หลี่โม่เห็นว่ากู้หยุนหลันลำบากใจ จึงได้ตอบรับอย่างง่ายดาย “ได้สิ ของขวัญที่นายมอบให้นี้พิเศษ พวกเรารับไว้แล้ว”
“หลี่โม่…..”
กู้หยุนหลันมองหลี่โม่ด้วยสายตาโกรธเคือง ในใจคิดว่าทำไมวันนี้หลี่โม่ถึงไม่ปกติขนาดนี้?
ตอนที่ควรจะพูดจาดีๆไม่พูด ตอนที่ไม่ควรพูดจาดีๆก็พูดดีขึ้นมา น่าโมโหจริงๆเลย
“ฮ่าๆๆ ดี งั้นฉันจะเตรียมเดี๋ยวนี้ พรุ่งนี้ก็ส่งผักและสัตว์ต่างๆไปที่บ้านเธอ เชฟในงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของพวกเธอ ฉันก็จัดการเอง ถ้าหากว่าเชฟทั่วไปทำผักและเนื้อสัตว์พวกนี้ของบ้านฉัน นั่นก็คงเป็นการทำลายของดีจริงๆ ต้องให้คนของฉันมาทำถึงจะได้”
หลังจากที่กงซุนจุนพูดจบ ก็หยิบเอาพัดขึ้นมาสะบัด เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยทำเป็นคุณชายตระกูลสูงส่ง
กู้หยุนหลันเห็นว่าไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว จึงทำได้เพียงขอบคุณกงซุนจุนอย่างหมดหนทาง จากนั้นก็ลากหลี่โม่ออกมาจากโรงเตี๊ยมอย่างรีบร้อน
มองดูแผ่นหลังของทั้งสองคนที่จากไป กงซุนจุนเก็บพัดในมือ สายตาฉายแววความน่ากลัวออกมา
“หึ! กล้าทำตัวไม่เคารพฉัน ฉันจะทำให้แกตายทั้งเป็น!”
ในขณะที่กงซุนจุนพึมพำเสียงเบา เถ้าแก่ขอโรงเตี๊ยมวิ่งยองๆเข้ามาตรงหน้าของกงซุยจุน โค้งตัวพูดด้วยความเคารพว่า “นายน้อยครับ”
“ไอ้หลี่ นายไปสืบเบื้องหลังของหลี่โม่มา ดูสิว่าใครจะจัดการกับเขา” กงซนจุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ไอ้หลี่ยิ้มซื่อๆ พูดเสียงเบาว่า “นี่ไม่จำเป็นต้องสืบเลยครับ ช่วงนี้ดังในกลุ่มคนเป็นอย่างมากจนใครๆก็รู้ครับ เสือผีประกาศว่าจะตัดหัวของหลี่โม่ ระดมพลมาไม่น้อย และยังมีคนของวัดจาหลุนก็มาครับ เห็นว่ามาเพราะอยากจะฆ่าหลี่โม่เหมือนกัน ไอ้หนุ่มนั่นหาเรื่องมาไม่น้อย แต่ว่า….”
“แต่ว่าอะไร?”
กงซุนจุนถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แต่ว่านี่ก็แสดงให้เห็นว่าเขาเก่งมากพอ ถ้าหากเปลี่ยนเป็นคนทั่วไป ไม่มีทางทำให้เสือผีทำให้เรื่องใหญ่ได้มากขนาดนี้แน่ครับ”
กงซุนจุนเหล่ตาลง คิดวิเคราะห์คำพูดของไอ้หลี่อย่างละเอียด ในที่สุดก็ตีความได้สักนิด
ถ้าหากว่าหลี่โม่เป็นคนธรรมดา คงโดนเสือผีตบฝ่ามือเดียวตายไปตั้งนานแล้ว ไม่มีทางทำให้เสือผีระดมพลคนมากอย่างนี้
สามารถทำให้เสือผีทำเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ได้ นั่นก็พิสูจน์ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของหลี่โม่แล้ว
ถึงแม้ว่าความอิจฉาของกงซุนจุนจะมีความหัวร้อนมาก แต่ว่าตอนนี้ได้สงบลงแล้ว
“นายยังรู้อะไรอีก? หลี่โม่นั่นยังทำเรื่องอะไรอีก?”
“เล่าต่อกันมาว่าระหว่างหลี่โม่และราชาที่แปดของสำนักหลงเหมิน เคยเกิดการต่อสู้ครั้งหนึ่ง สุดท้ายราชาที่แปดของสำนักหลงเหมินพ่ายแพ้กลับไป จากนั้นราชาที่แปดของสำนักหลงเหมินก็หมดอำนาจในสำนักหลงเหมิน รายละเอียดผมเองก็บอกไม่ถูก แต่ว่ามีคนวิเคราะห์ว่าการต่อสู้ระหว่างหลี่โม่และราชาที่แปดของสำนักหลงเหมิน แสดงให้เห็นถึงการขัดต่อผลประโยชน์ภายในสำนักหลงเหมินครับ”
“สำนักหลงเหมิน?”
กงซุนจุนพึมพำเบาๆ สีหน้าเปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นมา
ก่อนหน้านี้กงซุนจุนเคยคิดที่จะใช้อำนาจของสำนักหลงเหมิน แต่เพราะเหตุผลต่างๆ จึงไม่เคยได้มีสัมพันธ์อะไรกับคนสำคัญในสำนักหลงเหมิน
ตระกูลและผู้แข็งแกร่งที่อยากจะปีนป่ายสำนักหลงเหมินมีมากเกินไป ตระกูลกงซุนไม่ถูกคนสำคัญของสำนักหลงเหมินมองด้วยซ้ำ
ในตอนนี้ที่ได้ยินคำพูดของไอ้หลี่ ในใจกงซุนจุนก็มีความคิดที่ใจกล้าขึ้นมาทันที
หรืออาจจะสามารถติดต่อราชาที่แปดของสำนักหลงเหมิน ในเมื่อระหว่างเขาและหลี่โม่เคยเกิดความขัดแย้งกัน แล้วยังเสียอำนาจเพราะเหตุนี้ งั้นก็สามารถใช้ราชาที่แปดของสำนักหลงเหมินได้
ว่ากันว่าให้ความช่วยเหลือกับคนที่ต้องการนั้นยาก ในตอนนี้ให้ความช่วยเหลือกับราชาที่แปดของสำนักหลงเหมิน อนาคตถ้าหากราชาที่แปดของสำนักหลงเหมินได้อำนาจมา งั้นก็สามารถได้กำไรอย่างดีเลย!
ถึงแม้ว่าราชาที่แปดของสำนักหลงเหมินจะไม่สามารถลุกขึ้นได้ ก็ไม่เสียหายพอไร ยังไงซะก็จะต้องจัดการหลี่โม่อยู่แล้ว!
ไม่นานในใจกงซุนจุนก็มีการตัดสินใจ พูดกับไอ้หลี่ว่า “ช่วยฉันให้บัตรเชิญกับราชาที่แปดของสำนักหลงเหมิน ฉันจะเชิญราชาที่แปดของสำนักหลงเหมินกินข้าว”
“คุณจะเชิญราชาที่แปดของสำนักหลงเหมิน?” ไอ้หลี่มองกงซุนจุนอย่างประหลาดใจเล็กน้อย
“ทำไม? นายมีปัญหา?”
“มิกล้าครับ ผมจะไปติดต่อเดี๋ยวนี้ครับ”
ไอ้หลี่กล้าเถียงกงซุนจุนที่ไหนกัน จึงรีบไปค้นหาช่องทางติดต่อ
………..
หลี่โม่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับ นั่งฟังคำบ่นของกู้หยุนหลันเงียบๆ
“นายดูนายสิ ทำไมถึงได้ตอบรับของขวัญจากเขา ดูไม่ออกหรอว่าเขาคิดจะทำอะไร?”
“ดูออกสิ เพราะว่าดูออก ดังนั้นฉันจึงรับของขวัญจากเขา”
หลี่โม่พูดอย่างมีความมั่นใจ
“นาย….คิดยังไงกันแน่?”
กู้หยุนหลันคิ้วขมวดแน่น มองดูหลี่โม่แล้วรู้สึกกังวลใจ เหมือนกับว่าเรื่องราวมันเลยเถิดไปเกินกว่าที่คาดคิดไว้
“จะคิดยังไงได้อีก ไม่กลัวโจรขโมย แต่กลัวโจรเอาแต่นึกคิดถึงนะสิ ในเมื่อกงซุนจุนมีความรู้สึกต่อภรรยาฉัน งั้นฉันก็ตัดกรงเล็บหมาป่าของเขาซะ ดังนั้นที่ให้เขามอบของขวัญให้ เพื่อเป็นการให้เขาปรากฏธาตุแท้ ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีเหตุผลอะไรก็สั่งสอนเขาไม่สะดวกนะสิ”
กู้หยุนหลันกลอกตาใส่หลี่โม่ จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ “นายยังสั่งสอนเขา ตอนนี้ฉันยังกังวลว่างานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่จะทำยังไงต่อไป ไม่ก็งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ก็ไม่จัดแล้วกัน”
จากที่กู้หยุนหลันดูแล้ว การไม่จัดงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่เป็นเรื่องที่เหมาะสมที่สุด อย่างนั้นก็จะไม่มีความกังวลอะไรอีก
แต่ว่าบัตรเชิญก็แจกออกไปแล้ว เพื่อนญาติพี่น้องต่างก็แจ้งไปแล้ว ตอนนี้อยากที่จะไม่จัดงานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย
หลี่โม่ยื่นมือออกไปด้วยรอยยิ้ม นวดหัวของกู้หยุนหลันเบาๆ
“เธอเนี่ย อย่าได้กังวลเพื่อฉันเลย เธอกังวลขึ้นมา กลายเป็นว่าฉันไม่รู้ว่าควรจะจัดการยังไงดี ขอเพียงแค่เธอเชื่อใจฉัน ฉันก็สามารถให้ท้องฟ้าที่นิ่งสงบกับเธอได้”
กู้หยุนหลันมองหลี่โม่อย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็พยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ฉันเชื่อใจนาย”
หลี่โม่จับใบหน้าของกู้หยุนหลันเบาๆ ในขณะที่เตรียมจะพูด เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ล้วงโทรศัพท์ออกมาดู เห็นว่าฟางฉีเป็นคนโทรมา คิ้วของหลี่โม่ขมวดขึ้นเล็กน้อย
กดปุ่มรับสาย หลี่โม่ไม่ได้พูดอะไร
ในโทรศัพท์มีเสียงเย็นชาดังมา “หลี่โม่ นายคิดไม่ถึงว่าฉันเป็นใครละสิ”
“นายทำอะไรกับฟางฉี?”
“แน่นอนว่าฟางฉีตายแล้ว ตอนนี้ตระกูลฟางเป็นทาสของฉันแล้ว นายอยากจะให้ตระกูลฟางช่วยนาย แต่ว่าในสายตาฉันตระกูลฟางก็เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น” เสือผีพูดด้วยสีหน้าดุร้าย
ในใจหลี่โม่กระตุก รู้แล้วว่าคนอื่นในตระกูลฟางคงจะโชคร้ายแล้ว
“ทำไมนายไม่พูดจา คงไม่ได้ตกใจจนโง่ไปแล้วละ? นี่เป็นเพียงแค่การให้คำเตือนเล็กๆกับนายเท่านั้น ถ้าหากว่านายไม่อยากให้งานเลี้ยงขึ้นบ้านใหม่ของตระกูลกู้กลายเป็นสนามรบที่น่าเศร้า กลางดึกคืนนี้ก็มาที่ศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงทางตอนใต้ของเมืองซะดีๆ”
“ศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงทางตอนใต้ของเมือง?”
หลี่โม่พูดซ้ำอย่างสงสัย ในความทรงจำที่เมืองใต้ไม่มีศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงสถานที่นี้ด้วยซ้ำ
“ก็คือที่ศาลเจ้าไท้เสียงเล่ากุงทางตอนใต้ของเมือง สาวสวยฟางรั่วเสว่คนนี้ฉันไม่ได้ฆ่า เพียงแค่คืนนี้นายมา สาวสวยคนนี้ฉันก็ให้นายไปเลย ฮ่าๆๆ”
เสือผีหัวเราะเสียงดัง จากนั้นมือขวาก็บีบคางของฟางรั่วเสว่ไว้ ภายใต้ความเจ็บปวดฟางรั่วเสว่ส่งเสียงกรีดร้องออกมา
“ได้ยินรึยัง ถ้าหากว่านายไม่มา ฉันก็จะขายสาวสวยคนนี้ไปที่ซ่องซะ!”