สืบแค้นคุณหนูสวมรอย – ตอนที่ 76 ผู้ใด

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

ตอนที่ 76 ผู้ใด

โจวหนิงเยวี่ยจะไปห้องฝั่งตะวันออก แต่ตอนผ่านโถงกลางก็ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวด เป็นเสียงผู้ชายแว่วดังมาจากทางห้องฝั่งตะวันตก

โจวหนิงเยวี่ยพุ่งตรงไปยังห้องฝั่งตะวันตก ออกแรงผลักประตูเข้าไป

ในห้อง มารดาโจวหนิงเยวี่ยถือมีดสั้นไว้ในมือ มองมาทางบุตรสาวอย่างตกใจ

มีดสั้นนั้นยังมีโลหิตหยด บิดาโจวหนิงเยวี่ยล้มลงบนพื้นดิ้นไปมา แต่ยังมีลมหายใจ

และเพราะเช่นนี้ เขาจึงดูแล้วยิ่งน่ากลัว ใบหน้าบิดเบี้ยวตาค้างจ้องมองโจวหนิงเยวี่ยที่พลันปรากฏตัวขึ้น ยื่นมือมาจะคว้านาง

โจวหนิงเยวี่ยไม่แม้แต่จะส่งเสียงกรีดร้อง สองตาดับวูบล้มลงทันที

ซินโย่วตามหลังโจวหนิงเยวี่ยมา รีบเข้าประคองนางไว้

เสียงเคร้งดังขึ้น มีดสั้นในมือมารดาโจวหนิงเยวี่ยร่วงลงพื้น

“เยวี่ยเอ๋อร์!” มารดาโจวหนิงเยวี่ยวิ่งไปตรงหน้าบุตรสาว ยื่นมือไปคิดประคองนาง แต่โลหิตเย็นที่ติดมือทำให้นางชะงักกึก

นั่นคือโลหิตสามีนาง

บางทีอาจเพราะนางเป็นสตรีที่นิ่งสุขุมกว่าสตรีทั่วไป หรืออาจเพราะความเข้มแข็งของผู้เป็นมารดาที่อยู่ต่อหน้าบุตรสาวตื่นตกใจเสียขวัญ มารดาโจวหนิงเยวี่ยไม่ได้ลนลานดังที่ซินโย่วคาดไว้ แววตาพลันมองนางเขม็ง

“คุณหนูโค่ว เหตุใดท่านก็อยู่ที่นี่ด้วย”

“ท่านน้า ประตูหน้าไม่ได้ลงกลอน”

มารดาโจวหนิงเยวี่ยนิ่งอึ้งไปทันที พยายามเช็ดมือกับเสื้อผ้าตนเอง ก่อนจะรีบก้าวเดินออกไป

ซินโย่วประคองโจวหนิงเยวี่ยที่เป็นลมล้มลงเอาไว้ ก้มหน้าลงมองโจวทงที่นอนอยู่ที่พื้น

โจวทงไม่ขยับแล้ว สองตาเบิกโพลงเต็มไปด้วยแววตาไม่อาจยอมรับได้ เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึงว่าตนเองจะตายด้วยน้ำมือสตรีอ่อนแอ

ผลลัพธ์เช่นนี้ต่างจากภาพที่เห็นสิ้นเชิง ซินโย่วรู้สึกเหนือคาดกับผลเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้มากมายอันใด

บางทีเพราะการตั้งใจเตือนมารดาโจวหนิงเยวี่ยของนาง จิตใต้สำนึกก็เตรียมใจกับผลที่จะไม่เหมือนเดิมไว้แล้ว

ผู้ชายย่อมมีแรงกำลังมากกว่าผู้หญิง แต่หากคนหนึ่งไม่ทันระวังตัว คนหนึ่งตั้งใจป้องกัน ผลที่แตกต่างกันก็ย่อมเกิดขึ้นในชั่ววินาที

ซินโย่วมองการตกแต่งเป็นห้องหนังสือของห้องฝั่งตะวันตก ชั้นหนังสือติดกำแพงมีหนังสือไม่น้อย บนโต๊ะหนังสือมีกองกระดาษปึกหนึ่งและเครื่องเขียน ดูแล้วเป็นห้องหนังสือที่ธรรมดาอย่างมาก

มารดาโจวหนิงเยวี่ยมีเหตุทะเลาะเบาะแว้งกับบิดาโจวหนิงเยวี่ยที่นี่ ไม่ใช่ห้องฝั่งตะวันออกที่เป็นห้องพัก ย่อมมีสาเหตุ

เป็นเพราะเหตุอันใด

แต่ไม่มีเวลาคิดละเอียดแล้ว เพราะมารดาโจวหนิงเยวี่ยกลับมาแล้ว

“คุณหนูโค่วกำลังมองดูอันใดอยู่หรือ”

ซินโย่วฟังน้ำเสียงเย็นเยียบของมารดาโจวหนิงเยวี่ยออก ไม่ได้รู้สึกแปลกใจในเรื่องนี้แต่อย่างใด

การปรากฏตัวของนางในตอนนี้เป็นเรื่องบังเอิญเกินไปในสายตาอีกฝ่าย บังเอิญจนน่าสงสัย

“ท่านป้า ประคองน้องโจวไปไว้บนตั่งที่ห้องฝั่งตะวันออกก่อนไหม ตอนนางตื่นจะได้ไม่ตกใจ”

มารดาโจวหนิงเยวี่ยรีบวางอารมณ์ทุกอย่างทิ้งทันที เข้าไปช่วยซินโย่วประคองโจวหนิงเยวี่ยไปนอนลงที่ห้องฝั่งตะวันออกจากนั้นไปยืนอยู่ระหว่างประตูห้องฝั่งตะวันตกกับโถงกลางด้วยสีหน้าซีดเผือดและสับสน

“คุณหนูโค่ว เหตุใดจึงมาอยู่กับเยวี่ยเอ๋อร์ได้”

ซินโย่วตอบน้ำเสียงนิ่งเรียบ “วันนั้นกลับจากบ้านท่านป้า ได้ยินพี่จี้เอ่ยถึงร้านขนมร้านหนึ่งรสชาติดีมาก ยังมีขนมไหว้พระจันทร์ไส้เนื้อขาย เลยคิดว่าพรุ่งนี้ก็เป็นวันเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงแล้ว จึงไปซื้อขนมฝากผู้ใหญ่สักหน่อย ไม่คิดว่าจะพบกับน้องโจว”

เอ่ยถึงตรงนี้ ซินโย่วก็กวาดตามองไปยังประตูห้องฝั่งตะวันตกทีหนึ่ง เอ่ยตามตรงว่า “ส่วนที่มาบ้านท่านน้า ก็เพราะข้ามองดูใบหน้าน้องโจวก็พบว่าใบหน้านางมีเค้าลางเภทภัยอันจะเกิดแก่บิดามารดา จึงไม่วางใจตามนางมาด้วย”

มารดาโจวหนิงเยวี่ยได้ยินเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะเชื่อ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เชื่อ นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก็ถามขึ้นว่า “สถานการณ์ในห้องฝั่งตะวันตก คุณหนูโค่วก็เห็นแล้ว คิดทำอย่างไรต่อ”

“ท่านน้าคิดทำเช่นไรเล่า” ซินโย่วย้อนถาม

มารดาโจวหนิงเยวี่ยสีหน้าเคร่งขรึม ตอบตามตรงว่า “ข้าไม่อยากมีความผิดฆ่าสามี ข้าจะเป็นหรือตายไม่สำคัญ แต่เยวี่ยเอ๋อร์ไม่อาจมีมารดาที่สังหารบิดา ไม่เช่นนั้นชีวิตนี้ของนางก็คงจบสิ้นแล้ว ขอร้องคุณหนูโค่วโปรดเมตตา ถือเสียว่าไม่ได้มาในวันนี้”

มารดาโจวหนิงเยวี่ยพูดไปพลางคุกเข่าลงทันที

ซินโย่วยืนนิ่งเป็นนาน ก่อนจะหลุบตาลงมองไปยังสตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า

“ข้าอยากรู้ว่าเหตุใดไม่เหมือนที่เห็น”

มารดาโจวหนิงเยวี่ยพลันตั้งสติไม่ทัน เผยสีหน้างุนงง

ซินโย่วเน้นทีละคำ “ก่อนหน้านี้มองดูใบหน้าท่านป้า คนที่ควรเกิดเรื่องควรเป็นท่าน”

