แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 869 ความเจ็บปวดของทังอี้

ตอนที่ 869 ความเจ็บปวดของทังอี้

ตอนที่ 869 ความเจ็บปวดของทังอี้

ทันทีที่รถเบนซ์ของหลินม่ายเคลื่อนออกจากบ้านของคุณพ่อไป๋ หลินม่ายก็ทอดสายตาออกไปบนถนนอย่างเหม่อลอย

เธอมองเห็นร่างคุ้นเคยแอบซุ่มอยุ่ตรงมุมถนน และมองเข้าไปในบ้านตระกูลไป๋

คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคุณแม่ไป๋

หลินม่ายประหลาดใจเล็กน้อยที่คุณแม่ไป๋ยังไม่กลับไป จนกระทั่งตอนนี้ยังคิดอยากพบเจอครอบครัวไป๋ทั้งหมดอีกด้วย

วันนี้มีลมกระโชกและหิมะตกหนัก อากาศด้านนอกหนาวมาก ร่างกายของเธอแทบจะกลายเป็นน้ำแข็งเมื่ออยู่นอกบ้านนานหลายชั่วโมง

ถึงแม้ว่าคุณแม่ไป๋จะน่าสงสาร แต่หลินม่ายก็ไม่คิดอยากจะพูดคุยด้วย

ความรักที่มาช้าเช่นนี้มันไม่สามารถชดเชยความเจ็บปวดในใจของเธอได้เลย

ทันทีที่คุณแม่ไป๋เห็นรถเบนซ์ของหลินม่ายขับออกมา หล่อนก็รีบหลบเข้าซ่อนตัวในมุมถนนอีกครั้ง

หล่อนกลัวว่าหากหลินม่ายเห็นตน อีกฝ่ายจะรู้สึกไม่ดี แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือหลินม่ายเห็นหล่อนแล้ว

ฟางจั๋วหรานขับรถไปที่บ้านของเฝิงเยว่จู๋ตามที่ไป๋เซี่ยผู้เป็นพี่ภรรยาบอกกล่าว

ระหว่างทาง หลินม่ายก็เห็นทังอี้

คราวนี้แทนที่อีกฝ่ายจะเดินคอตกกลับ แต่เขากลับนั่งอยู่บนม้านั่งริมถนนแล้วยังสูบบุหรี่ด้วยสีหน้าที่ดูหดหู่

มันดูไม่สอดคล้องกับผู้คนที่เดินไปมาอย่างมีชีวิตชีวาเลย อีกทั้งยังไม่สอดคล้องกับถนนที่เต็มไปด้วยโคมไฟสีแดงประดับประดา

แต่หลินม่ายก็เพิกเฉยต่อสิ่งนี้

โลกของผู้ใหญ่ไม่มีอะไรได้มาโดยง่าย ไม่ว่าจะเศร้าหรือสุข คุณจะต้องเผชิญหน้ากับมันด้วยตัวเอง

ถนนเต็มไปด้วยหิมะและค่อนข้างลื่น รถของฟางจั๋วหรานไม่ได้ขับเร็วนัก แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ทิ้งห่างจากทังอี้อย่างรวดเร็ว

หลินม่ายก็ไม่สนใจเขาด้วยเช่นกัน

เทศกาลปีใหม่นี้เป็นวันเวลาที่ผู้คนเต็มไปด้วยความสุข แต่ทังอี้กลับรู้สึกหดหู่ใจมาก นับตั้งแต่วันที่ 28 ของปีใหม่ทางจันทรคติ

โบนัสสิ้นปีเป็นเงินเดือนจำนวนสองเท่า ทั้งหมดจะถูกจ่ายออกในวันที่ 28 เดือนสิบสอง

มีการแจกจ่ายของสำหรับวันหยุดหลังเลิกงานในช่วงบ่ายวันนี้

แต่ละตำแหน่งมีโบนัสสิ้นปี และเงินเดือนสองเท่าที่แตกต่างกัน

และวัสดุทั้งหมดที่ได้รับแจกจ่ายสำหรับวันหยุดจะรวมอยู่ในของข้างต้นนี้ด้วย

แน่นอนว่าของแจกจ่ายสำหรับปีใหม่นี้มีเนื้อสัตว์สิบชั่ง ปลาสิบชั่ง แอปเปิ้ล และสาลี่หนึ่งกล่อง ทั้งยังมีลูกอมและเมล็ดแตงโมด้วย

แม้แต่การไฟฟ้าหรือการประปาที่มีกำไรค่อนข้างมาก ยังไม่สามารถเทียบกับว่านถงกรุ๊ป

ในบ่ายวันที่ 28 ของเดือนจันทรคติที่สิบสอง หลังจากได้รับวัตถุดิบสำหรับปีใหม่ ทังอี้เรียกรถสามล้อเพื่อมาขนสิ่งของเหล่านี้ ก่อนจะนั่งมันกลับด้วยไป เวลานี้เขาวางของทั้งหมดลงที่ชั้นล่างของบ้าน

ขณะทังอี้กำลังจัดการทุกสิ่งอยู่นั้น สายตาของเหล่าเพื่อนบ้านก็เต็มไปด้วยความริษยา แต่เขาไม่สนใจ พร้อมกับเรียกภรรยาให้ลงมาตรวจสอบของต่าง ๆ และแบกมันเข้าบ้าน

เหลยซิ่งซึ่งเป็นภรรยาของเขาเห็นว่าทังอี้นั่งรถสามล้อกลับมา และใช้จ่ายอย่างหนัก ก็เผยสีหน้าไม่ค่อยดีนักในเวลานี้

หล่อนไม่สนใจเพื่อนบ้านที่กำลังเฝ้ามองอย่างใคร่รู้ เวลานี้หล่อนเริ่มดุด่าทังอี้อย่างโจ่งแจ้ง

หล่อนไม่เข้าใจว่าเขาจะใช้เงินไปกับการเรียกสามล้อทำไม?

ไม่ใช่ว่าฟาร์มผักที่เขาบริหารอยู่ไม่มีรถสามล้องั้นหรือ เขาสามารถยืมสิ่งเหล่านั้นได้ อีกทั้งสามล้อของบริษัทก็สามารถขี่กลับมาแล้วค่อยนำไปคืนในวันพรุ่งนี้ได้

หล่อนพูดเสียงดังจนคนฟังต้องรู้สึกเจ็บปวดแก้วหู

ฝูงชนทั้งหมดที่คิดสอดรู้สอดเห็นถึงกับหลบออกไปด้วยสีหน้าซับซ้อน

รายได้ต่อเดือนของทังอี้สูงกว่าผู้อำนวยการโรงงานของรัฐบาลหลายแห่ง

การเสียเงินเพียงไม่กี่หยวนเพื่อเรียกสามล้อกลับบ้านนี้อาจจะเรียกว่าขนหน้าแข้งไม่อาจร่วง

หากเป็นคนงานในหน่วยงานอื่น ๆ ที่ได้รับค่าจ้างตายตัวเพียงหนึ่งร้อยหยวน คนเหล่านั้นต่างหากสมควรเป็นคนที่ไม่ควรใช้เงิน

แม้ทังอี้จะอารมณ์ไม่ดีนัก แต่เมื่อถูกดุด่าจากเหลยซิ่งเช่นนี้ เขาก็ยังไม่แสดงอาการหงุดหงิด

ทั้งสองสามีภรรยาขนของขวัญสำหรับวันหยุดเข้าบ้านต่อไป

หลังจากปิดประตู ทังอี้มอบโบนัสสิ้นปีและเงินเดือนสองเท่าของเขาให้ด้วยความเต็มใจ

ปีนี้เขาได้รับโบนัสสิ้นปีเป็นจำนวนเงิน 3,000 หยวน ซึ่งมันสูงกว่ารัฐวิสาหกิจทั่วไปมาก

ในยุคนี้ บริษัทอื่น ๆ ไม่อาจจ่ายโบนัสเป็นเงินเดือนสองเดือนได้

ด้วยการจัดจ้างที่ดีอย่างนี้ทำให้ทังอี้ปฏิบัติต่อว่านถงกรุ๊ปอย่างดี โดยเฉพาะตลาดผักฝูตัวตัวที่เขารู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นเจ้าของ

เขาหวังว่าเหลยซิ่งจะยกย่องว่านถงกรุ๊ปหรือตลาดผักฝูตัวตัวสักหน่อย

แต่เหลยซิ่งกลับไม่คิดภูมิใจเท่านั้น อีกทั้งยังดูถูกเขาสารพัด ด้วยการดุด่าว่าเขาโง่เขลาและไร้เดียงสากับเรื่องเหล่านี้

อีกทั้งยังประชดประชันว่า “คุณทำงานหนักให้กับว่านถงกรุ๊ป แต่ว่านถงกรุ๊ปให้โบนัสสิ้นปีกับคุณ 3,000 หยวน แค่นี้คุณก็มีความสุขแล้วเหรอ? โง่จริง!”

คำพูดที่ดีทำให้ผู้ฟังอบอุ่นใจ แต่คำพูดเลวร้ายทำให้จิตใจผู้ฟังแข็งกระด้าง

ทังอี้อึดอัดกับสถานการณ์นี้มาก

ในวันส่งท้ายปีเก่าและวันแรกของปีใหม่ ภรรยาของเขายังคิดตำหนิเขาในเรื่องเล็กน้อย โดยไม่เคยมองเห็นความดีของเขาเลยในตลอดเวลาที่ผ่านมา

หลังจากถูกดุด่ามานานแรมปี เขาทนฟังคำตำหนิจากภรรยาทุกวัน ความอดทนในจิตใจก็ใกล้จะพังทลายลงทุกที

ในตอนเช้าของวันใหม่ ทังอี้อยากจะกินเฉ่ากานเป็นอาหารเช้า

นี่เป็นวันปีใหม่และรายได้ของเขาก็สูงพอสมควร ดังนั้นการกินเฉ่ากานชามเดียวจึงไม่มากเกินไปนัก

แต่ภรรยาของเขากลับเย้ยหยันว่า “โอ้โห คุณหาเงินได้แค่หยิบมือ แต่กลับอยากกินเฉ่ากานงั้นเหรอ? อย่าลืมสิว่าคุณก็มีครอบครัวต้องเลี้ยงดู!”

ทังอี้โกรธจัด ก่อนจะเปิดฉากทะเลาะกับเหลยซิ่งยกใหญ่ สุดท้ายเขาไม่อยากจะถกเถียงกับอีกฝ่ายต่อไป เขาโกรธจัดจนไม่ทันได้กินมื้อเช้าและออกจากบ้านไปด้วยความหิวโหย

เขาเดินอยู่บนถนนมาเกือบทั้งวัน อีกทั้งท้องก็ยังหิวมาก

ทังอี้ที่นั่งสูบบุหรี่อยู่ตรงนี้กำลังคิดทบทวนว่าเขาควรจะกลับไปยอมรับผิดทั้งหมดดีหรือไม่?

ชีวิตครอบครัวใครบ้างที่ไม่วุ่นวาย? ใครบ้างที่ไม่ต้องพยายาม

เขาดับบุหรี่ในมือก่อนจะเดินกลับบ้าน

ขณะที่เขาเดินกลับบ้าน ภรรยาของเขาก็กลับบ้านไปพร้อมกับเด็กทารก

มันไม่ง่ายเลยที่เหลยซิ่งจะกลับบ้านไปหาแม่ในวันนี้

เพราะลูกของหล่อนยังเดินไม่ได้ และหล่อนยังต้องแบกของขวัญมากมายด้วย

หล่อนลังเลที่จะนั่งรถแท็กซี่ออกจากบ้าน เมื่อคิดอย่างนั้นจึงใช้รถประจำทางแทนเพราะราคาถูกกว่า

อีกทั้งยังมีทารกติดสอยห้อยตามมาด้วย กว่าจะมาถึงบ้านของแม่ก็ใช้เวลาพอสมควร

โดยปกติแล้วเมื่อลูกสาวที่แต่งงานแล้วกลับมาที่บ้าน หล่อนจะมาพร้อมกับสามีที่ช่วยถือของขวัญหรืออุ้มลูก

แต่เหลยซิ่งกลับมาที่นี่เพียงคนเดียว หล่อนจึงถูกพ่อแม่พี่น้องของตนถามเซ้าซี้ว่าทะเลาะกับสามีมาหรือไม่

มันจะไม่เกิดเรื่องหากพวกเขาไม่ถาม แต่เมื่อพวกเขาถาม เหลยซิ่งก็แทบจะร้องไห้ออกมาทันที

ทังอี้ไม่เคยโต้เถียงกับหล่อนมาก่อน แต่คราวนี้เมื่อเงินเดือนของเขาสูงขึ้น เขากล้าที่จะต่อว่าหล่อน

แน่นอนว่าผู้ชายมักจะทำตัวผิดแปลกไปเมื่อพวกเขามีเงิน

เหลยซิ่งรับประทานมื้อกลางวันที่บ้านของแม่ด้วยความหดหู่ ก่อนจะกลับบ้านพร้อมกับทารกน้อย

หลังจากเห็นว่าทังอี้กลับมาที่บ้านแล้ว หล่อนรีบพ่นคำหยาบคายใส่เขาด้วยความโกรธจัด “คุณยังรู้ทางกลับบ้านอยู่เหรอ ฉันนึกว่านอนตายอยู่ข้างนอกนั่นแล้ว!”

ใบหน้าของทังอี้กลายเป็นซีดเซียวเมื่อถูกภรรยาสาปแช่งให้ตายในวันส่งท้ายปีเก่า

ความคิดที่จะขอโทษก่อนหน้านี้พลันเหือดหายไปทันที

เขาไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องนอน

เหลยซิ่งยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อเห็นว่าหล่อนกำลังดุด่ากำแพงไร้ความรู้สึก

ขณะที่ดุด่าอย่างนั้น หล่อนก็ยังเดินตามเข้าไปในห้องนอนด้วยเช่นกัน

“ไอ้ตัวไร้ประโยชน์ คุณกล้าเดินหนีก่อนที่ฉันจะพูดจบอีกเหรอ ใครมันสั่งสอน…”

ก่อนหล่อนจะพูดจบ หล่อนก็เห็นทังอี้หยิบเสื้อผ้าออกจากตู้แล้วยัดลงกระเป๋าเดินทาง ก่อนจะลากออกไป

เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว เหลยซิ่งยิ่งโกรธจัดก่อนจะตะโกนต่อว่าแผ่นหลังของทังอี้ว่า “ทำไม… โดนด่าแค่นี้ทนไม่ได้เหรอ แล้วถ้าคิดจะออกจากบ้าน ก็ออกไปซะ แล้วอย่าโผล่หน้ากลับมาอีกล่ะ!”

ทังอี้แสร้งทำเป็นหูหนวก ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง

เหลยซิ่งโกรธจนน้ำตาไหลพราก หล่อนนั่งลงในห้องนั่งเล่นก่อนจะกวาดถ้วยชากาแฟทั้งหมดบนโต๊ะลงพื้น ของทุกชิ้นแตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ทารกน้อยตื่นตระหนกจนร้องไห้เสียงจ้า และผู้เป็นแม่ก็ยังไม่คิดสนใจเด็กน้อย เพราะยังจมอยู่ในความโศกเศร้าของตนเองอยู่

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เฮ้อ ทนเมียประสาทแบบนี้มาได้ไงตั้งนานอะทังอี้ ทำเรื่องหย่าแล้วขอรับลูกมาเลี้ยงไปให้จบๆ เถอะ จะได้รู้ว่าถ้าหย่าขึ้นมาแล้วยังจะปากดีใส่สามีตัวเองได้อีกไหม ที่ยังปากดีได้ก็เพราะมีเงินสามีเลี้ยงอยู่หรอก ลองโดนตัดท่อน้ำเลี้ยงไปสักครึ่งปีสิ จะคอยดูว่าจะมาอ้อนวอนขอคืนดีกับสามีไหม

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

Status: Ongoing

หลินม่ายได้กลับมาเกิดใหม่ในวันแต่งงานของตัวเอง​ และพบว่าทุกคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเองหรือครอบครัวสามีต่างก็ยังเป็นเศษสวะกันเหมือนเดิม​ แต่ขอโทษเถอะ…หลินม่ายคนนี้ไม่ใช่หลินม่ายคนเดิมแล้ว​ ใครหน้าไหนมารังแกฉัน​ คราวนี้แม่จะซัดให้หงาย​​ จะงัดมารยาสาไถทุกกระบวนมาใช้แก้เผ็ดมันให้หมด! จากนั้นก็จะหย่ากับสามีกะหลั่วแยกตัวออกมาสร้างฐานะแบบสวยๆ​ ไม่ต้องสนใจใครอีกแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท