “ชุนหยาเป็นชาวเมืองหลวงหรือ”
โจวหนิงเยวี่ยยิ้มกล่าวว่า “ใช่ ก่อนหน้านี้ที่บ้านข้าอยู่นอกเมืองหลวง เดิมก็มีสาวใช้คนหนึ่ง ต่อมาพอย้ายมาเมืองหลวง ท่านบอกว่าอย่าให้บุตรต้องพรากจากบิดามารดาจนไม่ได้พบหน้ากันตลอดไป จึงให้นางกลับบ้านไป ซื้อชุนหยามาตอนมาอยู่เมืองหลวงแล้ว”
“เช่นนั้นดูท่าทางก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับอดีตสาวใช้ข้าแล้ว”
“น่าจะเป็นอย่างนั้น ชุนหยาขายตนเองมาเป็นสาวใช้เพื่อหาเงินไปรักษามารดา บ้านนางอยู่ไม่ไกลนัก ท่านแม่บอกว่าวันเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงหรือปีใหม่พวกนี้ก็ให้นางกลับไปพักที่บ้านได้หนึ่งวัน”
“ท่านป้าช่างเมตตาจริง” ซินโย่วยิ้มเอ่ยชม
ดูท่าวันนั้นเป็นวันเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงอย่างไม่ต้องสงสัย ในภาพที่เห็นไม่มีชุนหยาปรากฏ น่าจะกลับบ้านไปอยู่พร้อมหน้ากับบิดามารดา
บางทีคนงานคนอื่นๆ ก็อาจเป็นสาเหตุนี้
ไม่ทันที่ซินโย่วจะมองประเมินเรียบร้อย โจวหนิงเยวี่ยก็เอ่ยก่อนว่า “พวกน้าหวังล้วนเป็นแรงงานที่จ้างมา วันหยุดก็ยิ่งมาก”
“เช่นนั้นพอถึงเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงเช่นนี้ ใช่ว่าต้องทำอาหารกินเองหรือ”
คำถามซินโย่วทำให้โจวหนิงเยวี่ยหัวเราะขำ จี้ไฉ่หลันเองก็อดขำไม่ได้
“น้องโค่ว พวกเราเป็นครอบครัวคนธรรมดา ส่วนใหญ่ก็ทำงานบ้านกันเองอยู่แล้ว บ้านน้องสาวข้ายังดี ไม่เหมือนบ้านข้าที่มีเพียงคนงานใช้แรงงานเพียงคนเดียว กลางวันทำงาน กลางคืนก็กลับไป”
ซินโย่วเผยรอยยิ้มเฝื่อน
จี้ไฉ่หลันกลัวว่านางจะเก้กัง จึงรีบขัดขึ้นว่า “น้องเยวี่ย เจ้าเดาว่าพวกเรามาหาเจ้ากันทำไม”
“ทำไมหรือ”
“เจ้าจะต้องคาดไม่ถึงว่าน้องโค่วร้ายกาจเพียงใดเป็นแน่” จี้ไฉ่หลันหยิบสมุดเล็กๆ เล่มหนึ่งออกมาจากอกเสื้อส่งให้โจวหนิงเยวี่ย “ดูนี่”
“อะไรหรือ” โจวหนิงเยวี่ยเปิดสมุดออก พลันไม่อาจละสายตาจากไปได้ “อา นี่มันภาพเรื่อง ‘วาดหนัง’ นี่!”
“น้องโค่ววาด”
โจวหนิงเยวี่ยมองไปทางซินโย่วด้วยแววตาเลื่อมใส ถือสมุดไว้อย่างไม่ยอมวาง “พี่โค่ว พี่เก่งกาจจริงๆ”
ซินโย่วยิ้มละไมกล่าวว่า “หากพวกเจ้าชอบ เล่มนี้ก็มอบให้พวกเจ้า”
จี้ไฉ่หลันกับโจวหนิงเยวี่ยล้วนไม่ใช่คนจำพวกเอ่ยวาจาเกรงใจ ยิ้มเริงร่ากล่าวขอบคุณ แต่ก็ยังกลุ้มใจว่าจะเป็นของผู้ใด
สุดท้ายจี้ไฉ่หลันเอ่ยปากยกให้ก่อน “น้องเยวี่ย เจ้าเก็บไว้เถอะ วันหน้าหากน้องโค่ววาดเรื่อง ‘วาดหนัง’ เล่มสองอีก ข้าค่อยหน้าหนาไปขอเอง”
ในใจโจวหนิงเยวี่ยรู้ดีว่าพี่สาวยอมให้นาง แต่ก็ชอบภาพวาดเรื่อง ‘วาดหนัง’ นี้จริง ๆ อดเก็บเอาไว้ด้วยท่าทางเก้อเขินไม่ได้
“พี่โค่วกับพี่หลันอยู่กินข้าวกันก่อน ข้าให้น้าหวังทำอาหารเพิ่มสักสองสามอย่าง”
ซินโย่วปฏิเสธอย่างเกรงใจ
“พี่โค่วอย่าได้ปฏิเสธ ถือเสียว่าเป็นการให้โอกาสข้าได้ขอบคุณ”
ซินโย่วรับคำ ในใจยินดีอยู่ไม่น้อย อยู่กินข้าวต่อก็จะได้รอมารดาโจวหนิงเยวี่ยกลับมา
ดังคาด ยังไม่ทันได้เวลาอาหารเที่ยง มารดาโจวหนิงเยวี่ยก็กลับมา
โจวหนิงเยวี่ยเห็นมารดาตนเดินผ่านหน้าต่างไป ก็รีบเดินออกไปตะโกนจากประตูเรือนตะวันตก “ท่านแม่ พี่หลันกับพี่โค่วมาเจ้าค่ะ”
ซินโย่วกับจี้ไฉ่หลันเองก็เดินออกมา
จี้ไฉ่หลันยิ้มเบิกบานตะโกนเรียกท่านป้า ซินโย่วเองก็คำนับตามมารยาท “ท่านน้า”
เห็นชัดว่ามารดาโจวหนิงเยวี่ยรู้สึกดีกับซินโย่วไม่น้อย น้ำเสียงอ่อนโยน “อย่าเอาแต่เกรงใจมากธรรมเนียม วันนั้นข้ายังบอกเยวี่ยเอ๋อร์ว่าเหตุใดเอาแต่ขลุกอยู่แต่ในบ้าน ให้นางออกไปข้างนอกเที่ยวเล่นกับพวกเจ้าให้มาก นางเป็นคนเก็บตัว ดีที่คุณหนูโค่วไม่รังเกียจนาง”
“ท่านแม่ พี่โค่วยังมองของขวัญที่ดีมากๆ ให้กับข้าอีกด้วย ข้าให้พี่โค่วอยู่กินอาหารเที่ยง…”
ซินโย่วอมยิ้มฟังบทสนทนาของสองแม่ลูก ความคิดพลันถูกภาพที่ผุดขึ้นมาใหม่นี้ดึงดูดไปหมดสิ้น
ดูจากแสงยังคงเป็นช่วงเวลากลางวัน ครั้งนี้อยู่ในห้อง
ด้านหลังมารดาโจวหนิงเยวี่ยเป็นขอบโต๊ะหนังสือ ด้านหน้ามีเงาร่างใหญ่บดบัง ก็คือบิดาโจวหนิงเยวี่ย
เพียงแต่ไม่ใช่ภาพอบอุ่นของสองสามีภรรยาคุยกันในห้องหนังสือแต่อย่างไร แต่คือกำลังดำเนินการสังหาร
สองมือของบิดาโจวหนิงเยวี่ยบีบลำคอมารดาโจวหนิงเยวี่ยแน่น มารดาโจวหนิงเยวี่ยดิ้นรนผลักไสมือของบิดาโจวหนิงเยวี่ยออกแต่ก็ไม่หลุด ในที่สุดสองมือก็ตกลงกระแทกโต๊ะไม่ขยับอีก
แต่ถึงตรงนี้ภาพก็ยังไม่ตัดจบ บิดาโจวหนิงเยวี่ยผงะหันหลังไปมองที่หน้าประตูด้วยสีหน้าถมึงทึง จากนั้นก็รีบสาวก้าวเท้าออกไปทันที
ภาพน่าตกใจมลายหายไป ภาพที่ปรากฏใหม่ตอนนี้ก็คือแม้สีหน้าอิดโรย แต่ก็เป็นใบหน้าของมารดาโจวหนิงเยวี่ยที่คุ้นเคย โจวหนิงเยวี่ยยิ้มดึงมือมารดามาเจรจายิ้มแย้ม
ในใจซินโย่วเย็นวาบ พยายามจิกมือแน่น
ถึงตรงนี้ เอาสองภาพมาปะติดปะต่อกัน
โจวหนิงเยวี่ยมองเห็นภาพท่านพ่อสังหารมารดานางจากนอกหน้าต่าง อารามตกใจทำให้ตะกร้าที่คล้องแขนไว้ร่วงหลุดมือ เสียงตกพื้นทำให้บิดาโจวหนิงเยวี่ยรู้ตัวและไล่ตามออกมา
เหตุใดบิดาโจวหนิงเยวี่ยสังหารมารดาโจวหนิงเยวี่ย
หากเป็นเพราะเรื่องของมารดานาง คืนนั้นมารดาโจวหนิงเยวี่ยไม่ใช่ถูกกล่อมจนยินยอมไปแล้วหรือ
หรือว่าต่อมามารดาโจวหนิงเยวี่ยได้ข้อมูลใหม่มาเอาความกับบิดาโจวหนิงเยวี่ย ขณะสองสามีภรรยามีปากเสียง บิดาโจวหนิงเยวี่ยขาดสติสังหารมารดาโจวหนิงเยวี่ย?
ไม่ ไม่แน่ว่าจะเป็นการวู่วาม แต่อาจเป็นการปิดปาก
เพราะรู้มาก่อนว่ามารดาก็คือฮองเฮาที่หายสาบสูญไปหลายปี ซินโย่วก็คาดเดาในทางเลวร้ายที่สุดว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
เช่นนั้นจากนี้นางควรทำเช่นไร
จนกระทั่งถูกโจวหนิงเยวี่ยกับจี้ไฉ่หลันดึงแขนซ้ายขวากลับเรือนตะวันตก ซินโย่วยังคงครุ่นคิดปัญหานี้
รู้เวลากระจ่างชัดได้ ช่วงเวลากลางวันในเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง เห็นภาพโจวหนิงเยวี่ยซื้อขนมไหว้พระจันทร์กลับมา มารดาโจวหนิงเยวี่ยกับบิดาโจวหนิงเยวี่ยมีปากเสียงกัน น่าจะไม่คิดว่าบุตรสาวจะกลับมาเร็วเช่นนี้ ในภาพที่เห็นระบุเวลาได้ชัดยิ่ง น่าจะเป็นยามเช้า
“ข้าไปห้องน้ำสักครู่” อยู่บ้านญาติ จี้ไฉ่หลันย่อมไม่สนใจธรรมเนียมมารยาท ยังมีน้ำใจถามซินโย่ว “น้องโค่วจะไปหรือไม่”
“พี่จี้ไปเถอะ ข้ายังไม่อยากไป”
“เช่นนั้นข้าไปละนะ”
จี้ไฉ่หลันเดินออกไป ในห้องเหลือเพียงซินโย่วกับโจวหนิงเยวี่ยสองคน
“พี่โค่ว ข้าดูสีหน้าท่านไม่ค่อยดี ไม่สบายตรงไหนใช่หรือไม่”
ซินโย่วได้ยินก็เผยสีหน้าหนักใจ