มารดาโจวหนิงเยวี่ยสั่นเทาไปทั้งตัว สีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงได้เอ่ยว่า “คุณหนูโค่วมองไม่ผิด เดิมคนที่เกิดเรื่องควรเป็นข้า เพราะข้าโต้เถียงกับเขาด้วยเรื่องเรื่องหนึ่ง พลันนึกถึงคำพูดคุณหนูโค่ว ก่อนหน้านี้ภูตผีดลใจให้พกมีดสั้นติดตัวไว้ ปรากฏตอนมีปากเสียงกับเขา เขาบีบคอข้า ขณะกำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด ไม่รู้เหตุใดจึงได้…”

“ท่านแม่…” ทันใดนั้นก็มีเสียงดังแว่วมา โจวหนิงเยวี่ยยืนพลางยันกรอบประตูไว้ สีหน้าซีดขาวราวหิมะ “เรื่องอันใด แท้จริงคือเรื่องอันใดที่ทำให้ท่านพ่อลงมือกับท่านแม่ และยังทำให้ท่านแม่โต้ตอบด้วยการฆ่าท่านพ่อ”

นางปล่อยมือที่คว้ากรอบประตูไว้ ค่อยๆ เดินเข้ามา ดูแล้วพร้อมจะล้มลงได้ทุกเมื่อ

“ท่านแม่ ท่านบอกข้า เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่!” โจวหนิงเยวี่ยโผเข้าหามารดา เขย่าแขนนางอย่างแรง

มารดาโจวหนิงเยวี่ยยกมือแตะเรือนผมโจวหนิงเยวี่ย แต่เห็นคราบโลหิตบนมือจึงได้ดึงมือออกราวกับเข็มทิ่มตำ

“เยวี่ยเอ๋อร์ เจ้าอย่าได้ถาม นี่เป็นเรื่องของผู้ใหญ่…”

“ท่านแม่ ถึงขั้นนี้แล้ว ท่านยังบอกว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่” โจวหนิงเยวี่ยเสียงสูงขึ้น น้ำตาร่วงหยด “ท่านพ่อตายแล้ว ข้าไม่มีท่านพ่อแล้ว!”

วาจานี้ราวกับค้อนทุบลงเต็มแรงใส่หัวใจมารดาโจวหนิงเยวี่ยอย่างโหดเหี้ยม

แต่สีหน้ามารดาโจวหนิงเยวี่ยดูแล้วซีดขาวยิ่งกว่า ไม่อาจควบคุมอาการสั่นเทาของมือได้ “เดิมคนที่ตายควรเป็นท่านแม่…”

“ท่านแม่ ข้าไม่ตำหนิท่าน ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าเหตุใด!” โจวหนิงเยวี่ยกอดมารดาร้องไห้

สำหรับคุณหนูที่ไร้เดียงสาผู้นี้ มีมารดาคอยดูแลประคบประหงมทุกวันคืน ย่อมไม่สนิทกับบิดาที่ออกไปแต่เช้ากลับมาค่ำมืด บิดาที่ปกติก็ไม่ค่อยได้พบหน้า

บิดามารดาล้วนสำคัญ แต่พอถึงเวลาที่จำเป็นต้องเลือก ก็จำเป็นต้องเลือกที่สำคัญยิ่งกว่า

“เยวี่ยเอ๋อร์ เจ้ารู้เพียงแค่บิดาเจ้าทำผิดก็พอแล้ว ไม่ใช่ว่าท่านแม่ไม่อยากบอกเจ้า แต่ไม่อาจบอกเจ้าได้ แน่นอนว่าหากเจ้าตำหนิท่านแม่ ก็สมควรอยู่ ท่านแม่หวังเพียงว่าเจ้าจะมีชีวิตที่ดี…” มารดาโจวหนิงเยวี่ยสะอื้นไห้ แต่กลับไม่มีน้ำตาแม้สักหยด

โจวหนิงเยวี่ยส่ายหน้า เผยสีหน้าหวาดกลัว “ข้าไม่เข้าใจ…”

มารดาโจวหนิงเยวี่ยมองไปทางซินโย่ว “คุณหนูโค่วช่วยพวกเราสองแม่ลูกเก็บเป็นความลับได้หรือไม่”

“ท่านน้าคิดว่าจะปกปิดข่าวการตายของสามีท่านได้หรือ”

มารดาโจวหนิงเยวี่ยมองบุตรสาวทีหนึ่งด้วยสัญชาตญาณ เอ่ยขึ้นเบาๆ “ปกปิดข่าวการตายไม่ได้ แต่ปกปิดสาเหตุการตายได้ ครอบครัวเรามาจากนอกเมืองหลวง ไม่ค่อยไปมาหาสู่กับเพื่อนบ้านข้างเคียงมากนัก สหายของเขาก็เพิ่งรู้จักได้ไม่นาน มีเพียงแค่…”

มารดาโจวหนิงเยวี่ยชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่เอ่ยต่อ

โจวหนิงเยวี่ยกลับตั้งสติได้ อุดปากร่ำไห้ “ท่านป้ารู้เข้าจะทำอย่างไร”

มารดาจี้ไฉ่หลันก็คือพี่สาวแท้ๆ ของโจวทง

“รอ…รอให้จัดการเรียบร้อย ก็แจ้งเหตุการตายว่าป่วยตายกะทันหัน…” มารดาโจวหนิงเยวี่ยเอ่ยการจัดการนี้กับบุตรสาวอย่างยากจะเอ่ยออกมา มองซินโย่วด้วยสายตาขอร้อง

ซินโย่วมองสตรีที่ชุดเปื้อนโลหิตสามี ในใจก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา

สตรีธรรมดาคนหนึ่งพลั้งมือสังหารสามี นิ่งสงบได้เพียงนี้หรือ

หรือว่าประวัติความเป็นมาของมารดาโจวหนิงเยวี่ยไม่ธรรมดา

แต่เดี๋ยวก่อน มารดาโจวหนิงเยวี่ยจดจำท่านแม่ที่เป็นฮองเฮาหายสาบสูญไปสิบกว่าปีได้อย่างไรเดิมก็คงมิใช่สตรีธรรมดาทั่วไป

เช่นนั้นมารดาโจวหนิงเยวี่ยคือผู้ใดกันแน่

ซินโย่วเก็บซ่อนสายตาหยั่งเชิงที่กำลังมองไปทางมารดาโจวหนิงเยวี่ย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

สืบแค้นคุณหนูสวมรอย

Status: Ongoing
เมื่อมารดาถูกสังหาร ซินโย่วจึงมายังเมืองหลวงเพื่อสืบหาตัวฆาตกร แต่เมื่อสืบลึกลงไปก็กลับต้องพบกับความจริงอันน่าตกใจภายในนั้น…รายละเอียด นิยายรัก-สืบสวน ครบรสจากนักเขียนมากฝีมือ ‘ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ย’ขณะที่ ซินโย่ว กำลังเดินทางเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อสืบหาเบาะแสสำคัญของฆาตกรสังหารมารดาก็ได้บังเอิญจับพลัดจับผลูตกหน้าผาแล้วเข้าสวมรอยฐานะของ โค่วชิงชิง คุณหนูหลานนอกของจวนรองเจ้ากรมพระราชยานหลวงเข้าเพราะทรัพย์สินมากมายโค่วชิงชิงจึงถูกญาติที่มาหวังพึ่งพิงผลักตกหน้าผาจนถึงแก่ความตาย นั่นทำให้นางได้เข้ามาสวมฐานะของอีกฝ่ายซินโย่วนั้นมีดวงตาที่พิเศษกว่าคนทั่วๆ ไป นางสามารถมองเห็น ‘เรื่องร้าย’ ที่จะเกิดขึ้นกับคนผู้หนึ่งได้โดยไม่เลือกว่าจะเป็นผู้ใด เวลาไหนประกอบกับไหวพริบอันชาญฉลาดทำให้นางสามารถอยู่ในสถานะนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนักเพื่อสืบเรื่องฆาตกรสังหารมารดาซินโย่วจำต้องใช้ฐานะใหม่ที่มีสืบหาเบาะแสจาก ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนเลือดที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุยิ่งสืบลงลึกเรื่องราวก็เหมือนจะซับซ้อนยิ่งกว่านั้นเรื่องราวในอดีตเบาะแสที่โยงใยสืบเนื่องกันมา ได้เวลาเผยโฉมแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท