ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 123 น้ำใจเล็กน้อย-2

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 123 น้ำใจเล็กน้อย-2

หลิวรุ่ยอิ่งหันไปเห็นคนสามคนกำลังยืนองอาจอยู่กลางโถงใหญ่ ดวงตาสามคู่มองหาคนในโถงอย่างเป็นระบบ

ในสามคนนี้ สองคนซ้ายขวาล้วนเป็นคนอ้วน

ท้องที่นูนขึ้นเหมือนจะดันเสื้อปริขาด

ทั้งสามสวมชุดไหมสีฟ้าแบบเดียวกัน

ตรงชายเสื้อชุดไหมไม่ได้คาดเข็มคัด ปล่อยลากพื้นไปเช่นนี้

คนตรงกลางตัวผอมสูง บนมือถือกล้องยาสูบอันหนึ่งดูดอยู่ตลอดเวลา

ทว่าควันนี้เข้าปากกลับไม่ได้เข้าปอด

แค่สูบเข้าในปากแล้วพ่นออกมาเท่านั้น

สิ่งที่เขาสูบไม่ใช่ควัน แต่เป็นความเคยชิน

เป็นความเคยชินที่มือต้องถือกล้องยาสูบกลืนหมอกพ่นควันในปากเช่นนี้

กลุ่มหมอกควันตรงหน้าลอยหมุนเป็นเกลียว ทำให้โลกทั้งใบพร่ามัวขึ้นไม่น้อย

หลิวรุ่ยอิ่งมักรำคาญใจที่สายตาของตนดีเกินไป เขาสามารถมองเห็นอันธพาลเจ้าถิ่นรังแกคนซื่อๆ ที่ตั้งแผงลอยในระยะสองสามลี้ได้ในแวบแรก แต่เขาก็ติดเรื่องฐานะหน้าที่ของตนจึงไม่อาจยื่นมือเข้าช่วย

หากสายตาเขาไม่ดีเท่านี้ เช่นนั้นความชั่วร้ายทั้งหมดในโลกก็จะไม่ชัดเจนขนาดนั้น ความดีงามที่แท้จริงย่อมเพิ่มขึ้นทีละน้อย

ท่าทางของทุกคนก็จะน่ารักขึ้น

เพราะมองออกแค่รูปร่างเค้าโครง ตัดส่วนดีชั่วออกไป

แต่คนผอมสูงผู้นี้กลับต่างกัน

ดวงตาของเขาเหมือนฟ้าแลบแหลมคมสองสาย ยังคล้ายท้องฟ้าราตรีมืดมิดยากคาดเดา

แม้คั่นด้วยหมอกควันก็ทำให้ใจคนหวั่นกลัว

ทุกครั้งที่ดูดพ่นมักจะมีช่องว่างเล็กน้อย

ในช่องว่างชั่วขณะที่หมอกควันรวมตัวและกระจายออก เขาเห็นโอวหย่าหมิงแล้ว

โอวหย่าหมิงย่อมเห็นสามคนนี้แล้วเหมือนกัน เขาจึงหันมาโบกมือบอกที่อยู่ของตนโดยไม่หลบเลี่ยง

เขารู้ว่าคนที่รับมือยากที่สุดในสามคนนี้ก็คือชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงตรงกลางผู้นี้

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงเห็นโอวหย่าหมิงโบกมือ เขาก็โบกมือตอบด้วยรอยยิ้ม

เดิมเสี่ยวเอ้อร์ของโรงน้ำชานึกว่าสามคนนี้มาก่อเรื่อง

แต่ตอนนี้เห็นพวกเขาเจอสหายแล้วจึงถอยออกเงียบๆ ไม่พูดอะไรอีก

พวกเขาไหนเลยจะรู้ว่าสามคนนี้ไม่เพียงมาก่อเรื่อง ยังก่อเรื่องใหญ่อีกต่างหาก!

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงนั้นผายกล้องยาสูบไปด้านข้าง ปิดปากผ่อนลมหายใจลึกทางจมูก

จากนั้นขยับกล้องยาสูบเข้ามาอีกครั้ง เขาดูดอย่างแรงคำหนึ่ง จากนั้นกลืนเข้าในปากพลันโจมตีด้วยลิ้น

หมอกควันเลือนรางกลุ่มนี้ก็พุ่งมายังหว่างคิ้วของโอวหย่าหมิงเหมือนลูกศรพ้นคันธนู

หลิวรุ่ยอิ่งสามคนหลบไปด้านข้างทันที

เหมือนวิทยายุทธ์เลิศล้ำนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยพบเจอ

ลูกศรควันดอกนี้ลอยล่องอยู่กลางอากาศโดยไม่กระจายออก ยังมีเสียงแหวกอากาศดังแผ่วเบาเป็นระยะ

แต่เห็นโอวหย่าหมิงไม่ตื่นตระหนกเลยสักนิด เขาพลิกจอกสุราคว่ำลงกลางฝ่ามือ

เมื่อลูกศรควันนั้นเข้ามาใกล้ เขาพลันยกจอกสุรากลางฝ่ามือพลางวาดวงกลมสองสามอันกลางอากาศ รับลูกศรควันไว้ในจอกสุราได้ทั้งหมด

โอวหย่าหมิงหันมาวางจอกสุราที่ใส่ลูกศรควันไว้บนโต๊ะ

ลูกศรควันรวมเป็นกลุ่มอยู่ในจอกสุรา

พอเขาปล่อยมือ จอกสุราก็ระเบิดดัง ‘เพล้ง’

เศษเครื่องเคลือบกระเด็นทั่วทิศ หมอกควันกลับค่อยๆ กระจายออก

หลิวรุ่ยอิ่งรีบย่อสองเข่าเล็กน้อย แผ่นเครื่องเคลือบชิ้นหนึ่งลอยผ่านหนังหัวเขาไปปักบนเสาที่อยู่ไม่ไกลด้านหลัง

แม้ก่อนหน้านี้เขาสังเกตการณ์ภายในโถงใหญ่ครบถ้วน ทั้งยังวางแผนเผื่อเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้น

แต่ยามนี้โต๊ะวัสดุไม้ยอดเยี่ยมตัวนั้นกลับใช้เป็นโล่ไม่ได้แล้ว

เพราะเขาอยู่ห่างจากโต๊ะตัวนั้นระยะหนึ่ง เอื้อมไม่ถึงโดยสิ้นเชิง

อีกอย่างวิทยายุทธ์ของชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงก็ไม่ใช่สิ่งที่โต๊ะวัสดุไม้ยอดเยี่ยมตัวหนึ่งจะป้องกันได้

“ได้ยินว่ากระบี่เจ้าพังแล้ว”

ในเวลาคอขาดบาดตายเช่นนี้โอวหย่าหมิงยังคุยเล่นกับจิ่วซานปั้นได้อีก

“ใช่ กระบี่ของข้าแตกเป็นชิ้นแล้ว”

จิ่วซานปั้นกล่าวด้วยความหดหู่ยิ่ง

“ได้ยินว่าเจ้าพังร้านตีเหล็กของหมิงหมิงด้วย”

โอวหย่าหมิงกล่าว

“นั่นไม่ใช่ข้า เป็นเขา!”

จิ่วซานปั้นกล่าวพลางชี้หลิวรุ่ยอิ่ง

“ไม่สิ ไม่ใช่พัง เผาต่างหาก”

โอวหย่าหมิงพูดแก้ให้ถูก

จิ่วซานปั้นหมดคำพูด

คืนนั้นเขาไปร้านตีเหล็กของลู่หมิงหมิงจริง

แต่เป็นเพราะศึกใหญ่ของหลิวรุ่ยอิ่งกับมนุษย์แท่งน้ำแข็งทำให้ท่อควันของร้านตีเหล็กเสียหาย หักโค้งเข้ามาแล้วติดขัดยิ่ง

จากนั้นเขายังฝืนเปิดเตาก่อไฟ รมควันจนร้านตีเหล็กดำปี๋

อย่าว่าแต่ร้านตีเหล็ก แม้แต่เขาเองก็ตัวดำปี๋หัวจรดเท้าเหมือนกัน

โอวหย่าหมิงยิ้มไม่ได้กล่าวต่อ

สถานการณ์ตรงหน้าทำให้เขาคุยเล่นต่อไม่ได้

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงเห็นลูกศรของตนถูกป้องกัน พลันยิงออกมาอีกสายหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน

บนโต๊ะมีจอกสุราแค่สี่ใบ

เมื่อครู่แตกแล้วหนึ่งใบ ยังเหลืออีกสาม

แต่จอกสุราสามใบนี้ล้วนอยู่ห่างโอวหย่าหมิงค่อนข้างไกล ถึงใช้พลังปราณลากมาตรงหน้าก็ไม่ทัน

ข้างมือเขามีแค่กาสุรากาหนึ่งที่วางอยู่พอดี

โอวหย่าหมิงยกกาสุราขึ้นสาดไปด้านหน้า

ลูกศรสุราที่แหลมคมยิ่งกว่าลูกศรควันสายหนึ่งยิงออกจากปากกาเรียวยาว ปะทะเข้ากับลูกศรควันนั้นกลางอากาศ

ลูกศรควันแตกละเอียด กระจายสี่ทิศ

ลูกศรสุราก็แตกละเอียด ร่วงหล่นบนพื้น

“ยังไม่ออกกระบี่?”

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงกล่าว

เสียงเขากังวานยิ่ง

พอเอ่ยปาก แม้แต่ของตกแต่งที่แขวนไว้บนโถงก็เริ่มสั่นไหว

แม้ในโถงใหญ่เปิดหน้าต่าง แต่ไม่มีลมเลยสักนิด

การสั่นไหวนี้จึงเกิดจากเสียงของเขาล้วนๆ

แต่ในฐานะผู้นำตระกูลโอว ‘บุตรแห่งกระบี่’ รุ่นปัจจุบัน เจอสองกระบวนท่าของศัตรูแต่ยังไม่ออกกระบี่ก็น่าแปลก

“เจ้าก็ไม่ได้ออกเพลงยุทธ์ เหตุใดข้าต้องออกกระบี่”

โอวหย่าหมิงกล่าว

หลิวรุ่ยอิ่งเฝ้ามองด้วยความรู้สึกใจหายใจคว่ำ ฟังแล้วอกสั่นขวัญแขวนอยู่ด้านข้าง

ลูกศรควันอันตรายไม่ธรรมดาดอกนั้นยังไม่นับว่าออกเพลงยุทธ์อย่างนั้นหรือ

“หนำซ้ำวิชากระบี่ของข้าไปๆ มาๆ ก็มีแค่ไม่กี่อย่าง ลูกศรควันดอกนี้ของเจ้ากลับเป็นของเล่นใหม่”

โอวหย่าหมิงกล่าว

“การลงมือตามสถานการณ์ไม่นับเป็นความสามารถแท้จริง ลูกศรสุราของเจ้าก็ใหม่มากเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงกล่าว

“ข้าคิดได้เพราะมีแรงบันดาลใจจากเจ้า เอาของคนอื่นมาใช้ อวดโอ้ไม่ได้หรอก”

โอวหย่าหมิงโบกมือ รู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย

“เจ้าเลยไม่คิดออกกระบี่แล้ว?”

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงเอ่ยถาม

“ออก! ต้องออกแน่นอน! ไม่ออกกระบี่ข้ายังคู่ควรกับสกุลโอวหรือ”

โอวหย่าหมิงกล่าว

“เช่นนั้นก็แปลว่าวันนี้ยังไม่ถึงเวลาเจ้าออกกระบี่”

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงกล่าว

“ถูกต้อง ลูกศรควันเจ้าสดใหม่ก็จริง แต่ยังไม่ถึงขั้นทำให้ข้าออกกระบี่”

โอวหย่าหมิงกล่าวอวดดียิ่ง

แต่เขาก็มีต้นทุนให้อวดดีเช่นนี้จริง

“ลูกศรควันสองดอกไม่พอ ถ้าอย่างนั้น…”

ยังพูดไม่ทันจบ เพียงเห็นในปากชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงพ่นต่อเนื่อง

ฝนลูกศรหนาทึบพุ่งใส่ใบหน้า

หลิวรุ่ยอิ่งไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาสูบยาเส้นตอนไหน

ลูกศรควันท่ามกลางฝนลูกศรทุกดอกในรอบนี้เล็กและสั้นกว่าดอกก่อนหน้านี้ไม่น้อย

แต่เล็กสั้นใช่ว่าอ่อนแอ

เล็กสั้นกลับจะคมกริบยิ่งกว่า

ความเร็วในการพุ่งตัวก็เร็วขึ้น

ลูกศรควันดอกแรกใช้จอกสุรารับได้

ลูกศรควันดอกที่สองใช้น้ำสุราป้องกันได้

แต่จอกสุราเหลือแค่สามจอก

กาสุราก็เหลือครึ่งหนึ่ง

อย่างไรก็เอาชนะลูกศรควันเล็กสั้นคมกริบที่พุ่งมาสังหารทั่วฟ้าไม่ได้

ดูออกว่าชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงมุ่งมั่นจะใช้กระบวนท่านี้บีบให้โอวหย่าหมิงออกกระบี่

โอวหย่าหมิงมองฝนลูกศร กล่าวยิ้มเล็กน้อย

“ในเมื่อเจ้าแน่ใจว่าจะใช้ของเล่นใหม่นี้สังหารข้า เช่นนั้นข้าก็เอาของคนอื่นมาป้องกันตัวเองอย่างหน้าไม่อาย”

พูดจบก็เทสุราในกาเข้าปากทั้งหมด

เขากลืนเข้าปากและโจมตีด้วยลิ้นเหมือนชายสูบยาเส้นร่างผอมสูง เม็ดสุราไม่เล็กไม่ใหญ่พุ่งออกมาจากในปากเขาทีละเม็ด

สุราที่เหลือในกาย่อมน้อยกว่าควันที่เหลือในกล้องยาสูบของชายสูบยาเส้นร่างผอมสูง

ทว่าลูกศรควันเปลืองควัน เม็ดสุราประหยัดสุรา

ระหว่างสิ่งนี้ลดสิ่งนั้นเพิ่มก็ยังพอนับได้ว่ามีกำลังเสมอกัน

เม็ดสุราแต่ละเม็ดรับกับลูกศรควันแต่ละดอก

โจมตีจากหัวลูกศรจนปลายลูกศรร่วงหล่น

ลูกศรควันที่ถูกทะลวงก็เหมือนงูถูกตัดเอ็น มันส่ายกลางอากาศไม่กี่ครั้งก็สลายเพราะประคองตัวไม่อยู่

“ข้าไม่มีสุราแล้ว”

โอวหย่าหมิงโยนกาสุราพลางกล่าว

“ควันของข้ายังมีอีกเยอะ”

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงกล่าวพลางชูกล้องยาสูบในมือ

“อย่างไรเอาของคนอื่นมาใช้ก็คือเอาของคนอื่นมาใช้ คราวนี้เจ้าชนะแล้ว”

โอวหย่าหมิงกล่าว

“เจ้ายังไม่ตาย ข้าสามคนพี่น้องก็ไม่ถือว่าชนะ”

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงกล่าว

จิ่วซานปั้นปลื้มใจอยู่ด้านข้าง เขานึกไม่ถึงเลยว่าสุราที่ตนอยู่ไม่ห่างสักช่วงเวลามีประโยชน์เช่นนี้ด้วย

เขาเองก็กลายเป็นคนที่เก็บเอาของคนอื่นมาใช้โดยไม่รู้ตัว

เพียงแต่สิ่งที่เขากินเป็นกับข้าวเหลือสองทอด

โอวหย่าหมิงกินอาหารเหลือของชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงก่อน จากนั้นเขาก็กินของโอวหย่าหมิง

หลิวรุ่ยอิ่งไม่รู้จริงๆ ว่าความเคียดแค้นเหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร

ก็เหมือนเขารับปากหยวนเจี๋ยว่าจะเอาชีวิตตัวเองคืนให้นาง แต่เขาก็ไม่รู้แน่ชัดเหมือนกันว่าตนตายแล้วจะทำให้สมาชิกหลายสิบคนในตระกูลหยวนฟื้นคืนชีพได้หรือ

หากไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็ตายไม่คุ้มเอาเลย

เขาไม่ได้คิดหลีกหนีความผิดที่ตัวเองทำ แต่เขารู้สึกวิธีชดใช้เช่นนี้ไม่เหมาะสม

นอกจากความแค้นที่ญาติพี่น้องถูกสังหารเช่นนี้ เพื่อนบ้านที่อยู่ร่วมกันอย่างปรองดองมาหลายสิบปีก็กลายเป็นไม่พูดกันอีกเลยเพราะผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ

คิดดูแล้วฮั่ววั่งกับหลิวจิ่งเฮ่าก็เป็นเช่นนี้ไม่ใช่หรือ

ทหารหมาป่ารุกรานชายแดน ใต้หล้าไม่สงบ ตอนเป็นที่ต้องการคนก็ยกขึ้นแท่นบูชา

แผ่นดินมั่นคง กิจการรุ่งเรือง ตอนไม่ต้องการก็เจอคนนับหมื่นถ่มน้ำลายด่าทอ

เดี๋ยวเป็นเทพ เดี๋ยวดำเป็นถ่าน

ไม่ข้าคุกเข่าให้เจ้าก็เป็นเจ้าคุกเข่าให้ข้า

………………………..

คนในโถงส่วนใหญ่แยกย้ายออกไปเพราะการต่อสู้ของโอวหย่าหมิงกับสามพี่น้อง

มีแต่พ่อค้าเร่ที่ขายของน่ารักอันหนึ่งได้เมื่อครู่ยังยืนอยู่ที่เดิม เขามองมาตรงนี้อย่างนิ่งเฉย

หลิวรุ่ยอิ่งโบกมือให้เขาเต็มแรง สื่อให้เขาถอยไปด้านข้างจะได้ไม่โดนลูกหลง

ที่นี่เป็นสถานที่ที่หรูหราที่สุดในหอทรงปัญญา คิดว่าไม่นานหอทรงปัญญาต้องได้รับข่าวและออกมาแทรกแซง

แต่เบื้องบนก็รักษาแต่หน้าของผู้คนที่อยู่เบื้องบน ไหนเลยจะสนใจความเป็นความตายของพ่อค้าเร่ชั้นล่างเหล่านี้

ตายก็แค่ชดเชยด้วยเงินตำลึงเล็กน้อย ใช้เงินซื้อชีวิต

หากเขาไม่มีครอบครัว โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง เช่นนั้นแม้แต่เงินก็ประหยัดแล้ว

หอทรงปัญญาในวันรุ่งขึ้นยังคงเป็นหอทรงปัญญา ถนนยาวเส้นนี้ยังคงคึกคักดังเดิม

ขอแค่เช็ดรอยเลือดบนพื้นหมดจด ใครจะจำได้ว่าเมื่อวานมีพ่อค้าเร่ผู้ยากลำบากคนหนึ่งตายอยู่ที่นี่

ใจคนเฉยชาเช่นนี้อยู่แล้ว สันดานเดิมของคนก็นึกถึงแต่ตัวเอง

ตราบใดที่ข้าดื่มชาอย่างมีความสุข ดื่มสุราได้เต็มที่

ต่อให้ด้านนอกฟ้าถล่มดินทลายก็ไม่เกี่ยวกับข้า

หอพังทลาย อย่างมากก็ตายด้วยกัน

ใครก็ไม่อาจอยู่ต่อเพื่อเอาเปรียบเล็กๆ น้อยๆ ได้สักวินาที

ทว่าตอนหลิวรุ่ยอิ่งเห็นพ่อค้าเร่ยื่นมือเข้าในตะกร้า เขาก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดแล้ว

เขาประเมินจิตใจดีชั่วในโลกต่ำเกินไป

และประเมินระดับสายตาของตนสูงเกินไป

……………………………………………

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท