คนที่ติดตามอยู่ด้านหลังหลี่มู่ได้ยินคำพูดของเด็กรับใช้ผู้นั้นแล้วอดที่จะสูดหายใจเข้าปากมิได้
ซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นี้เป็นใครกัน ถึงได้กล้าพูดจาเช่นนี้กับหลี่มู่!
หลังจากที่หลี่มู่ได้ยินชื่อซือหม่าโยวเย่ว์แล้วก็นิ่งงันไป หลังจากนั้นจึงพูดกับเด็กรับใช้ว่า “หาคนไปส่งคนเหล่านั้นออกไปยังเทือกเขาหมื่นอสูรเสีย”
พอพูดจบเขาก็เดินออกจากจวนตระกูลหลี่ไปพร้อมกับแรงกดดันมหาศาล… ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขาในระยะสามเมตรเลย
“เขาตรงไปทางสมาคมนักหลอมยานี่” คนตระกูลหลี่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น
“เขาไม่ไปหาซือหม่าโยวเย่ว์ผู้นั้นแล้วหรือ”
“เรื่องนี้ก็จบลงเช่นนี้น่ะหรือ”
คนตระกูลหลี่ต่างก็ไม่มีใครเข้าใจเหตุผล การไม่โต้ตอบเช่นนี้ ช่างไม่เหมือนนิสัยเขาเอาเสียเลย!
มีเพียงแค่คนสมาคมนักหลอมยาไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เหตุผล
ถ้าหากเขาไปพบซือหม่าโยวเย่ว์ในตอนนี้ อย่าว่าแต่จะไปหาเรื่องเลย ยังต้องเรียกเธอว่าลูกพี่อีกต่างหาก เพราะนี่คือเดิมพันจากการที่เขาพ่ายแพ้การประลอง
พวกซือหม่าโยวเย่ว์อยู่ที่ตระกูลลู่กันต่ออีกพักหนึ่งแล้วค่อยออกมา สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คืออูหลิงอวี่อยากจะกลับไปพร้อมกันกับเธอด้วย
“ท่านจะกลับไปกับข้าทำไมเล่า!” ซือหม่าโยวเย่ว์ถลึงตาใส่อูหลิงอวี่
“แน่นอนว่าต้องไปด้วยเพื่อปกป้องให้เจ้าเดินทางกลับอย่างปลอดภัยน่ะสิ” อูหลิงอวี่อมยิ้มพูด
“ช่างมันเถิดน่า ออกไปพร้อมกับท่านนี่แหละจะทำให้ข้าไม่ปลอดภัย” ซือหม่าโยวเย่ว์ปฏิเสธ
“ฟังเจ้าพูดเข้าสิ เจ้าเป็นศิษย์น้อง ข้าเป็นศิษย์พี่ แล้วจะไม่ปลอดภัยได้อย่างไรเล่า ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอกน่า หรือจะบอกว่าเจ้าอยากทำอะไรข้าอย่างนั้นหรือ” อูหลิงอวี่มองเธออย่างหวาดกลัวอยู่บ้าง
ซือหม่าโยวเย่ว์สีหน้าดำทะมึน เจ้าคนผู้นี้พูดอะไรกันน่ะ!
“ถ้าหากออกไปกับท่านก็เหมือนยืนอยู่ปากเหวนั่นแหละ ข้าไม่ชอบให้คนมาดูเหมือนเป็นลิงเป็นค่างหรอกนะ ท่านรีบกลับไปเองโดยเร็วเถิด ท่านผู้วิเศษ!” ซือหม่าโยวเย่ว์ยื่นมือไปผลักอูหลิงอวี่ที่ขยับเข้าใกล้ออกไป
คนตระกูลลู่ที่อยู่ด้านหลังได้ยินคำสนทนาระหว่างซือหม่าโยวเย่ว์และอูหลิงอวี่แล้วอดหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบมิได้ คำพูดนี้มันแปลกประหลาดสำหรับศิษย์พี่ศิษย์น้องมากเกินไปแล้วกระมัง!
ในที่สุดอูหลิงอวี่ก็มิได้ไปกับพวกซือหม่าโยวเย่ว์ เขาไปจากที่นี่ก่อนที่ซือหม่าโยวเย่ว์จะสีหน้าดำทะมึน
“ลู่หมิง พวกเจ้าจะไม่ไปที่ตระกูลซือหม่ากับพวกเราจริงๆ หรือ” พวกซือหม่าโยวเล่อถามพลางมองสี่พี่น้องอีกครั้ง
“ไม่ว่าอย่างไรที่นี่ก็คือบ้านของพวกเราอยู่ดี ” ลู่หมิงพูด “นอกจากนี้ข้ายังคิดว่าตอนนี้หลี่มู่คอยจ้องจะหาเรื่องเราอยู่ตลอดเวลา แต่ขอเพียงแค่เขามิได้มาด้วยตัวเอง พวกเราต้องจัดการได้แน่”
“ก็ได้ เช่นนั้นพวกเจ้าระวังตัวด้วยล่ะ”
ตอนที่พวกซือหม่าโยวเย่ว์กลับไปถึงตระกูลซือหม่า เรื่องที่พวกเธอทำร้ายลูกน้องของหลี่มู่จนพิการก็แพร่ไปทั่วทั้งเมืองแล้ว
“ไม่เลวเลยนะ เพิ่งมาถึงที่นี่ก็ทำให้ชื่อตระกูลซือหม่าของพวกเราร้อนแรงไปทั่วทั้งเมืองวิเศษแล้ว” ซือหม่าโยวหยางพูดอย่างขบขัน
ซือหม่าโยวเย่ว์เดินเข้าไปหาที่นั่งว่างแล้วนั่งลงพลางเอ่ยว่า “คราวนี้พวกเราได้เป็นอริกับสมาคมนักหลอมยาแล้ว พวกเจ้าต้องจัดการตัดข้าออกไปหรือไม่ เพื่อเลี่ยงไม่ให้ตระกูลเราพลอยลำบากไปด้วย”
“หึ…” ซือหม่าโยวหยางกลอกตาใส่เธอแล้วเอ่ยว่า “ข้าถามท่านอาเหรินมาแล้ว เดิมทีความสัมพันธ์ของพวกเรากับสมาคมนักหลอมยาก็ไม่ดีสักเท่าไหร่อยู่แล้ว อย่าได้ใส่ใจเรื่องนี้เลย”
“เดิมทีข้าคิดจะหนีไปอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคงไม่ต้องหนีแล้วสินะ” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดพลางยิ้มตาหยี
ซือหม่าโยวหยางเบ้ปาก เจ้าคนผู้นี้ ช่างเหลือเกินจริงๆ!
“ตระกูลหลี่แห่งอาณาจักรนางแอ่นอุดรไม่ลงรอยกับตระกูลเรามาโดยตลอด ตอนเจ้าออกไปก็ต้องระวังพวกเขาทำเรื่องชั่วช้าด้วยล่ะ” เขาตักเตือน
“ข้ารู้แล้วน่า” ซือหม่าโยวเย่ว์โบกมือแล้วเอ่ยว่า “โยวหยาง ข้าเพิ่งจะค้นพบวันนี้เองว่าเจ้าออกจะเจ้ากี้เจ้าการอยู่เล็กน้อย บ่นอุบอิบอยู่ตลอดเลย เป็นบุรุษรูปงามที่สุขุมเงียบเชียบเหมือนโยวหลินดีกว่าตั้งเยอะ”
คราวนี้แม้กระทั่งซือหม่าโยวหลินที่อยู่ข้างๆ ก็ยังอยู่นิ่งไม่ได้ เจ้าคนผู้นี้กำลังล้อเลียนพวกเขาอย่างนั้นหรือ
“ถ้าหากไม่มีอะไรแล้ว ข้าไปพักผ่อนก่อนล่ะนะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ดูท่าทางของทั้งสองคนแล้วลอบหัวเราะอยู่ในใจก่อนจะออกไป
วันนี้ทุกคนที่นี่ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันถึงเรื่องที่ลูกน้องของหลี่มู่ถูกทำร้ายจนพิการ ทุกคนต่างประหลาดใจว่าเหตุใดคราวนี้เขาจึงไม่ต่อความยาวสาวความยืด ไม่แสดงท่าทีใดๆ เลย
ต่อมาทุกคนถึงได้ทราบเรื่องการประลองที่เขาภาพมังกร และชื่นชมว่ามีคนเอาชนะหลี่มู่ได้ด้วย อีกทั้งยังอายุเพียงยี่สิบสองปีเท่านั้น ช่างเป็นตัวประหลาดโดยแท้!
สองวันให้หลัง คนตระกูลซือหม่าคนอื่นๆ ก็มาถึงเมืองวิเศษ พอมาถึงก็ได้ยินเรื่องที่ซือหม่าโยวเย่ว์เอาชนะหลี่มู่ได้ ตาเฒ่าแต่ละคนต่างพากันดีใจไม่น้อย รู้สึกภาคภูมิใจที่ตระกูลมีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่คนหนึ่ง
“ยังดีที่ตอนนั้นมิได้แตกหักกับเขา ไม่อย่างนั้นตอนนี้อัจฉริยะผู้นี้ก็คงมิใช่คนตระกูลซือหม่าแล้ว!” คนตระกูลซือหม่าจำนวนไม่น้อยล้วนคิดเช่นนี้อยู่ในใจ
หลายวันมานี้ขุมอำนาจชั้นหนึ่งและขุมอำนาจชั้นสองต่างมาถึงเมืองวิเศษกันหมดแล้ว ทุกคนล้วนได้ฟังเรื่องราวของซือหม่าโยวเย่ว์และเกิดความสนใจในตัวเธอเป็นอย่างยิ่ง
ชายชราเหล่านี้แตกต่างกับคนหนุ่มสาว พวกเขาย่อมรู้ถึงพรสวรรค์ในการหลอมยาของหลี่มู่เป็นอย่างดี ตอนนี้ถูกคนที่อายุน้อยกว่าเขาเอาชนะเสียแล้ว ตระกูลซือหม่ามีเพชรเม็ดเอกเช่นนี้อยู่ตั้งแต่เมื่อไรกัน
จากนั้นเรื่องราวของซือหม่าโยวเย่ว์ก็ถูกตีแผ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง มาจากอาณาจักรตงเฉิน ก่อความวุ่นวายใหญ่โตในตระกูลซือหม่า ช่วยโอวหยางเฟยจัดการกับอาณาจักรทักษิณายาตร เอาชนะหลี่มู่ราบคาบที่เขาภาพมังกร แต่ละเรื่องล้วนทำให้ทุกคนปากอ้าตาค้าง
หลายวันนี้เมื่อซือหม่าโยวเย่ว์ออกไปก็พบว่าตนได้กลายเป็นนักแสดงละครลิงไปเสียแล้ว แต่ละคนพากันชี้ไม้ชี้มือ ทำให้เธอหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงตัดสินใจว่าจะปลีกวิเวกบำเพ็ญ ไม่ออกจากบ้านก่อนถึงงานชุมนุม
เดิมทีคิดว่าจะได้อยู่อย่างเงียบสงบจนถึงตอนออกไปจากที่นี่ แต่ไม่คิดว่าเรื่องต่อมาจะทำให้เธอเกิดความสนใจเกิดความสนใจต่อสิ่งมีชีวิตเบื้องล่างเทือกเขาหมื่นอสูรขึ้นมา
วันนี้ซือหม่าโยวเย่ว์ยังไม่ออกจากการปลีกวิเวก แต่ทันใดนั้นก็สัมผัสได้ถึงระลอกคลื่นพลังวิญญาณขุมหนึ่ง เธอจึงรีบออกจากสภาวะการบำเพ็ญแล้วเปิดประตูออกไป
“ท่านอาจารย์ ท่านกลับมาแล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นลูกไก่ตัวน้อยในอ้อมแขนของมารเฒ่าจึงร้องอุทานว่า “เจ้าไก่ฟ้าหรือ เขาเป็นอะไรไปน่ะ”
“กลับไปที่ห้องของเจ้าก่อนดีกว่า” เดิมทีมารเฒ่าคิดจะมอบเจ้าไก่ฟ้าให้ซือหม่าโยวเย่ว์ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นหญิง จึงได้แต่อุ้มเขาเข้าไปเอง
ต่อให้เป็นสัตว์อสูรวิเศษเพศผู้ก็มิอาจให้ลูกศิษย์ของตนอุ้มได้ตามใจชอบ
“ได้สิ” ซือหม่าโยวเย่ว์หลีกทางให้พวกเขาเข้ามา
มารเฒ่าวางตัวเจ้าไก่ฟ้าลงบนเตียงของซือหม่าโยวเย่ว์แล้วเอ่ยว่า “ข้าไปพบกับเขาข้างล่างนั่น ตอนนั้นเขาสลบไสลไม่ได้สติไปแล้ว ข้าจำได้ว่าเป็นสหายของเจ้าจึงได้ช่วยพาเขากลับมาด้วย”
“ท่านอาจารย์ เจ้าไก่ฟ้าได้รับบาดเจ็บแค่ไหนหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่รู้ว่าจะตรวจสัตว์อสูรวิเศษในร่างสัตว์ได้อย่างไรจึงเอ่ยถามขึ้น
มารเฒ่าเงียบงันไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยทีเดียว เออ… น่าจะต้องพูดว่าไร้หนทางเยียวยาแล้วมากกว่า ตอนนี้มิอาจฟื้นขึ้นมาได้อีกแล้วละ!”
สายรุ้งที่เข้ามาเพราะสัมผัสกลิ่นอายของเจ้าไก่ฟ้าได้ได้ยินคำพูดมารเฒ่าแล้วร่วงหล่นจากกลางอากาศลงสู่พื้นในทันทีแล้วเอ่ยว่า “ไม่มีทาง สามีต้องไม่เป็นไรแน่นอน!”
ซือหม่าโยวเย่ว์เข้าไปอุ้มสายรุ้งขึ้นมาแล้วลูบขนบนหลังของมันอย่างปลอบประโลมพลางพูดว่า “ท่านอาจารย์ ไม่มีหนทางช่วยเหลือเขาได้แล้วหรือ”
มารเฒ่าส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า “เขาบาดเจ็บสาหัสเกินไป อวัยวะภายในทั้งหมดแหลกสลายไปแล้ว ไอพลังชีวิตถูกตัดขาด ไม่มียาใดช่วยได้เลย”
ซือหม่าโยวเย่ว์หัวใจสั่นสะท้าน หรือว่าจะหมดหนทางแล้วจริงๆ
“ฮือ… ไม่มีทางๆ ข้าไม่อยากให้สามีตายนะ” สายรุ้งดิ้นรนบินขึ้นมาจากอ้อมแขนของซือหม่าโยวเย่ว์ ก่อนจะไปนอนอยู่ข้างกายเจ้าไก่ฟ้าแล้วร้องไห้โฮเสียงดัง
ซือหม่าโยวเย่ว์มองเจ้าไก่ฟ้าที่ไอพลังชีวิตหมดสิ้น หัวใจบีบรัดจนเจ็บปวด เรื่องนี้มาถึงอย่างรวดเร็วเกินไปจนเธอทนรับไม่ไหวอยู่บ้าง