ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 2 หนุ่มหล่อน้ำใจงามผู้มั่งคั่ง

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 2 หนุ่มหล่อน้ำใจงามผู้มั่งคั่ง

บทที่ 2 หนุ่มหล่อน้ำใจงามผู้มั่งคั่ง

“โม่จวินเจ๋อ!”

โม่จวินเจ๋อเป็นหนึ่งในสามผู้ที่มีพลังแข็งแกร่งแห่งสำนักหลานเทียน และเป็นศิษย์สายตรงของท่านปรมาจารย์เล่อเหอ

ในขณะเดียวกันเขายังเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าสำนักอีกด้วย แม้จะเป็นเพียงบุตรบุญธรรม แต่ก็ถูกปฏิบัติเหมือนดั่งลูกในไส้ ฮูหยินเจ้าสำนักรักเขาดุจดั่งแก้วตาดวงใจ

โม่จวินเจ๋อไม่เพียงแค่มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งเท่านั้น เขายังมีพรสวรรค์เป็นเลิศ สามารถสร้างรากฐานลมปราณได้สำเร็จตั้งแต่อายุสิบห้า ทั้งยังเป็นผู้บำเพ็ญที่อายุน้อยที่สุดแห่งแดนเซียนที่ทำได้อีกด้วย!

“เป็นเรื่องจริงหรือนี่! อาหารของสำนักสายในมิอาจทำให้ปรมาจารย์เล่อเหอพอใจได้จริงหรือ?”

“เช่นนั้นก็หมายความว่าโอกาสรวยของพวกเรามาถึงแล้วสิ!”

“ถูกต้อง ข้าได้ยินคนสำนักสายในพูดกันว่าศิษย์พี่โม่ใจกว้างยิ่งนัก!”

ข่าวโม่จวินเจ๋อปรากฏตัวขึ้นที่ตลาดนอกสำนักเพราะมาหาซื้ออาหารให้ปรมาจารย์เล่อเหอผู้ตะกละตะกลามและมีชื่อเสียงที่สุดแห่งสำนักหลานเทียนแพร่สะพัดไปทั่ว

บรรดาผู้คนที่มุงดูต่างแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว หลิงเยว่รู้สึกมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็มั่นใจว่าคนตรงหน้าเป็นกุญแจสำคัญที่ชี้ขาดว่าวันนี้นางจะทำภารกิจสำเร็จหรือไม่

“ต้องรออีกสักพักกว่าเนื้อย่างจะสุกได้ที่ ท่านคงกระหายน้ำแล้วเป็นแน่ …”

หลิงเยว่ยิ้มอย่างประจบสอพลอ มือข้างหนึ่งพลิกเนื้อแกะย่างบนตะแกรง มืออีกข้างก็เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำแตงโมในตะกร้าใบเล็ก

“นี่คือน้ำผลไม้ อร่อยยิ่งนัก!”

โม่จวินเจ๋อรับแก้วมาด้วยความฉงน แก้วไผ่ใบนั้นมีความเย็นเล็กน้อย ทันทีที่เปิดฝาดู เขาก็อดหันไปมองด้านหลังหลิงเยว่ไม่ได้

นี่มันเลือดไม่ใช่หรือ?

อ๋อ… เป็น ‘เลือด’ รสหวานกลิ่นผลไม้นี่เอง

เมื่อสบตากับสายตารู้ทันของโม่จวินเจ๋อเช่นนี้ รอยยิ้มประจบสอพลอของหลิงเยว่พลันประหม่าเล็กน้อย

โม่จวินเจ๋อเอาฝาปิดแก้ว นำแก้วไผ่เก็บไว้ในแหวนมิติ ก่อนจะพึมพำเสียงเบาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึก “ท่านอาจารย์คงจะชอบ”

จากนั้นเขาก็ยื่นหินวิญญาณให้หลิงเยว่ไปหนึ่งถุง

หลิงเยว่เปิดถุงหินวิญญาณด้วยความตื่นเต้นสลับกับความคาดหวังในใจ

แสงอันสุกสกาวของหินวิญญาณนั้นพลันกระทบตา

นางรู้สึกราวกับตนต้องตาบอดเพราะจ้องมองแสงดังกล่าว อย่างน้อยในถุงนี้ต้องมีหินวิญญาณมากกว่ายี่สิบก้อนเป็นแน่!

