ที่จริงแล้ว ถ้าคิดจะสร้างเกมอย่างจริงจัง หลินเยวียนต้องจัดทำแผนขั้นตอน รวมไปถึงการเรนเดอร์ หลังจากนั้นจึงจึงวิเคราะห์และออกแบบโดยละเอียด แต่เห็นได้ชัดว่าหลินเยวียนไม่ได้ทำเรื่องวุ่นวายเช่นนั้น
เขามีแนวคิด
แต่ไม่ได้เป็นมืออาชีพ
หลินเยวียนเพียงแค่ให้เนื้อหาและโครงสร้างโดยอ้างอิงจากระบบ โดยพื้นฐานแล้วเขานึกถึงจุดใดก็บอกเล่าไปถึงจุดนั้น ต้องขอบคุณที่ความสามารถในการเข้าใจของเผยเชียน เขาฟังสิ่งที่หลินเยวียนพูดรอบหนึ่ง และกระจ่างในทันที
ผ่านไปสองชั่วโมง
ซุนเย่าหั่วและคนอื่นๆ ออกไป
หลินเยวียนหยิบเชอร์รี่ซึ่งล้างสะอาดแล้วขึ้นมากัดคำหนึ่ง ทันใดนั้นข้างหูก็มีเสียงของระบบดังขึ้น “ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์สำหรับการเปิดสาขาเกมในอนาคต ตั้งแต่นี้เกมจะกลายเป็นหนึ่งในแหล่งที่มาของค่าความโด่งดัง!”
หลินเยวียนตกตะลึง
สาขาเกม?
เขาและเผยเชียนแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับพืชปะทะซอมบี้ เพียงเพราะเขาอยากเล่นเกมใช้ไหวพริบที่คุ้นเคยจากโลกเดิมเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะเก็บเกี่ยวความโด่งดังจากเรื่องนี้ แต่ระบบกลับบอกเขาว่า เกมก็เป็นสาขาหนึ่งเช่นกัน?
ดนตรี ภาพยนตร์
จิตรกรรม วรรณกรรม
หลินเยวียนคิดว่าระบบมีเพียงสี่สาขา ไม่น่าแปลกใจที่เขาสามารถปรับแต่งเกมนี้กับระบบได้ นั่นหมายความว่าในอนาคตตนไม่เพียงสร้างพืชปะทะซอมบี้ออกมาได้ แต่ยังทำเกมอื่นออกมาได้ด้วยใช่ไหม?
เหมือนว่าจะใช่
อันที่จริงเกมเป็นสาขาความบันเทิงที่สำคัญ เพราะเกมเกี่ยวโยงถึงหลากหลายสาขา ทั้งดนตรี จิตรกรรม รวมไปถึงอนิเมชันและการเขียนบทล้วนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะเกมสเกลใหญ่ซึ่งต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านี้
ยังไม่ต้องพูดถึงเกมสเกลใหญ่
ยกตัวอย่างที่ง่ายที่สุดอย่างพืชปะทะซอมบี้ พื้นหลังของเกมนี้ดนตรีบรรเลง หากหลินเยวียนต้องการสร้างเกมนี้ เขาต้องเลือกดนตรีพื้นหลังดั้งเดิม นี่ไม่ใช่หนึ่งในสาขาที่หลินเยวียนถนัดที่สุดหรอกหรือ?
นี่คือสาขาใหญ่เชียวนะ!
สิ่งที่เกี่ยวข้องนั้นมีมากมายเหลือเกิน!
คำว่าเกม เกือบจะครอบคลุมถึงเนื้อหาของสาขาอื่นๆ ที่หลากหลาย “ดูเหมือนว่าหลังจากนี้เนื้อหางานของฉันจะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งรายการ ถ้าไม่มีรุ่นพี่เย่าหั่ว ฉันคงยังไม่รู้ว่าระบบอาจซ่อนสาขาเกมไม่ยอมเปิดใช้งาน”
เมื่อก่อนทำเพียงเพื่อเล่นสนุก
ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
หลินเยวียนละทิ้งความคิดด้านความสนุกของเขาชั่วคราว เมื่อไตร่ตรองถึงความพยายามของรุ่นพี่เย่าหั่วในการบุกเบิกสาขาเกมในระบบ หลินเยวียนจึงวางแผนว่าในอนาคตจะร่วมมือกับรุ่นพี่เย่าหั่วในการผลิตเกมและนำเข้าเกมคลาสสิกจากโลก
“ต้องเรียนแล้ว”
ในเมื่อตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะผลิตเกม หลินเยวียนไม่สามารถเพิกเฉยต่ออุตสาหกรรมเกมได้ เขาจึงขอให้กู้ตงออกไปซื้อตำราเกี่ยวกับเกมมาให้ตน
ประสิทธิภาพในการอ่านหนังสือของเขามีสูงมาก
มีแคปซูลความทรงจำที่ระบบมอบให้ เขาสามารถจดจำหนังสือทั้งหมดที่เขาอ่านได้ ในตอนนั้นหลินเยวียนพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากการกินแคปซูลความทรงจำและตะบี้ตะบันอ่านหนังสือ จากที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาพยนตร์แม้แต่น้อย จนกลายเป็นกึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านภาพยนตร์
ในครั้งนี้ก็เช่นกัน
กู้ตงซื้อหนังสือกลับมาสิบกว่าเล่ม ทั้งหมดล้วนเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับเกม หลินเยวียนนั่งอ่านอย่างไม่รีบร้อนในห้องทำงาน ซึมซับและปรับปรุงความรู้ไปเรื่อยๆ และเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเกมในระดับหนึ่ง
“ความรู้เกี่ยวกับเกมมีเยอะจริงๆ ”
ขณะที่อ่านหนังสือเหล่านี้ หลินเยวียนรู้สึกสะท้อนใจเหลือเกิน สิ่งที่เขาเห็นจากมุมมองของผู้เล่นนั้นเรียบง่ายเกินไป เมื่อมายืนอยู่ในมุมของผู้พัฒนาเกม จึงได้รู้ว่าในนั้นเต็มไปด้วยเส้นทางอันเคี้ยวคด
……
เกมไม่ใช่สิ่งที่สามารถสร้างให้เสร็จได้ภายในชั่วข้ามคืน เผยเชียนเริ่มลงมือทำงาน ส่วนหลินเยวียนจึงถือโอกาสที่ว่างในช่วงนี้อ่านหนังสืออย่างบ้าคลั่ง วันเวลาเช่นนี้ดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
ในวันนี้
กู้ตงนำข่าวดีมาแจ้งกับหลินเยวียน ว่าขั้นตอนโพสต์โพรดักชันของบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศสำเร็จแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง แต่สำหรับดนตรีประกอบซีรีส์ จำเป็นต้องให้ทางหลินเยวียนลงมือด้วยตัวเอง
“เข้าใจแล้ว”
หลินเยวียนดวงตาเป็นประกาย
เขาเฝ้ารอช่วงเวลานี้มาโดยตลอด บทเพลงซึ่งต้องใช้สำหรับบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศซีซันแรกนั้น หลินเยวียนเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว เพลงที่หลินเยวียนให้ความสำคัญมากที่สุดในนั้นคือเพลงสดับเสียงวังเมฆาซึ่งเ ป็นเพลงประกอบซีรีส์!
เพลงนี้เป็นเพลงบรรเลง
หากคิดจะแสวงหาผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หลินเยวียนเพียงคนเดียวไม่มีทางทำไหว เนื่องจากดนตรีของเพลงนี้ครอบคลุมไปถึงองค์ประกอบด้านเครื่องดนตรีหลากหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่นดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องสายออเคสตรา กู่เจิง ผีผา ฮาร์ป หรือแม้แต่ไทรแองเกิล นอกจากนั้นยังมีองค์ประกอบของเรื่องดนตรีโบราณอย่างระฆังราวและระฆังเดี่ยว นอกจากนี้แม้แต่กลองเจมเบ กลองคองกา รวมไปถึงกลองชุดล้วนอยู่ในรายชื่อ กอปรกับเอฟเฟ็กต์ของเบสและโคโลราตูรา โซปราโน ต่อให้คนที่ไม่เคยอ่านบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ เมื่อได้ฟังเพลงนี้จะรู้สึกว่าไพเราะมากไม่ต่างกัน!
สิ่งที่ควรเอ่ยถึงคือ
นักดนตรีมืออาชีพหลายคนเรียกเพลงสดับเสียงวังเมฆาว่าราชาแห่งดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ และสวี่จิ้งชิงซึ่งเป็นผู้ประพันธ์เพลงซีรีส์บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศฉบับซีซีทีวียังได้รับการยกย่องให้เป็นยอดฝีมือในวงการดนตรี เนื่องจากการสร้างสรรค์ผลงานมากมายของเขาในบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ!
นี่คือผลงานระดับเทพที่แท้จริง!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หลายคนไม่รู้ก็คือ เมื่อสวี่จิ้งชิงสร้างสรรค์เพลงสดับเสียงวังเมฆา ผู้นำในเวลานั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก แดนมังกรในยุค 80 มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมเข้มข้นต่อดนตรี มีหรือจะยอมรับดนตรีอิเล็กทรอนิกส์?
ในเวลานั้นเพลงนี้ถูกปฏิเสธ
เป็นหยางเจี๋ย ผู้กำกับซีรีส์บันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศที่แสดงจุดยืนคัดค้าน เธอยืนกรานว่าจะเจรจาแทนสวี่จิ้งชิง ส่งผลให้เพลงสดับเสียงวังเมฆากลายเป็นเพลงประกอบหลักในบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเพลงนี้ประสบความสำเร็จ ทั้งยังประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
หยินเยวียนไม่ได้กังวลในด้านนี้
เขาเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องดนตรีประกอบบันทึกการเดินทางสู่ประจิมทิศ
เพื่อขยายประสิทธิภาพของผลงานระดับเทพชิ้นนี้ หลินเยวียนจึงเฟ้นหานักดนตรีชั้นนำมาบรรเลงดนตรีประกอบด้วยเครื่องดนตรีข้างต้นซึ่งพวกเขาถนัดที่สุด ในแง่ของต้นทุนในการผลิต นับว่าสูงที่สุดในบรรดาเพลงของหลินเยวียน!
แน่นอน
สตาร์ไลท์สามารถจัดหานักดนตรีส่วนมากจากภายในได้ ตัวอย่างเช่น ในฉินโจวมีมือเบสซึ่งได้รับการขนานนามว่า ‘ราชาเบส’ อยู่ในสังกัดสตาร์ไลท์ ถึงอย่างไรสตาร์ไลท์ก็เป็นหนึ่งในบริษัทดนตรีที่ประสบความสำเร็จที่สุดบนบลูสตาร์ มีนักดนตรีฝีมือดีอยู่ในความดูแลมากมาย นี่คือความสะดวกสบายของการผลิตงานดนตรีในสตาร์ไลท์
“อลังการไม่เบา!”
เมื่อนักดนตรีแนวหน้าจากสตาร์ไลท์มารวมตัวกันในสตูดิโอบันทึกเสียง พลอยให้เจิ้งจิงซึ่งเดินผ่านสะดุ้งโหยง ที่จริงแล้วเธอไม่นับว่าเดินผ่านมา เพียงแต่ได้ยินเสียงดนตรีจึงแวะมารับชมความสนุก ปรากฏว่าทันทีที่เห็นก็รู้ว่าหลินเยวียนเล่นใหญ่แค่ไหนในเพลงนี้
“นั่งฟังด้วยกันไหมครับ?”
หลินเยวียนเอ่ยปากเชิญเจิ้งจิง
เจิ้งจิงตอบตกลงทันที
ยี่สิบนาทีผ่านไป หลินเยวียนได้ประสานส่วนที่นักดนตรีแต่ละคนรับผิดชอบ ทุกคนจึงเริ่มฝึกซ้อมอย่างเป็นทางการ ทันทีที่ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ดังขึ้น ปากของเจิ้งจิงก็เผยอออกเล็กน้อย
“ตึ่งตึงตึ๊งตึงตึ่งตึงตึ๊งตึ๊ง…”
มุมปากของหลินเยวียนยกยิ้มขึ้นอย่างอดไม่ได้ เมื่อเสียงดนตรีที่คุ้นเคยดังขึ้น ภาพของซุนหงอคงกระโดดออกมาจากหุบเขาห้านิ้ว ราวกับปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา!
“อ๊าอ่าอ๊าอาา…”
“อ๊าอ่าอ๊าอาา…”
“อ๊าอาอาอ่าอาา…”
ขณะที่เครื่องดนตรีแต่ละประเภทบรรเลงประสานกัน นักร้องเสียงโซปราโนพลันลุกขึ้นและเปล่งเสียง ประหนึ่งเป็นจังหวะซึ่งทุกคนแทบเข่าทรุดทันทีที่ได้ยิน ส่วนเจิ้งจิงลุกขึ้นยืนขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่อาจรู้ได้ แววดาของเธอเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ ถ้าเพลงนี้เข้าไปอยู่ในฤดูกาลเพลงจะเป็นอย่างไรน่ะหรือ?
ก็ล้างบางน่ะสิ!