รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 848 ว่านเซวียน ‘กลับทำให้ข้าไม่มั่นใจเต็มที่!’

บทที่ 848 ว่านเซวียน ‘กลับทำให้ข้าไม่มั่นใจเต็มที่!’

บทที่ 848 ว่านเซวียน ‘กลับทำให้ข้าไม่มั่นใจเต็มที่!’

อย่าได้ยั่วยุข้า เจ้าไม่อาจรับมือข้าได้!

เซี่ยเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย ว่านเซวียนที่อยู่เบื้องหน้านางมีความมั่นใจในตนเองเป็นอย่างมาก!

แม้เป็นความจริงที่ขอบเขตของนางไม่อาจเอาไปเปรียบเทียบกับว่านเซวียนได้ แต่บางเรื่องก็ไม่อาจตัดสินจากเพียงขอบเขตเท่านั้น!

“หากเจ้ากล้าก็เข้ามา!”

สีหน้าของเซี่ยเหยียนเรียบเฉย นางออกจากสำนักและทะยานไปอยู่เหนือฟ้าทันที

หลังจากนี้จะต้องเกิดการปะทะขึ้นอย่างแน่นอน นางไม่มีทางควบคุมขอบเขตความเสียหายและตัดความกังวลเรื่องที่จะเกิดผลกระทบต่อสำนักไท่หัวได้

เมื่อออกไปด้านนอกอาณาจักรแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอีกต่อไป

“หืม?”

สิ่งที่เซี่ยเหยียนเอ่ยทำให้ว่านเซวียนเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย

นี่คืออันใดกัน? คำพูดราวกับว่านางเป็นผู้ไร้เทียมทาน!

นางส่งเสียงหัวเราะออกมา ตนจะไม่กล้ารับคำท้าได้อย่างไร ดอกบัวพลันเบ่งบานใต้ฝ่าเท้า พานางออกมาด้านนอกอาณาจักร

เซี่ยเหยียนรั้งคันศรขึ้น ลูกศรทะยานผ่านจักรวาลอันเปี่ยมด้วยดวงดาราด้านนอกอาณาจักรเข้าใส่ว่านเซวียน

นางรู้ว่าว่านเซวียนนั้นรับมือได้ยาก ด้วยเหตุนี้จึงเตรียมเปิดใช้งานพลังทั้งหมดของคันศรราชันเท่าที่นางทำได้ไว้ล่วงหน้า

“หืม เป็นศันศรที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก”

ว่านเซวียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เกิดความสนใจในคันศรของเซี่ยเหยียน นี่นับได้ว่าเป็นสมบัติชั้นยอด แม้จะเทียบกับเหล่าสมบัติในฉากหลัง ก็ยังนับว่าแข็งแกร่งกว่าเล็กน้อย

“น่าเสียดาย เจ้าไม่อาจใช้พลังของมันออกมาได้อย่างเต็มความสามารถ”

ว่านเซวียนโบกมือ แสงสีขาวหลั่งไหลออกมา ลูกศรถูกทำลายจนสลายหายไปภายในพริบตา

“นี่คือสิ่งที่หลี่จิ่วเต้ามอบให้เจ้าอย่างนั้นหรือ? เขามีเบื้องหลังความเป็นมาเช่นไร? มีเส้นสนกลในมากน้อยเพียงใดที่เจ้ารู้?”

ว่านเซวียนเอ่ย น้ำเสียงของนางเปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ให้ความรู้สึกไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ ทั่วร่างถูกปกคลุมด้วยประกายแสง แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ

เซี่ยเหยียนคิดแล้วไม่แปลกใจ นางเคยเห็นความแข็งแกร่งของว่านเซวียนมาก่อน ย่อมเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายไม่อาจจัดการได้ด้วยคันศรราชัน

นางนำของชิ้นอื่นออกมา มันคือจี้หยกวิหคเพลิงที่คุณชายเคยให้นางไว้นานแล้ว

เมื่อครั้งที่ขอบเขตของนางยังต่ำ นางไม่อาจเปิดใช้งานจี้หยกวิหคเพลิงได้ มันจะระเบิดพลังออกมาเองก็ต่อเมื่อนางเผชิญหน้ากับอันตราย ช่วยเหลือนางจากวิกฤติ

ทว่าตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว

เมื่อขอบเขตของนางสูงขึ้น นางก็ค่อย ๆ สร้างความเชื่อโยงกับจี้หยกวิหคเพลิง สามารถเปิดใช้งานพลังที่อยู่ด้านในจี้หยกวิหคเพลิงได้

เสียงวิหคกู่ร้องดังออกมา จี้หยกวิหคเพลิงส่องแสงเจิดจ้า สายลมผันผวน พริบตาเดียวก็กลายเป็นวิหคขนาดใหญ่นำพลังสะท้านฟ้าพุ่งเข้าหาว่านเซวียน

“ยังมีสมบัติอีกหรือ?!”

ม่านตาของว่านเซวียนหดลง ไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าบนร่างของเซี่ยเหยียนจะมีสมบัติชิ้นอื่น ๆ อยู่อีก!

อย่างไรเสียเพียงแค่คันศรราชันบนร่างของนางก็ชวนทำให้ผู้คนตื่นตะลึงแล้ว!

เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากจี้หยกวิหคเพลิง สีหน้าของนางพลันจริงจัง สูญเสียความไม่แยแสในตอนแรกไปแล้ว

นางเรียกกระบี่ สำแดงสุดยอดวิชากระบี่ออกมา แสงกระบี่พร่างพรายทั่วนภา ดาวดวงแล้วดวงเล่าระเบิดออกด้วยแสงกระบี่

แสงกระบี่เต็มท้องนภาเข้าปะทะกับจี้หยกวิหคเพลิง เกิดเป็นแสงสว่างโชติอย่างถึงที่สุดระเบิดออกมา ประหนึ่งจักรวาลโกลาหลจะทลาย ภายนอกอาณาจักรเต็มไปด้วยความสว่างไสวไร้ซึ่งความมืด

ต้องกล่าวว่าว่านเซวียนแข็งแกร่งมากอย่างแท้จริง นางสามารถสะกัดพลังที่จี้หยกวิหคเพลิงปะทุออกมาได้!

แข็งแกร่งถึงเพียงนี้?

เซี่ยเหยียนรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง

จี้หยกวิหคเพลิงนั้นแตกต่างจากคันศรราชัน พลังความแข็งแกร่งที่คันศรราชันสามารถระเบิดออกมาได้ ขึ้นอยู่กับว่านางประสบความสำเร็จบนเส้นทางคันศรมากเพียงใด

ทว่าจี้หยกวิหคเพลิงนั้นต่างออกไป เมื่อเปิดใช้งานพลังทั้งหมดก็สามารถสำแดงออกมาได้ การที่ว่านเซวียนสามารถสกัดกั้นการโจมตีของจี้หยกวิหคเพลิงได้ นับว่าไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง!

แต่นางก็หาได้กังวล

“นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น”

เซี่ยเหยียนโบกมือ จี้หยกวิหคเพลิงลอยกลับไปในทันที

แม้จี้หยกวิหคเพลิงจะเป็นผลงานที่คุณชายทำขึ้นเองกับมือ แต่ก็ยังด้อยกว่าสมบัติชิ้นอื่น ๆ ของคุณชายอยู่มาก

กล่าวได้ว่าไม่ใช่เพียงแค่จี้หยกวิหคเพลิงเท่านั้น กระทั่งหยกแกะสลัก อักษร และภาพวาดในร้านของคุณชาย หลังจากที่นางได้รู้จักกับคุณชายมาเป็นเวลานาน จึงทราบว่าของเหล่านั้นเป็นเพียงผลงานที่ทำขึ้นมาเล่น ๆ

สิ่งที่คุณชายทำขึ้นมาด้วยความตั้งใจจริงนั้น ห่างชั้นกว่าของภายในร้านเป็นอย่างมาก

“เพิ่งเริ่ม?”

สีหน้าของว่านเซวียนแปรเปลี่ยน นางอดเอ่ยออกมาไม่ได้ว่า “บนตัวเจ้ายังมีสมบัติอีกหรือ?”

“ย่อมมี!”

สีหน้าของเซี่ยเหยียนสงบนิ่ง ก้าวออกมาด้านหน้าอย่างแผ่วเบา ทั้งอาภรณ์เต็มไปด้วยจังหวะเต๋าสูงสุด เปล่งแสงเจิดจ้า เต๋าและกฎเกณฑ์อันไม่อาจจินตนาการถึง

นี่คือชุดที่คุณชายตัดเองกับมือเพื่อมอบให้เป็นของขวัญวันเกิดนาง!

หลังจากนั้นนางก็ดึงปิ่นหยกออกมาจากบนศีรษะ พริบตาเดียวมันก็กลายเป็นทวน!

ยามที่นางเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วกับคุณชาย ครั้งหนึ่งคุณชายบังเอิญพบเจอหยกบนภูเขาเข้า จึงนำมาทำเป็นปิ่นหยกมอบให้นาง

แน่นอนว่านางไม่ใช่ผู้เดียวที่ได้รับเครื่องประดับหยก ทั้งลั่วสุ่ย หลิงอิน และพวกอ้ายฉานเองก็ต่างได้รับ

‘คุณชายยังคงเอ็นดูลั่วสุ่ยมากอยู่ดี!’

นางเอ่ยในใจด้วยความอิจฉา

คุณชายมักจะปฏิบัติมอบความเอ็นดูอย่างเท่าเทียม ของส่วนใหญ่ล้วนมอบให้กับทุกคน น้อยชิ้นนักจะมอบให้เพียงผู้เดียว

ลั่วสุ่ยนั้นต่างออกไป

ชุดเครื่องเพชรที่ลั่วสุ่ยมีอยู่ นางนั้นไม่มี กระทั่งหลิงอินเองก็ไม่มี

เห็นได้ชัดว่าลั่วสุ่ยนั้นใกล้ชิดกับคุณชายมากที่สุด

“หอคอยใกล้น้ำย่อมได้ยลจันทร์ก่อน*[1] ลั่วสุ่ยอยู่กับคุณชายตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เรื่องนี้สามารถเข้าใจได้ แต่ข้าไม่มีวันยอมแพ้!”

นางเอ่ยขึ้นมาในใจ แม้ว่าตอนนี้ลั่วสุ่ยจะใกล้ชิดกับคุณชายมากกว่า ทว่าเวลาหลังจากนี้ยังอีกยาวนาน!

“!!!”

อีกด้านหนึ่ง ว่านเซวียนรู้สึกตื่นตะลึงยิ่ง

ของพวกนั้นมันคืออันใดกัน บนตัวของเซี่ยเหยียนยามนี้สามารถกล่าวได้เลยว่าเต็มไปด้วยสมบัติ!

สมบัติมากมายเหล่านี้มาจากที่ใดกัน!

พริบตานั้นเอง นางก็ตระหนักได้ทันทีว่าหลี่จิ่วเต้าจะต้องน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าที่นางคิดเอาไว้!

‘โลกฉากหน้าช่างลึกล้ำยิ่ง!’

นางคิดในใจอย่างอดไม่ได้ เพราะไม่เชื่อว่าสมบัติเหล่านี้เป็นหลี่จิ่วเต้าที่สร้างขึ้นมา และคิดว่าสมบัติเหล่านี้ล้วนมาจากเส้นสนกลในอันแสนไม่ธรรมของโลกหน้าฉาก

ไม่น่าแปลกใจเลยที่กระทั่งปรโลกและปริภูมิเวลาต้องการจะวางกฎเกณฑ์เอาไว้ที่หน้าฉาก!

ไม่น่าแปลกใจเลยที่พลังมืดมิดต้องการบุกเข้ามาในหน้าฉาก และใช้หลังฉากเป็นแค่ทางผ่าน

แท้จริงแล้วหน้าฉากน่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้!

“ค่ายกลกระบี่!”

นางไม่อาจล่าถอยไปกลางทางเช่นนี้ได้ สองมือรีบผนึกเข้าหากัน สร้างขึ้นเป็นค่ายกลกระบี่โจมตีพุ่งออกไปด้านหน้า

นี่คือมหาค่ายกลกระบี่ที่เกือบจะครอบคลุมทั้งบริเวณภายนอกอาณาจักร กระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา แผ่พลังอันเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัวกวัดแกว่งเข้าใส่!

นี่เป็นวิชาสังหารของนาง ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังในระดับเดียวกันยังอดอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้ สามารถคุกคามสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับเดียวกันได้อย่างแท้จริง!

ดาราบนผืนนภาพังทลาย กลายเป็นหมู่ละอองดาว กระบี่ทุกเล่มเปี่ยมด้วยพลังน่าพรั่นพรึงยิ่ง สามารถทำลายทุกสิ่งให้สลายสิ้นได้

เซี่ยเหยียนกวัดแกว่งทวนในมือ พลังอันน่าหวาดหวั่นระเบิดออกมา ทำลายกระบี่จำนวนมากทิ้งไป!

มีกระบี่อีกจำนวนไม่น้อยที่แทงใส่ด้านหลังของเซี่ยเหยียน ทว่าเมื่อกระบี่เหล่านั้นสัมผัสเสื้อผ้าของเซี่ยเหยียนก็ถูกพลังด้านในนั้นบดขยี้จนหมดสิ้น ไม่อาจแม้กระทั่งทิ้งร่องรอยไว้บนร่างของเซี่ยเหยียนได้!

“เป็นไปได้อย่างไร?!”

ว่านเซวียนอุทาน ใบหน้าซีดเผือดลง ไม่คาดคิดมาก่อนแม้แต่น้อยว่าค่ายกลกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของนางยังไม่อาจกระทั่งทิ้งร่องรอยบนเสื้อผ้าของเซี่ยเหยียนได้!

ครั้งนี้นางนับว่าพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง!

“ในเมื่อเจ้ายังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ไม่ได้ก่อการสังหารในสำนักไท่หัว เช่นนั้นข้าจะปล่อยเจ้าไป”

เซี่ยเหยียนหยุดมือ มองว่านเซวียนพลางเอ่ยออกมาว่า “เก็บความคิดทั้งหมดของเจ้าเสีย และอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับคุณชายอีก ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว!”

ว่านเซวียนรู้สึกอัดอั้นตันใจ นางยังจะคิดอันใดกับหลี่จิ่วเต้าได้อีก กระทั่งคนรอบกายหลี่จิ่วเต้านางยังไม่อาจจัดการได้!

ช่างน่าอัดอั้นตันใจเกินไปแล้ว!

“ขอถามได้หรือไม่ว่าคุณชายผู้นี้เป็นใครกันแน่?!”

นางอดถามเซี่ยเหยียนไม่ได้

“ปุถุชนธรรมดาผู้หนึ่งในเมืองชิงซาน”

เซี่ยเหยียนตอบกลับ ก่อนจะหันหลังจากไป ทิ้งว่านเซวียนที่กำลังสับสนเอาไว้เบื้องหลัง

ปุถุชนธรรมดา?

นี่หมายความว่าอย่างไร?

ปากของว่านเซวียนกระตุกอย่างอดไม่ได้ นี่คือคำตอบแบบใดกัน?

ณ พุทธศาสนา เขาหลิงซาน

ต้าเต๋อกลับมาแล้ว อย่างไรเสียเขาก็ยังอายุน้อยนัก ความคิดอ่านไม่ได้ลึกซึ้งอันใดมากมาย จึงไม่ได้สงสัยแม้แต่น้อย

เขาเดินตรงเข้าไปในวิหารต้าสยง ต้องการจะสอบถามพระอมิตาภะพุทธเจ้า

ทว่าเมื่อเข้าไปแล้วก็ต้องตกตะลึง

จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์กำลังนั่งจิบชาอยู่ในวิหารต้าสยง

“กลับมาแล้วหรือ?”

จ้าวอสนีบาตค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางต้าเต๋อ

“พวกเจ้าคิดจะทำสิ่งใด?”

ใบหน้าเล็ก ๆ ของต้าเต๋อเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เขาย่อมจำจ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์ได้ คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่งจากหลังฉากที่เข้าร่วมในการต่อสู้แย่งชิงกระบี่ฉุนจวิน

ไม่น่าแปลกใจเลยที่พระอมิตาภะพุทธเจ้าติดต่อให้เขากลับมาอย่างกะทันหัน พระอมิตาพุทธจะต้องถูกพวกจ้าวอสนีบาตกดดันอย่างแน่นอน

“เด็กน้อย เจ้าไม่จำเป็นต้องเครียดไป พวกข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด”

ข่งอวิ๋นกล่าว “ขอเพียงแค่เจ้าตอบคำถามสักหน่อย พวกข้าก็จะออกไปจากที่นี่เอง ไม่ลงมือทำร้ายเจ้าแต่อย่างใด”

เขากล่าวต่อ “วางใจได้ พวกข้าไม่ได้ให้เจ้าตอบคำถามเหล่านี้โดยเปล่า ย่อมมีของตอบแทนจะให้เจ้า”

จากนั้นเขาก็โบกมือ พลันมีบางสิ่งปรากฏออกมาเบื้องหน้าต้าเต๋อ

“พวกข้ารู้ว่าเจ้าชื่นชอบการกินเนื้อดื่มสุรา ดังนั้นจึงเตรียมของเหล่านี้มาให้เจ้าเป็นพิเศษ นี่คือสุราและเนื้อชั้นเลิศที่มาจากโลกหลังฉาก สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่อาจกินดื่มได้”

พวกเขาได้ตรวจสอบดูข้อมูลของต้าเต๋อก่อนที่จะมา

ต้าเต๋อเป็นสาวกในพุทธศาสนาที่ไม่ได้เคร่งครัดมานัก ไม่ถือตนปฏิบัติตามกฎเกณฑ์อันเข้มงวด

“เจ้าก็เพียงแค่อาศัยพึ่งพาบารมี แม้ว่าพุทธศาสนาที่นี่จะไม่ได้เกี่ยวข้องอันใดกับพระอมิตาภะพุทธเจ้าในฉากหลังมากนัก แต่พวกเราก็ยังไม่อยากผูกเหตุต้นผลกรรม หวังว่าเจ้าจะรู้จักแยกแยะดีชั่ว!”

ดวงตาของอสูรยักษ์เปล่งประกายดุร้ายระหว่างพูดกับต้าเต๋อ

มันไม่ได้โกหก หากแต่พูดเรื่องจริง ถ้าต้าเต๋อไม่ได้เป็นคนของพุทธศาสนา พวกเขาไยจึงต้องทำเช่นนี้ เพียงแค่เด็กเหลือขอคนหนึ่ง แค่ยกมือก็สามารถกำราบได้แล้ว

หากไม่ถึงยามจำเป็นจริง ๆ พวกเขาก็ไม่ต้องการจะลงมือกับคนของพุทธศาสนา

นี่คืออันใด?

คนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ หน้าขาวร้องก่อน หน้าแดงร้องตาม*[2]?

ต้าเต๋อยิ้มขึ้นมาภายในใจ ทำเช่นนี้คิดว่าจะได้ผลหรือ?

“ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม! อามิ…ต้าเต๋อฝอ ข้าต้าเต๋อฝอรู้จักแยกแยะชั่วดีเป็นที่สุด!”

ต้าเต๋อแย้มยิ้มแล้วกล่าวออกมา

“อืม ยังนับว่าเจ้าฉลาดอยู่!”

สีหน้าของอสูรยักษ์คลายลงเล็กน้อย สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่เด็กน้อยคนหนึ่ง แค่ขู่ให้หวาดกลัวก็เป็นอันใช้ได้

พวกเขาเลือกต้าเต๋อเป็นทางผ่าน นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว

“สุราและเนื้อชั้นยอด สิ่งที่ข้าต้าเต๋อไม่อาจทนได้มากที่สุดคือการมีสุราและเนื้อชั้นยอดวางอยู่ด้านหน้า แต่ไม่อาจกินหรือดื่มได้!”

ต้าเต๋อเอ่ย “ทุกท่านช่วยรอข้ากินเสร็จได้หรือไม่?”

ช่างเป็นเด็กน้อยเหลือขอเสียจริง!

รู้เพียงแต่กินและดื่ม

จ้าวอสนีบาต ข่งอวิ๋น และอสูรยักษ์มองหน้าก่อน จากนั้นข่งอวิ๋นก็กล่าวออกมา “ตกลง รอเจ้ากินดื่มเสร็จพวกเราค่อยมาคุยกัน”

พวกเขาไม่ใส่ใจ สิ่งนี้ไม่อาจนับเป็นสิ่งใด

“ยอดเยี่ยม!”

ต้าเต๋อแย้มยิ้มหวานมากกว่าเดิม

[1] หอคอยใกล้น้ำย่อมได้ยลจันทร์ก่อน หมายถึง อยู่ใกล้กว่าก็ได้เปรียบกว่า

[2] หน้าขาวร้องก่อน หน้าแดงร้องตาม มาจากงิ้วที่นักแสดงจะแต่งหน้าด้วยสีต่าง ๆ เพื่อบอกบทบาทการแสดง ภายหลังนำมาอุปมาหมายถึงคนสองคนที่เล่นบทบาทต่างกัน คนหนึ่งเล่นไม้อ่อนอีกคนเล่นไม้แข็ง เพื่อแก้ไข้หรือจัดการสถานการณ์ให้คลี่คลายด้วยดี

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท