บทที่ 852 ก้อนหิน ‘ภูมิหลังที่แท้จริงของข้าคือหินในบ่ออุจจาระหรือ?!’
“ข้าจะกำราบเจ้าลงเสียตอนนี้!”
เซียนปีศาจเก้าหางมาพร้อมร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่ ระเบิดพลังปราณเต็มที่โดยไม่ยั้ง
ร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่เล่มนั้นไม่ธรรมดาจริง ๆ กฎระเบียบบางอย่างโลดแล่น พลังปราณของเซียนปีศาจเก้าหางพุ่งทะยานอีกครั้ง กำลังมากขึ้นเป็นทวีคูณ!
นางมั่นใจเหลือแสน คิดจะบังคับจับกุมลั่วสุ่ย
เสียงดังฟึ่บ ลำแสงลำหนึ่งพุ่งออกจากจี้ห้อยรูปหัวใจบนคอของลั่วสุ่ย เซียนปีศาจเก้าหางมีสีหน้าคร่ำเครียด ราวกับเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจ
นางมิได้ลังเลแม้แต่น้อย เหวี่ยงร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่มาบังตรงหน้าด้วยปฏิภาณอันฉับไว ขวางกั้นลำแสงที่พวยพุ่งเข้ามา
แต่เรื่องที่เหนือความคาดหมายของนางคือ แม้นมีร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่สามารถระงับลำแสงที่พวยพุ่งเข้ามาได้อย่างง่ายดาย มิได้เกิดเรื่องราวใหญ่โตอันใด
“เท่านี้เองหรือ?!”
นางหัวเราะออกมาอย่างอดมิได้ ก็นึกว่าจะแข็งแกร่งมากมาย สุดท้ายกลับเปราะบางต้านมิได้แม้แต่การโจมตีเดียว
ทว่าลมหายใจต่อมาสีหน้าของนางก็ต้องเปลี่ยนไป รอยยิ้มที่เคยมีพลันแข็งทื่อ
“เป็นไปไม่ได้!”
ดวงหน้าของนางมืดครึ้ม ปะทุพลังเต็มรูปแบบ เพราะสัมผัสได้ว่าขอบเขตของตนกำลังลดต่ำลง พลังบางอย่างกำลังข่มขอบเขตพลังของนางอยู่!
นางเชื่อไม่ลง จี้รูปหัวใจบนคอของลั่วสุ่ยน่าสะพรึงถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ถึงกับระงับขอบเขตพลังของนางได้?!
นางไม่มีทางยอมให้เกิดเรื่องเช่นนี้ จึงพยายามต้านสุดชีวิตด้วยทุกวิชาที่มีโดยมิกักเก็บ ทว่าไม่อาจยับยั้งได้เลย พลังมวลนั้นเหนือชั้นกว่ามาก!
ไม่นาน เพียงพริบตาเดียวขอบเขตพลังของเซียนปีศาจเก้าหางก็ลดฮวบลงจนถึงขอบเขตนิรันดร์ แล้วลดลงไปที่ขอบเขตผู้บงการ สุดท้ายชะลอไว้ที่ขอบเขตลอยชาย
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”
แม้กระทั่งลั่วสุ่ยยังสะท้อนใจอย่างอดมิได้ นางเข้าใจแล้วว่าจี้รูปหัวใจมีพลังอย่างไร!
ฝืนลิขิตสวรรค์ยิ่งนัก สามารถเคลื่อนไหวได้ตามความต้องการในใจนางหรือนี่!
ก่อนนี้คิดไปว่า หากเซียนปีศาจเก้าหางอยู่ในขอบเขตเดียวกับนางก็คงดี หลังจากนั้น พลังของเซียนปีศาจเก้าหางก็ถูกข่มลงมาจนอยู่ในระดับเดียวกับนาง
“เท่านี้เจ้าก็กำแหงมิได้แล้ว!”
ลั่วสุ่ยตาเป็นประกาย ในเมื่ออยู่ในระดับเดียวกันแล้ว นางจะเล่นงานเซียนปีศาจเก้าหางให้หนัก
นางเก็บพู่กันในมือ การต่อสู้ของผู้ที่อยู่ในขอบเขตเดียวกัน นางไม่ยี่หระที่จะใช้พลังจากพู่กัน ลำพังตัวนางเองก็พอจะอัดเซียนปีศาจเก้าหางให้แหลกลาญ
เสียงดังตู้ม นางขยับตัว ประกายบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์วนอยู่รอบตัว ปล่อยหมัดใส่เซียนปีศาจเก้าหาง
สายตาของเซียนปีศาจเก้าหางทอประกายโหดเหี้ยม นางหุบร่มกระดาษมันสีแดงขนาดใหญ่ ปลายร่มคมดุจมีดดาบ แทงใส่ลั่วสุ่ยที่ปรี่เข้ามา!
นั่นมันจี้ห้อยอันใดกัน น่าประหวั่นพรั่นพรึงเกินไปแล้ว!
แม้แต่พลังของร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่ยังถูกข่มลง ห่างชั้นจากพลังสูงสุดของมันมากนัก
“มวยไทเก๊ก!”
ลั่วสุ่ยขยับแขนขา สำแดงปรมัตถ์แห่งมวยไทเก๊ก หมัดที่ดูนุ่มนวลบอบบางกลับแฝงไว้ด้วยพลังมหาศาล หยุดยั้งร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่ที่แทงเข้ามาได้
ประกายประหลาดบางอย่างส่องลงอยู่บนตัวเซียนปีศาจเก้าหาง นี่มันวิชามวยอันใด ปรมัตถ์ของมันเกินกว่าขอบเขตความเข้าใจของนางไปมากโข!
นางไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าลั่วสุ่ยนั้นมีวิชามวยระดับนี้อยู่! หลี่จิ่วเต้าเป็นผู้ถ่ายทอดให้ลั่วสุ่ยหรือ วิชานี้มาจากรากฐานพิเศษในโลกหน้าฉากหรือ
ทว่านางเองก็มิได้ธรรมดา เมื่อคราวอยู่ที่โลกหลังฉาก นางนั้นดุดันเหี้ยมโหด ปฏิภาณไหวพริบดีเยี่ยม มากด้วยประสบการณ์การต่อสู้
นางสำแดงฝีมือออกมา เป็นมหาวิชาสะท้านโลกันตร์ทั้งสิ้น เสียงกระหึ่มดังอยู่นอกอาณาจักรไม่หยุด ดวงดาราเสื่อมสลายไปดวงแล้วดวงเล่า
“รุนแรงปานนี้เชียว!”
เซียนปีศาจเก้าหางอึ้งงันเป็นที่สุด วิชามวยของลั่วสุ่ยทรงพลังยิ่งนัก นางสำแดงมหาวิชาสะท้านโลกันตร์ไปนับคณายังไม่ไหว ยังดีที่มีร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่อยู่ มิฉะนั้นนางคงพ่ายแพ้ไปแล้ว
มวยไทเก๊กค่อย ๆ แผลงฤทธิ์ด้วยมือลั่วสุ่ย พลังที่ปะทุออกมากล้าแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนนี้เซียนปีศาจเก้าหางยังอาศัยร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่คอยปกป้องแล้วต่อสู้ได้บ้าง
ทว่าต่อมานางมิอาจสู้ได้อีกเลย ร่มกระดาษมันสีแดงคันใหญ่ถูกโจมตีจนแทบแหลกเหลว หน้าร่มเต็มไปด้วยรอยร้าว เซียนปีศาจเก้าหางเจ็บใจและหมดหนทาง
นี่คือยอดศาสตรา ไม่ว่าความเสียหายใดล้วนยากจะฟื้นสภาพให้ดีดังเดิม แต่นางกลับจนปัญญาจะทำอันใด มวยไทเก๊กของลั่วสุ่ยทรงพลังเกินไป!
เสียงดังตึง ลั่วสุ่ยต่อยเข้าตัวนาง ร่างของเซียนปีศาจเก้าหางสั่นสะท้าน พลังในกายแตกพล่าน นางพ่ายแพ้แล้วอย่างสิ้นเชิง มิอาจต่อกรกับลั่วสุ่ยได้
นางถูกลั่วสุ่ยกำราบ ลากคอตั้งแต่นอกอาณาจักรกลับมายังดินแดนเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ ก่อนจะถูกเหวี่ยงกระแทกพื้น
เซียนปีศาจเก้าหางมิได้เอื้อนเอ่ยวาจาใด
หนนี้นางพ่ายแพ้ราบคาบ มิมีคำใดให้ต้องกล่าวไปมากกว่านี้ การต่อสู้ในระดับเดียวกันเป็นการห้ำหั่นกันอย่างถึงพริกถึงขิง ต่อให้นางเจ็บใจปานใดก็ต้องยอมรับว่านางสู้ลั่วสุ่ยมิได้จริง ๆ
นอกจากนี้ นางยังผวากับความน่ากลัวของหลี่จิ่วเต้า
เขาได้รับสิ่งใดในโลกหน้าฉากมากันแน่ ช่างน่าสยดสยองเหลือเกิน
ลำพังจี้ห้อยชิ้นหนึ่งของลั่วสุ่ยยังมีอานุภาพน่าครั่นคร้ามปานนี้ ข่มขอบเขตนางลงได้อย่างง่ายดาย แล้วในมือหลี่จิ่วเต้าจะยังมีของวิเศษชิ้นอื่นใดอยู่อีก?
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ในมือเขาย่อมต้องมีของวิเศษน่าประหวั่นพรั่นพรึงกว่านี้อยู่เป็นแน่
นางลอบถอนหายใจ ครานั้นหลี่จิ่วเต้าเพียงปั่นหัวพวกเขาไปอย่างนั้นจริงหรือ เกรงว่าไม่ยี่หระที่จะลงมือกับพวกเขามากกว่ากระมัง…
หากเป็นไปตามการคาดการณ์ของนาง หลี่จิ่วเต้าสามารถจัดการพวกเขาทั้งหมดได้ง่ายดายด้วยยอดศาสตราในมือแน่ ๆ
“จิ้งจอกนั้นพราวเสน่ห์มาแต่กำเนิด นี่คือข้อได้เปรียบ และเป็นพรจากสวรรค์ แต่มิใช่ลูกไม้ให้เจ้าเล่นงานสิ่งมีชีวิตตนอื่น”
ลั่วสุ่ยหันมองเซียนปีศาจเก้าหาง “เจ้าอยู่ที่นี่แล้วกัน เรียนรู้จักบรรดานารีจิ้งจอกสวรรค์ในที่แห่งนี้ว่าจิ้งจอกที่ดีนั้นเป็นอย่างไร”
จากนั้น นางคิดในใจว่าต้องการข่มพลังของเซียนปีศาจเก้าหางลงเพื่อมิให้เซียนปีศาจเก้าหางทำร้ายเหล่านารีจิ้งจอกสวรรค์ได้อีก
จี้ห้อยรูปหัวใจบนคอนางเคลื่อนไหวตามความปรารถนาของนางจริง ๆ หลังนางผุดความคิดนี้ ก็มีแสงลำหนึ่งพุ่งออกจากจี้ห้อยรูปหัวใจ สาดส่องบนตัวเซียนปีศาจเก้าหาง
ต่อมา กฎระเบียบพิเศษลึกล้ำบางอย่างปรากฏ แทรกซึมเข้าไปในร่างของเซียนปีศาจเก้าหาง ระงับขอบเขตพลังของเซียนปีศาจเก้าหางลงทั้งหมด!
เซียนปีศาจเก้าหางหน้าเขียว นางต้องอาศัยอยู่กับนารีจิ้งจอกสวรรค์เหล่านี้หรือ!
สวรรค์! นางอยากจะบ้าตาย นางเป็นตัวตนระดับใดกัน ยอดฝีมือหลังฉากยังต้องยำเกรงต่อนาง สุดท้ายกลับต้องร่วมพำนักกับบรรดานารีจิ้งจอกสวรรค์ที่พลังอ่อนแอจนแทบทนดูมิไหวหรือ
นางทนมิได้จริง ๆ!
แต่ลั่วสุ่ยไม่สนใจนางเลยสักนิด เพียงหันไปกำชับหัวหน้าเผ่านารีจิ้งจอกสวรรค์ต่อ
…
ขณะเดียวกัน ตาเฒ่าขี้เมาเดินโซซัดโซเซตามถนนมาถึงนอกเมืองชิงซาน
“มาแล้ว!”
ก้านของต้นหลิวส่ายไปมา พลังพิเศษบางอย่างแผ่ขยาย พาตัวตาเฒ่าขี้เมาเข้าไปในมิติพิเศษแห่งหนึ่ง
มันสังเกตเห็นตาเฒ่าขี้เมามานานแล้ว และรอคอยการมาถึงของตาเฒ่าขี้เมาอยู่ที่นี่ตลอด
มันย่อมรู้ว่าตาเฒ่าขี้เมาเป็นใคร เมื่อคราวกระบี่ฉุนจวินปรากฏออกมา มันก็ถูกดึงดูดสายตาไปเช่นกัน รู้ว่าตาเฒ่าขี้เมามาจากโลกหลังฉาก เข้าร่วมการช่วงชิงกระบี่ฉุนจวิน
บัดนี้ตาเฒ่าขี้เมารุดหน้ามายังเมืองชิงซาน ไม่ต้องสงสัยเลย เขามาเพราะคุณชายเป็นแน่
ตาเฒ่าขี้เมาผู้นี้ใจกล้ายิ่งนัก ถึงขั้นกล้าตรงมาหาคุณชายที่เมืองชิงซานเชียวหรือ ยอดฝีมือหลังฉากตนอื่นมิมีผู้ใดกล้าทำเช่นนี้เลย
“สุรานี่ดียิ่งนัก!”
ตาเฒ่าขี้เมาดื่มสุราไปอีกหลายอึกใหญ่ ก่อนจะเดินโซเซไปข้างหน้า และพ้นออกมาจากมิติพิเศษแห่งนั้น!
เรื่องนี้เหนือความคาดหมายของต้นหลิวไปจริง ๆ!
มันคอยพิทักษ์อยู่นอกเมืองชิงซาน สิ่งมีชีวิตที่ถูกพาเข้าไปยังมิติพิเศษมิเคยมีตนใดกลับออกมาได้ แต่ตาเฒ่าขี้เมากลับทำได้!
“พี่หลิวไยจึงปล่อยเขาออกมา ข้างนอกนี่เต็มไปด้วยปุถุชน รับการต่อสู้มิไหวหรอก!”
อีกด้าน ก้อนหินถามต้นหลิวด้วยความฉงน
มันเชื่อในพลังของต้นหลิว คิดว่าต้นหลิวเป็นฝ่ายปล่อยตาเฒ่าขี้เมาออกมาเอง มิได้คิดว่าตาเฒ่าขี้เมาออกมาได้ด้วยพลังของตน
“ข้าปล่อยที่ไหน!”
ต้นหลิวหวดก้านใส่ก้อนหินจนก้อนหินร้องลั่น
“ยังดูไม่ออกอีกหรือว่าคนผู้นี้เป็นศัตรูตัวฉกาจ เขาออกมาได้เอง!”
ต้นหลิวกล่าว
“หา? ทรงพลังปานนั้นเชียว?”
ก้อนหินหยุดโหวกเหวก ผิดคาดไปจริง ๆ
คนขี้เมาที่ชราภาพไม่ได้ความผู้นี้ทรงพลังกล้าแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ?!
ต้นหลิวมิได้สนใจก้อนหิน มันบอกกับตาเฒ่าขี้เมา “ที่นี่มีแต่ปุถุชน รับการต่อสู้ระหว่างเรามิไหว ไปสู้กันนอกอาณาจักรได้หรือไม่”
“ได้ ไม่มีปัญหา สู้กันนอกอาณาจักร!”
ตาเฒ่าขี้เมารับปากโดยไม่อิดออด
“ไป!”
ต้นหลิวและก้อนหินกลายเป็นลำแสงสองลำ พุ่งออกไปนอกอาณาจักร
ทว่าตาเฒ่าขี้เมากลับมิได้ขยับตัว
“สู้อะไรเล่า ข้ามิได้มาหาพวกเจ้าเสียหน่อย!”
เขาคลี่ยิ้มพลางเอ่ย เผยให้เห็นฟันเหลืองเต็มปาก ไม่มีจรรยาบรรณแห่งยุทธภพแม้แต่น้อย ก่อนนี้รับปากว่าจะไปต่อสู้นอกอาณาจักร แท้จริงกลับมิได้มีความตั้งใจจะไปเลยสักนิด!
เสียงดังฟึ่บ เขาเองก็กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในเมืองชิงซาน!
ก้านหลิวร่ายรำ ขวางทางไปของเขาไว้ทันที ต้นหลิวหวนคืน มิได้เชื่อถ้อยคำของตาเฒ่าขี้เมาเต็มร้อย วางอุบายเผื่อตาเฒ่าขี้เมาผิดคำพูดไว้แล้ว
“เจ้านี่ไร้คุณธรรมจริง ๆ รับปากแล้วว่าจะไปต่อสู้นอกอาณาจักร แต่เจ้ากลับคิดจะลอบเข้าไปในเมืองชิงซาน!”
ก้อนหินก็กลับมาแล้ว พร้อมเอ่ยด้วยเสียงโกรธขึง
“ศึกไม่หน่ายเล่ห์ พวกเจ้าไม่เคยได้ยินหรือ”
ตาเฒ่าขี้เมาไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย ดื่มสุราไปอีกหลายอึก
“ข้ากลับรู้สึกคุ้นหน้าเจ้ายิ่งนัก…”
เขามองก้อนหินพลางกล่าว “เจ้าดูคล้ายก้อนหินไร้คุณธรรมก้อนหนึ่งที่ข้ารู้จักมาก!”
“เจ้าว่าผู้ใด! เจ้าต่างหากที่ไร้คุณธรรม!”
ก้อนหินเอ่ยเสียงเดือดดาล “อย่ามาฉวยโอกาสด่าข้า ท่านสือ*[1]ผู้นี้ไม่ถูกหลอกหรอก!”
“คล้ายจริง ๆ ยามต่อว่าผู้อื่นยิ่งคล้าย!”
ตาเฒ่าขี้เมาเอ่ย “นั่นเป็นก้อนหินไร้คุณธรรมที่สิ่งมีชีวิตหลังฉากโกรธแค้นกันหมด ชอบทุบท้ายทอย ลงมืออย่างเหี้ยมเกรียม!”
ยามเอ่ยวาจา เขายังลูบท้ายทอยอย่างอดมิได้ เห็นได้ชัดว่าเคยโดนทุบมาก่อน
“คงมิใช่เรื่องจริงกระมัง”
ก้อนหินเริ่มมีอารมณ์พลุ่งพล่าน
ครานั้นยามมันได้รู้ว่าต้นหลิวมีรากฐานเป็นอื่น มันอิจฉาแทบแย่ ทั้งยังโวยวายว่าตัวมันก็ต้องมีภูมิหลังยิ่งใหญ่แน่นอน มีฐานะสูงส่งไม่ธรรมดา เพียงแต่ความทรงจำยังไม่ตื่นขึ้นเท่านั้น
“คิดอะไรอยู่ วาจาของตาเฒ่านี่เชื่อได้ที่ไหน นึกถึงพฤติกรรมของเขาเมื่อครู่สิ!”
ต้นหลิวกล่าวต่อก้อนหิน เตือนมันไม่ให้ติดกับ ตาเฒ่าผู้นี้คงโป้ปดเสียมากกว่า
“ใช่แล้ว!”
ก้อนหินใจเย็นลงทันที ไม่คิดมากอีกต่อไป ตาเฒ่าผู้นี้มิใช่คนดีจริง ๆ เมื่อครู่ก็เพิ่งหลอกพวกมันไป
“คล้ายมาก คล้ายจริง ๆ แต่ไม่ควรเป็นเช่นนั้นเลย หินก้อนนั้นเป็นที่ชิงชังไปทั่วฟ้าดินและมวลมนุษย์ เห็นว่าถูกกำราบลงในบ่ออุจจาระ กลายเป็นหินพิทักษ์สุขาไปแล้วมิใช่หรือ”
ตาเฒ่าขี้เมามองก้อนหินพร้อมรำพันเสียงแผ่ว
“พูดบ้าอะไรไอ้ระยำ!”
ก้อนหินเดือดดาล ตาเฒ่านี่พูดอะไรออกมา
ที่แท้ภูมิหลังแท้จริงของมันคือก้อนหินในบ่ออุจจาระหรือนี่
ถุย ๆๆ!
เป็นไปได้อย่างไร!
มันไม่เชื่อแน่นอน ตาเฒ่านี่จงใจว่าร้ายมัน!
[1] สือ แปลว่า ก้อนหิน