Chapter 7 : เหมือนกัน
……ผมโคตรประหม่าเลย
ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืดของวันโดยไม่ได้ตั้งใจ ตีห้าหรอ? ขนาดตอนไปโรงเรียนผมยังตื่นตอนหกโมงเลยนะ
เอาเถอะ ไหนๆก็ตื่นแล้ว ผมว่าผมควรจัดเรียงหัวข้อที่จะไปติวกับชิโนโนเมะวันนี้ดีกว่า
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยัง
“มาเร็วไปสินะเนี่ย”
ตอนนี้เป็นเวลา7โมงครึ่ง ผมมาถึงและกำลังรอรถไฟเพื่อขึ้นไปสถานีที่นัดกับชิโนโนเมะไว้
ช่างเป็นวันฤดูใบไม้ร่วงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ อุณหภูมิไม่สูงเท่ากลางฤดูร้อนแต่ก็ยังอุ่นพอที่จะใส่แขนสั้นได้ ในทางกลับกัน พรุ่งนี้ลมจะเปลี่ยนเป็นทิศเหนือและอุณหภูมิก็จะลดลง
ผมมาเช้าแบบนี้ได้ยังไงล่ะเนี่ย? ทั้งๆที่ก็ใช้เวลากับการเตรียมตัวไปแล้วแท้ๆแต่กลับยังเหลือเวลาอีกเยอะเลย เอาเถอะ อย่างน้อยก็ดีกว่ามาสายล่ะนะ……
แค่ไปรอแล้วก็อ่านหนังสือฆ่าเวลาก็พอ
เพราะว่ารถไฟมาเทียบท่าแล้วผมเลยขึ้นไปและใช้เวลาเพียงน้อยนิดไปกับมัน
ภาพของสถานีต่อไปก็ค่อยๆปรากฎขึ้นมา และเพราะวันนีี้มีคนน้อยกว่าปกติผมจึงสามารถขยับไปที่ประตูได้
และแล้วประตูก็เปิด ทันใดนั้น ผมก็สบตากับเด็กสาวคนหนึ่ง
“…….”
ก่อนที่ผมพยายามจะหาเหตุผลว่าทำไม ผมก็พูดไม่ออก
มันมากเกินไป เธอจะสวยเกินไปแล้ว
ปกติแล้วเธอจะดูเหมือนดาราที่อยู่ในทีวี……ผมมักจะคิดตลอดว่าเธอนั้นอยู่ห่างเกินไปกว่าจะเอื้อมถึง
แต่นี่มันต่างออกไป
เธอใส่หมวกฟางพร้อมกับเดรสสีฟ้าคราม การแต่งตัวของเธอ….มันเรียบง่ายมาก
แต่บรรยากาศรอบตัวเธอราวกับกำลังอยู่ในเทพนิยาย ภาพของเธอตอนนี้ราวกับถูกประแต่งด้วยความจริงที่ว่า เธอสวยมาก–
“มะ มิโนริคุง!”
มือสีขาวบริสุทธิ์ของเธอคว้ามือผมเอาไว้ จากนั้นผมก็ถูกดึงออกไปทันที และนั่นคือตอนที่สติของผมเริ่มกลับมา
“ปะ เป็นอะไรไปคะ? ประตูจะปิดแล้วนะคะรู้ไหม?”
และก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่ผมหยุดหายใจ
เรากำลังจับมือกัน ระยะทางของเราใกล้กันอย่างน่าประหลาดใจ ใบหน้าอันงดงามของเธอ ไหล่ที่เปิดกว้างของเธอ กลิ่นหอมหวานของเธอกำลังพุ่งเข้าสู่สมองของผม
ไม่สิ นี่มันปกติแหละ ระยะห่างตามปกติของพวกเราน่ะ
“ฉัน…ผมเอง”
ผมพยายามเค้นเสียงของตัวเองแล้วขอโทษ
“เพราะว่า….เธอสวยมากๆ ชิโนโนเมะ ฉันก็เลยตะลึงน่ะ”
“เอ๊ะ? ปะ เป็นงั้นหรอคะ? ฉันดีใจ….ที่ได้ยินแบบนั้นนะคะ”
ชิโนโนเมะกระแอมเล็กน้อยพร้อมกับแก้มของเธอที่แดงขึ้น
“คือ มิโนริคุง ฉันมีคำถามค่ะ?”
“….คำถามหรอ?”
