หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ – ตอนที่ 3 เตรียมตัวเพื่อการติวหนังสือ

หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ

Chapter 2 : เตรียมตัวเพื่อการติวหนังสือ

“……ตะ ติวหนังสือค่ะ สนใจไหมคะ?”

ตอนนั้นผมแทบจะไม่เชื่อในหูตัวเอง

“……ติวหนังสือ?”

“คะ ค่ะ…….ถ้าวันหยุดนี้มิโนริคุงว่างล่ะก็”

แปลว่า…..ไปเจอชิโนโนเมะที่อื่นที่ไม่ใช่รถไฟ ใช่ไหม?

ผมแอบตกใจนิดๆเลยว่าจะคิดดูก่อน

นี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยให้เธอหายกลัวผู้ชายก็ได้ หรือไม่ก็เธออาจจะสนุกกับการสอนหนังสือมากกว่าที่ผมคิด

เอาล่ะ ไม่ว่าด้วยเหตุผลร้อยแปดอะไรก็ไม่จำเป็นต้องปฎิเสธ—

ไม่สิ เดี๋ยวนะ ถ้าตอบตกลงตามปกติมันจะดูห้วนไปรึเปล่านะ?

“อื้ม ว่างสิ ฉันจะตั้งตารอเลย”

ผมยังรู้สึกดีใจอยู่ที่เธอเอ่ยปากชวน

พอได้ยินผมพูดแบบนั้น ชิโนโนเมะก็ดูผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย….แก้มของเธอก็ค่อยๆคลายออกเช่นกัน

“ฉันดีใจที่ได้ยินแบบนั้นนะคะ…..”

จากนั้นเธอก็วางมือบนหน้าอกก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

◆◆◆

 

“นี่ วันหยุดนี้นายจะมาติวด้วยกันไหม?”

“…โทษที วันนั้นฉันมีธุระน่ะ”

ผมปฎิเสธคำเชิญของเออิจิ ส่วนเออิจิก็ยิ้มมุมปากแล้วพูดขึ้น

“หรือว่านายจะมีสาวหรอ!? มีสาวใช่มะ!?”

“…เปล่าสักหน่อย”

เวรละ ลืมหาข้ออ้างไปเลย ลืมหาข้ออ้างไปเลยแฮะ

ผมหลบตาเออิจิก่อนที่เขาจะถามย้ำว่า ‘ใช่ไหม?’

“อะไรเล่า ก็แค่บอกฉันมาก็พอ ถ้าเป็นสาวที่นายปิ๊งล่ะก็ฉันจะช่วยนายเอง ถึงจะเห็นแบบนี้ก็เถอะ แต่ตอนม.ต้นฉันได้ฉายาว่า [เอย์จัง เดอะคิวปิด] เลยนะ”

“ก็บอกว่าไม่ใช่แบบนั้นไง……แล้วไม่ว่ามองจากมุมไหนแกก็ไม่เหมือนคิวปิดเลยสักนิดเฟ้ย”

อาาา ถึงผมจะอยากบอกเขาแค่ไหนก็เถอะ…….

แต่ผมควรจะบอกจริงๆหรอ? ถึงจะมีสับสนอยู่บ้างแต่ผมก็โยนความคิดนั้นไปแทบจะทันที

ตอนนั้น ชิโนโนเมะบอกว่าเธอกลัวเรื่องที่ตัวเองถูกลวนลามจะถูกคนอื่นรู้ แน่นอนว่าผมก็ไม่อยากได้ยินคนอื่นคุยกันเรื่องนี้เหมือนกัน

…..อีกอย่าง ผมรู้สึกว่าเธอมีเหตุผลอย่างอื่นที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้อยู่ เพราะงั้นเธอเลยขอให้ผมช่วยปิดเรื่องนี้เอาไว้

“…….ก็ได้ นายคิดว่าถ้าฉันนัดเจอกับเด็กผู้หญิงฉันควรใส่ชุดแบบไหนไปดีล่ะ?”

ผมรู้สึกขมขื่นมากตอนพูดออกมา จากนั้นแก้มของเออิจิก็ค่อยๆปรากฎรอยยิ้มออกมาราวกับเขากำลังชอบใจอยู่

“หึหึ หึหึหึ”

“หยุดเลย มันน่าขยะแขยง…..”

“โอ้ โหดร้ายจังเลย~ มันก็ขึ้นอยู่กับว่านายจะไปที่ไหนล่ะนะ อย่างเช่น ถ้านายจะไปสวนสนุกก็ควรใส่ชุดที่ขยับง่ายๆไว้เพื่อความคล่องตัวไง”

“ไม่ใช่อย่างที่นายคิดหรอก…ติวหนังสือต่างหาก”

“ติวหนังสือที่บ้านนายงั้นหรอ!?”

“ไม่ใช่เฟ้ย ยังไม่ได้ตัดสินใจเรื่องสถานที่หรอก แต่ไม่ใช่แบบที่แกคิดแน่ๆ แล้วก็นะ พวกเราไม่มีความรู้สึกแบบนั้นหรือบรรยากาศหวานชื่นหรอก……เป็นแค่เพื่อนเท่านั้นแหละ”

ผมแก้คำพูดของเออิจิ ส่วนเจ้าตัวก็ถอนหายใจออกมา

“คือว่านะ……พวกนายจะไปติวกันแค่สองคนหรอ?”

“ตอนนี้ก็ใช่”

“งั้นแสดงว่านายก็สนใจเรื่องความรักเหมือนกันไม่ใช่รึไง!!!”

“ก็บอกว่าไม่ใช่ไง  …..พอดีว่ามันมีหลายๆเรื่องน่ะ แล้วแกก็เสียงดังไปแล้ว”

ผมจะไม่พูดถึงความสนใจเรื่องรักๆหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ

อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ ผมไม่มีความรู้สึกชอบหรือหลงรักชิโนโนเมะเลยแม้แต่น้อย และเธอก็คงคิดแบบเดียวกับผมเหมือนกัน

จากนั้นเออิจิก็……เจ้าตัวมองมาที่ผมด้วยสายตาราวกับกำลังชอบใจอยู่

“เอาเถอะ บางทีความสัมพันธ์แบบนั้นก็อาจจะเกิดขึ้นโดยที่นายยังไม่ทันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ”

“…..อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน จะตอบคำถามก่อนหน้านี้ของฉันได้รึยัง?”

“หืม? อ้อ ใช่ๆ ถ้าแค่จะไปติวล่ะก็ ใส่ชุดแบบปกติก็ได้ …เลือกชุดให้เข้ากับฝ้ายตรงข้ามก็เป็นความคิดที่ไม่เลว พอจะเดาได้รึเปล่าว่าอีกฝ่ายจะใส่ชุดแบบไหนมา?”

ชุดที่เธอน่าจะใส่มาสินะ…. ก็เคยเห็นแต่ชุดเครื่องแบบด้วยสิ แต่ถ้าเกิดว่าต้องเดาก็คงเป็น……

“…กิโมโนล่ะมั้ง?”

“เธอเป็น*สาวในอุดมคติ*แบบไหนฟะนั่น?”

(ผู้แปล : ต้นฉบับใช้คำว่า ‘大和撫子’ หรือ ‘Yamato Nadeshiko’ ซึ่งความหมายมันจะประมาณว่า ‘สาวในอุดมคติ’ ของพวกคนญี่ปุ่นโบราณ เช่น เป็นคนอ่อนโยน สง่างาม รอบคอบ รวมถึงส่วนใหญ่แล้วภาพลักษณ์ของพวกนางก็จะใส่กิโมโนกันเป็นหลัก อารมณ์ก็คล้ายๆกับแม่บ้านแม่ศรีเรือนของไทยสมัยก่อนนั่นแหละ)

ก็เธอเรียนพิธีชงชา แถมยังมีอย่างอื่นด้วยนี่……ตอนที่ผมเกือบจะกลืนคำพูดตัวเอง เออิจิก็ถอนหายใจออกมา

“วันหยุดนี้ฉันก็ไม่ค่อยว่างด้วยสิ โอ๊ะ นั่นไงๆ มีร้านเสื้อผ้าเปิดใหม่หน้าสถานีใช่ไหมล่ะ?”

“อ่าฮะ……ก็พอนึกออกอยู่หรอก”

“ลูกพี่ลูกน้องของฉันทำงานอยู่ที่นั่นน่ะ เซนส์ด้านแฟชั่นของนางน่ะเจ๋งสุดๆ ไว้ฉันจะบอกเธอไว้ให้แล้วพอนายว่างก็ค่อยไปหาเธอแล้วกัน”

มันคงจะเสียมารยาทไปหน่อยถ้าผมบอกว่าผมค่อนข้างตกใจ แต่เออิจิก็ให้คำแนะนำดีๆกับเขาเป็นเหมือนกันแฮะ

“ไว้ฉันจะบอกเธอไว้ให้นะ”

“อะ อื้ม……ช่วยได้มากเลย ขอบใจ”

“ไม่เป็นไรๆ โชคดีกับการเดทนะ โอเค๊?”

“ไม่ใช่เดทสักหน่อย แต่ก็ จะพยายามครับ”

อย่าเข้าใจผิดล่ะ ……ไม่ใช่ว่าผมอยากให้เธอมาชอบหรอก แต่ก็ไม่อยากให้เธอเกลียดเหมือกกัน

หลังจากที่เออิจิก็ให้คำแนะนำกับผม ผมก็ตัดสินใจจะลองไปดู

 

◆◆◆

 

“……ฉัน ฉันไม่มีเสือผ้าจะใส่ออกไปข้างนอกเลยค่ะ”

เช้าวันถัดมา ชิโนโนเมะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน

“…..ไม่มีเลยหรอ? แม้แต่ตัวเดียว?”

“คะ ค่ะ….อืมม ที่จริงก็มีอยู่ตัวนึง แต่จะให้ใส่มันออกมาก็ลำบากใจอยู่”

แก้มผมกระตุกพลางคิดว่ามันใช่เรื่องที่จะต้องเอามาบอกผมไหม แต่พอมาคิดๆดู ชิโนโนเมะก็ไม่มีเพื่่อนเลยนี่นะ

“……ถ้างั้น เธอพอจะมีเงินรึเปล่า? ไม่จำเป็นต้องเป็นตอนนี้ก็ได้”

“ค่ะ ฉันก็พอมีอยู่บ้าง”

“……มันมีร้านเสื้อผ้าเปิดใหม่ใกล้ๆโรงเรียนของฉันน่ะ เห็นว่าพนักงานของที่นั่นมีเซนส์ด้านแฟชั่นที่ค่อนข้างดีเลย ถ้าเธอลองไปถามความเห็นดูบางทีเขาอาจจะช่วยได้ก็ได้นะ”

ผมบอกเธอเหมือนที่เออิจิบอกผมแทบจะเหมือนเป๊ะ …..พนักงานร้านเสื้อผ้าคนนั้นก็คงเป็คนที่ทันสมัยจริงๆ เพราะงั้นน่าจะไม่มีปัญหา

“บะ แบบนี้นี่เอง……แล้ว มันอยู่แถวสถานีไหนหรอคะ?”

“ก็สถานีถัดไปหลังจากเธอลงน่ะ”

“……”

เพื่อจะตอบสนองกับคำพูดของผม ชิโนโนเมะดูจะใช้ความคิดเล็กน้อย…….

“……คะ คือ ถ้าคุณไม่ว่าอะไร”

“ครับๆ ไม่ว่าอะไรหรอก”

ผมรู้ว่าเธอพยายามจะพูดอะไรเพราะงั้นเลยพยักหน้าให้

“จะไปซื้อเสื้อผ้าสินะ? ฉันก็จะไปซื้อที่นั่นเหมือนกัน”

รู้สึกเหมือนสิ่งที่พยายามแถเจ้าเออิจิไปก่อนหน้านี้จะไร้ความหมายเลยแฮะ อีกไม่นานมันคงต้องรู้แน่ๆ

เอาเถอะ พอถึงตอนนั้นก็ค่อยพยายามแถอีกรอบก็แล้วกัน

“งั้นตอนเย็นมาเจอกันที่สถานีที่ฉันลงก็แล้วกันนะ? หรือจะเอาเป็นพรุ่งนี้ดี?”

“คะ ค่ะ! วันนี้ก็ดีค่ะ! ขอบคุณนะคะ!”

ชิโนโนเมะคงจะกลัวที่ต้องไปคนเดียว ด้วยความสวยระดับนี้ถ้าเธอจะโดนพวกหนุ่มๆเข้ามาจีบก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

…..พอมาคิดๆดูแล้ว

“นี่ ชิโนโนเมะ—“

พอผมพยายามเรียกเธอ รถไฟก็มาถึงหน้าสถานีพอดี

“มีอะไรหรอคะ?”

“เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ไว้เจอกันเย็นนี้นะ”

“เข้าใจแล้วค่ะ ไว้เจอกันหลังเลิกเรียนนะคะ…….”

“อื้ม จะตั้งตารอเลย”

มันไม่ใช่เรื่องฉุกเฉินอะไร เอาไว้ถามเธอหลังเลิกเรียนก็ได้

ผมพยักหน้าแล้วยกมือตอบชินโนโนเมะที่โบกมือไปมาก่อนจะมองส่งเธอด้วยสายตา

 

◆◆◆

 

“…เอาล่ะ อยากรู้จังว่าเธอจะมาตอนไหน”

หลังจากเลิกเรียนผมก็ยืนรออยู่หน้าสถานี ……แล้วก็คิดอะไรบางอย่างไปด้วย

ไม่ต้องคิดให้มากความเลยว่าแถวนี้มีแต่เด็กนักเรียนของโรงเรียนผม ถ้าชิโนโนเมะโผล่มาล่ะก็หลายๆคนคงจะสังเกตเห็นเธอได้ไม่ยาก

แล้วถ้ามีคนเห็นว่าผมอยู่กับชิโนโนเมะล่ะก็…..

เหงื่อผมเริ่มออกโดยไม่ได้ตั้งใจ …..ก็ไม่ใช่ว่าผมตั้งใจจะทำอะไรไม่ดีหรอกนะ

“…..อยู่นี่เอง มิโนริคุง”

–ตอนนั้นเอง ผมก็ถูกเรียกจากทางด้านหลัง เล่นเอาหัวใจแทบตกไปอยู่ตาตุ่ม

“….ชิ ชิโนโนเมะ เธอทำฉันตกใจหมดเลย”

พอผมหันกลับไป……ชิโนโนเมะก็ยืนอยู่ตรงนั้นซะแล้ว

จากนั้น……เธอก็เริ่มหัวเราะออกมาเบาๆ

“ขอโทษนะคะ ฉันแค่สงสัยอะไรนิดหน่อย ….มิโนริคุงเองก็ตกใจเป็นเหมือนกันสินะคะ พึ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกเลยค่ะ”

“กะ ก็แหงสิ เอาจริงนะ นึกว่าหัวใจจะหยุดเต้นแล้ว”

ระหว่างที่พูด…..ผมก็มองไปที่ชิโนโนเมะอีกครั้ง

เทียบกับครั้งที่ที่เจอกัน ผมรู้สึกว่าสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปนิดหน่อย ….ไม่ล่ะ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะจินตนาการไปเองหรอกนะ

“….? มีอะไรรึเปล่าคะ? ทำไมจ้องหน้าฉันแบบนั้นล่ะคะ”

ถ้าอยู่ๆพูดขึ้นมาเธออาจจะไม่ชอบก็ได้ ผมเลยส่ายหัวไปมา

“….เปล่า ไม่มีอะไรหรอก เราเริ่มจะเป็นจุดสนใจแล้ว จะไปกันเลยไหม?”

“อะ อื้อ เข้าใจแล้วค่ะ”

ผมได้ยินเสียงคนรอบๆคุยกัน

[นะ นี่ นั่นองค์หญิงน้ำแข็งรึเปล่า……] [องค์หญิงน้ำแข็ง?] [แล้วคนข้างๆเธอนั่นใครอ่ะ?]

พวกเราเดินออกมาราวกับกำลังหนีจากคนพวกนั้น แล้วก็……เท่าที่ดูมา ผมไม่เห็นใครที่หน้าคุ้นอยู่แถวนั้นเลย เอาเถอะ เรื่องนี้ไว้มาคิดทีหลังก็ได้

“น่าจะเป็นที่นี่แหละ”

“…..จากบรรยากาศของร้านแล้ว ฉันว่าฉันคงไม่ได้มาบ่อยๆแน่เลยค่ะ”

“เห็นด้วยเลย”

ร้านเสื้อผ้าที่นี่มีบรรยากาศที่ทันสมัยมาก …..ราวกับ มันยังเร็วไปสำหรับพวกเด็กม.ปลายที่จะเข้ามาร้านนี้ หรือไม่ก็ อาจจะเพราะผมไม่ค่อยได้ออกมาข้างนอกบ่อยๆก็ได้

ตอนที่ผมกำลังเปิดประตูเข้าไปด้วยความประหม่า เสียงกระดิ่งก็ดังขึ้น

จากนั้นพนักงานสาวที่เคาเตอร์ก็วิ่งมา

เธอไว้ผมหางม้าสีเกาลัดพร้อมทั้งยังดูร่าเริงมีชีวิตชีวา……พออ่านป้ายชื่อของเธอผมถึงนึกขึ้นได้ว่าเธอนีี่แหละคือพี่สาวของเจ้าเออิจิ

“ยินดีต้อนรับ….ค่ะ”

หญิงสาวคนนั้นยิ้ม ก่อนจะ…..นิ่งค้างไปแวบนึง

“นะ น่ารักจังเลย……!”

หลังจากเธอพึมพำกับตัวเอง เจ้าหล่อนก็มองมาที่พวกเราด้วยสายตาเป็นประกาย

“ว๊าวว! พวกเธอน่ารักจังเลย! เป็นคู่รักม.ปลายงั้นหรอ? ดูไร้เดียงสาดีนะเนี่ย!”

“มะ ไม่ใช่ครับ นั่นน่ะ…”

“โอ๊ะ หรือว่าเธอจะเป็นเพื่อนที่เออิจิพูดถึง? เหหห……ได้แฟนน่ารักสุดๆเลยนี่นา”

“คือว่า เรื่องนั้นน่ะครับ”

“จริงด้วย มาดูเสื้อผ้าสินะ? พี่ไม่คิดมาก่อนเลยว่าเราสองคนจะมาพร้อมกัน ไม่ต้องห่วงๆ เดี๋ยวพี่จะเลือกชุดที่เหมาะๆให้เองน้า~”

แย่ล่ะสิ เจ๊แกไม่คิดจะฟังเลยนี่หว่า ผมหันไปหาชิโนโนเมะ เหมือนว่าเราจะเจอปัญหานิดหน่อยล่ะนะ….ซึ่งเธอก็พยักหน้าตอบ

ปล่อยให้เจ๊แกสนุกไปก่อนแล้วกัน

เดี๋ยวผมไว้ค่อยอธิบายทีหลังก็ได้

จากนั้น……เธอก็พาผมกับชิโนโนเมะเข้าไปข้างใน

 

หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ

หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ

Status: Ongoing
‘มิโนริ โซตะ’ คือเด็กมัธยมปลายธรรมดาทั่วไปและวันนี้เขาก็ใช้ชีวิตตามปกติ ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่เขากลับมีความสุขทุกครั้งที่ไปโรงเรียน นั่นเพราะรถไฟที่เขานั่งนั้นมีสาวงามคนหนึ่งโดยสารมาด้วยเช่นกัน เธอมีผมสีขาวบริสุทธิ์และดวงตาสีฟ้า ใบหน้าละม้ายคล้ายชาวตะวันตกแต่กลับดูบอบบางและน่ารัก เธอมีสไตล์ที่โดดเด่นและงดงามมากจนเรียกได้ว่าสามารถเป็นไอดอลหรือนักแสดงได้เลยทีเดียว [องค์หญิงน้ำแข็ง] นั่นคือฉายาที่เธอได้รับจากโรงเรียนม.ปลายข้างๆ ทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟ โซตะก็มองไปที่เธออยู่ตลอด สาวเจ้ามักจะปฎิเสธนักเรียนม.ปลายทุกคนที่พยายามเข้ามาคุยกับเธออยู่เสมอ จนในตอนนี้บนรถไฟขบวนนี้ก็เหลือนักเรียนม.ปลายอยู่เพียงสองคนคือเขากับเธอ เขาไม่มีความปรารถนาที่จะใกล้ชิดเธอเลยแม้แต่น้อย แต่คิดก็ไม่เคย เจ้าตัวเพียงคิดแค่ว่าจะใช้ชีวิตประวันตามปกติต่อไปเท่านั้น แต่แล้ววันหนึ่งก็เกิดเรื่องขึ้น โซตะเห็นว่าเธอกำลังถูกลวนลามอยู่… ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเธอ เพราะงั้นเขาจึงรวบรวมความกล้าและเข้าไปช่วยเธอ วันถัดมาโซตะคิดว่าเขาจะได้กลับไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ แต่เด็กสาวคนนั้นกลับมาปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าเขา “เอ่อ……คุณช่วยฉันไว้เมื่อวันก่อน ฉันเลยอยากขอบคุณน่ะค่ะ” ‘ชิโนโนมิ นากิ’ [องค์หญิงน้ำแข็ง] หรือก็คือเด็กสาวที่ถูกช่วยเอาไว้เมื่อวาน… โซตะค่อนข้างุนงงเพราะตรงหน้าเขาคือเด็กสาวที่ปกติจะเพียงเหลือบมองจากระยะไกลเท่านั้น ยังไงก็ตาม เขาตอบรับคำขอบคุณของเธอแต่ไม่นานเขาก็เว้นระยะห่างออกมาอีกครั้ง แน่นอน เพราะว่าเขาไม่ได้เกลียดการทำกิจวัตรประจำวันตามปกติไงล่ะ ตอนนั้นเองที่… “คือว่า มีเรื่องอยากจะขอร้องหน่อยน่ะค่ะ…” โซตะทนฟังน้ำเสียงเศร้าๆของเธอต่อไม่ไหวจึงตัดสินใจฟังคำขอของเธอ “ในตอนที่ฉันอยู่บนรถไฟ ฉันอยากให้คุณช่วย……อยู่ข้างๆฉันได้ไหมคะ?” ด้วยคำพูดของเธอ โซตะไม่สามารถปฎิเสธคำขอได้และตอบตกลง ในตอนนั้นโซตะไม่รู้เลยว่า เขาจะถูกเธอแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่า…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท