Chapter 4 : เพื่อน…….?
◆◇◆
“โอ้ ชุดนี้ดูดีเลย อันนี้ก็น่ารักเหมือนกัน เราคิดว่าเขาจะชอบตัวไหนมากกว่าหรอ? โอ๊ะ ใช่ๆ เราต้องเป็นคนตัดสินใจนะ”
“อะ อื้ออ!”
ฉันถูกพามาหลังร้านแล้วให้ลองชุดต่างๆ
มิโนริคุงกำลังรออยู่ที่อื่นเพราะพี่พนักงานบอกว่า [เรื่องแบบนี้นายต้องตั้งตารอสิ]
ฉันว่าจะรอจังหวะเหมาะๆแล้วค่อยบอกเธอแต่ยังไม่มีโอกาสเลย สุดท้ายแล้วฉันก็เลยต้องพูดขัดเธอแทน
“ฉะ ฉันไม่ได้กำลังคบกับเขาหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะคะ!”
พอฉันพูดแบบนั้น พี่พนักงานก็มองมาที่ฉันแล้วแสดงสีหน้างุนงง
“เหหห~ ……งั้นหรอ งั้นหรอ”
เธอแสยะยิ้มราวกับราวกับกำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่เลย
“งั้นก็ยังไม่ได้คบกันสินะ แบบนี้นี่เอง งี้นี่เอง เข้าใจแล้วล่ะ”
“มะ ไม่ใช่นะคะ ไม่ได้กำลังจะคบกันค่ะ”
“แหมๆ เรายังอ่อนต่อโลกอยู่งั้นสินะ? เด็กผู้ชายทุกคนก็เหมือนหมาป่าที่หิวโหยนั่นแหละน้าา?”
“ยะ อย่างที่ฉันบอกไป พวกเรา…..เป็นแค่เพื่อนกันค่ะ”
ไม่ใช่ว่าฉันชอบเขาเป็นพิเศษหรืออะไร …แน่นอนว่าเขาแตกต่างจากคนอื่นๆก็จริง
……แต่มันก็แค่นั้นแหละ ฉันได้ไม่มีความรู้สึกพิเศษกับเขาหรืออะไรแบบนั้น เขาก็เหมือนกัน บางทีเขาอาจจะชอบหน้าตาของฉัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะชอบคนคนหนึ่งเพราะเรื่องแค่นั้น
บางทีคนทั่วไปอาจจะเป็นแบบนั้น แต่เขาน่ะไม่ใช่
“……ไม่ใช่แค่ฉัน แต่นั่นเป็นการดูถูกเขาด้วยเหมือนกัน เพราะงั้นขอร้องล่ะค่ะ”
“ตายจริง ต้องขอโทษด้วยนะ… งั้นพี่จะไม่พูดเรื่องนั้นแล้วล่ะ”
ช่างน่าประหลาดใจจริงๆ…..ฉันคิดว่าการพูดแบบนั้นจะเป็นการกระทำที่หยาบคายซะอีก แต่พี่พนักงานกลับก้มหัวของเธอให้ฉัน
“ถะ ถ้าเข้าใจแล้ว….ก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
“ขอบใจนะ งั้นมาเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า เราเนี่ย ดูน่ารักมากเลยนะเนี่ย”
“…ดูน่ารักหรอคะ?”
พอฉันถามกลับ พี่พนักงานก็พยักหน้าตอบอย่างมีความสุข
“ก็อย่างเช่น เอ่อ…….”
“อาา ฉันชื่อชิโนโนเมะค่ะ”
“ขะ ขอบใจนะ พี่ชื่อเอริกะ ……งั้นแค่ยกตัวอย่างนะ ถ้าเพื่อนของชิโนโนเมะจังเขาใส่เสื้อเชิ้ตโทรมๆกับกางกางขายาวมา เราจะรู้สึกยังไงหรอ?”
…..ฉันไม่คิดว่ามิโนริคุงจะใส่เสื้อผ้าแบบนั้นหรอกนะ
ยังไงก็ตาม
“……ก็ไม่นี่คะ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ยังไงมิโนริคุงก็คือมิโนริคุงนี่นา”
มันไม่สำคัญหรอก ไม่ว่าเขาจะแต่งตัวแบบไหนเขาก็ยังเป็นเขาอยู่
“……เอาจริงหรอเนี่ย?”
พี่พนักงา….. คุณเอริกะค่อยๆปรากฎรอยยิ้มขึ้นบนหน้าแต่ก็ยังคงความเข้มงวดเอาไว้
“ค่ะ”
“………..อา งี้เอง งั้นลองคิดกลับกันนะ คิดว่าเขาจะยังจะอยู่ข้างๆชิโนโนเมะจังที่แต่งตัวแบบนั้นได้ไหม?”
ฉันค่อนข้างจะตกใจกับคำพูดพวกนั้นเลย
แบบนั้น……ไม่ดีเลย ถึงจะดีที่คนรอบข้างจะไม่รู้ว่าฉันเป็นใครก็เถอะ แต่มีหวังศักดิ์ศรีของฉันได้ป่นปี้แน่
“……ศักดิ์ศรีของเขาก็คงเหมือนกัน”
“อืมม คิดหนักเลยล่ะสิ? พี่ว่าพวกคนรอบๆคงจะสังเกตุเราง่ายขึ้นแน่ๆ ในทางที่ไม่ดีล่ะนะ ……แต่ถ้าเราแต่งตัวสวยๆน่ารักๆ คนรอบข้างก็จะมองเราในแง่ดีขึ้นนะรู้ไหม? แล้วก็ คนรอบข้างก็จะพูดถึง ‘เขา’ ในแง่ดีขึ้นด้วย
“……แบบนี้นี่เอง”
มันคงจะไม่ดีถ้าชื่อเสียงของเขาลดลง แต่ถึงฉันจะเพิ่มมันแค่ไหน
ปัญหาก็คือ
“…… แบบนั้นจะไม่ทำให้คนรอบๆคิดว่าฉันเป็นแฟนเขาหรอคะ?”
“สายไปแล้วจ๊ะ ถ้าเกิดผู้ชายกับผู้หญิงเดินด้วยกันเดี่ยวๆล่ะก็ คนส่วนใหญ่ก็จะมองว่าเป็นแฟนกันมากกว่าเป็นเพื่อนนะ”
“เป็นแบบนั้น…..หรอคะ?”
พอได้ยินแบบนั้น ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าหน้ามันร้อนขึ้น
……มีคนมองมาที่พวกเรามากมายเลย
มันอาจจะสร้างปัญหาให้เขาก็ได้
“……เป็นอะไรรึเปล่า? มีอะไรผิดปกติหรอ?”
“…… เปล่า ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ช่วนแนะนำเสื้อผ้าให้ฉันทีได้ไหมคะ?”
ไว้ฉันจะไปขอโทษเขาทีหลัง
ฉันคิดแบบนั้นระหว่างรอพี่พนักงานไปเอาเสื้อมาให้
◆◇◆
“พวกเรายังเป็นวัยรุ่นกันอยู่ เพราะงั้นวันนี้พี่จะลดให้เป็นพิเศษก็แล้วกันนะ”
ราคาที่เธอบอกผมมา…..มันต่ำจนน่าใจหายเลย
“นะ นี่มัน……ว่าแล้วเชียว ส่วนลดมันมากไปนะครับ”
“ไม่เป็นไรๆ เจ้าน้องชายของพี่ก็ติดค้างเธออยู่เหมือนกันนี่นา แล้วยอดขายของร้านเราก็ไม่ได้แย่ด้วย คิดซะว่าเป็นของขวัญก็แล้วกันนะ”
ผมค่อนข้างหนักใจก่อนจะตัดสินใจซื้อเสื้อและกางเกงที่ราคาจับต้องได้มาหลายคู่เพราะช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
“ขอบคุณนะครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเสื้อผ้าเท่าไหร่ด้วย”
“ฉะ ฉันด้วยค่ะ….ขอบคุณนะคะ”
“จ้าา ขอบคุณที่แวะมาอุดหนุน ไว้กลับมาใหม่ได้ตลอดเลยนะ!”
พวกเราขอบคุณเธออีกครั้งก่อนจะเดินออกมา
“ชะ ใช่แล้ว มิโนริคุง ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ?”
“……? อะไรหรอ?”
พอเราเริ่มเดินออกมาชิโนโนเมะก็เอ่ยปากถาม เธอกำหมัดแน่นก่อนจะ….มองมาที่ผม
“…..ฉันได้ยินมาจากพี่พนักงานน่ะค่ะ ถ้าผู้ชายกับผู้หญิงเดินด้วยกันสองคน ผู้คนรอบๆจะมองว่าเป็นคู่รักกันมากกว่าเพื่อนหรอคะ?”
“อะ โอ้….. ก็นะ ก็มีคนที่คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
ถึงจะสับสนกับสิ่งที่เธอพูดมา แต่ผมก็ตอบกลับไป
…..จริงอยู่ว่าถึงเป็นผมก็คงคิดเหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับระยะห่างของพวกเขาด้วยล่ะนะ
ก็อย่างเช่น พวกท็อปคลาส…..ผมว่าเรียกแบบนี้น่าจะดีกว่า ถ้าเกิดพวกเขาดูเข้ากันได้กับทุกคนล่ะก็ คุณอาจจะคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันก็ได้่ แต่ว่านะ พวกเขาก็สามารถดูเหมือนคู่รักได้ถ้าทั้งสองคนเดินควงแขนกัน
“งั้น ก่อนหน้านี้……เอ่อ เพราะว่าก่อนหน้านี้มีคนเห็นเราเดินด้วยกันเต็มไปหมดเลย ฉันเลยคิดว่านั่นอาจจะสร้างปัญหาให้คุณโดยไม่จำเป็นน่ะค่ะ …..ขอโทษนะคะ”
จากนั้นชิโนโนเมะก็ก้มหัวให้ผม
ผมไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ แต่ผมก็รีบส่ายหัวปฎิเสธอย่างรวดเร็ว
“มะ ไม่ๆ เธอไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอกชิโนโนะเมะ แล้วก็ ฉันไม่เห็นคนคุ้นหน้าเลยสักคน เพราะงั้นเงยหน้าขึ้นเถอะนะ”
“….ขอบคุณนะคะ!”
ผมโล่งใจเมื่อชิโนโนเมะเงยหน้าขึ้น เธอวางมือลงบนถุงกระดาษที่พึ่งซื้อมาและเริ่มหาอะไรบางอย่าง
“ขะ ขากลับฉันจะระวังนะคะ”
คำพูดนั้น…..เล่นเอาผมตกใจนิดหน่อย
เราจะกลับด้วยกันหรอ?
แต่ผมก็รีบคิดอีกรอบทันที การกลับบ้านกับเพื่อนก็เป็นเรื่องปกตินี่นะ
ชิโนโนะโมะหยิบหมวกออกมา……หมวกฟาง อาจเป็นเพราะวันนี้แดดค่อนข้างแรงแม้จะอยู่ในช่วงต้นของฤดูใบไม้ร่วงก็ตาม
“ถะ ถ้าเธอใส่นั่นล่ะก็”
ผมว่าผมพอจะเข้าใจคำพูดของเธอก่อนหน้านี้แล้ว
“ฉะ ฉันลืมเรื่องป้ายราคาไปเลยค่ะ”
เธอหน้าแดงด้วยความเขินอายแล้วรีบซ่อนใบหน้าของของเจ้าตัวไว้ใต้หมวกฟาง
“ฉะ ฉันกลับไปที่ร้านก่อนนะคะ” “อ่า รอเดี๋ยว ชิโนโนเมะ”
ผมหยุดชิโนโนเมะที่จะกลับไปที่ร้านเสื้อผ้าก่อนจะเริ่มพูดต่อ
“ฉันมีกรรไกรเผื่อไว้อยู่ ถ้าไม่รังเกียจ ขอยืมหมวกแปปนึงได้ไหม?”
ชิโนโนเมะหยุดเคลื่อนไหว…..ก่อนที่เธอจะค่อยๆยื่นหมวกฟางมาให้ผม
ผมรับหมวกมาก่อนจะหยิบกรรไกรออกจากกระเป๋าแล้วตัดป้ายราคาออก
“…ตะ เตรียมพร้อมจังเลยนะคะ ดีจัง”
“ฉันเตรียมกรรไกรเผื่อไว้ตลอดนั่นแหละ …..พอดีเคยลืมเอาป้ายราคาออกอยู่รอบนึง หลังจากนั้นเลยพกกรรไกรติดตัวไว้ตลอดเพราะมันสะดวกน่ะ”
หลังจากผมตัดป้ายราคาออก ผมก็ยื่นหมวกฟางคืนให้ชิโนโนเมะ ผิวของเธอมีสีชมพูเล็กน้อย
“ไว้ฉันจะทิ้งป้ายราคาไว้แถวสถานีแล้วกันนะ เอ้านี่”
“อื้อ ขอบคุณมากค่ะ……”
ผมเก็บป้ายราคาไว้ในกระเป๋ากางเกง….. ชิโนโนเมะจ้องไปที่หมวกฟางก่อนจะยกขึ้นมาสวมมัน
“…ปะ เป็นยังไงบ้างคะ?”
“….เหมาะมากจนน่าตกใจเลย”
หน้าตาของชิโนโนเมะออกไปทางตะวันตก ผิวของเธอขาวราวกับหิมะและไม่มีรอยไหม้เลยแม้แต่น้อย
แต่พอใส่หมวกฟางแล้วกลับช่วยให้เธอน่าดึงดูดขึ้นไปอีก
“เธอน่ารักมากเลยล่ะ”
คำพูดพวกนั้นหลุดออกมาจากปากของผมโดยไม่ได้ตั้งใจ ชิโนโนเมะได้ยินคำพูดของผม…..ก่อนที่เธอจะถอดหมวกฟางออก
ผมพึ่งจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
“ขะ ขอโทษที….ฉันเผลอพูดออกโดยไม่ได้รู้ตัวน่ะ”
ถึงเธอจะเคยบอกว่าไม่ถูกกับผู้ชายอยู่แล้วก็เถอะ แต่ผมจะทำยังไงดีล่ะถ้าเกิดไปสะกิดให้มันแย่ลงอีก
“……ไม่หรอกค่ะ ไม่เป็นไร ไปกันเถอะค่ะมิโนริคุง”
จากนั้น…..ชิโนโนเมะก็เริ่มเดินโดยไม่หันหลังมาให้ผมเห็นหน้า
ผมเลยได้แต่เดินตามหลังเธอไป
◆◇◆
…..ไม่มีทาง ฉันไม่คิดเลยว่าจะมาไกลถึงขั้นนี้
ไม่สิ ช่วงนี้ฉันก็เริ่มจะรู้ตัวขึ้นมาหน่อยแล้ว
ฉันรู้สึกสนุกเวลาคุยกับเขา ฉันเคยมีความสุขแค่กับงานอดิเรกอย่างการเต้นรำ……แต่การได้คุยกับมิโนริคุงมันเป็นความสนุกคนละแบบกัน
ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าแม่ต้องการจะสื่ออะไรตอนบอกว่า [ถ้ามีเพื่อนล่ะก็ ชีวิตลูกจะสนุกขึ้นกว่านี้อีกนะ]
…..แต่ ฉันไม่เคยรู้เลยว่า
การถูกเพื่อนชม…..มันจะมีความสุขขนาดนี้
อยู่ๆหน้าของฉันก็รู้สึกร้อนขึ้นมา ฉันก็เลยซ่อนใบหน้าไว้ใต้หมวกฟาง
โชคดี ที่เขาไม่ทันเห็นหน้าฉัน แต่ถึงจะโชคดี…
ฉันก็ทำให้เขาต้องขอโทษ ฉันคงต้องเข้มงวดกับตัวเองให้มากกว่านี้
ระหว่างที่ฉันปรับลมหายใจเพื่อไม่ให้เขาสังเกต ฉันก็เดินนำหน้าเขาไปด้วย