“ค่ะ พี่พนักงานเค้าบอกให้ฉันลองทำดูน่ะค่ะ”
ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ลองฟังคำถามดูแล้วกัน
“วันนี้ฉัน มีบางอย่างต่างไปจากปกติค่ะ สิ่งนั้นคืออะไรเอ่ย?”
เธอรีบถอยห่างจากผมแล้วหมุนตัวไปรอบๆ กระโปรงและผมยาวสลวยของเธอพลิ้วไหวเบาๆ และผมก็อดไม่ได้ที่จะสนใจมัน
“…..ความแตกต่างหรอ อืมม”
“ค่ะ รู้รึเปล่าคะ? ……ฉันว่ามันน่าจะยากไปหน่อย”
ผมมองไปที่ชิโนโนเมะอีกครั้ง
….อย่างที่คิดเลย เธอดูแตกต่างจากกติจริงด้วย
โอ๊ะ รู้แล้ว
“เธอแต่งหน้าหรอ?”
“……! ถูกต้องค่ะ รู้ได้ยังไงคะเนี่ย?”
“ก็ปกติแล้ว……ก่อนหน้านี้ฉันแอบมองเธออยู่บ่อยๆน่ะ”
“งะ งั้นหรอคะ …..แต่ มันดูเป็นยังไงบ้างคะ? ฉันค่อนข้างมั่นใจพอตัวเลย”
……จริงสิ พอมาคิดๆดูแล้ว งานอดิเรกของเธอคือการเต้นรำแบบญี่ปุ่นนี่นะ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่เธอจะแต่งหน้าออกมาดูดีขนาดนี้
“ฉันว่า…..ออกมาดีเลยล่ะ แล้วก็เข้ากับชุดที่เธอใส่ด้วย”
“ฟุฟุ ขอบคุณค่ะ ค่อยคุ้มกับที่ลงทุนแต่งหน่อย……แล้วก็ ยังมีอีกอย่างนะคะ ดูออกรึเปล่าคะ?”
คำพูดเหล่านั้นทำเอาผมสับสนเล็กน้อย
บางทีถ้าตอบผิดล่ะก็ มันจะกลายเป็นการล่วงละเมิดทางเพศไปเลย
“……เอ่อ ถ้าตอบผิดก็ขอโทษด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ พูดออกมาได้เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น… ผมจึงอ้าปากแล้วพูดด้วยความเด็ดเดี่ยว
“น้ำหอม ที่เธอใช้หรอ?”
“…..ถูกต้องค่ะ ทำไมถึงรู้ล่ะคะ?”
ชิโนโนเมะเบิกตากว้างกับคำพูดของผม
“ถึงฉันจะเป็นคนพูดก็เถอะ แต่ระยะห่างของเราบนรถไฟมันแทบจะไม่มีเลยนี่นา”
“แบบนี้นี่เอง …..แล้วคิดว่าไงคะ? กลิ่นมันแย่รึเปล่า?”
“ไม่ล่ะ ฉันชอบนะ”
“ได้ยินคุณพูดแบบนั้น ฉันก็ดีใจค่ะ”
พอผมพูดจบ ชิโนโนเมะก็หัวเราะคิกคัก
……ยังไงก็เถอะ
“…..ขอโทษที่ฉันดูเป็นแบบนี้นะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเลยนอกจากไปตัดผมมา”
“คุณดูดีพอแล้วล่ะค่ะ”
“ขะ ขอบใจ……. แต่ ถ้าฉันใส่น้ำหอมมาด้วยจะดีกว่ารึเปล่านะ”
ผมไม่ได้คิดมากกับมันหรอก จากนั้น…ชิโนโนเมะก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆผม
“ฉันไม่ได้เกลียดกลิ่นของมิโนริคุงนะคะ …..มันทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัย ฉันว่าแบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะคะรู้มั้ย?”
เธอขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆหน้าอกผมก่อนจะเริ่มดมมัน
“ขะ เข้าใจแล้วน่า เข้าใจแล้ว เธอจะเข้ามาใกล้แไปแล้ว”
“อ๊ะ ขะ ขอโทษค่ะ …ฉันตื่นเต้นอยู่หน่อยๆ เพราะว่านี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรก”
และในที่สุด ชิโนโนเมะก็ขยับออกจากตัวผม ผมพยายามทำให้ใจที่เต้นตุบๆนี้เย็นลงก่อนจะถอนหายใจออกมา
“ไม่หรอก ไม่ต้องห่วง ที่สำคัญกว่านั้นนะ ทำไมเช้าขนาดนี้เธอถึงอยู่ที่นี่ล่ะ?”
“นั่นเป็นคำพูดของฉันต่างหากค่ะ ฉันแค่แต่งตัวเสร็จเร็วเลยมาอยู่ตรงนี้แค่นั้นเอง”
“……งี้นี่เอง ฉันก็เหมือนกัน ว่าจะมาเร็วหน่อยแล้วอ่านหนังสือรอน่ะ”
“อา ฉันด้วยค่ะ”
เห็นได้ชัดเลยว่าเราทั้งคู่คิดแบบเดียวกัน แก้มของผมเผลอคลายออกโดยไม่ได้ตั้งใจ
“ฟุฟุ เราสองคนก็เหมือนกันเลยไม่ใช่หรอคะ?”
“ก็คงงั้นแหละ …แล้วจะทำอะไรดีล่ะ? เรายังพอเหลือเวลาอยู่ จะติวที่นี่ไปก่อนไหม?”
“ค่ะ เอาแบบนั้นก็แล้วกันค่ะ โชคดีจังที่เช้าวันหยุดคนไม่ค่อยแน่นมาก”
เพราะงั้น……พวกเราเลยใช้เวลานี่อีกสักพัก
◆◆◆
…..จากนั้น ความคิดที่ไม่น่าจะใช่ความคิดที่ดีก็ตีกันอยู่ในสมองผม
“โจทย์ตรงนี้ก็คือ…..มิโนริ คุง? ฟังอยู่รึเปล่าคะ?”
“ทะ โทษที ฉะ ฉันยังไม่ค่อยเข้าใจ ช่วยอธิบายอีกครั้งได้ไหม?”
“เข้าใจแล้วค่ะ ครั้งหน้าฉันจะอธิบายให้กระชับกว่านี้นะคะ”
ตอนนี้เราอยู่บนรถไฟเพื่อไปยังจุดหมายปลายทางแล้ว แน่นอนว่าในช่วงเวลานี้ผมกำลังถูกเธอสอนหนังสืออยู่
ระยะห่างระหว่างเรามันใกล้กันมาก ปกติแล้วบนรถไฟจะมีคนเยอะมากเพราะงั้นผมเลยไม่ได้สังเกต…ไม่สิ ผมแค่ไม่ได้สนใจต่างหาก
วันนี้แทบไม่มีคนอยู่บนรถไฟเลย เราอยู่ใกล้กันมากจนไหล่ของเราสัมผัสกัน และมือของเราก็มักจะสัมผัสโดนกันขณะถือหนังสือเรียนอยู่
ไม่ดีแล้ว ผมจดจ่อกับมันมากเกินไป ต้องไปคุยกับเจ้าเออิจิทีหลังแล้ว
“ก็แบบนี้ล่ะคะ นี่น่ะ—อ๊ะ สถานีต่อไปคือจุดหมายของเรานี่คะ เตรียมตัวกันเลยไหมคะ?”
“อะ อื้อ เข้าใจล่ะ”
ผมวางหนังสือลงก่อนที่เราสองคนจะมุ่งหน้าไปที่ประตู
จากนั้น พวกเราก็เดินออกมาจากสถานีแล้วดูรถบัสที่จะไปยังจุดหมาย
◆◆◆
“ปะ-เป็นแถวที่น่าตกใจอะไรแบบนี้เนี่ย นี่ยังเช้าอยู่เลยนะ ใช่ไหม?”
“ใช่แล้วค่ะ…….ฉันได้ยินมาว่ามันดังก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นที่นิยมขนาดนี้เลยนะคะ”
ถึงจะยังเช้าอยู่ แต่ก็มีผู้คนมากมายที่ดูเหมือนนักเรียนม.ปลายกำลังรอคิวอยู่เพียบเลย
“ฉะ ฉันจองไว้แล้ว คงไม่เป็นอะไรใช่ไหมนะ ใช่ไหมคะ? ……ถึงจะแค่ห้านาทีก็เถอะ แต่ถามคุณพนักงานตรงนั้นดีกว่าค่ะ”
“คงงั้นแหละ”
คงจะเป็นเพราะต้องออกมาจัดแถวที่รอคิว แต่เหมือนจะมีเด็กสาวที่ดูเหมือนนักเรียนม.ปลายกำลังทำพาร์ทไทม์อยู่หน้าทางเข้า
“ขอโทษนะคะ ฉันชิโนโนเมะ ที่จองเอาไว้ตอน9โมงน่ะค่ะ”
พอชิโนโนเมะถามออกไปแบบนั้น เด็กสาวคนนั้นก็สะดุ้งเฮือกขึ้นมา
เธอมองมาที่ผมแล้วยิ้มให้ ก่อนจะมองไปอีกทางแล้วยิ้มเช่นกัน
“กำลังรออยู่เลยค่ะ ท่านชิโนโนเมะ ที่นั่งของคุณเตรียมพร้อมแล้วค่ะ”
มันเป็นวิธีพูดที่สุภาพมาก ผมเดาว่าผู้จัดการคงจะสอนเธอมาแบบนั้นรึเปล่านะ
เธอค่อนข้างสวย ถึงขนาดที่ว่าอยู่ระดับเดียวกับพวกดาราหรืออะไรแบบนั้นได้เลย
……แต่ ส่วนตัวผมชอบแบบชิโนโนเมะมากกว่าล่ะนะ
เราเข้ามาในร้าน จากนั้นพนักงานสาวคนนั้นก็สบตากับพนักงานเสิร์ฟชายอีกคน
บางทีเขาคงจะเข้าใจสิ่งที่เธอสื่อ เพราะงั้นเขาเลยเดินออกจากร้านมาเพื่อจัดการกับผู้คนที่ต่อแถวแทน เขาดูเป็นผู้ชายที่ดูมาดแมนดีด้วย บางทีคงเป็นแฟนเธอคนนั้นรึเปล่านะ ไม่สิ การไปยุ่งเรื่องของคนอื่นคงไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไหร่
พวกเราถูกพาไปที่โต๊ะด้านหลัง ……มันค่อนข้างกว้างและมีพื้นที่พอสำหรับการทำงาน
“นี่คือโต๊ะที่คุณจองไว้ค่ะ ถ้าเลือกเมนูได้แล้วต้องการจะสั่งอาหารก็รบกวนกดกระดิ่งนะคะ”
“ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่หรอกค่ะ ….เช่นนั้นแล้ว ขอตัวนะคะ”
พนักงานเสิร์ฟคนนั้นก้มหัวลงให้อย่างสถภาพก่อนจะจากไป
ชิโนโนเมะนั่งลง จากนั้นผมก็นั่งตรงข้ามเธอ
“…..บางที บางทีแล้วหนึ่งในพนักงานอาจจะรู้จักกับพ่อของฉันก็ได้ เธอดูเป็นกังวลมากเลยล่ะค่ะ”
“……พ่อแม่ของเธอคงจะเป็นคนที่น่าทึ่งมากเลยสินะ”
“ก็ ใช่ค่ะ …..อย่าไปพูดถึงเรื่องนั้นเลยค่ะ คุณอยากจะสั่งอะไร……หรอคะ?”
ระหว่างที่กำลงัดูเมนู ชิโนโนเมะก็แข็งค้างไป
“ปะ เป็นอะไรไปน่ะ?”
ผมเกิดกังวลขึ้นมาเลยพยายามเรียกเธอ
“……ดู”
“ดูหรอ?”
“ดูนี่สิคะ! อันนี้ดูน่าอร่อยมากเลยค่ะ! ……อา มันคงจะดูยากไปหน่อย! ฉันไปนั่งฝั่งนั้นนะคะ!”
พอพูดจบชิโนโนเมะก็ลุกขึ้นแล้วเดินมานั่งฝั่งเดียวกับผม
ผมตั้งใจจะนั่งฝั่งตรงข้ามของเธอ แต่เธอไม่สนใจเรื่องนั้นแม้แต่น้อย เจ้าตัววางเมนูไว้ให้ผมเห็นได้ง่าย
“อันนี้ด้วย! ทุกอย่างดูน่าอร่อยสุดๆเลยค่ะ!”
“……ใช่ ะ พวกมันดูน่าอร่อยจริงๆนั่นแหละ อะ เอ่อ เรื่องระยะห่างน่ะ”
“จริงๆแล้ว ฉันไม่เคยมาสถานที่แบบนี้มาก่อนเลยค่ะ! มีหลายอย่างมากเลยที่ฉันอยากลองกินดู!”
ด้วยคำพูดเหล่านั้น สีหน้าของผมก็…. รู้สึกได้เลยว่าแก้มผมกำลังคลายออก
ไอชื่อเล่นที่ว่า [องค์หญิงน้ำแข็ง] เนี่ย ไม่เหมาะกับเธอเลยสักนิด ก็เล่นยิ้มหัวเราะซะเหมือนเด็กๆแบบนี้