“ข้าจะต้องคิดหาทางออกสำหรับเจ้าให้ได้!”
หลังจากได้รู้เรื่องสภาวะร่างกายของซือหม่าโยวเย่ว์แล้ว มารเฒ่าก็เงียบงันไปนานก่อนจะเอ่ยประโยคนี้ออกมา
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาแล้วรู้สึกอบอุ่นในใจ
“ท่านอาจารย์ ท่านอย่ากังวลใจไปเลยนะ หมัวซาบอกว่าตอนนั้นเขาก็มีสภาวะร่างกายเช่นนี้ แต่สุดท้ายก็ยังดำรงชีวิตมาได้” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยปลอบ “ดังนั้นข้าคิดว่าท่านต้องหาวิธีได้แน่”
“เขาก็เป็นกายมารเทพเช่นกันหรือ” มารเฒ่าถามอย่างตกตะลึง
ซือหม่าโยวเย่ว์พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “หมัวซาบอกว่าตอนนั้นเขาก็มีร่างเป็นมนุษย์ มีกายมารเทพเช่นกัน แล้วต่อมาถึงได้กลายเป็นเผ่ามาร”
“คนนอกล่วงรู้เรื่องราวของสุดยอดมารร้ายเพียงน้อยนิด คิดไม่ถึงว่าจะมีความลับอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ซ่อนอยู่ด้วย” มารเฒ่าเอ่ยพึมพำ “แต่ตอนนี้พวกเจ้าทำพันธสัญญากันเอาไว้ ตลอดมาเขาก็ไม่เคยทำร้ายเจ้า วิธีการที่บอกเจ้าก็น่าจะมีอยู่หรอก”
“น่าจะเป็นไปได้กระมัง” ซือหม่าโยวเย่ว์พูดอย่างไม่แน่ใจนัก “เขาบอกว่าพลังยุทธ์ของข้าในตอนนี้ไม่เพียงพอ จึงยังมิได้บอกวิธีการที่แน่ชัดกับข้าเลย!”
“…” มารเฒ่ามองซือหม่าโยวเย่ว์โดยไร้ซึ่งคำพูดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยว่า “ข้าจะคอยจับตาดูเรื่องนี้แทนเจ้าก็ได้ ถ้าหากมีวิธีการอะไรข้าจะบอกเจ้าแน่ หากเจ้าต้องการสิ่งใดก็จงบอกข้า หลังจากงานประลอง ข้ากับศิษย์พี่ของเจ้าก็จะกลับไปยังเบื้องบนแล้ว เจ้าต้องรีบบำเพ็ญโดยเร็วที่สุดแล้วพยายามขึ้นไปให้ไวหน่อยนะ”
“ข้าจะพยายาม” ซือหม่าโยวเย่ว์พูด
“เจ้าเอาแต่ฝึกยุทธ์อย่างเชื่องช้าเช่นนี้แล้วเมื่อใดจึงจะขึ้นไปได้เสียทีเล่า!” อูหลิงอวี่ปรากฏตัวขึ้นที่ช่องประตูอย่างฉับพลันแล้วเอ่ยถึงพลังยุทธ์ของเธอในตอนนี้อย่างชิงชัง
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นเช่นนั้นจึงกลอกตาใส่เขา แต่ก็สัมผัสได้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเข จึงกะพริบตาปริบๆ มองเขาแล้วถามว่า “ท่านบอกว่ามีวิธียกระดับพลังยุทธ์ของข้าอย่างรวดเร็วใช่หรือไม่”
“หากยังกะพริบตาอยู่อีกเจ้าคงจะเป็นตะคริวแล้วละ” อูหลิงอวี่เดินเข้ามาแล้วตบศีรษะเธอ
“ข้าก็เจ็บเป็นนะ ท่านฟาดข้าแรงจนจะตายอยู่แล้ว” ซือหม่าโยวเย่ว์ปัดมือเขาทิ้งแล้วพูดว่า “ที่แท้แล้วมีวิธียกระดับพลังยุทธ์ของข้าหรือไม่ ท่านอาจารย์”
มารเฒ่าครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยว่า “ไม่มีวิธีการใดที่ทำได้ในรวดเดียวหรอกนะ ถ้าหากฝืนยกระดับพลังยุทธ์ไป ก็รังแต่จะทำให้พื้นฐานไม่มั่นคงเท่านั้น”
ซือหม่าโยวเย่ว์ย่อมเข้าใจเหตุผลนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นทุกครั้งที่ระดับขั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินไป เธอจึงต้องฝึกฝนอีกสักระยะให้พลังยุทธ์ของตนเสถียร มิใช่มีเพียงเปลือกนอกเท่านั้น
“ข้าไม่พูดถึงวิธีพวกนั้นหรอกนะ” อูหลิงอวี่พูด
“นอกจากวิธีพวกนั้นแล้วยังจะมีอะไรอีกเล่า” มารเฒ่าไม่เข้าใจความหมายของเขาขึ้นมาในทันใด
อูหลิงอวี่มองมารเฒ่าอย่างเฉยเมยแวบหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าพอท่านมาที่นี่แล้วกลายเป็นคนโง่ไปได้นะ”
มารเฒ่าฟาดฝ่ามือใส่เขาทีหนึ่งแล้วตะคอกว่า “เจ้านี่ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ ถึงกับกล้าดูหมิ่นข้าแล้วหรือ”
อูหลิงอวี่ขยับร่างหลบกรงเล็บมารของเขาด้วยท่วงท่าอันสง่างาม
ทันใดนั้นมารเฒ่าก็นึกอะไรออก จึงเอ่ยว่า “เจ้าจะบอกว่าให้พานางไปที่นั่นหรือ”
“ถูกต้อง” อูหลิงอวี่พยักหน้า
“สถานที่แห่งนั้นไม่เลวเลย แต่เท่าที่ข้ารู้ ไม่มีทางเข้าจากดินแดนอี้หลินกระมัง” มารเฒ่าพูด
“เรื่องนี้หยุดยั้งท่านได้ด้วยหรือ” อูหลิงอวี่ปรายตามองมารเฒ่า ดูเหมือนมั่นใจอย่างยิ่งว่าเขาต้องมีวิธีแน่
“การคำนวณก็ต้องใช้พลังนะ” มารเฒ่าพูด “แต่ถ้าเปิดสถานที่แห่งนั้นได้ ก็จะเป็นวิธีการยกระดับพลังยุทธ์อันยอดเยี่ยมเลยทีเดียว”
“เท่าที่ข้ารู้ สถานที่แห่งนั้นจะปรากฏขึ้นอีกครั้งในเร็ววันนี้แหละ ตาเฒ่า ท่านต้องเคลื่อนไหวให้เร็วหน่อยนะ” อูหลิงอวี่พูด
ซือหม่าโยวเย่ว์เห็นทั้งสองผลัดกันพูดในสิ่งที่เธอฟังไม่เข้าใจ จึงถามแทรกขึ้นว่า “พวกท่านพูดถึงสถานที่แห่งใดกันอยู่หรือ”
“คือโลกย่อส่วนแห่งหนึ่งน่ะ” มารเฒ่าพูด
“โลกย่อส่วนหรือ มันคือสิ่งใดกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“พูดให้ง่ายหน่อยก็คือแดนสุขาวดีขนาดใหญ่มากที่ตั้งอยู่ภายในห้วงมิติน่ะ” อูหลิงอวี่อธิบาย “โลกย่อส่วนเหล่านี้มีทั้งเล็กทั้งใหญ่ ลอยคว้างอยู่ในห้วงอากาศ มีบางแห่งที่จะปรากฏขึ้นในดินแดนเป็นระยะๆ”
“แดนสุขาวดีขนาดใหญ่มากอย่างนั้นหรือ ใหญ่สักเพียงใดกัน” ซือหม่าโยวเย่ว์มองทั้งสองคนอย่างใคร่รู้
“บางแห่งที่ขนาดใหญ่ อาจจะใหญ่ได้ถึงครึ่งดินแดนเลยทีเดียว” มารเฒ่าพูด “ส่วนขนาดเล็กอาจจะเท่ากับห้องเพียงห้องเดียวเท่านั้น”
“แล้วสถานที่แห่งนั้นแตกต่างกับแดนสุขาวดีอย่างไรหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
ก่อนหน้านี้เธอผ่านประสบการณ์แดนบรรพบุรุษของตระกูลซือหม่ามาแล้ว ที่นั่นก็เป็นแดนสุขาวดีแห่งหนึ่งเช่นกัน ดูแล้วออกจะไม่สมบูรณ์อยู่บ้าง
“แดนสุขาวดีเป็นเพียงแค่ห้วงมิติที่ไม่สมบูรณ์เท่านั้น แต่โลกย่อส่วนนั้นเหมือนกันกับดินแดนภายนอก มีครบสมบูรณ์ทุกอย่าง เพียงแต่ตั้งอยู่ในพื้นที่พิเศษเท่านั้น มิได้คงอยู่ตลอดไป” อูหลิงอวี่พูด
“นอกจากนี้โลกย่อส่วนเหล่านั้นส่วนใหญ่ยังสืบทอดต่อมาจากยุคโบราณทั้งสิ้น ภายในนั้นอาจมีสมบัติฟ้าดินอยู่ และนานๆ ทีจึงจะปรากฏขึ้นสักครั้ง ดังนั้นข้าวของข้างในจึงอยู่มาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว อย่างเช่นสมุนไพรต่างๆ ล้วนมีอายุมากแล้วทั้งสิ้น” มารเฒ่าเอ่ยเสริม
“ข้ามิได้ขาดแคลนสมุนไพรเสียหน่อย” ซือหม่าโยวเย่ว์ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
“สิ่งเหล่านี้ล้วนมิใช่ประเด็นสำคัญ ประเด็นสำคัญคือโลกย่อส่วนเหล่านั้นมีปราณวิญญาณอันเข้มข้น นอกจากนี้ยังมีพื้นที่วิเศษอยู่ด้วย ถ้าหากได้พบ เจ้าอาจจะเลื่อนระดับกลายเป็นจ้าววิญญาณเลยก็มิใช่เรื่องแปลก” มารเฒ่าพูด
“มีสถานที่อันยอดเยี่ยมเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ!” คราวนี้ซือหม่าโยวเย่ว์เกิดความสนใจขึ้นมาเสียแล้ว “เช่นนั้นใครๆ ก็เข้าไปในสถานที่เช่นนี้ได้หมดเลยหรือ”
“แน่นอนว่าไม่ได้อยู่แล้วล่ะ” อูหลิงอวี่อธิบายอย่างอดทน “โลกย่อส่วนแต่ละแห่งก็มีกฎกติกาของตัวเองอยู่ ก็เหมือนกับที่นี่นั่นแหละ คนระดับเทพขึ้นไปที่ลงมาจากดินแดนโบราณ อย่างมากที่สุดก็ใช้ได้แค่พลังยุทธ์ของระดับจ้าววิญญาณขั้นสุดยอดเท่านั้น โลกย่อส่วนก็มีกฎกติกาอยู่เช่นเดียวกัน”
“มีกฎกติกาอะไรหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์นั่งขัดสมาธิแล้วใช้มือประคองศีรษะเอาไว้
“บางแห่งจำกัดด้วยพลังยุทธ์ บางแห่งกำหนดอายุ บางแห่งก็กำหนดทั้งพลังยุทธ์และอายุร่วมกัน”
“กำหนดอายุข้าพอเข้าใจ แต่จำกัดพลังยุทธ์นั้นก็เหมือนกับที่พวกท่านสำแดงได้เพียงแค่พลังยุทธ์ระดับจ้าววิญญาณขั้นสุดยอดเช่นนี้น่ะหรือ” ซือหม่าโยวเย่ว์เอ่ยอย่างครุ่นคิด
“ถูกต้อง”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง เช่นนั้นโลกย่อส่วนที่พวกท่านพูดถึงแห่งนั้นมีข้อจำกัดอะไรหรือ”
“การออกมาในคราวนี้กำหนดด้วยพลังยุทธ์” อูหลิงอวี่พูด “ดินแดนแต่ละแห่งจะต้องมีทางเข้า แต่มีการจำกัดจำนวนคน มิใช่ว่าใครก็เข้าไปได้หมด ดูเหมือนว่าอีกไม่นานก็จะถึงวันที่โลกย่อส่วนปรากฏขึ้นในคราวนี้แล้วล่ะ”
“ดินแดนแต่ละแห่งหรือ มีดินแดนมากมายเลยสินะ” ซือหม่าโยวเย่ว์ถาม
“ถูกต้อง ทั่วโลกมีดินแดนอย่างพวกเจ้านี้อยู่มากมายนัก พวกเจ้าเป็นเพียงแค่ดินแดนขนาดเล็กมากแห่งหนึ่งในนั้นเท่านั้นเอง” มารเฒ่าพูด
ซือหม่าโยวเย่ว์สีหน้าตกตะลึง ดินแดนอันใหญ่โตขนาดนี้ยังเป็นเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น เช่นนั้นโลกใบนี้จะต้องใหญ่กว่าโลกใบเก่ามากมายมหาศาลเลยทีเดียว
แต่เมื่อคิดดูแล้วโลกใบนี้ก็มีถึงเจ็ดทวีปสี่มหาสมุทร การจะมีดินแดนมากมายก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผลอยู่แล้ว
“เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าจึงไม่เคยได้ยินพวกท่านปู่เอ่ยถึงเรื่องนี้มาก่อนเลยเล่า” เธอเบ้ปาก ดูราวกับว่าไม่เคยมีใครล่วงรู้เรื่องโลกย่อส่วนมาก่อนเลย
“ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ดินแดนของพวกเจ้าจึงถูกเรียกว่าแดนพันธนาการ ทั่วทั้งดินแดนเหมือนกับคุกแห่งหนึ่ง ทำให้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่พวกเจ้ามิอาจสัมผัสได้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ อูหลิงอวี่และมารเฒ่าก็ลอบรำพึงที่ดินแดนเช่นมีผู้เปี่ยมพรสวรรค์เช่นนี้ปรากฏขึ้นมาได้ ช่างหายากโดยแท้
ส่วนซือหม่าโยวเย่ว์นั้นเบ้ปากเล็กน้อย สถานที่กักขังอีกแล้วหรือ คราวนี้เป็นคุกทั้งดินแดนเลยทีเดียว มีอะไรผิดพลาดหรือไม่!