มันคือหินวิญญาณเชียวนะ ซ้ำยังเป็นหินวิญญาณยี่สิบกว่าก้อนอีกด้วย!

[ภารกิจสำเร็จ : รางวัลที่ได้รับคือ ค่าพลังวิญญาณ 100 แต้ม หักค่าพลังวิญญาณที่ติดค้างไป 30 แต้ม เหลือค่าพลังวิญญาณ 70 แต้ม อายุขัยคงเหลือ 10 วัน]

น้ำเสียงอันไพเราะเสนาะหูของระบบที่คำนวณรางวัลทำให้หลิงเยว่พึงพอใจเป็นอย่างมาก

หากภารกิจสำเร็จ นั่นไม่เพียงทำให้นางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เท่านั้น แต่ค่าพลังวิญญาณที่ได้รับมายังสามารถนำไปซื้อสินค้าในร้านค้าระบบได้อีกด้วย ในนั้นนอกจากจะมีวัตถุดิบมากมายหลายชนิดแล้ว ยังมีเครื่องเทศ เครื่องปรุงรส เครื่องครัว รวมไปถึงเคล็ดวิชา ยาลูกกลอน ศาสตราวุธ ยันต์ แผ่นค่ายกล อาวุธ …แม้แต่ของที่คิดไม่ถึง ล้วนแต่มีทั้งสิ้น เงื่อนไขแรกคือต้องมีค่าพลังวิญญาณก่อน

หลิงเยว่จับถุงบรรจุหินวิญญาณขึ้นมาแนบหน้าและถูไถไปมา

จังหวะนี้เองที่โม่จวินเจ๋อคล้ายตกหลุมพลางให้สีหน้าและท่าทางอันลุ่มหลงมัวเมาของนาง

ศิษย์สำนักสายนอกลำบากยากเข็ญถึงขั้นนี้เลยหรือ?

เมื่อหลิงเยว่เรียกสติตนเองกลับมาได้ก็สังเกตเห็นโม่จวินเจ๋อยืนตรงหน้าตะแกรงย่างด้วยสีหน้าสับสนยากจะอธิบาย นางจับถุงหินวิญญาณแน่นโดยสัญชาตญาณ ก่อนกล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ท่านคงไม่คิดเปลี่ยนใจกลับคำหรอกกระมัง?”

เนื้อก็ย่างแล้ว เปลี่ยนใจไม่ได้เป็นอันขาด!

โม่จวินเจ๋อเก็บสีหน้านั้นทันที ส่ายหน้าปฏิเสธ แม้ว่าเมื่อครู่เขามีความคิดเช่นนั้นจริงก็ตาม

หลิงเยว่แอบโล่งใจ

“ถุงหินวิญญาณนี่… ให้ข้าใช่หรือไม่?”

โม่จวินเจ๋อพยักหน้า

หลิงเยว่ได้รับการยืนยันเช่นนี้ก็ดีใจ ยิ้มจนหน้าบิดเบี้ยว ปากแทบจะฉีกถึงหู นางยังไม่เคยมีถุงเก็บของเช่นนี้มาก่อนเลย!

ชายหนุ่มผู้นี้ รูปก็งาม และยังจิตใจดีอีก!

หลิงเยว่ยิ่งมองโม่จวินเจ๋อก็ยิ่งชอบ นางหยิบน้ำแตงโมแก้วสุดท้ายออกมายัดใส่มือเขาด้วยความยินดี จากนั้นก็หันไปย่างเนื้ออย่างตั้งอกตั้งใจ ต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ให้อยู่หมัด และต้องสร้างความประทับใจต่อผู้มีพระคุณผู้นี้ที่ต่อชีวิตให้นางด้วย!

เนื้อแกะย่างอังไฟถ่านเป็นหนึ่งในปิ้งย่างชั้นเลิศ ชั่วพริบตาเดียวกลิ่นหอมกรุ่นก็โชยฟุ้งไปทั่วทุกอณู

“ท่านกินก่อนสิ ข้าจะย่างเพิ่มให้ท่านอีกหลาย ๆ ไม้เลย!”

หลิงเยว่ยื่นเนื้อแกะย่างยี่สิบไม้ที่เสร็จแล้วให้กับโม่จวินเจ๋อ จากนั้นจึงนำเนื้อแกะสดที่เหลือในตะกร้าออกมา ตั้งใจจะย่างให้หมด

อย่างไรเสียชายหนุ่มผู้นี้ก็ให้หินวิญญาณนางมามากเกินไปจริง ๆ จะให้เนื้อย่างยี่สิบไม้กับน้ำแตงโมสองแก้วก็ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าใดนัก

โม่จวินเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่ได้อยากยืนกินเนื้อย่างในตลาดที่มีผู้คนมากมายเดินไปมาเช่นนี้ แต่ความหอมของเนื้อย่างช่างหอมหวนเกินไปจริง ๆ มันส่งกลิ่นโชยเข้าจมูกเขาอย่างมิอาจปฏิเสธได้

เพราะมีอาจารย์ที่มีความทะเยอทะยานในการกินอย่างยิ่ง เขาจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงนิสัยเหล่านั้นมาได้ การกินเนื้อย่างในตลาดสักไม้คงไม่ใช่เรื่องแปลกอันใดกระมัง

มันเป็นเรื่องปกติ!

โม่จวินเจ๋อปลอบใจตัวเอง ก่อนจะหยิบเนื้อย่างออกมาไม้หนึ่ง และชิมมันอย่างระมัดระวัง

ทันทีที่เนื้อย่างเข้าปาก มันช่างหอม เกรียม นุ่ม และยังมีความเผ็ดเล็กน้อย ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งหอม…

อร่อยกว่าที่จินตนาการเอาไว้มาก วัตถุดิบธรรมดาทั่วไปทำให้รสชาติอร่อยได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

เมื่อโม่จวินเจ๋อกินหมดไปไม้หนึ่งก็รู้สึกเผ็ดขึ้นมา จึงลังเลว่าจะดื่มน้ำผลไม้ที่เหมือนเลือดนี้ดีหรือไม่

ทันทีที่รสชาติหวานเย็นไหลเข้าสู่ลำคอ มันไม่เพียงแต่บรรเทาความเผ็ดได้เท่านั้น แม้แต่กลิ่นเนื้อที่อยู่ในปากตอนนี้ก็ถูกความหอมของผลไม้เข้ามาแทนที่ด้วย

“อร่อยหรือไม่?”

หลิงเยว่เอ่ยถามด้วยความคาดหวัง

“อืม” โม่จวินเจ๋อพยักหน้าอย่างสำรวม “เลือดนี่รสชาติไม่เลวเลย”

หลิงเยว่ได้ยินเช่นนี้จึงพูดไม่ออก…

นางหมดคำจะพูดแล้ว

โม่จวินเจ๋อนำเนื้อย่างและน้ำผลไม้ที่เหลือเก็บไว้ในแหวนมิติ รอกลับไปแล้วค่อยชิมต่อ

เก็บเสร็จจึงหันหลังเดินไปที่ร้านขายผลไม้เคลือบน้ำตาลข้าง ๆ เห็นพ่อค้าตะโกนขายของอยู่เสียงดังก้อง

“ข้าเอาผลไม้เคลือบน้ำตาลยี่สิบไม้”

พ่อค้าผู้นั้นรับถุงหินวิญญาณถุงเล็กมาอย่างดีอกดีใจจนน้ำตาไหล ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ตะโกนขายของเสียงดัง!

โม่จวินเจ๋อเดินผ่านร้านไหนก็ซื้อของร้านนั้นมาตลอดทาง จับจ่ายได้อย่างฟุ่มเฟือย สมกับฉายากระเป๋าเงินแห่งสำนักหลานเทียนจริง ๆ!

เมื่อพ่อค้าขายหมั่นโถวเห็นผู้มั่งคั่งเช่นนี้ก็รีบเสนอหน้าฉีกยิ้มกว้างออกมาทันที

โม่จวินเจ๋อจะควักถุงหินวิญญาณออกมา แต่กลับพบว่า …เขาใช้หินวิญญาณระดับล่างไปจนหมดแล้ว

วันนี้พอแค่นี้ก็แล้วกัน

หากท่านอาจารย์เห็นของกินมากมายเช่นนี้คงต้องดีใจมากเป็นแน่

พ่อค้าหมั่นโถวมองดูโม่จวินเจ๋อเดินออกไปไกลเรื่อย ๆ ก็รู้สึกผิดหวังจนแทบจะส่งเสียงร่ำไห้ออกมา

โม่จวินเจ๋อเดินกลับมาที่หน้าร้านหลิงเยว่ นางเก็บร้านแล้วยืนถือถุงกระดาษที่มีไม้เสียบเนื้อแกะย่างอยู่ในอ้อมอกรอเขาอยู่

หลิงเยว่ยื่นถุงกระดาษให้โม่จวินเจ๋อ ก่อนจะโบกมือลาเขาด้วยรอยยิ้มสดใส

โม่จวินเจ๋อพยักหน้า ยืนส่งหลิงเยว่เดินออกไปจากตลาดอย่างปลอดภัย ก่อนจะเรียกกระบี่ของตนเองออกมาและอันตรธานไปอย่างรวดเร็ว เหล่าบรรดาพ่อค้าที่ไม่ได้ถูกเขาอุดหนุนต่างพากันกุมขมับนั่งร้องไห้

“ศิษย์ข้า ข้าได้ยินว่าเจ้าไปทำความดีที่สำนักสายนอกมาอย่างนั้นหรือ?”

เมื่อปรมาจารย์เล่อเหอเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา จู่ ๆ เส้นเลือดที่ขมับสองข้างก็กระตุก

“ท่านอาจารย์ให้ข้าไปหาอาหารมาให้ไม่ใช่หรือ?”

โม่จวินเจ๋อเอาอาหารกองใหญ่ออกมาจากแหวนมิติด้วยท่าทางนิ่งสงบ

สีหน้าของเล่อเหอไม่ค่อยจะดีนัก ปรมาจารย์กระบี่อันดับหนึ่งผู้สง่าผ่าเผยแห่งโลกบำเพ็ญเซียนตกต่ำถึงขั้นต้องกินอาหารของมนุษย์สามัญธรรมดาแล้วอย่างนั้นหรือ?

“ท่านอาจารย์ เนื้อย่างกับน้ำผลไม้นี่รสชาติไม่เลวเลย ศิษย์ชิมให้ท่านอาจารย์แล้วขอรับ”

เนื้อแกะย่างถุงใหญ่และน้ำผลไม้หนึ่งแก้วถูกโม่จวินเจ๋อนำออกมาจากบรรดาอาหารทั้งหลายแล้ววางลงตรงหน้า

ถุงเนื้อย่างในส่วนของเขานั้น เขากินหมดระหว่างทางแล้ว ก็… มันอร่อยเกินกว่าจะหยุดได้นี่นา

เล่อเหอเหล่ตามองเพราะไม่เชื่อ

มีของอร่อยอันใดที่เขายังไม่เคยกินบ้าง เล่อเหอถึงขั้นกล้าพูดเลยว่า ของอร่อยหรือของไม่อร่อยทุกอย่างในแดนเซียน หรือแม้แต่โลกมนุษย์ เขาล้วนเคยกินมาหมดแล้ว!

เขามีชีวิตอยู่มาหลายพันปีใช่ว่าจะใช้ชีวิตไปวัน ๆ เสียที่ไหน หากไม่ใช่เพราะแดนเซียนเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อย เขาคงจะทะลวงพลังสำเร็จไปอยู่ในโลกเบื้องบน และป่านนี้ก็คงจะได้กินดื่มอย่างอิ่มหนำสำราญไปแล้ว

“ท่านอาจารย์ไม่กินหรือ? เช่นนั้นข้ากินเอง”

โม่จวินเจ๋อเห็นเล่อเหอไม่เคลื่อนไหว รู้ได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังคับแค้นใจอยู่ เช่นนั้นก็ดี เขายังดื่มน้ำผลไม้เลือดนั้นไม่อิ่มเลย ดังนั้นจึงยกมันดื่มอีกอึกหนึ่ง และกัดเนื้อย่างตามอีกคำ…

เล่อเหอเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก

ทุกครั้ง ศิษย์รักของเขามักจะกินอาหารเล็กน้อยและควบคุมเรื่องปริมาณ ไม่เคยยัดเข้าปากไม้แล้วไม้เล่าเช่นนี้มาก่อน

กลิ่นหอมที่โชยเข้าจมูกนั้นยั่วยวนความตะกละของเล่อเหอ เขาจึงหยิบเนื้อย่างขึ้นมาลองชิมไม้หนึ่งด้วยความสงสัย

อื้ม…

อร่อยยิ่งนัก!

ทั้งเผ็ดทั้งหอม ซ้ำยังรู้สึกกระปรี้กระเปร่าอีกด้วย!

หากสามารถเอาเนื้อสัตว์วิญญาณระดับสูงมาแทนที่วัตถุดิบธรรมดานี้ได้ รสชาติต้องอร่อยกว่านี้เป็นแน่!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท