รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 847 ทุกคนต่างเกิดเรื่อง? แปลกเกินไปแล้ว!

บทที่ 847 ทุกคนต่างเกิดเรื่อง? แปลกเกินไปแล้ว!

บทที่ 847 ทุกคนต่างเกิดเรื่อง? แปลกเกินไปแล้ว!

จ้าวอสนีบาต อสูรยักษ์ และข่งอวิ๋นจับมือรวมกลุ่มกัน พวกเขารู้สึกไม่เต็มใจเล็กน้อยยามเข้าไปในเขาหลิงซานของพระพุทธศาสนา แต่ก็ต้องการรู้เรื่องราวสถานการณ์ของหลี่จิ่วเต้าจากต้าเต๋อ

“พวกเราต้องตระหนักเอาไว้ หากสถานการณ์ไม่ดีต้องรีบถอยทันที!”

“ไม่อาจกระทำการโดยประมาท!”

“พุทธศาสนาหาใช่สถานที่ธรรมดาแต่อย่างใด ยังดีที่ร่างจริงของพระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ พระพุทธศาสนาในหน้าฉากถูกสร้างขึ้นจากความคิดของพระอมิตาภะพุทฑเจ้า แทบไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับร่างจริงของพระอมิตาภะพุทธเจ้า!”

เมื่อพวกเขาทั้งหมดร่วมมือกันก็ทำให้ได้รับความมั่นใจขึ้นมาบ้าง หากมีเพียงคนใดคนหนึ่ง พวกเขาคงไม่กล้าทำเช่นนี้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต่างอันใดกับการรนหาที่ตายและไม่มีจุดจบอื่นใดอีก

เขาหลิงซานสูงตระหง่าน แสงพุทธะแผ่ขจรขจาย ภายในใจของทั้งสามเปี่ยมด้วยอารมณ์มากมาย พระอมิตาภะพุทธเจ้าในโลกฉากหลังคือผู้ที่แข็งแกร่งบนจุดสูงสุดอย่างแน่นอน พวกเขาตระหนักในเรื่องนี้ ย่อมไม่กล้าลงมืออันใดกับพุทธศาสนา

พระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นต่อสู้อยู่ในแนวหน้าของสมรภูมิความมืด เช่นนั้นจะมีเวลาไปดูแลเรื่องอื่นได้อย่างใด มีข่าวว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นห้าวหาญเป็นพิเศษ เคยพุ่งเข้าไปสังหารศัตรูถึงส่วนลึกของสมรภูมิความมืด จัดการสิ่งมีชีวิตมืดมิดไปจำนวนมาก

แต่ก็เป็นเพราะเหตุนี้เอง จึงเกิดเรื่องขึ้นกับพระอมิตาภะพุทธเจ้า เคยมียอดฝีมือจากโลกฉากหลังเห็นลมหายใจมืดมิดรอบล้อมพระอมิตาภะพุทธเจ้า ราวกับถูกความมืดกัดกร่อน

ทว่าลมหายใจมืดมิดก็ถูกพระอมิตาภะพุทธเจ้าชำระล้างไปในทันที เหล่ายอดฝีมือในฉากหลังไม่อาจทราบได้ว่าสถานการณ์ที่แท้จริงของพระอมิตาภะพุทธเจ้าเป็นเช่นไร

แต่สิ่งหนึ่งที่มันใจได้ ก็คือพระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือวางแผนการอันใดกับหน้าฉาก

พระพุทธศาสนาในฉากหลัง สาวกทุกคนต่างอยู่ในสมรภูมิความมืด พระอมิตาภะพุทธเจ้าไม่ละทิ้งทางเหลือรอดเอาไว้ให้ตัวเอง ใช้แสงพุทธะของตนส่องผ่านความมืด ตั้งมั่นรักษาสมรภูมิแห่งความมืดเอาไว้ เช่นนั้นจะยังสามารถมาวางแผนการอันใดในฉากหน้าได้อย่างไร?

ไม่มีทาง!

ทว่าถึงกระนั้น จ้าวอสนีบาต อสูรยักษ์ และข่งอวิ๋นก็ไม่กล้าก่อเรื่องที่เขาหลิงซาน

พวกเขาสุภาพเป็นอย่างมากเมื่อเข้าพบพระอมิตาภะพุทธเจ้า ขอให้พระอมิตาภะพุทธเจ้าช่วยเรียกต้าเต๋อกลับมา

“นี่…ผิดปกติอย่างแท้จริง! ร่างแยกความคิดหนึ่งของพระอมิตาภะพุทธเจ้า กลับถูกขับไล่จนต้องหนีไป!”

สีหน้าของจ้าวอสนีบาตจริงจังเป็นอย่างยิ่ง เขารับรู้ถึงเศษเสี้ยวของความคิดพระอมิตาภะพุทธเจ้า ยามแรกเขาคิดจะพูดคุยกับความคิดของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ทว่าไม่คาดคิดเลยว่าความคิดนั้นจะถูกบีบจนต้องถอยรนไปแล้ว

เหตุใดจึงทำเช่นนี้ได้?

เขาไม่อยากจะเชื่อ แม้ว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับพระอมิตาภะพุทธเจ้า ทว่าความคิดของเขาก็ไม่ได้ธรรมดาแต่อย่างใด กลับถูกสิ่งมีชีวิตหน้าฉากยับยั้งและขับไล่ไปได้ ช่างน่าตื่นตะลึงไปแล้ว!

ดูเหมือนว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้จะพิเศษอย่างแท้จริง

ต้าเต๋อติดตามหลี่จิ่วเต้า ดังนั้นเขาจะต้องยื่นมือช่วยเหลืออย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นผลลัพธ์คงไม่ออกมาเป็นเช่นดังกล่าว

“อามิตาพุทธ!”

พระอมิตาพุทธเจ้าท่องออกมา ทำตามคำพูดของจ้าวอัสนีบาตโดยไม่เอ่ยอันใดมากมาย เขาหยิบศาสตราสื่อสารออกมาติดต่อให้ต้าเต๋อรีบกลับ

เขาสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของพวกจ้าวอสนีบาต ทั้งสามคนอยู่ไกลเกินกว่าระดับที่เขาจะสามารถรับมือได้ หากไม่ทำตาม เกรงว่าเขาหลิงซานจะต้องสูญสิ้น

เขาไม่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของต้าเต๋อแม้แต่น้อย

กลับกัน เขาแทบจะทนรอต้าเต๋อให้มาถึงไม่ไหวแล้วเสียด้วยซ้ำ

ร่างของต้าเต๋อทั้งหมดคือสมบัติ ไม่ว่าพวกจ้าวอสนีบาตจะน่ากลัวแค่ไหนก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้

เขาเคยเห็นความสามารถของคุณชายด้วยตาตัวเอง นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกจ้าวอสนีบาตจะรับมือได้อย่างแน่นอน

อึก อึก!

ตาเฒ่าขี้เมายกน้ำเต้าสุราขึ้นกระดกอึกใหญ่ พวกเขาเองก็เริ่มเคลื่อนไหว ตรงมาถึงบูรพาทิศของเหยียนโจว

เขามุทะลุดุดันอย่างแท้จริง ไม่ได้มีความตั้งใจจะสืบเสาะเรื่องของหลี่จิ่วเต้าจากคนรอบตัวแม้แต่น้อย และวางแผนจะไปพบหลี่จิ่วเต้าที่เมืองชิงซานโดยตรง

นั่นคือฐานที่มั่นของหลี่จิ่วเต้า เขานับว่ากล้าหาญเป็นอย่างมาก ไม่มีความกลัวเกรงแต่อย่างใด

“ก็เพียงแค่ร่างอวตาร ไม่มีเรื่องอันใดต้องกลัว…”

เขาเรอสุราแล้วเอ่ยออกมา

ผู้ที่เคยสำแดงฝีมือสะท้านฟ้าออกมา แท้จริงเป็นเพียงแค่ร่างอวตาร? กระทั่งมารกระดูกและโลงโลหิตก็ไม่รู้เรื่องนี้!

ชายชราผู้นี้นับว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!

“พลังมืดมิดหลั่งไหลเข้ามา กระทั่งดาบโลหิตและกระโปรงสีขาวแห่งความตายก็ปรากฏที่นี่เพื่อจัดการกับตัวแปรผิดแผก”

เขารำพึงกับตัวเอง ดวงตาของเขาไม่ได้เลอะเลือน มีสติแจ่มชัดเป็นอย่างยิ่ง

“หรือว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นั้นคือตัวแปรผิดแผก?”

ตัวเขาเองไม่ได้ธรรมดาแต่อย่างใด ร่างจริงนั้นคอยปักหลักอยู่ในสมรภูมิมืดมิด ทั้งยังเคยต่อกรกับกระโปรงสีขาวแห่งความตายมาก่อน รู้ดีว่ากระโปรงสีขาวแห่งความตายน่ากลัวมากเพียงใด

“หากเขาคือตัวแปรผิดแผกนั้นจริง ข้าก็สามารถชี้แนะบางอย่างให้เขาสักหน่อยได้”

เขาเอ่ยอย่างสงบนิ่ง

ตัวแปรผิดแผกหรือ เห็นได้ชัดว่ายังไม่เติบโตขึ้นดี หากเติบโตขึ้นดีแล้ว เช่นนั้นจะเรียกว่าผิดปกติได้อย่างไร แต่จะกลายเป็นตัวตนพิเศษต่างหาก

ยอดเขาที่กระบี่ฉุนจวินเคยปักอยู่

เมื่อครั้งเกิดการต่อสู้ มารกระดูก โลงโลหิต และเหล่าผู้แข็งแกร่งจากโลกฉากหลังปะทะกันอย่างดุเดือด ทำให้มีเลือดจำนวนไม่น้อยหลั่งรินออกมา

เลือดของปีศาจกระดูก โลงโลหิตและผู้แข็งแกร่งจากโลกหลังฉากล้วนไม่สลายตามกาล อยู่ไปชั่วนิรันดร์ ทั้งยังคงพลังอันอนันต์เอาไว้ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายไม่อาจเข้าใกล้ได้ ไม่ต้องพูดถึงการเก็บรวบรวมเลย

อย่างไรก็ตามตอนนั้นเอง เลือดก็ไหลซึมลงสู่พื้นทีละนิดราวกับว่ากำลังถูกสิ่งมีชีวิตใดก็ตามที่อยู่ใต้ดินดูดซับไป!

ครืดดด!

ใต้ดินมีสิ่งมีชีวิตบางอย่างอยู่จริง เสียงหายใจที่ดังขึ้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก กระทั่งกฎแห่งสวรรค์และโลกยังถูกรบกวนจนบิดเบี้ยว!

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้น่ากลัวเป็นอย่างมาก แท้จริงแล้วที่กระบี่ฉุนจวินอยู่ที่นี่เพื่อสะกดสิ่งมีชีวิตนี้เอาไว้ใช่หรือไม่?

หากเป็นเรื่องจริง สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้ดินจะต้องน่าหวาดหวั่นมากถึงเพียงใดกัน? ถึงจำเป็นต้องใช้กระบี่ฉุนจวินในการกำราบ!

ยามนั้นเมื่อหลี่จิ่วเต้านำกระบี่ฉุนจวินออกมา เป็นผลให้กระบี่ฉุนจวินในตอนนั้นระเบิดแสงกระบี่สะท้านฟ้าหมายสังหารหลี่จิ่วเต้า

ผลกลับกลายเป็นว่าแสงกระบี่สลายหายไปอย่างกะทันหัน ทำให้สิ่งมีชีวิตหลังฉากกระทั่งหลี่จิ่วเต้าคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติกับกระบี่ฉุนจวิน

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตใต้ดินงั้นหรือ?

เป็นสิ่งมีชีวิตใต้ดินที่ลงมือขัดขวางกระบี่ฉุนจวินใช่หรือไม่?

ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร สิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้ดินจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ณ เมืองชิงซาน

ในลานเล็ก ๆ ของหลี่จิ่วเต้า

พวกเขากลับมาถึงนานแล้ว เมิ่งจี ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน และคนอื่น ๆ ต่างแยกย้ายกลับไประหว่างทาง ส่วนเซี่ยเหยียน ต้าเต๋อ และพวกอ้ายฉานต่างตามหลี่จิ่วเต้ากลับมา

“กลับมาเถิด ภายในสำนักมีเรื่องบางอย่างต้องหารือกับเจ้า”

ศาสตราสื่อสารบนร่างของเซี่ยเหยียนสว่างขึ้น เป็นเวิงอู๋โยวที่ติดต่อมา

“เป็นผู้เฒ่าเวิงนี่เอง ในเมื่อมีเรื่องจนต้องตามเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปเถิด”

หลี่จิ่วเต้าที่อยู่ด้านข้างได้ยินเสียงของเวิงอู๋โยว ก็กล่าวกับเซี่ยเหยียนด้วยรอยยิ้ม

“ตกลง”

เซี่ยเหยียนพยักหน้า กล่าวอำลาคุณชายและพวกลั่วสุ่ย ก่อนจะจากไปโดยไม่คิดอันใดมากมาย

“พวกเจ้าอยู่เล่นที่นี่ไปก่อนก็ได้ ข้าจะไปพักผ่อนเสียหน่อย”

หลี่จิ่วเต้าบิดขี้เกียจ เอ่ยกับพวกต้าเต๋อ และขอตัวเข้าบ้านไปพักผ่อน

ไม่นานหลังจากนั้น ต้าเต๋อก็ได้รับการติดต่อจากพระอมิตาภะพุทธเจ้า บอกให้เขารีบกลับไปยังเขาหลิงซาน

“คุณชายไปพักผ่อนแล้ว ข้าไม่อาจไปกล่าวลาได้ เพราะไม่อยากจะรบกวนการพักผ่อนของคุณชาย”

ต้าเต๋อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ฝากให้ลั่วสุ่ยช่วยบอกกล่าวกับคุณชายในภายหลังว่าเขากลับไปแล้ว

“ตกลง”

ลั่วสุ่ยพยักหน้า หลังจากนั้นต้าเต๋อก็จากไป

เมื่อต้าเต๋อไปแล้ว ทางด้านจิ้งจอกน้อยก็ได้รับการติดต่อจากหัวหน้าเผ่าให้กลับไป

“ตกลง”

จิ้งจอกน้อยไม่ได้สงสัยแต่อย่างใด เตรียมจากไปพร้อมจิ้งจอกขาว

“นี่ไม่ถูกต้อง!”

ในตอนนั้นเอง ลั่วสุ่ยพลันขมวดคิ้ว หยุดสุนัขจิ้งจอกทั้งสองไว้

“เหตุใดจึงเกิดเรื่องขึ้นอย่างกะทันหันกับทุกคนกัน?”

ลั่วสุ่ยสังหรณ์ขึ้นมาว่ามีบางอย่างผิดแผกไป นี่มันดูแปลกประหลาดเกินไป

‘หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับพวกมารกระดูกเหล่านั้น?’

นางคิดในใจ

พวกมารกระดูกต่างก็ล้วนไม่ธรรมดา เมื่อกระบี่ฉุนจวินถูกคุณชายนำมา นางรู้สึกว่าพวกมารกระดูกจะไม่มีวันยอมปล่อยไป

‘ไม่ใช่ว่าคนเหล่านั้นไปที่สำนักไท่หัว พุทธศาสนา และเผ่าของจิ้งจอกน้อยหรอกกระมัง?’

นางรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้อย่างมาก ไม่เช่นนั้นจะเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?

“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”

นางเอ่ยกับจิ้งจอกน้อย

ด้านเซี่ยเหยียนกับต้าเต๋อ นางไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย คุณชายได้มอบสมบัติจำนวนมากให้เซี่ยเหยียนกับต้าเต๋อ ไม่ว่าพวกมารกระดูกจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจคุกคามต้าเต๋อและเซี่ยเหยียนได้

แต่พวกจิ้งจอกน้อยไม่ได้เป็นเช่นนั้น

พวกนางไม่มีสมบัติอันใดติดตัว หากเป็นพวกมารกระดูกจริง เกรงว่าจะต้องเกิดเรื่องขึ้นกับพวกนางเป็นแน่

หลังจากนั้นนางก็ออกจากลานเล็ก ๆ ไปพร้อมกับจิ้งจอกน้อยและจิ้งจอกขาว

“ผู้อาวโสหลิว ผู้อาวุโสก้อนหิน!”

“ผู้อาวุโสทั้งสอง!”

เมื่อออกจากเมืองซิงชานมาจนถึงข้างแม่น้ำสายเล็ก ลั่วสุ่ยและพวกจิ้งจอกก็เอ่ยทักทายต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน

“อืม”

ต้นหลิวกล่าว “พวกเจ้าก็ระวังตัวด้วย ข้าไม่คิดว่าเรื่องราวจะเรียบง่ายเพียงนั้น”

เซี่ยเหยียนกับต้าเต๋อก่อนจากไปก็มาทักทายพวกมันเช่นกัน มันจึงรู้ว่าทั้งสองคนล้วนได้รับการติดต่อ และจำเป็นต้องกลับไป

ตอนนี้จิ้งจอกน้อยเองก็เป็นเช่นเดียวกัน

มันคิดเหมือนกับลั่วสุ่ย รู้สึกว่าสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เรียบง่าย

“พวกเราไม่ไปดูหน่อยหรือ?”

เจ้าก้อนหินเอ่ยขึ้นมา

ต้นหลิวไม่ได้เอ่ยอันใด ทว่ากิ่งหลิวขยับไหวอย่างรุนแรง

“อย่าเพิ่ง พวกเรายังมีเรื่องที่จำเป็นต้องทำ”

เสียงของต้นหลิวเย็นชา “มีคนกําเริบเสิบสานกำลังมุ่งตรงมา ไม่แน่ว่าต้องการลงมือกับคุณชาย”

“จริงหรือ?”

เจ้าก้อนหินตกตะลึง กระตุ้นญาณสัมผัสเต็มที่ ทว่ากลับไม่อาจสัมผัสสิ่งใดได้

“คนอยู่ที่ใด?”

มันอดถามออกมาไม่ได้

“ไม่ต้องรีบ กำลังมาแล้ว พวกเรารออยู่ที่นี่ก็ได้”

ต้นหลิวกล่าว เห็นได้ชัดว่ามันแข็งแกร่งกว่าเจ้าก้อนหิน จึงสามารถสัมผัสได้ถึงบางสิ่ง

“ผู้อาวุโสทั้งสองโปรดระวังตัวด้วย!”

ลั่วสุ่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังกับต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน จากนั้นก็รีบตรงไปยังเผ่าจิ้งจอกสวรรค์กับพวกจิ้งจอกน้อย

ณ สำนักไท่หัว

เพียงไม่นานเซี่ยเหยียนก็กลับมาถึงภายในสำนัก

ยามนี้นางเติบโตขึ้นแล้ว มีความคิดและจิตใจที่รอบคอบมากขึ้น ทันทีที่มาถึงภายในนิกาย นางก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ สีหน้าของเหล่าศิษย์ในนิกายนั้นไม่ปกติ!

“ผู้ใด?”

นางเอ่ยถามเสียงเย็นชา แน่ใจได้ในทันทีว่ามีตัวตนบางอย่างมายังสำนักไท่หัว

“ไม่ต้องกังวลไป ข้าเพียงแค่มาเพื่อสอบถามเรื่องบางอย่างจากเจ้า”

ว่านเซวียนเดินออกมา ด้วยอาภรณ์สีขาวทำให้นางดูบริสุทธิ์ไร้มลทินไม่แปดเปื้อนฝุ่นธุลีแต่อย่างใด

ผมของนางเงาขลับ รูปร่างสมบูรณ์แบบ หน้าตางดงาม ทำให้ผู้คนเกิดความรู้สึกยากที่จะไม่เคารพ

สิ่งที่แปลกเป็นอย่างมากก็คือเห็นได้ชัดว่านางอยู่เบื้องหน้าเซี่ยเหยียน ทว่าเซี่ยเหยียนกลับไม่อาจสัมผัสได้ถึงลมหายใจของว่านเซวียนแม้แต่น้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าขอบเขตของว่านเซวียนจะต้องสูงกว่านางมาก

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการจะสอบถามเรื่องอันใด แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าก็คือ อย่าได้คิดฝันไปเลย ข้าไม่มีทางบอกอันใดกับเจ้า!”

เพียงพริบตาแรก เซี่ยเหยียนก็รู้ได้ทันทีว่าเหตุใดว่านเซวียนจึงมาที่นี่

ว่านเซวียนพุ่งเป้าไปที่คุณชาย ต้องการจะทราบสถานการณ์ของคุณชายจากนาง

“น้องสาวอย่าได้เอ่ยวาจาเด็ดขาดเช่นนั้นเลย”

ว่านเซวียนกล่าวด้วยสีหน้าไม่แยแส “หากทำให้ข้าโกรธขึ้นมา เกรงว่าน้องสาวคงรับมือไม่ไหว!”

นางมั่นใจเป็นอย่างมากยามเอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมา เตือนเซี่ยเหยียนให้พูดออกมาดี ๆ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท