ก่อนที่ไป๋หลี่ซ่างเสียจะได้ลงมือ ความคิดชั่วร้ายก็พลันแวบเข้ามาในความคิดของเด็กอ้วนแซ่เฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาคิดกับตัวเองว่ามันก็มีโอกาสเหมือนกันที่เขาจะพ่ายแพ้ให้กับไป๋หลี่ซ่างเสียที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เขาไม่มีวันแพ้ให้กับเจ้าเด็กบ้านนอกคนนี้แน่
นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดให้เขาได้ระบายความโกรธที่สั่งสมเอาไว้ออกมา เขาจะระบายมันออกมาให้หมดก่อนที่แม่จะมารับ!
เด็กอ้วนแซ่เฉิงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของมนุษย์ที่รังแกผู้อ่อนแอ แต่เกรงกลัวผู้แข็งแกร่ง เขาเช็ดมุมปากของตัวเองแล้วย่างสามขุมเข้าไปหาเสี่ยวชิงเฉิงโดยไม่ลังเล สีหน้าที่อยู่บนใบหน้าอวบอูมนั้นบ่งบอกว่าเขาตั้งใจที่จะขโมยของกินของอีกฝ่าย
เด็กๆ ชั้นอนุบาลหนึ่งทุกคนต่างทำตาโตมองเด็กอ้วนแซ่เฉิง และคิดว่าเสี่ยวชิงเฉิงกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวงเพราะเด็กอ้วนแซ่เฉิงเป็นเด็กที่ไร้เหตุผลที่สุดคนหนึ่ง เขาสามารถทำให้คนคนหนึ่งล้มลงไปกองกับพื้นได้อย่างง่ายดายด้วยการปะทะเพียงครั้งเดียว แล้วนับประสาอะไรกับแค่ขนมเค้กชิ้นเดียว
แต่แล้วทุกคนก็ต้องประหลาดใจ เพราะเสี่ยวชิงเฉิงที่กำลังเคี้ยวเค้กช็อกโกแลตอยู่ในตอนแรกกลับลุกขึ้นยืนพร้อมถือส้อมไว้ในมือ เขาหมุนตัวก่อนเตะตัดข้างเข้าใส่เด็กอ้วนแซ่เฉิง!
เสียงดังปังก้องสะท้อนเต็มหูของทุกคน!
เจ้าลูกชิ้นอ้วน หรือที่ทุกคนรู้จักกันในชื่อเด็กอ้วนแซ่เฉิงกระเด็นออกไปหลายเมตรจากลูกเตะของเสี่ยวชิงเฉิง!
ไป๋หลี่ซ่างเสียที่ยืนมองภาพนั้นจากด้านข้างเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจกับพละกำลังของลูกเตะนั้น แต่นอกจากนั้นเขาก็ยังดูเย็นชาไม่แยแสเหมือนเดิม
เด็กทุกคนที่อยู่รอบตัวเขาต่างก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ชิงเฉิง ชิงเฉิง เธอเคยเรียนเทควันโดมาด้วยหรือ ลูกเตะเมื่อกี้สวยมากเลย!”
“เมื่อกี้นายทำแบบนี้เหรอ ฮึบ!”
“ไม่ใช่สิ ชิงเฉินไม่ได้ทำแบบนั้นสักหน่อย!”
ห้องเรียนของชั้นอนุบาลหนึ่งเต็มไปด้วยความคึกคัก ทุกคนเข้ามารุมล้อมชิงเฉิงพร้อมกับมองเขาด้วยสายตาชื่นชม สถานการณ์นี้แทบไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ พวกเขาทำราวกับเห็นเสี่ยวชิงเฉิงเป็นตัวละครสุดแกร่งจากการ์ตูนแอนิเมชั่นเช่นเดียวกับการ์ตูนเรื่องแพะน้อยแสนร่าเริง
เด็กอ้วนแซ่เฉิงที่ถูกถีบจนร่วงลงไปนอนกับพื้นรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก คราวนี้เสียงร้องไห้ครวญครางของเขาฟังดูน่าสมเพชยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
อย่างไรเด็กอ้วนแซ่เฉิงก็เป็นเด็กชายที่ใส่ใจกับภาพลักษณ์ของตัวเอง ดังนั้นการถูกไป๋หลี่ซ่างเสียที่กลับมาจากต่างประเทศอัดจึงเป็นเรื่องที่ฟังดูมีเหตุผลมากกว่าสำหรับเขา
แต่เขาทนไม่ได้ที่ต้องมาพ่ายแพ้ด้วยฝีมือของคนบ้านนอกเช่นนี้
ถ้าทุกคนรู้เรื่องนี้เข้า เขาจะยังอยู่ในโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ร่วมกับทุกคนได้อย่างไร
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าใด เสียงครวญครางของเขาก็ยิ่งดังขึ้นเท่านั้น เสียงร้องไห้นั้นดังมากเสียจนทุกคนที่อยู่ในบริเวณโถงทางเดินได้ยินมันอย่างชัดเจน
อาจารย์ประจำชั้นกำลังชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้คุณนายเฉิงฟังอยู่ แต่เมื่อพวกเธอได้ยินเสียงที่ดังมาจากห้องเรียน พวกเธอก็สบตากัน ก่อนจะรีบเข้าไปที่ห้องนั้นทันที
ใบหน้าของคุณนายเฉิงที่เคยเต็มไปด้วยความสูงส่งและสง่างามกลายเป็นสีเขียวในทันใดเมื่อเธอเห็นเด็กอ้วนแซ่เฉิงนอนแผ่อยู่บนพื้น!
“ใครเป็นคนทำ! หา!” ลูกชายของเธอไม่เคยต้องเจ็บตัวแบบนี้มาก่อน!
คุณนายตระกูลเฉิงทั้งเป็นกังวลและโกรธในขณะที่ลูบหลังเด็กอ้วนแซ่เฉิง เธอพูดกับอาจารย์ประจำชั้นว่า ”ครูจาง! คุณคงสามารถอธิบายให้ฉันฟังได้ใช่ไหม! ลูกชายของฉันมาที่นี่เพื่อเรียนหนังสือ! ไม่ใช่เพื่อให้ถูกคนรังแก! ฉันไม่คิดอยู่แล้วว่าครูคุณภาพต่ำอย่างคุณจะสามารถอบรมลูกชายของฉันได้ ฉันถึงหวังเพียงแค่คุณจะสามารถดูแลเขาให้ดี แต่ดูหน้าเขาในตอนนี้สิ! ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขาละก็ อย่าฝันเลยว่าคุณจะได้เป็นครูต่อ!”
อาจารย์ประจำชั้นนึกไม่ถึงว่าเด็กอ้วนแซ่เฉิงจะถูกทำร้ายเข้าอีกครั้งหลังจากที่เธอเดินออกไปจากห้องในช่วงสั้นๆ
ความจริงแล้วเธอก็รู้สึกปวดหัวกับเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดภาคการศึกษา แต่กลับมีเหตุทะเลาะวิวาทเกิดขึ้นแล้วถึงสองครั้ง
ดูจากหุ่นของเด็กอ้วนแซ่เฉิงแล้ว เขาย่อมไม่น่าจะล้มลงไปนอนกองอยู่ตรงนั้นได้ง่ายๆ จะว่าไปก็แปลกทีเดียว ทำไมคนที่เจ็บตัวถึงเป็นเขาอยู่เรื่อยเลย
ครูจางดูค่อนข้างไม่พอใจหลังจากถูกตำหนิอย่างรุนแรง เธอหันกลับไปถามเด็กอนุบาลหนึ่งเหล่านั้นอย่างเดือดดาลว่า ”ใครเป็นคนทำ”
เธอคิดว่านอกจากไป๋หลี่ซ่างเสียแล้วก็คงไม่มีใครอีก ดังนั้นเธอจึงตั้งท่าจะพุ่งเข้าไปคว้าตัวเข้า
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวชิงเฉิงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวเล็กกลับเป็นคนที่ลุกขึ้นยืน ในมือของเขายังถือเค้กช็อกโกแลตอยู่ด้วยซ้ำ เขามองอาจารย์ประจำชั้นด้วยดวงตากลมโตคู่นั้น ยิ่งเมื่ออยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเล็ก ความน่ารักน่าเอ็นดูของเด็กชายก็ยิ่งแผ่รัศมีออกมาระลอกแล้วระลอกเล่า ”ฝีมือผมเองครับครู”
ครูจางชะงักฝีเท้า ”เธอหรือ”
“ครับ” เสี่ยวชิงเฉิงพยักหน้า
คุณนายเฉิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องออกมาว่า ”ครูจาง ในเมื่อเจอตัวนักเรียนที่มีปัญหาแล้ว ฉันก็หวังว่าคุณจะสามารถแก้ปัญหานี้ให้ได้โดยเร็วที่สุดนะ!” เธอจำหน้าเสี่ยวชิงเฉิงได้ เขาเป็นลูกชายของเฮ่อเหลียนเวยเวย
ครูจางพยักหน้าอย่างเกร็งๆ แล้วบอกกับผู้หญิงผู้ถือตัวคนนั้นว่า ”คุณนายเฉิงใจเย็นๆ ก่อนค่ะ ฉันต้องรู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการทะเลาะวิวาทของพวกเขาก่อน”
“ทำไมเด็กจนๆ คนนี้ถึงหาเรื่องเราน่ะหรือ มันก็คงเป็นเพราะว่าเขาอิจฉาลูกชายฉันอยู่แล้วน่ะสิ!” คุณนายเฉิงเยาะขึ้นอย่างเย็นชา ”เขาทำร้ายลูกชายของฉันจนหมดท่าขนาดนี้ โรงเรียนของเราไม่น่ารับนักเรียนพรรค์นี้เข้ามาเลยจริงๆ!”
หลังจากได้ยินคำตำหนิที่ทำเอาเถียงไม่ออกจากคุณนายเฉิง ท่าทางของครูจางก็พลันยิ่งดูเข้มงวดมากขึ้น ”เธอตีเขาทำไม”
“ก็แค่ป้องกันตัวอย่างที่ควรทำครับ” เสี่ยวชิงเฉิงพูดโดยตาไม่กะพริบ ไม่ว่าจะมองอย่างไร เขาก็ดูไร้พิษภัยอย่างยิ่งเพราะเค้กช็อกโกแลตที่อยู่บนมือเล็กๆ นั้น
แต่… ทำไมมันถึงเป็นการป้องกันตัวอีกแล้วล่ะ!!!
สมองของครูจางแทบตามไม่ทัน เด็กสมัยนี้จะรู้มากกันเกินไปแล้ว!
หรือพวกเขาอาจจะได้รับอิทธิพลจากไป๋หลี่ซ่างเสียที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศก็ได้!
เมื่อคิดได้ดังนี้ ครูจางก็เผลอเหลือบมองไป๋หลี่ซ่างเสียโดยอัตโนมัติ
เด็กคนนี้เย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมองทุกคนเหมือนเขาสูงส่งกว่าคนอื่น แต่ตอนนี้เขากลับกำลังส่งยิ้มให้กับเสี่ยวชิงเฉิง รอยยิ้มหวานๆ ของเขาราวกับมีเจตนาร้ายซ่อนอยู่เบื้องหลัง
เด็กอ้วนแซ่เฉิงรู้สึกปวดฟันขึ้นมาทุกครั้งที่เขาได้ยินคำว่า ”ป้องกันตัวเอง”!
“แม่ คำว่าป้องกันตัวเองมันคืออะไรกันแน่ครับ แต่ช่างเถอะ! ยังไงเจ้าบ้านนอกนี่ก็ผิดที่มาตีผม! แม่ต้องลงโทษเขาให้ผมนะครับ! ให้โรงเรียนไล่เขาออกเลย!” เด็กอ้วนแซ่เฉิงร้องไห้สั่งน้ำมูกและร้องไห้ออกมาอย่างแรงจนแก้มของเขากระเพื่อมไปพร้อมกับการเคลื่อนไหวอันรุนแรงนั้น
คุณนายเฉิงรู้สึกทุกข์ใจอย่างมาก หัวใจของเธอปวดร้าวด้วยความสงสารลูกชาย เธอตอบเพียงว่า ”ได้จ้ะ เข้าใจแล้ว พวกเราไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่กันตอนนี้เลยก็แล้วกัน”
การเข้าพบอาจารย์ใหญ่ทำให้ครูจางสะดุ้ง เธอรีบแนะนำว่า ”คุณนายเฉิง เด็กๆ อายุยังน้อย จึงเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บหรือมีรอยฟกช้ำบ้าง แต่พวกเราไม่จำเป็นต้องทำให้เรื่องพวกนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยไม่ใช่หรือ”
“คุณหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าเราทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ฉันกำลังทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อยู่หรือ” คุณนายเฉิงโต้กลับพลางพยายามรักษาความเยือกเย็นของตัวเองเอาไว้ ”ครูจาง ฉันรู้จักปัญหาของลูกตัวเองดี เขาอาจจะไร้เหตุผล แต่ครอบครัวของเราก็มีวิธีอบรมเด็กในแบบของตัวเอง เขาไม่ใช่คนที่มีนิสัยชอบหาเรื่องใคร ซ้ำยังออกจะเป็นเด็กที่มีจิตใจดีด้วยซ้ำ แต่นี่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เขาตกเป็นเป้าหมายในการถูกกลั่นแกล้งได้!”
ครูจางรู้สึกอับอายขายหน้าอยู่ครู่หนึ่งเมื่อถูกพูดใส่เช่นนั้น เธอพูดอะไรไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
ตอนนั้นเองที่เสี่ยวชิงเฉิงเริ่มพูดขึ้นว่า ”คุณนายครับ ถ้าอย่างนั้นคุณก็เป็นคนสอนให้ลูกตัวเองขโมยขนมของคนอื่นด้วยหรือ ก็อย่างที่ผมบอกไปเมื่อกี้นี้ว่าผมแค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น ผมคงไม่เตะเขาหรอกถ้าเขาไม่ได้พยายามที่จะขโมยช็อกโกแลตสุดโปรดของผมไป”